ผู้เขียน หัวข้อ: Intelligence "...เป็นไปได้ ด้วยปัญญา..."(โดย Osho)  (อ่าน 3866 ครั้ง)

pani

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 756
    • ดูรายละเอียด
Intelligence "...เป็นไปได้ ด้วยปัญญา..."(โดย Osho)
« เมื่อ: 30 เมษายน 2011, 22:08:50 »

เชาวน์ปัญญาเป็นสิ่งที่อยู่ภายใน มันเป็นคุณสมบัติที่เป็นธรรมชาติของชีวิต มันก็เหมือนกับการที่ไฟนั้นร้อน อากาศนั้นมองไม่เห็น น้ำไหลลงสู่ที่ต่ำ เชาวน์ปัญญาของชีวิตก็เป็นเช่นนั้น.....
..................
จะมีก็แต่คนเท่านั้นที่สามารถเป็นสิ่งที่ไม่มีปัญญาได้ คนได้ทำลายการลื่นไหลอันเป็นธรรมชาติของชีวิตไป การไม่มีปัญญาเกิดได้เฉพาะในคนเท่านั้น ท่านเคยเห็นนกตัวไหนโง่บ้างไหม? ท่านเคยเห็นสัตว์ตัวไหนบ้างที่ทึ่ม? ไม่มีเลย สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเฉพาะแต่ในคนเท่านั้น คงต้องมีอะไรบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง
 เชาวน์ปัญญาของคนถูกทำให้เสียหาย ถูกทำให้เพี้ยนไป ถูกทำให้พิกลพิการ.....
..................
เมื่อใดที่ท่านได้รับการศึกษา ท่านก็จะเป็นคนที่ไร้เชาวน์ปัญญาไปทันที...
ข้าพเจ้าได้ยินมาว่า...
หญิงคนหนึ่งพยายามที่จะเปิดกระป๋องอาหาร แต่หล่อนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร หล่อนจึงไปเปิดอ่านตำราอาหาร ในขณะที่หล่อนกำลังอ่านตำราอยู่นั้น พ่อครัวก็ได้เปิดกระป๋องไปแล้ว เมื่อหล่อนกลับมาเห็นก็ประหลาดใจ พร้อมกับถามพ่อครัวว่า ท่านทำได้อย่างไร?
พ่อครัวพูดว่า คุณผู้หญิงครับ สำหรับคนที่อ่านหนังสือไม่เป็น ก็จำเป็นต้องใช้เชาวน์ปัญญาที่มีอยู่ครับ..
...................
ท่านเคยสังเกตไหม? ใครที่เริ่มพิมพ์ดีดเป็นกิจวัตรในที่สุดลายมือของเขาจะไม่สวยอีกต่อไป เขาไม่จำเป็นต้องเขียนเพราะเครื่องพิมพ์ดีดได้ทำงานแทนแล้ว และในทำนองเดียวกันหากท่านมีเครื่องคิดเลขอยู่ในกระเป๋า ท่านก็จะคิดเลขไม่เป็น เพราะว่าตอนนี้ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปแล้ว อีกไม่นานคนทุกคนก็จะมีคอมพิวเตอร์เล็กๆติดตัวไว้ และมีข้อมูลต่างๆมากมายของสารานุกรม บริทานิกา อยู่ในนั้น แล้วท่านก็ไม่จำเป็นต้องใช้ปัญญาเลย เพราะคอมพิวเตอร์จะจัดการทุกอย่างให้ท่าน................

pani

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 756
    • ดูรายละเอียด
Re: Intelligence "...เป็นไปได้ ด้วยปัญญา..."(โดย Osho)
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 01 พฤษภาคม 2011, 14:01:55 »
นี่คือสาเหตุที่เชาวน์ปัญญาจะแตกต่างกับความรอบรู้ค่อนข้างมาก ความรอบรู้เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับเชาวน์ปัญญา คนที่รอบรู้จะแบกอคติ ข้อมูล ความเชื่อ และความรู้ไว้มากมาย เขาจะไม่ฟังที่ท่านพูด เขามีคำตอบไว้ล่วงหน้าแล้ว ไม่ว่าท่านจะพูดอะไรไป มันจะผ่านความคิดหลายๆชั้นของเขา สิ่งที่เขาได้ยินอาจจะต้องกันข้ามกับที่ท่านพูดโดยสิ้นเชิง เกิการบิดเบือนมากมายในตัวเขา เขาเป็นคนที่ปิดมากๆ เรียกได้ว่าตาบอด และเป็นใบ้เลยทีเดียว ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย ผู้ที่มีความรอบรู้ทั้งหลายมักจะกลายเป็นคนที่ตาบอด

