ผู้เขียน หัวข้อ: อึ้ง!รพ.ตรังยันตัดมดลูกไม่ผิดข้าง เผยคนไข้ท้องนอกมดลูกทั้ง2ข้างมีโอกาสเกิด  (อ่าน 950 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9742
    • ดูรายละเอียด
ตรัง - รพ.ตรังแถลงยืนยันชี้ชัดแพทย์ผ่าตัดมดลูกไม่ผิดข้าง เผยคนไข้ท้องนอกมดลูกทั้ง 2 ข้าง เป็นกรณีที่พบได้ยากเกิดขึ้น 1 ใน 2 แสนราย ด้านนายแพทย์ สสจ.ตรังเตรียมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง


วันนี้ (19 ก.ค.) แพทย์หญิงจิรวรรณ อารยพงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตรัง พร้อมด้วยนายแพทย์วิฑูรย์ เหลืองดิลก นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตรัง ร่วมกันแถลงข่าว กรณีแพทย์โรงพยาบาลตรังตัดมดลูกคนไข้ คือ น.ส.สุพัตรา เพ็ชรหิน อายุ 30 ปี ชาว อ.เมืองตรัง หลังจาก นายเอกพงษ์ แก้วดี อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24/59 ถนนวัดนิโครธ ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง ได้ออกมาร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวว่าเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ภรรยาตนตั้งครรภ์ มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน จึงไปฝากครรภ์ที่คลินิกแห่งหนึ่ง เมื่อแพทย์ตรวจเช็คอัลตราซาวด์พบว่า เป็นการตั้งครรภ์นอกมดลูก ซึ่งขณะนั้นอายุครรภ์ประมาณ 7 สัปดาห์ แพทย์จึงได้ทำหนังสือส่งตัว พร้อมแนบผลอัลตราซาวด์ เข้ารับการผ่าตัดมดลูกด้านขวาที่โรงพยาบาลศูนย์ตรัง แต่แพทย์เจ้าของไข้กลับมีความเห็นว่าท้องอยู่ในปีกมดลูกด้ายซ้ายและได้ผ่าตัดเพื่อเอาออกนั้น


พญ.จิรวรรณ อารยะพงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตรัง เปิดเผยว่า คนไข้มีอาการตั้งครรภ์นอกมดลูกจริงทั้ง 2 ด้าน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเป็นกรณีที่เกิดขึ้นได้ยากมาก นับเป็น 1 ใน 2 แสนรายที่เกิดขึ้น พร้อมยืนยันว่าแพทย์โรงพยาบาลตรังไม่ได้ผ่าตัดผิดพลาด เนื่องจากการตรวจสอบและวินิจฉัยด้วยสายตาขณะผ่าตัดนั้น พบว่าคนไข้มีอาการตั้งครรภ์ที่ปีกมดลูกด้านซ้าย พบก้อนเนื้อประมาณ 2.2 ซม. และมีเลือดออก แพทย์จึงเร่งทำการผ่าตัดในข้างที่มีความเสี่ยงสูงกว่า ส่วนอีกข้างในขณะนั้นยังเป็นปกติดีอยู่ และส่งชิ้นเนื้อไปตรวจไปยังหน่วยงานที่รับตรวจชิ้นเนื้อ โดยพยาธิแพทย์ผลปรากฏว่าด้านซ้ายท้องนอกมดลูกจริงไม่ได้เป็นการผ่าตัดผิดข้างอย่างแน่นอน

โดยคนไข้เคสนี้ท้องนอกมดลูกทั้ง 2 ข้างของท่อนำไข่ ครั้งที่ 2 ก็เลยได้รับการผ่าตัดด้านขวา ซึ่งข้างขวาจากการมองด้วยสายตาก้อนเนื้อโตขึ้นและเห็นได้ชัดเจนว่าท้องนอกมดลูก ซึ่งส่งผลชิ้นเนื้อไปตรวจเช่นเดียวกัน ตอนนี้กำลังรอผลอยู่ เรียกได้ว่าการท้องนอกมดลูกพร้อมกัน2 ข้างพร้อมกันเกิดขึ้นได้น้อยมาก โดยแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดได้พยายามจะเก็บท่อนำไข่เอาไว้แต่ทำได้ยากมาก เลยทำไม่สำเร็จ โดยหากปล่อยไว้เด็กขยายตัวโตขึ้นและไม่สามารถจะอยู่ได้


