ผู้เขียน หัวข้อ: จดหมายจากกลุ่มข้าราชการถึงนายกรัฐมนตรี  (อ่าน 1487 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9742
    • ดูรายละเอียด
จดหมายจากกลุ่มข้าราชการถึงนายกรัฐมนตรี
16 กุมภาพันธ์ 2554
เรื่อง ขอให้ยกเลิกการละเมิดสิทธิ์ข้าราชการเรียน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

  นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ อธิบดีกรมบัญชีกลางเปิดเผยว่า กรมบัญชีกลางจะเข้มงวดในการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการมากขึ้น โดยจะควบคุมการจ่ายยานอกบัญชีหลักใน 9 กลุ่มโรค โดยจะทยอยห้ามใช้ยานอกบัญชีทีละกลุ่ม คอนดรอยตินซัลเฟต และไดอะเซอเรน ทุกรูปแบบ ที่ใช้รักษาโรคข้อและกระดูกเสื่อม เพราะอ้างว่ายากลุ่มนี้เป็นอาหารเสริม ไม่ใช่ยา และคาดว่าจะประหยัดเงินได้ 442 ล้านบาท และจะทยอยยกเลิกการจ่ายยาอีก 8 กลุ่ม ได้แก่กลุ่มยาลดไขมันในเลือด ซึ่งจะประหยัดเงินได้ 1,009 ล้านบาท และกลุ่มยาป้องกันโรคกระดูกพรุน ที่จะประหยัดเงินได้อีก 712 ล้านบาทส่วนยาอีก 6 กลุ่ม ที่จะทยอยพิจารณายกเลิกได้แก่ กลุ่มยาลดการเป็นแผลและเลือดออกในกระเพาะอาหาร คาดประหยัดได้ 599 ล้านบาท กลุ่มยาต้านอักเสบที่มิใช่สเตียรอยด์ ขาดประหยัดได้ 415  ล้านบาท กลุ่มยาเบื้องต้นในการรักษาความดันโลหิตสูง คาดประหยัดได้ 376 ล้านบาท และกลุ่มยารักษามะเร็ง คาดประหยัดได้ 647 ล้านบาท  และถ้าหากทำทั้ง 9 กลุ่ม จะประหยัดได้ 4,851 ล้านบาท  การกระทำของกรมบัญชีกลางครั้งนี้ เป็นการออกประกาศที่ไม่ถูกต้องตามพระราชกฤษฎีกา เงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลพ.ศ. 2553  ซึ่งกำหนดไว้ว่า ข้าราชการมีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาล ตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในพระราชกฤษฎีกานี้  ฉะนั้น การที่กรมบัญชีกลางออกประกาศ ไม่ให้ข้าราชการเบิกจ่ายยาตามที่กล่าวข้างต้น และที่กรมบัญชีกลางจะประกาศต่อไป ถือเป็นการกระทำที่เกินขอบเขตที่กฎหมายให้อำนาจไว้ จึงไม่สามารถจะกระทำได้ ถือเป็นการละเมิดสิทธิข้าราชการ    การ ที่กรมบัญชีกลางใช้ “เงิน” เป็นตัวกำหนดว่าจะ “รักษาพยาบาลข้าราชการและครอบครัวอย่างไร” นั้น เป็นการกระทำที่ขาดมนุษยธรรมเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากคำนึงถึง"ตัวเงิน" มากกว่าคำนึงถึงคุณภาพชีวิตของข้าราชการ เพราะข้าราชการเมื่อเริ่มเข้าทำงานนั้น จะได้รับเงินเดือนเพียงครึ่งหนึ่งของพนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือเพียงหนึ่งในสี่ส่วน(25%) ของเงินเดือนของผู้ทำงานในองค์กรเอกชนการที่คนสมัครเข้ารับราชการ ยอมรับที่จะปฏิบัติตามกฎระเบียบและวินัยข้าราชการ  ยอมรับเงินเดือนน้อยกว่าทำงานอื่น ก็เพราะรัฐบาลได้มีกฎหมาย ในการให้เงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลทั้งหมด แต่พอข้าราชการนั้นทำงานมาจนแก่ชรา ปลดเกษียณ ชีวิตก้าวเข้าสู่ความเสื่อมของสังขาร มีการเจ็บป่วยมากขึ้น กลับถูกรัฐบาลยกเลิกข้อตกลงที่จะจ่ายเงินสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล ตัดสิทธิการใช้ยาที่จำเป็นในหมู่ผู้สูงวัย ที่มีรายได้จากเงินบำนาญรายเดือนเพียงเล็กน้อย  ซึ่งคงไม่มีเงินพอไปซื้อยามารักษาตัวเอง ทั้งๆที่เป็นยาที่แพทย์เห็นว่าจำเป็นในการรักษา การห้ามข้าราชการเบิกยาต่างๆที่กรมบัญชีกลางทำมาแล้ว และมีแผนการที่จะทำต่อไปนั้น  นอกจากจะถือว่าทำผิดกฎหมายแล้ว ยังเป็นการกระทำที่ขาดเมตตาธรรมและขาดมนุษยธรรมอีกด้วยจึงเรียนมาเพื่อให้นายกรัฐมนตรีสั่งการให้กรมบัญชีกลาง ยกเลิกการกระทำที่ผิดกฎหมาย ขาดเมตตาธรรมและมนุษยธรรม โดยเร่งด่วนด้วย

