ผู้เขียน หัวข้อ: ระวัง! ยาหยอดตาและน้ำตาเทียมเป็นภัยต่อกระจกตามากที่สุด  (อ่าน 664 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9745
    • ดูรายละเอียด
ด้วยเหตุนี้ยาหยอดตานำเข้าจากญี่ปุ่น ซึ่งโฆษณาสรรพคุณว่าช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกในดวงตา และลดเส้นเลือดแดงในตาได้ เพียงหยดลงไปปุ๊บ ตาก็หายแดงทันที จึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
       
       แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยาหยอดตาประเภทนี้ไม่ได้มีคุณสมบัติพิเศษแต่อย่างใด เป็นเพียงแค่น้ำยาที่ลดการหดตัวของหลอดเลือดเท่านั้น ผลิตภัณฑ์ตามท้องตลาดทั่วไปมักมีส่วนผสมของตัวยาแนฟาโซลีน (naphazoline) และเตตราไฮโดรโซลีน (tetrahydrozoline) ซึ่งแม้จะทำให้หลอดเลือดคลายตัวได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว แต่หากใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ก็จะส่งผลให้การทำงานของหลอดเลือดผิดปกติ การไหลเวียนเลือดขาดการควบคุมทำให้ตาแดงกว่าเดิมในที่สุด
       
       นอกจากนี้ ยาหยอดตาประเภทนี้มักมีส่วนผสมของยาปฏิชีวนะ สเตียรอยด์ หรือสารกันเสียในปริมาณมากเกินไป หากใช้ไม่ถูกวิธีย่อมก่อให้เกิดอันตรายเพราะจะทำให้แบคทีเรียดื้อยา ทั้งยังนำไปสู่ภาวะความดันลูกตาสูง หรือโรคต้อหินได้ หากดวงตาสัมผัสสารกันเสียมากเกินไป เลนส์กระจกตาจะถูกทำลายและเป็นอันตรายมาก ยาเหล่านี้สามารถใช้เป็นครั้งคราวได้บ้าง หากจำเป็น แต่อย่าใช้ในปริมาณมาก หรือใช้เป็นประจำทุกวันเด็ดขาด หากเกิดอาการตาแห้ง ตาล้าบ่อยๆ ควรรีบไปพบจักษุแพทย์ เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสมจะดีกว่า


        ในช่วงสองสามปีมานี้ จำนวนผู้ป่วยด้วยอาการตาแห้งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งปริมาณการใช้น้ำตาเทียมก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ทางการแพทย์พบว่า คนจำนวนมากยังคงเข้าใจผิดว่าการหยอดน้ำตาเทียมก่อนนอนจะช่วยให้รู้สึกสบายตาขึ้น หรือบางคนถึงขั้นต้องใช้น้ำตาเทียมตลอด ชนิดที่ขาดไม่ได้เลย จนเกิดเป็นข้อโต้แย้งในวงกว้างเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้น้ำตาเทียมที่ไม่ถูกต้อง หลายคนคิดว่าเมื่อมีอาการตาแห้ง การหยอดน้ำตาเทียมจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตาแต่แท้จริงแล้ว นอกจากจะส่งผลกระทบต่อสายตาแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อกระจกตาด้วย
       
       หากคุณเป็นผู้ที่ต้องใช้น้ำตาเทียมปริมาณมากเป็นประจำเพื่อบรรเทาอาการตาแห้ง ควรตรวจสอบตัวเองว่ามีพฤติกรรมการใช้สายตาไม่เหมาะสมหรือไม่ และไปตรวจว่าเป็นโรคอื่นๆ ที่เป็นต้นเหตุของอาการตาแห้งหรือเปล่า นอกจากนี้ ควรเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับดวงตาที่ปราศจากสารกันเสียเช่นน้ำตาเทียมชนิดใช้ได้ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากเปิดใช้ หรือชนิดที่ใส่สารกันเสียดัดแปลงซึ่งจะสลายไปได้เองเมื่อถูกแสงแดด เช่น สาร Purite เมื่อสัมผัสถูกพื้นผิวตาแล้ว สามารถย่อยสลายเป็นโซเดียมคลอไรด์และน้ำ จึงเป็นอันตรายต่อดวงตาน้อยมาก ทั้งยังมีสารประกอบ polyquad เป็นโมเลกุลหลัก ซึ่งแม่ประสานร่วมกับเซลล์ผิวหนัง จึงไม่ซึมเข้าไปในเซลล์ เพียงแค่ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งนับว่าเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการใช้น้ำตาเทียมทั่วไปที่มีสารกันเสียมากเกินไปจนส่งผลร้ายต่อกระจกตา

        ข้อมูล : หนังสือจ้องหน้าจอนานแค่ไหนสายตาก็ไม่เสื่อม ! (Amarin Health)

โดย MGR Online       28 พฤษภาคม 2559