ส่วนประเด็นที่แพร่ออกไปว่าคนไข้จะไม่สามารถมีลูกได้แล้วนั้น ขอแจงว่า คนไข้ยังสามารถมีลูกได้ ถ้ารังไข่ผลิตไข่สมบูรณ์ ตัวมดลูกยังปกติอยู่ ส่วนสามีตัวอสุจิยังสมบูรณ์ก็สามารถใช้เทคโนโลยีอนามัยเจริญพันธุ์ทำเด็กหลอดแก้วไปฝังในมดลูก ก็สามารถจะมีลูกได้ ไม่ได้ปิดโอกาสในการมีลูกแต่อย่างใด โดยทางโรงพยาบาลก็ยินดีจะให้คำปรึกษา

ด้านนายแพทย์วิฑูรย์ เหลืองดิลก นายแพทย์สาธารณสุข จ.ตรัง กล่าวต่อกรณีที่เกิดขึ้นว่า จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมา เพื่อให้ความกระจ่างกับทั้ง 2 ฝ่าย โดยมีการตรวจสอบทั้งกระบวนการตั้งแต่เริ่มต้นจากข่าวที่แพร่สะพัดออกไป รวมไปถึงกระบวนการขั้นในการผ่าตัด พร้อมมีการตั้งกรรมการจากต่างจังหวัด แพทยสภา กระทรวง ฯลฯ พร้อมพูดคุยกับครอบครัวของผู้ป่วย โดยจะดำเนินการในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ ส่วนในเรื่องของการที่ครอบครัวของคนไข้ได้ไปแจ้งความไว้ก่อนหน้านี้ ก็ถือเป็นอภิสิทธิ์ของคนไข้

19 ก.ค. 2559 20:04:00  โดย: MGR Online

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9742
    • ดูรายละเอียด
นายเอกพงษ์ แก้วดี ชาวตำบลทับเที่ยง อ.เมืองตรัง ให้ข้อมูลว่านางสาวสุพัตรา เพ็ชรหิน ภรรยา ตั้งครรภ์ประมาณ 7 สัปดาห์และได้ไปฝากครรภ์ที่คลินิกแห่งหนึ่ง ซึ่งผลตรวจอัลตราซาวด์พบว่าตั้งครรภ์นอกมดลูกด้านขวา แพทย์ประจำคลีนิคจึงทำหนังสือส่งตัวพร้อมแนบผลอัลตราซาวด์ เพื่อเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลศูนย์ตรัง แต่แพทย์โรงพยาบาลศูนย์ตรังกลับมีความเห็นว่าผู้ป่วยตั้งครรภ์นอกมดลูกด้านซ้าย ซึ่งตัวเองและครอบครัวได้ทักท้วง แต่แพทย์กลับบอกว่าไม่จำเป็นต้องดูผลอัลตราซาวด์ จึงได้ทำการผ่าตัดปีกมดลูกด้านซ้าย แต่หลังจากนั้นก็ต้องกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อผ่าตัดปีกมดลูกด้านขวา ทำให้ขณะนี้ถูกตัดปีกมดลูกทิ้งทั้ง 2 ข้างซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการมีลูก


เหตุการณ์นี้นายเอกพงษ์เชื่อว่า แพทย์ผ่าตัดปีกมดลูกผิดด้าน จึงเตรียมร้องเรียนต่อแพทยสภาและกระทรวงสาธารณสุข

ด้านแพทย์หญิงจีระวรรณ อารยะพงค์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ตรัง ระบุว่า จากตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าผู้ป่วยท้องนอกมดลูกทั้ง 2 ข้าง ซึ่งไม่พบบ่อยครั้ง แต่ยอมรับว่าไม่ได้อัลตราซาว์ดครั้งแรก เพราะใช้วิธีเปิดหน้าท้อง และพบว่ามีการตั้งครรถ์นอกมดลูกด้านซ้ายจึงทำการผ่าตัด แต่เมื่อผู้ป่วยกลับบ้านและพบอาการผิดปกติก็พบว่า มีการตั้งครรถ์นอกมดลูกด้านขวาด้วย จึงจำเป็นต้องผ่าตัดออกทั้ง 2 ข้าง และหากต้องการมีบุตร ก็สามารถผสมเทียม แล้วนำไปฝังในมดลูกได้

อย่างไรก็ตาม ญาติของ น.ส.สุพัตรา ระบุว่ามีผลอัลตราซาวด์ยืนยันว่า น.ส.สุพัตราท้องนอกมดลูกเพียงข้างเดียว