ท่านเคยฟังนิทานปรัมปราเรื่องตาบอดห้าคนที่ไปคลกช้างไหม? ครูเล่านิทานเก่าแก่เรื่องนี้ให้เด็กนักเรียนฟัง พอเล่าจบครูก็ตั้งคำถามกับเด็กชายตัวเล็กๆคนหนึ่งว่า เธอบอกครูได้ไหมว่าใครที่ไปดูช้างแล้วเริ่มทะเลาะกัน? ครูต้องการจะรู้ว่านักเรียนกำลังฟังเรื่องที่สอนอยู่นี้หรือไม่
เด็กผู้ชายคนนั้นได้ยืนขึ้นพร้อมกับตอบว่า ทราบครับ ผมทราบครับ คนเหล่านั้นคือผู้เชี่ยวชาญ
ครูคิดไว้ว่าเด็กผู้ชายคนนี้จะตอบว่า พวกเขาเป็นคนตาบอดห้าคน แต่เด็กชายกลับตอบว่า คนเหล่านั้นคือผู้เชี่ยวชาญ เด็กพูดได้ถูกต้องมากเลย ใช่แล้วพวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดคือคนที่ตาบอด ความเชี่ยวชาญทำให้พวกเขากลายเป็นคนตาบอด เขามองไม่เห็นสิ่งอื่นใด เมือท่านรู้ลึกเข้าท่านก็รู้แคบลง แล้ววันหนึ่งท่านก็มาถึงจุดสุดท้ายของการรู้ทั้งหมด คือ ไม่รู้อะไรเลย แล้วท่านก็กลายเป็นคนที่ปิดสนิท ไม่มีแม้แต่หน้าต่างสักบานที่เปิดอยู่ ท่านกลายเป็นคนที่ไม่มีหน้าต่าง

นี่เป็นสิ่งที่ไร้ซึ่งปัญญา เชาวน์ปัญญาเป็นการเปิดรับลม รับฝน รับแสงอาทิตย์ เป็นการเปิดให้กับทุกๆสิ่ง การไม่แบกอดีตคือเชาวน์ปัญญา การตายจากทุกขณะในอดีตคือเชาวน์ปัญญา การคงอยู่กับความสด ความไร้เดียงสาคือเชาวน์ปัญญา...
...........................
มีแต่คนที่โง่เง่าเท่านั้นที่จะติดยึดไม่เปลี่ยนแปลง ยิ่งท่านมีปัญญามากเท่าใด ท่านก็ยิ่งเปลี่ยนแปลงได้ง่าย เพราะใครล่ะที่จะรู้เรื่องของวันพรุ่งนี้? วันพรุ่งนี้จะนำมาซึ่งประสบการณ์ของตัวมันเอง ท่านจะยึดถืดประสบการณ์ของเมื่อวานน่ะหรือ? ถ้าท่านเป็นสิ่งที่ไร้ชีวิต ท่านก็จะไม่เปลี่ยนแปลง แต่ถ้าท่านมีชีวิตอยู่ท่านต้องเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ท่านเติบโต โลกเปลี่ยนแปลง แม่น้ำไหลไปสู่ดินแดนใหม่เสมอ

เมื่อวานนี้แม่น้ำไหลผ่านทะเลทราย วันนี้มันไหลผ่านป่า มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ประสบการณ์ของวานนี้ไม่ใช่สิ่งที่่จะใช้ไปได้ตลอด คนเราควรจะต้องเคลื่อนไปพร้อมๆกับการเคลื่อนของเวลา คนเราต้องเป็นกระบวนการที่ลื่นไหล ต้องไม่ใช่สิ่งที่แน่นิ่งเหมือนสิ่งของ หากเป็นไปได้เช่นนี้ นี่คือเชาวน์ปัญญา

pani

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 756
    • ดูรายละเอียด
Re: Intelligence "...เป็นไปได้ ด้วยปัญญา..."(โดย Osho)
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 01 พฤษภาคม 2011, 22:14:13 »
ผู้ทรงปัญญาได้เปรียบเปรยไว้ว่าคนเรานั้นเหมือนกับบันได เราใช้บันไดเพื่อวัตถุประสงค์สองอย่าง คือถ้าไม่เดินขึ้นไปข้างบนก็เพื่อเดินลงไปข้างล่าง บันไดอันเดียวกันนั้นท่านทำได้สองอย่างในทิศทางที่ตรงกันข้าม บันไดอันเดียวกันแต่ให้ผลที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