ขอแสดงความนับถือ

กลุ่มข้าราชการประจำและข้าราชการบำนาญ

******* เปิดใจข้าราชการ

สืบเนื่องจากข้อความข้างบนที่มีผู้ FW mail มาให้

อดไม่ได้ที่จะเขียน อาจพิมพ์ตกหล่นผิดไวยากรณ์ อย่าถือสานะ เพราะเขียนสดๆๆเป็นอารมณ์ความรู้สึกของ ขรก.กลางคน เห็นด้วยกับข้อความนี้จริงๆ เพราะเรามารับราชการเมื่อตอนจบการศึกษา (จบกม.ใหม่ๆ) เรามีทางเลือกอื่น ขนาดว่าเรามีงานประจำทำแล้วกับภาคเอกชน ขณะนั้น เราได้เงินเดือน๕,๐๐๐ บาท อาหารฟรี เป็นสวัสดิการ มีเงินจ่ายเพิ่มอีกแต่ละเดือน (ทำที่ รร.แอมบาสซาเดอร์ สุขุมวิท) ปี ๒๖ ยังลาออกมารับราชการระดับ๓ เงินเดือน ๒,๖๙๐ หากจำไม่ผิด แต่เพราะคิดว่า ขรก .เงินน้อยแต่น้ำซึมบ่อทราย มีค่าสวัสดิการรักษาพยาบาลเรา บิดา มารดาและครอบครัว เบิกค่าเช่าบ้านได้ เป็นต้น จึงเลือกมารับราชการ  จนบัดนี้ ๒๘ ปี ที่รับราชการ อายุตัวก็อีก ๗-๘ปีเกษียณ แต่ขณะนี้เกิดอะไรขึ้น กรมบัญชีกลางบอกตัวเลขลดรายจ่ายเงินภาษีรัฐ กี่ร้อยล้านบาท หากลดกลุ่มยาที่ให้ขรก.ใช้ในการรักษาโรค น่าภาคภูมิใจของกรมบัญชีกลางที่ดูตัวเลขลดรายจ่ายให้รัฐได้ ไม่ได้นึกถึงว่า กลุ่มขรก.ขณะนี้ เราก็เหมือนพลเมืองชั้น ๒ แล้ว ยาเรามีแต่ห่วยๆ ดีกว่ากลุ่มประกันสังคมหน่อยนึ่ง แต่สู้กลุ่ม ปชช.๔๘ล้านคนไม่ได้ พลเมืองชั้นหนึ่งในการได้สวัดดิการจากรัฐจากภาษีอากรที่รัฐเรียกเก็บเต็ม จากพวกเรา ขรก.และประกันสังคม(ซึ่งเขาต้องจ่ายสมทบ) แต่ดูสิ เวลาเราจะใช้สิทธิเหมือนกับอะไร  ใช่ว่าเราอยากจะป่วยที่ต้องใช้ยาแพง...

