เมื่อวันที่ 15 กันยายน นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า กรณีที่ นพ.อุดม คชินทร อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) ขอให้คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ทบทวนการประเมินในรายวิชาต่างๆ หลังพบว่าปีการศึกษา 2557 มีผู้ได้ปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต เกียรตินิยมอันดับ 1 และ 2 ประมาณ 50% ล่าสุดทั้ง 2 คณะอยู่ระหว่างการปรับระบบการประเมิน โดย นพ.สุวัฒน์ เบญจพลพิทักษ์ รองคณบดีฝ่ายการศึกษา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้เสนอให้เพิ่มเกณฑ์ขั้นต่ำสำหรับคะแนนเกียรตินิยมเป็น 3.75 เพื่อให้เด็กที่ได้เกียรตินิยมเป็นเด็กที่เก่งจริงๆ ของแต่ละรุ่น ว่า ปีการศึกษา 2557 คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ มีผู้จบปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต 280 คน ได้เกียรตินิยมอันดับ 1 จำนวน 60 คน คิดเป็น 21.4% อันดับ 2 จำนวน 117 คน คิดเป็น 41.87% โดยระบบการประเมินของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เป็นแบบผสมผสาน ทั้งอิงกลุ่ม และอิงเกณฑ์ โดยจุฬาฯจะคอยดูและปรับตลอด เพื่อไม่ให้ได้เกียรตินิยมอันดับ 1 มากเกินไป เพราะเท่าที่ดูแนวโน้มปัจจุบันในทุกคณะ จะมีเด็กได้เกียรตินิยมเพิ่มมากขึ้น เหตุผลหนึ่งเป็นเพราะเด็กเก่ง ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่าระบบประเมินผลมีส่วนสำคัญที่ทำให้เด็กได้เกียรติ นิยมมากขึ้นด้วย
"ในส่วนของคณะแพทย์จุฬาฯ พยายามควบคุมไม่ให้มีผู้ได้เกียรตินิยมมากเกินไป แต่ผมไม่กังวลเรื่องคุณภาพ เพราะนอกจากเรียนในมหาวิทยาลัยแล้ว เด็กยังต้องรับการทดสอบจากแพทยสภา โดยช่วงปี 3 สอบวินิจฉัยขั้นพื้นฐาน ปี 5 สอบความรู้ทางคลินิก และปี 6 สอบภาคปฏิบัติ ซึ่งถือเป็นการควบคุมคุณภาพอีกระดับหนึ่ง" นพ.ภิรมย์กล่าว
มติชนออนไลน์ 16 กันยายน พ.ศ. 2558
