นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีแห่งอินเดีย สร้างความฮือฮาครั้งใหญ่ เมื่อมีการเปิดเผยการเดินหน้าโครงการสร้างถนนความยาว 3,200 กิโลเมตร เชื่อมเมืองโมเรห์ในรัฐมณีปุระของอินเดีย เข้ากับ อำเภอแม่สอด ในจังหวัดตากของไทย ชี้หากสร้างเสร็จจะมีผลให้การค้าขายของภูมิภาคเอเชียใต้ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 60 เปอร์เซ็นต์จากระดับปัจจุบัน
รายงานข่าวซึ่งถูกเผยแพร่เมื่อวันพุธ (1) โดยหนังสือพิมพ์ อินเดียน เอ็กซ์เพรสส์ ของอินเดีย ตลอดจนสื่อออนไลน์ชื่อดังของบังกลาเทศอย่าง บีดีนิวส์ 24 ระบุว่า นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีแห่งอินเดียในวัย 64 ปี ที่เข้ารับตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาลแดนภารตะคนที่ 15 ในประวัติศาสตร์ตั้งแต่เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ประกาศเร่งเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจกต์ก่อสร้างทางหลวงความยาวถึง 3,200 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมโยงเมืองโมเรห์ในรัฐมณีปุระทางภาคตะวันออกของอินเดียเข้ากับอำเภอแม่สอดในจังหวัดตากของไทย โดยตัดผ่านเมืองมัณฑะเลย์ อดีตเมืองหลวงของพม่าและปัจจุบันเป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 3 ของประเทศรองจากนครย่างกุ้ง และกรุงเนปิดอว์
ในความเป็นจริงแล้ว โครงการก่อสร้างทางหลวงซึ่งเปรียบเสมือน สะพานเศรษฐกิจ ซึ่งเชื่อมอินเดียเข้ากับ ภูมิภาคอาเซียน สายนี้ได้เริ่มต้นก่อสร้างมาบ้างแล้วบางส่วน แต่แหล่งข่าวทางการทูตในกรุงนิวเดลีของอินเดีย เปิดเผยว่านายกรัฐมนตรีโมดีต้องการผลักดันให้การก่อสร้างเส้นทางคมนาคมสายนี้มีความคืบหน้ามากกว่าที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะในส่วนของเส้นทางส่วนที่ต้องตัดผ่านประเทศเมียนมาร์
รายงานข่าวระบุว่า การเดินหน้าโครงการสร้างถนนความยาว 3,200 กิโลเมตร (เท่ากับความยาวของแนวชายฝั่งทะเลทั้งหมดของเวียดนาม) ถือเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายต่างประเทศ Act East policy ของรัฐบาลโมดี ที่พัฒนาต่อยอดมาจากนโยบาย Look East ที่เน้นการเสริมสร้างและกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองกับประเทศในเอเชียเป็นสำคัญ โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็น สมาชิกกลุ่มอาเซียน
ทั้งนี้ เป็นที่คาดกันว่า บางส่วนของทางหลวงเศรษฐกิจสายนี้จะเริ่มเปิดใช้ได้บางส่วนตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกของปี 2016 แต่หากการก่อสร้างแล้วเสร็จครบทั้ง 3,200 กิโลเมตร คาดว่าจะช่วยให้การค้าขายข้ามชายแดนระหว่างไทย พม่า และอินเดียจะขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นถึง 60 เปอร์เซ็นต์ และจะช่วยย่นระยะเวลาในการเดินทางและขนส่งสินค้าลงได้อย่างสำคัญ
รายงานข่าวระบุว่า ในปัจจุบันการเดินทางจากรัฐมณีปุระของอินเดีย มายังเมืองมัณฑะเลย์ของเมียนมาร์ อาจต้องใช้เวลากว่า 48 ชั่วโมงหรือ 2 วัน แต่หากถนนสายนี้แล้วเสร็จจะใช้เวลาเหลือเพียง 14 ชั่วโมง เท่านั้น
ในอีกด้านหนึ่ง แหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงภายในกระทรวงถนน การขนส่งและทางหลวง (MoRTH) ของอินเดียเปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ต้องการใช้ทางหลวงเศรษฐกิจสายนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการเข้าถึงกลุ่มประเทศแถบลุ่มแม่น้ำโขงทั้งลาว เวียดนามและกัมพูชาด้วยเช่นกัน ซึ่งหากนโยบายนี้ประสบความสำเร็จ จะส่งผลให้อินเดียมีทางออกสู่ทะเลเพิ่มขึ้นอีกแห่ง นั่นคือ ทางออกสู่ ทะเลจีนใต้ ที่ถือเป็นเขตอิทธิพลดั้งเดิมของจีน
ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 กรกฎาคม 2558