ทุกวันนี้ พอมีปัญญาจะจ่ายเงินซื้อประกันสุขภาพ เช่น ของบริาษัท เอไอเอ, ไทยประกัน, อยุธยาอลิแอ้น ฯลฯ เป็นต้น เราต้องเจียดจ่ายเงินซื้อกรมธรรม์ละ ๒-๓ หมื่นบาทต่อปี ๓คนพ่อแม่ลูก กี่บาทต่อปี คำนวณเอานะ...เพื่ออะไร?... เพื่อการรับบริการที่ดี ทั้งการรอคอย การบริการ one stop services และยาที่ดี(ยานอกเป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้กินพารา ที่มีแป้งเยอะ เป็นต้น ) ก็หวังว่า เผื่อแก่ เป็นมะเร็ง เป็นอะไรที่เยอะๆๆเราจะขอใช้บริการในสิทธิของขรก.บ้าง.(ที่ผ่านมา...เจ็บป่วยปกตินอนรพ. ๓-๕วัน ฯลฯ เราก็ใช้บริการเอกชนตามที่เสียเงินซื้อสุขภาพ นึกเสียว่าซื้อความสะดวกสบาย แต่หากแก่เราเป็นโรคที่อาจใช้ยาแพงรักษา แต่เทียบกับที่ผ่านมาเราไม่ค่อยได้ใช้สิทธินี้เลย ขอเอาตัวเองเป็นตัวอย่าง. รับราชการมา ๒๘ ปี เบิกนอนรพ.รัฐใช้สิทธิ ขรก.คลอดลูก ๑ ครั้ง๗วัน นอกนั้นไม่เคย บิดาเราผ่าตัดนอนรพ.๒-๓ ครั้ง. สามี๒-๓ครั้ง ลูกไม่เคยใช้เลย (ไม่ใช่ไม่ป่วยแต่ใช้บริการเอกชน) นอกนั้นเบิกยากินเล็กๆน้อยๆ หากจะคิดต้นทุนต่อหน่วย กับการที่จ่ายค่าแรงเรา ๑/๒ ของค่าแรงเอกชน ๒๘ ปี รัฐได้กำไรเราเท่าไร ภาษีเก็บเราเต็มเม็ดเต็มหน่วย

 พอเราใกล้เกษียณ มาเปลี่ยนเกณฑ์ เหมือนขี้โกงเรานะ..ไม่รู้จะบรรยายอย่างไร..ที่เหมือนเราถูกหักหลัง จะถอย ลาออกก็ไม่รู้จะทำอะไร เราไม่มีทางสู้ งานก็บี้หนัก คนทำงานก็น้อย..ขรก.รุ่นเราๆๆ ทำงานหนักแบบไม่ใช่ข้าราชการ..(ตามนิยามที่ว่า เช้าชาม เย็นชาม อาจมีให้เห็นบ้างคนตกรุ่นน่ะ ).พอดูเงินเดือนจนปูนนี้ ซีก็ต๊อกต๋อย เงินยังได้ไม่ถึง๔๐,๐๐๐บาทต่อเดือน แต่ทำงานเหมือนวัวเหมือนควาย.เราขอพูดอย่างนี้จริงๆ  ลองดูเงินเดือน. หักเงินกู้,เงินภาษี, หักสหกรณ์ สุทธิแล้วเหลือไม่ถึงหมื่น  อยู่ได้อย่างไรนึกไม่ออก (ก็เงินสามีเลี้ยงไงล่ะ..ดีว่าสามีเป็นคนดี เลี้ยงดู เรา มีสมบัตินิดหน่อยให้เรา..ใจนึงอยากลาออกไปอยู่ตระกูล ส. แต่เขาก็ไม่เอาเรา..เราไม่มีพวก..จะว่าไปใช่เราขี้เหร่ ฝีมือก็มี ความขยันใช่น้อยหน้า แต่..ไม่ใช่พวก .. เห็นเขารับคนไปอยู่ด้วย ใช่จะเจ๋งหมด ก็พวกกัน..ไม่คัดจริงหรอก รับเงินเดือนมากกว่าเอกชนอีก...(อยากไปอยู่หรอกแต่เขาไม่เอา ก็เลยอิจฉาเขาที่เงินเยอะดี ค่าฯลฯก็เยอะกว่า..ประชดนะ...)..
เนี่ยะ แบบนี้ ไม่มีกรมบัญชีกลางไปรักษาผลประโยชน์รัฐเนอะ  ลองยุบตระกูล ส.ไปบ้างสิ เงินงบประมาณเพิ่มขึ้นจมเลย จากค่าแรงท่านๆๆทั้งหลาย โบนัสอีก  ท่านผู้รู้ท่านใดลองคิดต้นทุนตรงนี้ให้กรมบัญชีกลางดูสินะ..น่าจะดี...จะลดรายจ่ายภาครัฐได้มากจริงๆๆ...ค่าเบี้ยประชุมเอย..ค่าฯลฯ รับเงินคนละ ๒-๓ ตำแหน่ง  อูย..อิจฉา

