ผู้เขียน หัวข้อ: พสุธาร้าวราน เนปาลร้าวระทม-สารคดี-เนชั่นแนลจีโอกราฟฟิก  (อ่าน 921 ครั้ง)

pani

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 756
    • ดูรายละเอียด

ภาพ : พสุธาร้าวราน เนปาลร้าวระทม
ภาพโดย : คัมภีร์ ผาติเสนะ
คำบรรยายภาพ : หญิงชราเดินฝ่าสายฝนเพื่อไปสักการะศาลเจ้าแห่งหนึ่งในเมืองภักตปุระ เมืองหลวงเก่าของเนปาล ซึ่งได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ทำให้พระราชวัง อาคารบ้านเรือน และ โบราณสถานหลายแห่งเหลือเพียงกองซากปรัก


โศกนาฏกรรมที่เกิดจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ก่อให้เกิดวิกฤติทางมนุษยธรรมที่ทั่วโลกต้องยื่นมือเข้าช่วย

ผมนอนสั่นเทิ้มราวลูกนกเปียกน้ำอยู่ภายในเต็นท์สปริงแบบพับได้  แม้จะสวมเสื้อกันหนาวที่มีอยู่ทั้งหมด แล้วซุกตัวในถุงนอนอีกชั้นหนึ่ง  นาฬิกาในโทรศัพท์มือถือบอกเวลาเกือบสามนาฬิกา  คงอีกยาวนานกว่าจะผ่านพ้นคืนนี้ไป  ผมอดนึกถึงผู้ประสบเคราะห์กรรมครั้งนี้ไม่ได้ พวกเขาไร้บ้าน ไร้อาภรณ์ป้องกันความหนาวเหน็บ คงทุกข์ทรมานกว่าผมร้อยเท่าพันทวี

            ความสับสนอลหม่านของตารางการใช้สนามบินตรีภูวัน ชานกรุงกาฐมาณฑุ ทั้งเครื่องบินพาณิชย์และเครื่องบินทหารที่ขนสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีพซึ่งได้รับบริจาคมาจากนานาประเทศ   ทำให้เครื่องบินที่ผมโดยสารมาต้องใช้เวลาบินวนอยู่ราวสองชั่วโมงจึงได้ลงจอด ไร้เงาของไกด์ท้องถิ่นที่นัดแนะกันผ่านทางโลกออนไลน์  การสื่อสารทั้งระบบในช่วงแรกเป็นอัมพาตผมขออาศัยรถยนต์ของกลุ่มเอ็นจีโอ ที่พบกันบนเครื่องบิน เดินทางเข้าตัวเมืองและไปพักค้างแรมในชุมชนชาวทิเบตใกล้กับสถูปพุทธนาถ ชาวบ้านบอกกับเราทุกคนว่า ต้องนอนในเต็นท์กลางแจ้ง ไม่มีใครกล้าเสี่ยงยอมนอนในตัวอาคารแล้ว

            สถูปพุทธนาถ เจดีย์ทรงระฆังคว่ำอันเป็นที่สักการะของพุทธศาสนิกชน  สร้างโดยชาวทิเบตที่อพยพเข้ามาอยู่ในเนปาล  ผมเดินสำรวจรอบๆ พบเพียงร่องรอยแตกหักบริเวณยอดเจดีย์หลักเพียงเล็กน้อย ถึงแม้บรรยากาศตอนนี้ช่างแตกต่างจากความทรงจำเมื่อครั้งที่เคยมาเยือนเมื่อสองปีก่อนอย่างสิ้นเชิง บ้านเรือนร้านรวงปิดสนิท เงียบสงัด ชาวบ้านออกมาอาศัยอยู่ในเพิงพักรอบเจดีย์ แต่ความศรัทธายังคงไม่เสื่อมคลาย พุทธศาสนิกชนเดินประทักษิณรอบเจดีย์พร้อมทั้งสวดมนต์ภาวนาให้ฝันร้ายครั้งนี้ผ่านพ้นไปเร็ววัน

            ผมแทบไม่เชื่อสายตา  เมื่อเห็นสภาพของวัดสวยมภูนาถบนเนินเขา  แม้พระมหาเจดีย์หาเองค์หลักจะไร้ร่องรอยความเสียหายแต่เจดีย์บริวารโดยรอบ บ้านเรือน อาคาร และร้านรวง พังเสียหายกว่าที่ผมคิดจินตนาการไว้มาก โดยเฉพาะส่วนที่เป็นอาคารสำหรับใช้ประกอบศาสนกิจและเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่ กำแพงด้านหนึ่งพังถล่มลงมา ซากปรักหักพังกองพะเนิน พระภิกษุสงฆ์หลายรูปเสี่ยงชีวิตกลับเข้าไปภายในเพื่อเก็บสิ่งของมีค่า อาทิ พระพุทธรูปทองคำ คัมภีร์บทสวดมนต์ เครื่องทองเหลือง ของเก่าสะสมต่างๆ ไปจนถึงของใช้ส่วนตัว ชาวบ้านเล่าให้ผมฟังว่า ขณะเกิดเหตุแผ่นดินไหว คนงานที่กำลังซ่อมแซมยอดเจดีย์องค์น้อยพลัดตกลงมาและถูกซากปรักพังทับจนเสียชีวิต  ดอกไม้ช่อเล็กๆ วางอยู่บนกองหินตรงนั้น  ลานกว้างบริเวณจุดชมวิวซึ่งเคยเป็นสถานที่ออกกำลังกายของชาวเนปาลยามแดดร่มลมตก ตอนนี้เต็มไปด้วยซากอิฐสีแดง กองหิน ชิ้นส่วนของเจดีย์กองสูงจนแทบจะปิดทางเดิน

