โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ แจงการจัดซื้อและเบิกจ่ายยาถูกต้องตามระเบียบส่วนจำนวนเงินกว่า 120 ล้านบาท เป็นการซื้อยาในห้วง 3 ปี
ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิ ประสงค์ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์มนัส กนกศิลป์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนจังหวัดอุบลราชธานี กรณีทางกรมสออบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ได้แถลงข่าวผลตรวจสอบโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ กรณีมีการปฏิบัติผิดระเบียบส่อในทางทุจริต และมีการสั่งซื้อยานอกบัญชี เกินจริงกว่า 120 ล้านบาท
ขอชี้แจงข้อเท็จจริงดังกล่าว สำหรับ ประเด็นแรกที่มีข้อสงสัยว่าการเบิกจ่ายตรงสิทธิข้าราชการกรณีญาติเบิกแทน แล้วไม่ลงลายชื่อ และบางรายแพทย์มอบหมายให้พยาบาลเป็นผู้สั่งจ่ายยาให้คนไข้นั้น ข้อเท็จจริงในการปฏิบัติผู้ป่วยที่มีสิทธิเบิกจ่ายตรงในระเบียบของกรมบัญชี กลาง ไม่ได้กำหนดให้ผู้ป่วยหรือญาติผู้รับยาแทน ต้องเซ็นรับยา ทางโรงพยาบาลมีวิธีการเบิกจ่ายยาตามสิทธิข้าราชการ
โดยโรงพยาบาลได้จัด ระบบและออกคำสั่งให้มีการตรวจสอบผู้ป่วยที่มาขอรับบริการทุกราย จากบัตรประจำตัวประชาชน บัตรประจำตัวผู้ป่วย รวมทั้งไม่ได้มีการลงนามรับยาทุกครั้งที่มีการส่งมอบยา ซึ่งโรงพยาบาลทั่วประเทศก็ไม่ได้ถือปฏิบัติ
ส่วนกรณีการจัดซื้อยานอก บัญชียาหลักเป็นมูลค่ากว่า 120 ล้าน คือ ยาลดไขมัน และ ยาลดการหลั่งกรดนั้น ทางโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีการตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นข้อมูลที่รวมยอด 3 ปี ตั้งแต่ปี 2551-2553 เฉลี่ยปีละ 40 ล้านบาท การสั่งซื้อยาดังกล่าว สอดคล้องกับจำนวน และปริมาณกับคนไข้ที่ใช้ยานี้
ซึ่งโรงพยาบาลสรรพ สิทธิประสงค์ มียอดผู้ป่วยเป็นอันดับ 2 ของประเทศ และโดยเฉพาะผู้ป่วยนอกปริมาณเพิ่มขึ้น เช่น
ปี 2551 ผู้ป่วยนอกมีจำนวน 609,549 ราย
ปี 2552 ผู้ป่วยนอกจำนวน 632,130 ราย เพิ่มขึ้น 3.7%
ปี 2553 จำนวนผู้ป่วยนอก 671,914 ราย เพิ่มขึ้นถึง 6.29%
และการสั่งซื้อยาลด ไขมัน และยาลดการหลั่งกรด ทั้ง 2 รายการ โรงพยาบาลดำเนินการจัดซื้อยาในรูปของคณะกรรมการ โดยวิธีการประกวดราคาตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธี การทางอิเล็กทรอนิกทุกประการ.
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
11 เมษายน 2554