19 ก.ค. 2559 04:17:00  โดย: MGR Online

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9742
    • ดูรายละเอียด
ตรัง - สุดชุ่ย แพทย์ รพ.ตรัง ตัดมดลูกผิดข้างหลังจากตรวจอัลตราซาวนด์พบมีการตั้งครรภ์นอกมดลูก เหยื่อโวยตัดซ้ำรอบสองเท่ากับหมดสิทธิมีเด็กตลอดชีวิต เตรียมยื่นหนังสือร้องเรียนเพื่อเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

วันนี้ (18 ก.ค.) ที่โรงพยาบาลศูนย์ตรัง นายเอกพงษ์ แก้วดี อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24/59 ถ.วัดนิโครธ ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง โดยทำงานสังกัดโรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่ง กล่าวว่า ตนเองแต่งงานกับภรรยาประมาณเดือนมีนาคม 2559 ที่ผ่านมา ต่อจากนั้นประมาณเดือนมิถุนายนภรรยาตนตั้งครรภ์ มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน จึงไปฝากครรภ์ที่คลินิกแห่งหนึ่ง

ปรากฏว่า เมื่อแพทย์ตรวจเช็กอัลตราซาวนด์ร่างกายอย่างละเอียดพบว่า เป็นการตั้งครรภ์นอกมดลูก ซึ่งขณะนั้นอายุครรภ์ประมาณ 7 สัปดาห์ เห็นการเต้นของหัวใจเด็กชัดเจน แต่ไม่ได้เป็นการท้องในมดลูกตามปกติ แพทย์จึงได้ทำหนังสือส่งตัวพร้อมแนบผลอัลตราซาวนด์เข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลศูนย์ตรัง

แต่พอมาถึงโรงพยาบาลศูนย์ตรัง แพทย์เจ้าของไข้กลับมีความเห็นว่าท้องอยู่ในปีกมดลูกด้านซ้าย ซึ่งตน และครอบครัวก็แย้งว่า ทำไมไม่ตรงกับผลของแพทย์ประจำคลินิกที่ระบุว่าอยู่ด้านขวา แต่แพทย์ก็ยืนยันว่า อยู่ด้านซ้าย พร้อมกับต่อว่าตนเอง และแม่ของตนที่ทักท้วงโดยใช้กิริยา และวาจาดูหมิ่น พูดจาไม่สุภาพ และยืนยันจะต้องผ่าตัดด้านซ้ายเพื่อเอาเด็กออก


ต่อมา เมื่อวันที่ 16 ก.ค.2559 ที่ผ่านมา ภรรยากลับมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง คลื่นไส้ และอาเจียนอีก จึงพาไปพบแพทย์ที่คลินิกเดิม โดยแพทย์ประจำคลินิกก็ตกใจว่าทำไมไปผ่าตัดปีกมดลูกด้านซ้าย ทั้งที่ส่งผลอัลตราซาวนด์ไปกับใบส่งตัวก็ระบุชัดว่าอยู่ด้านขวา จึงได้ทำการอัลตราซาวนด์ซ้ำ โดยเรียกตนเองเข้าไปดูภาพเพื่อยืนยัน ปรากฏว่า พบเด็กยังอยู่ในปีกมดลูกด้านขวา และเจริญเติบโตมากกว่าเดิม อายุครรภ์เพิ่มขึ้นเป็น 10 สัปดาห์เศษจริง

จากนั้นตนกับครอบครัวจึงพาภรรยากลับไปที่โรงพยาบาลศูนย์ตรังพบแพทย์ท่านเดิมอีกครั้ง พร้อมกับสอบถามเหตุผล และยืนยันว่า ทางครอบครัวได้ทักท้วงไปแล้วในครั้งแรก แต่แพทย์ไม่รับฟัง ไม่นำผลอัลตราซาวนด์ของคลินิกมาตรวจสอบ และที่สำคัญหลังรับตัวคนไข้แล้วแพทย์ไม่ทำการตรวจอัลราซาวนด์ซ้ำเพื่อความถูกต้องในการรักษา

โดยครอบครัวตนเองเสียใจที่สุด เพราะการผ่าตัดรอบที่ 2 เท่ากับว่าทำให้ครอบครัวตนหมดสิทธิมีลูกไปตลอดชีวิต โดยหลังจากนี้จะทำหนังสือร้องเรียนไปยังสำนักงานสาธารณสุขที่กระทรวงสาธารณสุข และจะร้องแพทยสภาเพื่อเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อผู้บริหาร รพ.ตรัง แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อได้

18 ก.ค. 2559 21:40:00  โดย: MGR Online