ผู้เขียน หัวข้อ: เตรียมชม “จันทรุปราคาเต็มดวง” ครั้งแรกในรอบ 4 ปี  (อ่าน 2653 ครั้ง)

seeat

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 470
    • ดูรายละเอียด
ย่ำรุ่งวันที่ 16 มิ.ย.นี้จะเป็นครั้งแรกที่คนไทยจะได้ชมปรากฏการณ์ “จันทรุปราคาเต็มดวง” ในรอบ 4 ปี และยังมาพร้อมปรากฏการณ์พิเศษอย่างการบังดาวฤกษ์ระหว่างเกิดคราสซึ่งเกิดขึ้นได้น้อยมาก อีกทั้งปรากฏการณ์นี้ยังเกิดขึ้นขณะที่ดวงจันทร์กำลังเคลื่อนผ่านใจกลางทางช้างเผือกด้วย
       
       จันทรุปราคาเต็มดวงในวันที่ 16 มิ.ย.นี้ เป็นปรากฏการณ์ที่ ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) กล่าวว่ามีความพิเศษเพราะเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดคราสเต็มดวงนานเกิน 100 นาที และระหว่างเกิดคราสดวงจันทร์ยังเคลื่อนผ่านใจกลางทางช้างเผือกด้วย อีกทั้งยังเป็นปรากฏการณ์จันทรุปราคาครั้งแรกในรอบ 4 ปีที่คนไทยจะได้ชมอีกด้วย โดยปีนี้มีปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงให้ชมถึง 2 ครั้ง ซึ่งครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในวันที่ 10 ธ.ค.
       
       เตรียมตัวให้พร้อมตั้งแต่คืนที่ 15 มิ.ย.
       จากข้อมูลเอกสารปรากฏการณ์จันทรุปราคา (Lunar Eclipse 2011) สดร. ในวันที่ 16 มิ.ย.นี้ดวงจันทร์จะเริ่มเข้าสู่เงามัวของโลกตั้งแต่ 00.26 น. หรือหลังจากผ่านเที่ยงคืนวันที่ 15 มิ.ย. แต่ในช่วงดังกล่าวซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของปรากฏการณ์จันทรุปราคานั้น เป็นช่วงที่เราสังเกตได้ยาก โดยเราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงเมื่อดวงจันทร์เริ่มสัมผัสเงามืดของโลก เวลา 01.25 น.ซึ่งดวงจันทร์จะเริ่มแหว่ง
       
       เวลา 02.25 น.เริ่มเกิดอุปราคาเต็มดวงเมื่อขอบดวงจันทร์ทั้งสองด้านผ่านเข้าไปในเงามืดของโลก และในเวลา03.14 น.ดวงจันทร์จะเข้าไปอยู่กึ่งกลางเงามืดของโลก เรียกเหตุการณ์ดังกล่าวว่า กึ่งกลางอุปราคา (Greatest eclipse) เรายังคงเห็นจันทรุปราคาเต็มดวงไปจนถึงเวลา 04.04 น.ซึ่งดวงจันทร์เริ่มออกจากเงามืด และดวงจันทร์จะออกจากเงามืดทั้งหมดเวลา 05.04 น. และสิ้นปรากฏการณ์จันทรุปราคาเวลา 06.02 น.
       
       5 ลำดับความสว่างจันทรุปราคาเต็มดวง
       ทั้งนี้ ระหว่างเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงเราจะเห็นดวงจันทร์เปลี่ยนเป็นสีแดงอิฐ หรือบางอาจจะเรียกว่าพระจันทร์สีเลือด สำหรับสาเหตุที่จันทร์เต็มดวงไม่มืดสนิทนี้ หาคำตอบได้จากบทความ “รู้ไหมว่า? ทำไม “จันทรุปราคาเต็มดวง” จึงเป็นสีแดงอิฐ” โดยความสว่างของจันทรุปราคาตามมาตราดังชง (Danjon Scale) ที่เสนอโดย อังเดร หลุยส์ ดังชง (Andre-Louis Danjon) นักดาราศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ใช้สัญลักษณ์ L แทน ความสว่าง (Luminosities) แบ่งได้เป็น 5 ระดับ
       