            สายฝนโปรยปรายลงมาทำให้บรรยากาศยามเช้าที่เมืองเก่าภักตปุระยิ่งหมองหม่น  หญิงชราใบหน้าหยาบกร้านในชุดสีแดงเดินกางร่มฝ่าสายฝนมายังศาลเจ้ากลางหมู่บ้าน เธอเดินเข้ามาใกล้  ใช้อุ้งมือจีบแล้วแตะไปที่ริมฝีปากของเธอ  ผมยื่นอาหารแท่งสำเร็จรูปที่พกติดตัวให้เธอ หญิงชราตอบแทนด้วยแววตาเปี่ยมความหวังและรอยยิ้มเล็กๆ  ใกล้ๆกันนั้น  โรงเรียนซึ่งปิดทำการมาตั้งแต่เกิดเหตุแผ่นดินไหว ห้องเรียนชั้นล่าง เก้าอี้และม้านั่งต่างๆ กองอยู่ที่มุมห้อง ฟูกที่นอนวางเรียงรายเป็นแถวยาว หลายครอบครัวอาศัยห้องเรียนเป็นบ้านชั่วคราว สนามบาสเกตบอลได้รับการปรับเปลี่ยนเป็นห้องเรียนกลางแจ้งให้เด็กๆ วาดรูปถ่ายทอดความทรงจำของเหตุการณ์อันเลวร้ายที่เพิ่งผ่านมาเพียงไม่กี่วัน โรงพยาบาลประจำเมืองคลาคล่ำไปด้วยคนเจ็บ หญิงสาวคนหนึ่งนั่งกับพื้นซีเมนต์อยู่นอกอาคารเพื่อรอคิวเตียงคนไข้ว่าง พร้อมด้วยลูกชายบนตักที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะและใส่เฝือกที่ขาซ้าย คราบน้ำตาที่ไหลรินและแววตาที่เหม่อลอย สะท้อนถึงเรื่องราวอันเลวร้ายที่เธอประสบมาได้อย่างแจ่มชัด

            จัตุรัสทุรพาร์กลางเมืองเก่าปาทาน  เทวสถานเก่าแก่ของชาวฮินดูและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกได้รับความเสียหายอย่างหนัก  อาคารทรงมณฑปหลังคาซ้อนห้าชั้น พังทลายลงมาเหลือเพียงกองซากปรัก  เจ้าหน้าที่ทหารและอาสาสมัครช่วยกันลำเลียงอิฐ ทีละก้อน  ท่อนไม้ทีละท่อน เพราะหากใช้เครื่องมือหนักอาจทำให้ข้าวของมีค่าต่างๆ เสียหายได้  ศิลปวัตถุต่างๆ ทั้งรูปสลักหินและไม้แกะสลักถูกลำเลียงออกไปเก็บรักษาไว้บริเวณโถงในอาคารที่ไม่ได้รับความเสียหาย  โดยมีทหารดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการสูญหาย

            กลางไอแดดร้อนระอุยามบ่าย  คณะกู้ภัยเร่งค้นหาใต้ซากอาคารสูง 4 ชั้นที่ถล่มลงมาบริเวณใกล้ๆสะพานข้ามแม่น้ำแห่งหนึ่งด้วยความหวังว่าอาจพบผู้รอดชีวิต แม้เหตุแผ่นดินไหวจะผ่านมาถึง 4 วันแล้วก็ตาม  ใต้ซากอาคารแห่งนี้มีผู้สูญหายมากกว่าสิบราย  ตั้งแต่เช้าถึงบ่าย  เจ้าหน้าที่พบศพผู้เสียชีวิตแล้วสามราย “ลูกชายฝาแฝดอายุ 12  ปีของฉันหายไปตรงนี้” หญิงชาวเนปาลวัยกลางคนบอกกับผม  พร้อมนำรูปถ่ายลูกชายของเธอมาให้ดู  เธอนั่งยองบนพื้นถนนและเฝ้ารอด้วยความหวัง  การทำงานของหน่วยกู้ภัยเป็นไปด้วยความยากลำบาก ด้วยความคับแคบของพื้นที่ริมตลิ่งที่อ่อนยวบ  เจ้าหน้าใช้ได้เพียงเครื่องมือขุดเจาะและตัดบางประเภทเท่านั้น เวลาผ่านไปเกือบสามชั่วโมง ยังไร้วี่แววของชีวิต       

โศกนาฏกรรมที่เกิดจากแผ่นดินไหวความรุนแรงขนาด 7.8 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2558 เวลาประมาณ 11.56 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่บริเวณเมืองคุรข่า (Gorkha) ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุ เมืองหลวงเนปาล ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 80 กิโลเมตร เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 8,000 ราย และมีผู้บาดเจ็บร่วม 20,000 คน ผู้คนนับล้านต้องไร้ที่อยู่อาศัยเพราะบ้านเรือนพังเสียหายมากกว่าห้าแสนหลังคาเรือน  นอกจากจะเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกหลายระลอกแล้ว  ยังเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ขึ้นอีกครั้งในวันที่  12  พฤษภาคม 2558 ความรุนแรงขนาด 7.3 เมื่อเวลา 12.35 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่น โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ใกล้พรมแดนประเทศจีน เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตเกือบหนึ่งร้อยราย (ข้อมูล ณ วันที่ 13 พฤษภาคม 2558)


เรื่องโดย คัมภีร์ ผาติเสนะ
มิถุนายน 2558