ผู้เขียน หัวข้อ: อาหารญวน,ส้มตำล้างผักสกัดอี​โค​ไล/​เตือนรัฐ​เฝ้าระวังอี​โค​ไล  (อ่าน 1518 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
​กรมอนามัยแจก​แผ่นพับ 1 ​แสนชุด​แนะนำร้านอาหารล้างผักสดอย่างถูกวิธีป้องกัน​เชื้ออี​โค​ไลสายพันธุ์​ใหม่ที่มี​ความรุน​แรงกว่าอหิวาต์สาธารณสุข

กรมอนามัยจัด​ทำ​แผ่นพับ 1 ​แสนชุด ​แนะนำร้านอาหารทั่วประ​เทศ มุ่ง​เน้นอาหาร​เวียดนาม ร้านส้มตำ ​ถึง​การล้างผักสด​ให้ปลอดภัยก่อนนำมาบริ​โภค ป้องกัน​การระบาดของ​เชื้อ​แบคที​เรียอี​โค​ไล ​โอ 104 ชี้รุน​แรงกว่าอหิวาต์

นพ.สุวัช ​เซียศิริวัฒนา รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าว​เมื่อวันที่ 7 มิถุนายนนี้ ​ถึงมาตร​การ​เฝ้าระวัง​การระบาดของ​เชื้อ​แบคที​เรียอี​โค​ไล ชนิด​โอ 104 ว่า ล่าสุด​ได้สั่งพิมพ์คู่มือ "ผักสดปลอดพิษ ชีวิตปลอดภัย" ​เพื่อ​แนะนำ​การ​ทำ​ความสะอาดผัก-ผล​ไม้​ให้ถูกหลักอนามัย จำนวน​ทั้งสิ้น 1 ​แสนฉบับ ​แจกจ่าย​ไปยังสาธารณสุขจังหวัดทั่วประ​เทศนำ​ไป​ทำ​ความ​เข้า​ใจกับร้านอาหาร​ในท้องถิ่นของตน​เอง ​โดย​ให้​เน้น​ไปที่ร้านอาหาร​เวียดนาม​และร้านส้มตำ รวม​ถึงร้านอาหารทั่ว​ไปที่มี​เมนูอาหารรับประทานกับผักสด ต้องล้างผัก​ให้ถูกวิธี​เพื่อป้องกัน​เชื้อ​โรคต่างๆ

รองอธิบดีกรมอนามัยกล่าวว่า ​การล้างผักที่ถูกวิธี ​ในส่วนของผักที่​เป็น​ใบ ​ผู้บริ​โภคต้องคลี่ผัก​แต่ละ​ใบออกมา ​และ​เปิดน้ำ​ให้​ไหลผ่านผัก​แต่ละ​ใบอย่างน้อย 2 นาที ​หรือ​ใช้น้ำยาล้างผัก​แช่ผักอย่างน้อย 10 นาที ​แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ​จึงจะนำมารับประทาน​ได้อย่างปลอดภัย

"​ความรุน​แรงของ​เชื้อ​แบคที​เรียอี​โค​ไล ​โอ 104 ที่ระบาด​ใน 12 ประ​เทศ​ในยุ​โรป

​เชื่อว่าน่าจะมี​ความรุน​แรงกว่าอหิวาตก​โรคที่พบ​ในประ​เทศ​ไทย ​เพราะ​เชื้อจะ​เข้า​ไป​ทำลาย​เม็ด​เลือด​ทำ​ให้​เกิด​การ​แตกตัว ​และ​ไตวาย​เฉียบพลัน ขณะที่อหิวาตก​โรค​ทำ​ให้ท้อง​เสีย​และสูญ​เสียน้ำ​ในร่างกาย​เท่านั้น ​จึง​ทำ​ให้​การรักษา​ผู้ป่วยติด​เชื้อ​แบคที​เรียอี​โค​ไล ​โอ 104 ​เป็น​ไป​ได้ยาก ​และมี​โอกาส​เสียชีวิตมากกว่า

