ผู้เขียน หัวข้อ: รู้ค้น รู้คิด พิชิต “วิทยาศาสตร์ลวงโลก”  (อ่าน 1524 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9742
    • ดูรายละเอียด
ไม่ว่าจะเป็น เครื่องอำนวยความสะดวกสุดไฮเทค หรือสารอาหารฟื้นฟูกำลัง รวมทั้งเหล่าพลังจักรวาลบำรุงร่างกายทั้งหลาย เมื่อมีคำอธิบาย “เชิงวิทยาศาสตร์” ที่มีงานวิจัยจากสถาบันแปลกๆ รับรอง ก็ดูดี(น่าจะ)มีประสิทธิภาพขึ้นมาทันที ทั้งที่หลายครั้ง หลายกรณีเป็น “วิทยาศาสตร์เทียม” ที่วนเวียนมาหลอกลวงเราอยู่หลายครั้งหลายครา
       
       ตั้งแต่ “จีที 200” เครื่องตรวจระเบิดลวงตา ที่ถูกกระชากหน้ากากวิทยาศาสตร์จอมปลอมต่อหน้าสังคมไทย ทำให้เราคุ้นชื่อ “ผศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์” อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะนักวิทยาศาสตร์ที่กล้าออกหน้า อธิบายหลักการอันจอมปลอม ของนวัตกรรมตรวจระเบิดราคานับแสน
       
       ผศ.ดร.เจษฎา กลับมาพูดถึงเรื่องวิทยาศาสตร์เทียมอีกครั้ง ระหว่างการประชุมวิชาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อเยาวชน ครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 19 มี.ค.54 ณ อาคารศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคบางนา กรุงเทพฯ ในฐานะบัณทิตโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) ผ่านการบรรยาย เรื่อง “วิทยาศาสตร์ลวงโลก" (Pseudo Science)
       
       ครั้งนี้ ผศ.ดร.เจษฎา ฉายภาพรวมให้เห็นก่อนว่า วิทยาศาสตร์ลวงโลกนั้นคือการแอบอ้าง หรือเอาแนวทางปฏิบัติที่บอกว่าเป็นวิทยาศาสตร์ แต่ไม่ได้ผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้อง ตลอดจนไม่มีหลักฐาน หรือความเป็นไปได้มาสนับสนุน ซ้ำยังไม่สามารถมาทดสอบได้อย่างน่าเชื่อถือ และที่สำคัญไม่อยู่บนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์อีกด้วย
       
       “วิทยาศาสตร์ที่แท้จริง (real science) ต้องทดลอง พิสูจน์ หาข้อเท็จจริงได้ รวมถึงต้องยอมให้คนอื่นมาทดสอบเพื่อหาความถูกต้อง เป็นจริง สุ่มเก็บตัวอย่างอย่างยุติธรรม” ผศ.ดร.เจษฎาอธิบาย
       
       ทั้งนี้ ในการทดสอบเรื่องนั้นๆ จะต้องไม่ทราบผลล่วงหน้า โดยต้องมีการทดสอบทางสถิติ เพื่อบอกนัยสำคัญของผลที่ได้ ว่ามีความน่าเชือถือหรือไม่ ไม่ใช่กล่าวอ้างมาลอยๆ
       
       เราจะรู้ได้ยังไงว่าเป็นวิทยาศาสตร์ลวงโลก?
       
       ผศ.ดร.เจษฎา บอกว่าจุดสังเกตคือ มีการกล่าวอ้าง ที่ฟังดูกำกวม เกินจริง หรือพิสูจน์ไม่ได้ และมีการยืนยันอย่างเต็มที่ จากผู้ใช้หรือผู้ที่น่าเชื่อถือ แทนที่จะเป็นความพยายามพิสูจน์ข้อสงสัย
       
       อีกทั้งยังไม่เปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ มาร่วมทำการทดสอบ และขาดขั้นตอนที่มีประสิทธิภาพ
       
       “คนบางกลุ่มในสังคมไทยนั้น ชอบแอบอ้างเรื่องวิทยาศาสตร์แบบมึนๆ โดยไม่สนใจทำความเข้าใจ แค่รู้ว่ามันใช้ได้ก็พอ” ผศ.ดร.เจษฎาให้ความเห็น
       
       “ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสมการ เอาคำของวิทยาศาสตร์บางคำมาอ้าง เพื่อให้มีความน่าเชื่อถือ แต่หากกระบวนการดังกล่าว ถ้ามาจากวิทยาศาสตร์จริง ถ้าสามารถตรวจสอบ ทดสอบ หรือพิสูจน์ได้ ถือว่าเป็นวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง แต่ในทางกลับกัน หากพิสูจน์ไม่ได้ ถือว่าเป็นการหลอกลวง หรือที่เรียกกันว่า วิทยาศาสตร์ลวงโลกนั่นเอง” ผศ.ดร.เจษฎาอธิบาย
       
       นอกจากนี้ ผศ.ดร.เจษฎายังได้ยกตัวอย่างของสังคมไทย กับเรื่องราววิทยาศาสตร์ลวงโลก ที่มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าไม่เป็นความจริง และเป็นกระแสโด่งดังอยู่ตามหน้าหนังสือพิมพ์ จอทีวี มาแล้ว อย่างเรื่องของ “เครื่องตรวจระเบิด” หรือที่เราคุ้นหูกันว่า “จีที 200”
       