คนเป็นบันไดระหว่างนรกกับสวรรค์ นี่คือเหตุผลที่มีแต่ชีวิตของคนเท่านั้นที่สามารถเก็บกด สามารถเจ้ากี้เจ้าการกับสิ่งต่างๆสามารถฆ่าทำลาย และพยายามที่จะเอาชนะธรรมชาติทุกวิถีทาง มีแต่ชีวิตมนุษย์เท่านั้นที่ทำเรื่องที่โง่เขลาได้ แต่ในอีกทางหนึ่งก็มีแต่มนุษย์เท่านั้นที่สามารถเป็นพระพุทธเจ้าได้ การที่ชีวิตมนุษย์มีเชาวน์ปัญญาได้ ก็ทำให้พวกเขาโง่ได้ด้วยเช่นกัน ความโง่ไม่ได้หมายความว่าเป็นเพราะท่านขาดเชาวน์ปัญญา มันเพียงแต่หมายความว่าท่านไม่ได้ใช้เชาวน์ปัญญาที่มีอยู่ต่างหาก หากการที่ไม่มีเชาวน์ปัญญาแล้วถูกเรียกว่าโง่ ถ้าเช่นนั้นก้อนหินก็โง่น่ะซิ ก้อนหินก็คือก้อนหิน ไม่เกี่ยวกับอะไรกับความโง่ แต่ที่ท่านบอกว่าคนโง่เขลาเป็นเพราะว่าสำหรับคนแล้วเรามีหวัง มีความหวังต่อแสงสว่างอันรุ่งโรจน์ ชีวิตมนุษย์สามารถเปิดประตูไปสู่สิ่งที่อยู่สูงขึ้นไป คนเราสามารถพัฒนายกระดับได้เพียงแต่ว่าพวกเขาไม่ทำ นั่นเป็นเพราะความโง่ของเขา คนเราสามารถเติบโตได้แต่เขาก็ไม่ทำ เขากลับยึดติดอยู่กับสิ่งที่ไม่สร้างสรรค์ นั่นเป็นความโง่ของเขา เขาเอาแต่อยู่กับอดีตที่ผ่านไปแล้ว นั่นเป็นความโง่ของเขา เขาคิดถึงแต่อนาคตที่ยังมาไม่ถึง นั่นเป็นความโง่ของเขา…
………………………………..

ด้วยเหตุนี้ระบบการศึกษาทั้งหลายจึงวนเวียนอยู่แต่เรื่องที่เกี่ยวกับการสร้างความทะเยอทะยาน ความทะเยอทะยานความมักใหญ่ใฝ่สูงเป็นเรื่องเดียวกันกับอัตตาตัวตน จงเป็นที่หนึ่ง จงเป็นคนที่มีชื่อเสียงที่สุด เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นประธานาธิบดี เป็นคนที่โลกรู้จัก จงเป็นผู้ที่ทิ้งร่องรอยไว้ในประวัติศาสตร์ การศึกษาไม่ได้สอนให้ท่านมีชีวิตอยู่อย่างบริบูรณ์ ไม่ได้สอนให้ท่านรักอย่างไม่มีเงื่อนไข ไม่ได้สอนให้ท่านอยู่กับคุณงามความดี แต่ทว่าสอนให้ท่านแสวงหาประโยชน์จากผู้อื่นเพื่อตัวท่านเอง และเรามักจะคิดว่าผู้ที่ฉลาดก็คือผู้ที่ประสบความสำเร็จ พวกเขาอาจจะเป็นคนที่กลับกลอกแต่เราก็เรียกพวกเขาว่าเป็นคนฉลาด พวกเขาไม่ใช่คนที่มีเชาวน์ปัญญา
คนที่มีเชาวน์ปัญญาจะไม่ใช้คนอื่นเป็นทางผ่าน เขาจะให้ความเคารพนับถือผู้อื่น คนที่มีเชาวน์ปัญญาจะมองเห็นความเท่าเทียมในทุกสิ่งทุกอย่าง เขาสามารถเห็นความแตกต่างในนั้นด้วย แต่ทว่าความแตกต่างนั้นมันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกถึงความไม่เสมอภาคแต่อย่างใด เขาจะเป็นผู้ที่ให้ความเคารพนับถือต่ออิสรภาพของผู้อื่น เขาจะไม่แสวงหาผลประโยชน์จากผู้อื่น เขาจะไม่ทำให้ผู้อื่นด้อยค่าจนกลายเป็นวัตถุสิ่งของไป เขาจะไม่ใช้คนอื่นเป็นขั้นบันไดเพื่อที่จะได้เติมเต็มความต้องการอันเหลวไหลเพื่อจะทำให้เขาได้เป็นที่หนี่ง
........................................