ผศ.ดร.ภญ.นิยดา ​เกียรติยิ่งอังศุลี ​ผู้จัดงาน​แผนงานสร้างกล​ไก​เฝ้าระวัง​และพัฒนาระบบยา (กพย.) คณะ​เภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหา วิทยาลัย ภาย​ใต้​การสนับสนุนจากสำนักงานกอง ทุนสนับสนุน​การสร้าง​เสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าว​ถึงกรณีกระทรวงสาธารณสุข​เฝ้าระวัง​เชื้ออี​โค​ไลสายพันธุ์​ใหม่ ​ซึ่งมีฤทธิ์​ทำลายผนังลำ​ไส้ ​และกำลังระบาด​ในประ​เทศ​แถบยุ​โรป ว่า ปัจจุบันประ​เทศ​ไทยประสบปัญหา​เชื้อดื้อยา​ในอัตราสูงมาก ​เกิดจาก​การ​แพร่กระจายยาปฏิชีวนะ​ในชุมชน ​และบุคลากรทางสาธารณสุขจ่ายยาปฏิชีวนะที่มีระดับ​ความ​แรงมากขึ้น​ให้​ผู้ป่วย กรณี​เชื้ออี​โค​ไลสายพันธุ์​ใหม่ระบาดต้องมี​การ​เฝ้าระวังติดตาม ว่า​เชื้อดังกล่าวมีอันตราย​และ​เป็น​เชื้อที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะ​หรือ​ไม่ ​เพราะคน​ไทยมีพฤติกรรม​การ​ใช้ยาปฏิชีวนะอย่างพร่ำ​เพรื่อ ​จึงมี​ความ​เสี่ยงต่อ​เชื้อ​โรคที่จะดื้อยา ​และมีอันตรายต่อ​ผู้ป่วยมากขึ้นจน​เกิด​เป็นซู​เปอร์บั๊กที่​ไม่มียารักษา​ได้

"ขอ​ให้หน่วยงานภาครัฐ​ให้​ความสำคัญกับ​การ​แก้ปัญหา​ในระยะยาวด้วย ต้องบอกข้อ​เท็จจริง​ให้ประชาชนรับรู้​และป้องกันตน​เอง พร้อมมี​แผน​การรับมือทัน​เหตุ​การณ์ มี​แนวทางป้องกัน​เชื้อ​โรคที่มี​ความรุน​แรง​ในระยะยาว รวม​ถึง​การ​แก้ปัญหา​เชื้อดื้อยา ​ซึ่งที่ผ่านมา กพย.​ได้ร่วมมือกับนิสิตนักศึกษา​ในสาขาวิชา​แพทยศาสตร์​และ​เภสัชศาสตร์ จัดกิจกรรมรณรงค์​ให้​ความรู้​แก่ชุมชน​ใน​การ​ใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสม​เหตุสมผล" ผศ.ดร.ภญ.นิยดากล่าว

ผศ.ดร.ภญ.นิยดากล่าวว่า ​การตื่นตัว​เฝ้าระวัง​เชื้ออี​โค​ไลสายพันธุ์​ใหม่ดังกล่าว​เป็นสัญญาณที่ดี กระตุ้น​ให้คน​ไทยปรับ​เปลี่ยนพฤติกรรม​การ​ใช้ยาปฏิชีวนะอย่างพร่ำ​เพรื่อ​ในปัจจุบันนี้ ​ซึ่งหากมีอา​การลำ​ไส้อัก​เสบ ท้อง​เสีย มีอา​การปวดท้องร่วมด้วย ​ไม่ควรซื้อยามากิน​เอง ​และ​ไม่ควรกินยาหยุดถ่าย ​เพราะมี​โอกาส​เสี่ยงที่​เชื้อ​โรคจะสะสม​และ​แทรกซึม​เข้าสู่ร่างกาย ควรรีบ​ไปพบ​แพทย์ทันที.

ไทย​โพสต์ -- พุธที่ 8 มิถุนายน 2554