       “เรื่องนี้เป็นการเอาวิธีการบางอย่างที่ดูน่าเชื่อถือ โดยกล่าวอ้างว่า สามารถตรวจหาระเบิดได้ แถมยังมีราคาที่สูงลิ่ว แต่เมื่อมาพิสูจน์ในหลักการแล้วใช้ไม่ได้ พอทดสอบแล้วก็ไม่เกิดประสิทธิภาพ ทำให้เสียเวลา เสียงบประมาณอีกด้วย” ผศ.ดร.เจษฎากล่าว
       
       อีกทั้งยังมีเรื่องของ “พาวเวอร์ มายด์ แคมป์” (Power Mind Camp) หรือ “แคมป์พิเศษ” ที่เสริมสร้างพัฒนาการเด็กอายุ 6-12 ปี เข้าฝึกฝนความสามารถพิเศษ ในการฝึกทักษะใช้สมองส่วนกลาง เพื่อต้องการให้เด็กมีพัฒนาการทางด้านจิตใจและสมอง โดยสามารถทำให้สมองส่วนซ้าย-ขวา สมดุลกันมากขึ้น
       
       ผศ.ดร.เจษฎาย้ำว่า เรื่องดังกล่าวก็พิสูจน์ให้สังคมได้เห็นว่าไม่เป็นจริง และนำเอาหลักทางวิทยาศาสตร์มาใช้แบบไม่ถูกต้อง
       
       อย่างไรก็ดี ยังมีเรื่องของ “เหรียญสเคล่าร์” ที่โฆษณาชวนเชื่อว่า เหรียญดังกล่าวจะช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายที่อ่อนแอให้เกิดสมดุลมีพลังแข็ง แรงกลับคืนมา และเสริมสร้างร่างกายให้ดีขึ้น เพียงนำแก้วน้ำมาวางไว้บนเหรียญ 10 วินาที แล้วดื่มน้ำก็จะมีพลังงานอยู่ในร่างกายได้นานถึง 8 ชั่วโมง
       
       สรรพคุณของพลังสเคล่าร์จากเหรียญนี้มีมากมาย อาทิ ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น ปรับสมดุลให้กับร่างกาย เพิ่มสมาธิ ทำให้โมเลกุลของน้ำเล็กลง ร่างกายจึงสามารถดูดซึมได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มออกซิเจน เข้าสู่เซลล์และกระแสเลือด ช่วยต่อต้านเซลล์มะเร็ง ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและไวรัส
       
       “เรื่องของเหรียญสเคล่าร์นั้น เมื่อพิสูจน์แล้วเป็นกลลวงโลก ด้วยการเล่นกับสมดุลของร่างกายและแรงที่กระทำต่อจุดศูนย์ถ่วง และความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อตามธรรมชาติเท่านั้น และ ทาง อย. ได้ออกมาประกาศว่า เหรียญดังกล่าวไม่มีผลทางการแพทย์ แทนที่คนไข้จะได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ก็อาจทำให้อาการป่วยต่างๆ ทรุดลงได้” ผศ.ดร.เจษฎา อธิบายพร้อมทั้งสาธิตการสร้างพลังสเคล่าร์ให้ได้ชม
       
       อย่างไรก็ดี สังคมไทย กับเรื่องของวิทยาศาสตร์ลวงโลกนั้น ยังมีอีกหลายเรื่องที่อยู่ใกล้ตัวเรามาก ซึ่ง ผศ.ดร.เจษฎาได้ยกตัวอย่างไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ คำทำนายพิบัติภัย จาก (คนที่อ้างตัวว่าเป็น) นักวิจัยนานาซา เช่น ดาวเคราะห์เรียงตัวกัน จะทำให้เกิดพายุ หรือสึนามิเข้าอ่าวไทย
       
       รวมถึง ผีถ้วยแก้ว และเครื่องสแกนวิญญาณ ทั้งที่ เป็นแค่ของเด็กเล่น กล่องประหยัดค่าไฟ ปลั๊กประหยัดน้ำมันรถ ถือเป็นการหลอกลวง รถยนต์ใช้พลังงานจากน้ำ ไม่คุ้มค่าส่งผลให้เครื่องยนต์พัง การกินคอลลาเจน หรือเอนไซม์บำบัด ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย กินแล้วไม่เกิดผลตามคุณสมบัติที่กล่าวอ้าง
       
       “วิทยาศาสตร์ลวงโลกมีได้ทุกระดับ ตั้งแต่เรื่องของโครงงานวิทยาศาสตร์จนถึงเรื่องระดับชาติ” ผศ.ดร.เจษฎาเผย ซึ่งสิ่งที่ต้องรีบทำในขณะนี้ คือจะต้องให้คนในสังคม ตามเรื่องของวิทยาศาสตร์ลวงโลกอย่างเท่าทันแลมีสติ
       
       ท้ายที่สุด ผศ.ดร.เจษฎาแนะแนวทางรับมือกับวิทยาศาสตร์ลวงว่า ต้องให้คนในสังคมให้ความสำคัญกับการตั้งคำถามให้มากยิ่งขึ้น ว่าเรื่องราวดังกล่าวที่เกิดขึ้น จะมีโอกาสเป็นเท็จไหม เชื่อถือได้มากแค่ไหน หรือว่าสินค้า หรือคำทำนาย คำพูดต่างๆ เป็นจะเป็นการหลอกลวงหรือไม่
       
       “ถ้าคนในสังคมยังไม่รู้จักที่จะตั้งคำถาม ไม่ทดสอบ หรือไม่ค้นหาคำตอบด้วยตนเอง หรือเชื่อตามคำพูด โฆษณาชวนเชื่ออาจทำให้ ถูกหลอกไปเรื่อยๆ”

ASTVผู้จัดการออนไลน์    22 มีนาคม 2554