       เมื่อ L = 0 แสดงถึงจันทรุปราคาที่มืดมากจนเกือบมองไม่เห็นดวงจันทร์ , L = 1 แสดงถึงจันทรุปราคามีความมืดในระดับที่เห็นเป็นสีเทาหรือน้ำตาลอ่อน ,L = 2 แสดงถึงจันทรุปราคาที่เป็นสีแดงเข้มหรือสีสนิมคราส , L = 3 แสดงถึงจันทรุปราคาที่เป็นสีแดงอิฐ และ L = 4 แสดงถึงจันทรุปราคาที่สว่างมาก มีทองแดงหรือสีส้ม
       
       พิเศษ! เกิดจันทร์บังดาวฤกษ์ระหว่างจันทรุปราคา
       นอกจากจันทรุปราคาครั้งนี้จะเกิดคราสนานชั่วโมงกว่าๆ แล้ว ยังเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาบังดาวฤกษ์ เนื่องจากดวงจันทร์เคลื่อนผ่านทางใต้ของกลุ่มดาวคนแบกงู (Ophiuchus) แล้วเคลื่อนไปบังดาวฤกษ์ 51 โอฟีอุชี (Ophiuchi) หรือ 51 คนแบกงู พอดี โดยปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงใกล้ๆ อุปราคาเต็มดวง ซึ่งผู้สังเกตใน จ.ชุมพรขึ้นไปจะเห็นปรากฏการณ์นี้ได้ และตรวจสอบเวลาได้ในตารางการเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาบังดาวฤกษ์ 51 โอฟีอุชี
       
       “ตามเวลา ณ เชียงใหม่ ดาวฤกษ์ 51 โอฟีอุชี เริ่มหายเข้าไปหลังดวงจันทร์สีแดงอิฐในเวลา 02.08 น. แล้วจะโผล่พ้นดวงจันทร์ออกมาในเวลา 02.12 น. ปรากฏการณ์ดังกล่าวนั้นจะเห็นได้ตั้งแต่ จ.เชียงใหม่ ลงไปถึง จ.ชุมพร ส่วนจังหวัดที่อยู่ใต้ลงไปจะเห็นเพียงจันทรุปราคาเฉียดดาวฤกษ์เท่านั้น” ดร.ศรัณย์ ยกตัวอย่างการเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคราบังดาวฤกษ์ที่ จ.เชียงใหม่
       
       ทั้งนี้ ดาว 51 โอฟีอุชีนั้นอยู่ในตำแหน่ง “หัวเข่า” ของกลุ่มดาวคนแบกงู เป็นดาวฤกษ์สีขาวขนาดใหญ่กว่าดวงอาทิตย์ และอยู่ห่างจากโลกประมาณ 426.35 ปีแสง สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่าแต่ไม่ชัดนัก ซึ่งรองผู้อำนวยการ สดร.ระบุว่าปรากฏการณ์บังดาวฤกษ์นั้นเกิดขึ้นเป็นปกติบนท้องฟ้า แต่น้อยครั้งที่จะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
       
       สดร.จัดเต็มถ่ายทอดสดปรากฏการณ์ 3 ภาค เหนือ-กลาง-ใต้
       สำหรับการเกิดปรากฏการณ์จันทรปุราคาครั้งนี้ ทาง สดร.ได้ร่วมมือกับเครือข่าวดาราศาสตร์ใน จ.ฉะเชิงเทราและ จ.สงขลา จัดกิจกรรมและตั้งจุดสังเกตปรากฏการณ์ 3 แห่ง คือ 1.บริเวณดาดฟ้า ชั้น 3 สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ จ.เชียงใหม่ 2.หอดูดาวบัณฑิต จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งทางหอดูดาวยังได้ร่วมมือกับ ร.ร.เบญจมราชรังสฤษฏิ์, ร.ร.ไผ่แก้ววิทยา จ.ฉะเชิงเทรา และ ร.ร.ชลราษฎรอำรุง จ.ชลบุรี จัดกิจกรรมและตั้งกล้องโทรทรรศน์สำหรับสังเกตปรากฏการณ์ และ 3.มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา จ.สงขลา
       ทั้งนี้ ติดตามการถ่ายทอดสดปรากฏการณ์จันทรุปราคาผ่านอินเทอร์เน็ตจากจุดสังเกตุทั้ง 3 แห่งได้ที่ http://118.174.34.82/lunar/
       