 พวกข้าราชการทั้งหลายที่เงินเดือนแต่ละเดือนเหลือสุทธิเท่าใด...ข้าราชการบำนาญท่านก็ทำงานรับใช้ชาติมานาน พอมาตอนนี้ต้องซ่อมสุขภาพตามสภาวะ..แต่ท่านก็ถูกคนจะบังคับให้กินยาถูกๆๆๆสวนกับความเป็นจริงของวัยที่เกิดโรค ดอกเบี้ยเงินฝากอย่าไปหวัง อาหารการกินก็แพง..กรมบัญชีกลาง สำนักงบฯน่าจะหาวิธีลด cost วิธีอื่นเถอะ หรือรัฐบาล..น่าจะหาวิธีอุดรอยรั่ว..เงินรัฐเถอะ..กลัวการโกงกินของขรก. เบิกยาเท็จ..ถามจริงแบบนี้กับที่มีบางคน บางส่วนน้อยที่ทำ  ไอ้ที่คอรัปชั่นโครงการเยอะๆๆ  หาส่วนต่างพืชผล  พืชผลในสต๊อค สูญหาย ที่เป็นข่าวดังๆๆ ซื้ออาวุธ ยุทธโธปกรณ์ห่วยๆๆ  จะรบกับใคร..ปักษ์ใต้ ระอุ...ผลาญงบทั้งนั้น...(เงินชาติทั้งนั้น ทำไมไม่มีปัญญาที่จะลดจะแก้ปัญหา ฝากถามรัฐบาลดังๆๆนะ  โชว์ฝีมือหน่อย...ใช่จะตักปลาในบ่อเพื่อน...ง่ายดี เหมือกรมบัญชีกลางร่ายตัวเลขลดรายจ่ายลงเท่านี้ เท่านั้นล้านบาท..ยังกับว่าข้าราชการเขาอยากป่วยกัน..เขาจะโกงกัน..ยิ่งนึกยิ่งน้อยใจ..เรา(เสือก)เกิดมาในประเทศที่นับวัน ยิ่งมีนัก..ที่เก่งกัน..คิดอะไรง่ายๆๆๆไม่นึกถึงด้านอื่นๆๆ อย่าพูดถึงมนุษยธรรมเลย..มิน่า..ทุกวันนี้ เด็กรุ่นนี้ ยอมตกงานดีกว่ามารับราชการ...วังเวง..ขอ ร่ายยาวแบบดิบๆๆแบบนี้ ไม่ดัดจริตพูดหรูๆๆ สรุปคือ ..สงสารเราเอง..ที่เหมือนถูกมัดมือชก..ท่าน ขรก.บำนาญ..ท่านทำงานมานาน เยอะแล้ว..พอเกษียณ..จะสบายๆๆมีสวัสดิการเบาใจว่ารักษาความไม่สบายเรา ได้..แต่ท่านก็..ลำบากอีก..การอคอยคิวไป..รพ..กว่าจะได้พบหมอ...ตื่นแต่ไก่ โห่..รอจนปวดเมื่อย..พบหมอแป๊ป...ยากินเหลือแต่....ยา....ไม่รู้หายเมื่อไร ...ต้องเทียวไปรพ..อีกกี่ที....ใครล่ะอยากจาป่วย..อยากจาไป รพ..เฮ้อ โชคดีที่แม่เราตายไปแล้ว..เหลือแต่พ่อที่แก่..แต่ไม่ไป รพ.รัฐหรอก หากไม่ป่วยหนักจริงๆๆๆสงสาร..ต้องรอคิว..จะใช้เส้น..ก็สงสารชาวบ้านตาดำๆๆ ไม่รู้รอตั้งกี่ชม...มาจากที่ไกลๆๆ ..เอาเหอะ..ใครช่วยส่งต่อๆๆไปให้กรมบัญชีกลาง..ให้นายกฯรูปหล่ออ่านหน่อยนะ ไม่สงวนลิขสิทธิ์..หรือจะส่งต่อๆๆไปปลุกระดม..ขรก..ให้ช่วยกันมาตะโกนดังๆๆ ให้กรมบัญชีกลาง..หรือหน่วยงานสิทธิมนุษยชนได้รับรู้หน่อยว่า...ขรก.กำลัง ถูกละเมิดสิทธิ..หรือต้องไปร้องศาลรัฐธรรมนูญ..หรือศาลเจ้าเจี้ยว..ที่ไหน ดี...

จากข้าราชการปัจจุบัน..และก็คงเป็นข้าราชการต่อไปจนกว่าจะตายไปข้างนึง..