ผู้เขียน หัวข้อ: เปิดผลสอบ ปปช. “หมอประกิต” พ้นผิด หลังถูกกล่าวหาว่าทุจริตและมีผลประโยชน์ทับซ้อน  (อ่าน 1403 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9759
    • ดูรายละเอียด
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ กล่าวว่า จากกรณีที่มีการกล่าวหาตนโดยยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการปปช. เพื่อไต่สวนในขณะดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิและรองประธานคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กับพวกเมื่อปี 2547 โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ในการทำสัญญารับทุนแผนวิจัยและสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจร งบประมาณ 265 ล้านบาทกับมูลนิธิรามาธิบดีว่า มีผลประโยชน์ทับซ้อนในการทำสัญญากับมูลนิธิรามาธิบดี โดยขัดมติคณะกรรมการกองทุน สสส.  และการจัดซื้อเครื่องตรวจจับความเร็วเพื่อแก้ปัญหาอุบัติเหตุจราจรในราคาสูงผิดปกตินั้น ล่าสุดตนได้รับหนังสือแจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการป.ป.ช. เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2554 เลขที่ ปช 0032/0077 โดยหนังสือดังกล่าวระบุว่า คณะกรรมการป.ป.ช. พิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการไต่สวนแล้ว เห็นว่า จากพยานหลักฐานยังรับฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิดตามข้อกล่าวหา จึงมีมติว่า ข้อกล่าวหาไม่มีมูลให้ข้อกล่าวหาตกไป ตามมาตรา 91 แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542


“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนกังขามาโดยตลอด 7 ปีที่ผ่านมาว่าความจริงเป็นอย่างไร เพราะผู้กล่าวหาเป็นถึงรองนายกรัฐมนตรีที่ผู้คนเชื่อถือว่าเป็นคนตรงไปตรงมา โดยเริ่มต้นกล่าวหาและเสนอต่อคณะรัฐมนตรี จน ครม. มีมติเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2547 ปลดผมจากตำแหน่งรองประธานคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ฐานบกพร่องต่อหน้าที่ และยังถูกคณะกรรมการไต่สวนถึง 4 ชุดด้วยกัน ทั้งจากอนุกรรมการป.ป.ช. คณะกรรมการที่ตั้งโดยสสส. คณะกรรมการจากสำนักนายกรัฐมนตรีที่ตั้งโดยรองนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการที่ตั้งโดยกรรมาธิการสาธารณสุขวุฒิสภา ทำให้ผมและครอบครัวได้รับความกดดันและเป็นทุกข์มาตลอด เพราะผู้คนในสังคมจำนวนมากได้พิพากษาไปแล้วว่า ผมกระทำความผิดจริงตามที่ถูกกล่าวหา เรื่องนี้ทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่ชื่อเสียงและวงศ์ตระกูล รวมถึงหน่วยงานทั้งมูลนิธิรามาธิบดี และกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ อย่างไม่เป็นธรรม และได้รอคอยคำตัดสินของป.ป.ช. ด้วยความอดทน จนได้รับหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการจากป.ป.ช.” ศ.นพ.ประกิต กล่าว


ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า ที่ผ่านมาวุฒิสภาก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ และมีข้อสรุปตั้งแต่ พ.ศ.2547 ว่า ราคาเครื่องตรวจจับความเร็วที่ทางสสส.จัดซื้อนั้น เป็นราคาที่เหมาะสม เพราะคุณภาพเครื่องดีกว่าที่กรมบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทยจัดซื้อ และคณะกรรมการจากสำนักนายกรัฐมนตรีก็ชี้แจงต่อกรรมาธิการวุฒิสภาว่า กรณีเครื่องตรวจจับความเร็วที่ สสส. จัดซื้อนั้น ตรวจสอบแล้วระบุไม่ได้มีราคาแพงแต่อย่างใด ส่วนประเด็นการบริหารจัดการที่มีการกล่าวหาว่า มีการโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัว จากการตรวจสอบไม่พบการโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวตามที่ถูกกล่าวหา แต่ก็ยังมีการส่งข้อกล่าวหาต่อไปยัง ปปช. อันทำให้เรื่องยืดเยื้อต่ออีกถึงเจ็ดปี

มติชนออนไลน์ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2554