       เกิดจันทรุปราคาได้อย่างไร?
       องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เกิดจันทรุปราคาคือ “เงาของโลก” ซึ่งเมื่อดวงอาทิตย์ส่องมายังโลกที่เป็นวัตถุทึบแสง จะทำให้เกิดเงาทอดไปในอวกาศ และเมื่อดวงจันทร์ผ่านเข้าไปในเงาโลกเราจึงได้เห็นปรากฏการณ์อุปราคาดังกล่าว โดยเงาโลกมีส่วน 2 ส่วน คือ เงามืด (Umbra Shadow) ซึ่งเมื่อลากเส้นสัมผัสจากดวงอาทิตย์ผ่านโลกจะได้ลักษณะเงาทอดเป็นกรวยแหลม และเงามัว (Penumbra Shadow) ซึ่งเมื่อลากเส้นสัมผัสโดยให้เกิดจุดตัดระหว่างโลกและดวงอาทิตย์จะได้ลักษณะเงาถ่างออก
       
       ข้อมูลจากเอกสารจันทรุปราคาของ สดร.ระบุอีกว่า ในแต่ละปีจะเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงประมาณ 1-2 ครั้ง และในปีที่ดวงจันทร์เต็มดวงถึง 13 ครั้ง ซึ่งมีบางเดือนที่เกิดจันทร์เต็มดวงถึง 2 ครั้งและเรียกปรากฏการณ์ในเดือนนั้นว่า “บลูมูน” (Blue Moon) จะเกิดจันทรุปราคาสูงสุดถึง 4 ครั้ง แต่ในปีดังกล่าวจะไม่เกิดจันทรุปราคาเต็มดวง
       
       รู้จักจันทรุปราคาทุกรูปแบบ
       จันทรุปราคาแบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ
1.จันทรุปราคาเต็มดวง (Total Lunar Eclipse) คือ ปรากฏการณ์ที่ดวงจันทร์เคลื่อนผ่านเข้าไปในเงามืดของโลกทั้งดวง ซึ่งดวงจันทร์จะค่อยมืดหายไปทั้งดวงแล้วเปลี่ยนเป็นสีแดงอิฐเมื่อคราสบังเต็มดวง

2.จันทรุปราคาบางส่วน (Partial Lunar Eclipse) คือปราฏการณ์ที่ดวงจันทร์เคลื่อนผ่านเงามืดและเงามัว โดยเห็นดวงจันทร์มืดปเพียงบางส่วน เท่านั้น และ

3.จันทรุปราคาเงามัว (Penumbra Lunar Eclipse) เป็นปรากฏการณ์ที่ดวงจันทร์ผ่านเข้าไปในเขตเงามัวของโลกโดยไม่ผ่านเงามืด ซึ่งเรายังคงเห็นดวงจันทร์เต็มดวง เนื่องจากตาของเราไม่สามารถแยกแยะความความสว่างที่ลดลงไปเพียงเล็กน้อยได้
       
       “อย่างไรก็ดี การชมปรากฏการณ์นี้ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศ หากท้องฟ้าไม่โปร่ง มีเมฆมากก็จะไม่สามารถมองเห็นได้ ซึ่งหากพลาดการชมปรากฎการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงในวันที่ 16 มิ.ย.สามารถรอชมได้อีกครั้งในวันที่ 10 ธ.ค.นี้” ดร.ศรัณย์ กล่าว


ASTVผู้จัดการออนไลน์    14 มิถุนายน 2554

seeat

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 470
    • ดูรายละเอียด
Re: เตรียมชม “จันทรุปราคาเต็มดวง” ครั้งแรกในรอบ 4 ปี
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2011, 22:37:41 »
รู้ไหมว่า? ทำไม “จันทรุปราคาเต็มดวง” จึงเป็นสีแดงอิฐ

ดวงจันทร์ในช่วงเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงน่าจะมืดสนิท แต่เรากลับเห็นเป็นสีแดงอิฐ หรือบางคนจินตนาการว่าเป็น “พระจันทร์สีเลือด” ซึ่ง ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สดร.อธิบายถึงเรื่องนี้ว่า ระหว่างเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงนั้นยังคงมีแสงจากดวงอาทิตย์บางส่วนไปตกยังดวงจันทร์ โดยแสงอาทิตย์บางส่วนนั้นได้เดินทางผ่านชั้นบรรยากาศโลกและเกิดการหักเห ซึ่งแสงที่มีความยาวคลื่นสั้นอย่างแสงสีฟ้าและน้ำเงินนั้นจะถูกกระเจิงออกไป เหลือแสงที่มีความยาวคลื่นยาวอย่างแสงสีส้มหรือสีแดงที่ไปตกบนดวงจันทร์ เราจึงเห็นจันทรุปราคาเต็มดวงเป็นสีส้มหรือสีแดงอิฐ

.....................................................
ย่ำรุ่ง 16 มิ.ย.ชวนชม "จันทรุปราคาเต็มดวง" พร้อมปรากฏการณ์บังดาวฤกษ์

ย่ำรุ่ง 16 มิ.ย. 54 สดร.ชวนคนไทยชมจันทรุปราคาเต็มดวงนานเกิน 100 นาที ครั้งแรกในรอบ 4 ปี ชมได้ด้วยตาเปล่าพร้อมกันทั่วประเทศ คาดหากท้องฟ้าใส ไม่มีแสงไฟรบกวนมีโอกาสเห็นทางช้างเผือก พร้อมสัมผัสปรากฏการณ์จันทรุปราคาบังดาวฤกษ์ในช่วงเวลาเดียวกันด้วย
       
       ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.)   กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) กล่าวว่า ในคืนของวันที่ 15 มิ.ย.54 ถึงเช้ามืดของวันที่ 16 มิ.ย.54 คนไทยจะได้เห็นปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงในเมืองไทย และนับเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ความพิเศษของจันทรุปราคาครั้งนี้คือมีระยะเวลาคราสเต็มดวงนานเกิน 100 นาที โดยดวงจันทร์จะเริ่มเข้าสู่เงามืดของโลก เวลา 01.22 น. และจะเข้าสู่ช่วงคราสเต็มดวงตั้งแต่เวลา 02.22 น. ถึง 04.03 น.
       
       “คนไทยจะได้เห็นดวงจันทร์เป็นสีแดงอิฐทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ สูงจากขอบฟ้าประมาณ 30 องศา สามารถชมปรากฏการณ์นี้ได้ด้วยตาเปล่าในทุกภูมิภาคของประเทศ หากท้องฟ้าใส ไม่มีเมฆ และไม่มีแสงไฟรบกวน จะมีโอกาสเห็นทางช้างเผือกในคืนวันเพ็ญขณะที่ดวงจันทร์ถูกเงาโลกบดบังทั้งดวงอีกด้วย” ดร.ศรัณย์ กล่าว
       
       ดร.ศรัณย์ กล่าวว่า สำหรับบริเวณที่สามารถสังเกตการเกิดปรากฏการจันทรุปราคาเต็มดวงได้นั้น ได้แก่ ทวีปแอฟริกา และทวีปเอเชียกลาง ส่วนทวีปอเมริกาใต้ และยุโรป จะเห็นปรากฏการณ์นี้ในขณะที่ดวงจันทร์อยู่ในทิศตะวันออก ส่วนทวีปเอเชียใต้ ประเทศออสเตรเลีย และฟิลิปปินส์ สามารถเห็นปรากฏการณ์นี้ในขณะที่ดวงจันทร์อยู่ในทิศตะวันตก
       
       นอกจากนั้น ดร.ศรัณย์ ยังเผยอีกว่า นอกจากคนไทยจะได้ชมปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงในวันที่ 16 มิ.ย. 54 แล้ว ยังมีอีกปรากฏการณ์หนึ่งคือ “จันทรุปราคาบังดาวฤกษ์” ปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ดวงจันทร์เคลื่อนที่เข้าไปในเงาของโลกเกือบเต็มดวง หลังจากนั้นดวงจันทร์จะเคลื่อนที่ไปบังดาวฤกษ์ที่ชื่อว่า 51 โอฟีอุชี (51 Ophiuchi)
       
       “ตามเวลา ณ เชียงใหม่ ดาวฤกษ์ 51 โอฟีอุชี เริ่มหายเข้าไปหลังดวงจันทร์สีแดงอิฐในเวลา 02.08 น. แล้วจะโผล่พ้นดวงจันทร์ออกมาในเวลา 02.12 น. ปรากฏการณ์ดังกล่าวนั้นจะเห็นได้ตั้งแต่ จ.เชียงใหม่ ลงไปถึง จ.ชุมพร ส่วนจังหวัดที่อยู่ใต้ลงไปจะเห็นเพียงจันทรุปราคาเฉียดดาวฤกษ์เท่านั้น” รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์ฯ แจกแจง
       
       ดร.ศรัณย์ อธิบายว่าการเกิดปรากฏการณ์บังดาวฤกษ์เกิดขึ้นบนท้องฟ้าอยู่แล้ว แต่น้อยครั้งที่จะเกิดการบดบังดาวที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า สำหรับดาวฤกษ์ 51 โอฟีอุชีนั้น อยู่ในกลุ่มดาวคนแบกงู (Ophiuchus) เป็นดาวฤกษ์สีขาวที่อยู่นอกระบบสุริยะ มีขนาดใหญ่กว่าดวงอาทิตย์ แต่อยู่ไกลจากโลกมาก สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าแต่จะไม่เด่นชัดมากนัก
       
       นอกจากนี้ ดร.ศรัณย์ ยังมีข้อแนะนำในการสังเกตปรากฏการณ์จันทรุปราคาครั้งนี้อีกว่า ในทุกภูมิภาคของประเทศไทยสามารถสังเกตปรากฏการณ์จันทรุปราคาครั้งนี้ได้ด้วยตาเปล่าค่อนข้างชัดเจน โดยมองไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ และควรเลือกสถานที่ค่อนข้างมืด ปราศจากแสงรบกวนจากเมือง และหากใช้กล้องสองตา หรือกล้องโทรทรรศน์ก็จะสามารถเห็นปรากฏการณ์จันทรุปราคานี้ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
       
       “อย่างไรก็ดี การชมปรากฏการณ์นี้ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศ หากท้องฟ้าไม่โปร่ง มีเมฆมากก็จะไม่สามารถมองเห็นได้ ซึ่งหากพลาดการชมปรากฎการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงในวันที่ 16 มิ.ย.54 สามารถรอชมได้อีกครั้งในวันที่ 10 ธ.ค.54 นี้” ดร.ศรัณย์ กล่าว
       
       ส่วนสาเหตุที่ดวงจันทร์เป็นสีแดงอิฐเมื่อเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงนั้น ดร.ศรันย์เคยอธิบายไว้ว่า แม้แสงอาทิตย์ส่วนใหญ่จะถูกโลกบดบัง แต่ยังคงมีแสงจากดวงอาทิตย์บางส่วนไปตกกระทบบนดวงจันทร์ โดยแสงอาทิตย์บางส่วนนั้นเดินทางผ่านชั้นบรรยากาศโลกแล้วเกิดการหักเห และแสงสีน้ำเงินที่มีความยาวคลื่นสั้นจะถูกกระเจิงออกไป เหลือแสงสีส้มหรือแดงที่มีความยาวคลื่นยาวไปตกกระทบบนดวงจันทร์ ทำให้เราเห็นดวงจันทร์เป็นสีแดงอิฐเมื่อคราสบังเต็มดวง อีกทั้งยังมีงานวิจัยที่พบว่าความเข้มของสีบนดวงจันทร์ระหว่างเกิดจันทรุปราคานั้นมีความสัมพันธ์กับปริมาณฝุ่นและอนุภาคในชั้นบรรยากาศโลก

ASTVผู้จัดการออนไลน์    6 มิถุนายน 2554