เมื่อต้นเดือนก.พ.ที่ผ่านมา มีข้อมูลจากโครงการวิจัยสุขภาพ และชีวิตการทำงานของพยาบาลไทย ระบุว่า พยาบาลไทยเกือบ50% มีความเครียดสูง ในจำนวนนี้กว่า10% ต้องพึ่งยานอนหลับ แถมคุณภาพชีวิตต่ำกว่าคนทำงานด้านอื่น
ข้อมูลดังกล่าวถือเป็นเรื่องน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งสำหรับ พยาบาล อาชีพที่ต้องอาศัยความเอื้ออาทร เสียสละ เมตตาอ่อนโอน และใกล้ชิดกับผู้ป่วยมากที่สุด
แต่...ในภาวะที่พยาบาลเกือบครึ่งต้องเผชิญกับเรื่องดังกล่าว มีพยาบาลอยู่คนหนึ่ง ไม่เคยย่อท้อกับการทำงาน ทุ่มเทแรงใจแรงกายให้กับวิชาชีพของตัวเองอย่างไม่เห็นกับความเหน็ดเหนื่อย สร้างจิตอาสาเพื่อขยายให้ทุกชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือ ออกเยี่ยมผู้ป่วยตามบ้านในชุมชนต่าง ๆ เดือนละ 12 ครั้ง จนได้ชื่อว่า พยาบาลไร้หมวก
บุคคลคนนี้ก็คือ นางเพ็ญลักขณา ชำเลิศ อายุ 53 ปี พยาบาลวิชาชีพชำนาญการโรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชอ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา พยาบาลที่รับรางวัลในการทำงานเพื่อสังคมมาแล้วมากมาย
วันก่อน เหยี่ยวขาว ร่วมกับ นางเพ็ญลักขณา พร้อมกับ จิตอาสา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เยี่ยมผู้ป่วยที่บ้านเลขที่ 122/1 หมู่ 3 ต.นครหลวง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นบ้านไม้เก่า ๆ ปลูกบนที่ดินของวัดมหาพล เพื่อให้การช่วยเหลือครอบครัวหนึ่ง มี พ่อ อาศัยอยู่กับ ลูก 3 คน ส่วนผู้เป็นแม่ทิ้งไป และยังมี คุณตา ของเด็กที่ป่วยด้วยโรคอัมพฤกษ์ โรคลมชัก ทำให้ลูกชายคนโตไม่สามารถไปเรียนได้เต็มที่ ช่วงพ่อออกหางานทำงาน จึงจำเป็นต้องเลี้ยงน้องอายุ 3 ขวบและ 4 ขวบ ส่งผลให้สุขภาพของเด็กแต่ละคนไม่สมบรูณ์ พี่ต้องไปขออาหารจากวัดข้างบ้านมาเลี้ยงน้อง ๆ และคุณตาที่อายุมาก
ทันทีที่ขึ้นไปบนบ้าน เห็นสภาพความเป็นอยู่ ต่างพากันอึ้งในความยากจนข้นแค้น และความลำบากของครอบครัวดังกล่าว โดยนางเพ็ญลักขณารีบเข้าไปดูเด็ก ๆ ก่อนจะอุ้มเจ้าหนูน้อยคนหนึ่งขึ้นมากอด หอมแก้ม และลูบหัวอย่างทะนุถนอม มันช่างเป็นภาพที่งดงาม และประทับใจเหลือเกิน
การกระทำดังกล่าวมันออกมาจากจิตสำนึกของพยาบาลที่แท้จริง โดยไม่เคยรังเกียจคนยากคนจนแม้แต่น้อย!!!
เบื้องต้น...การช่วยเหลือครอบครัวนี้ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เทศบาลตำบลนครหลวง โดยนายวิรัติ พัดโบก รองนายกเทศมนตรีฯ พร้อมนางกานต์พิชชา ธุปบูชา ผอ.กองสวัสดิการฯเทศบาล และเจ้าหน้าที่ทหาร ได้นำ คุณตา ของเด็ก ๆ ไปดูแลที่สถานสงเคราะห์คนชราวาสนะเวศม์ฯ
ส่วนเด็ก 3 คน...สำนักงานพัฒนาสังคมฯได้นำไปดูแล เพื่อให้ผู้เป็นพ่อได้หางานทำเป็นหลักแหล่งเสียก่อน แล้วค่อยมาทำเรื่องขอบุตรทั้ง 3 คนไปเลี้ยง
ที่สำคัญ โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช โดย นพ.ประเสริฐ ตั้งจิตรธรรม ผอ.รพ. รับเป็นผู้ดูแลรักษาพยาบาล โดยนำครอบครัวนี้ทั้งหมดไปเช็คร่างกาย หากมีโรคใด ก็จะรักษาให้ทันที
พยาบาลไร้หมวก เล่าให้ฟังว่า ตัวเองเป็นคนพระนครศรีอยุธยา ย้ายมาทำงานที่โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชได้ 3 ปี ก่อนหน้านี้ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลภาชี 29 ปี ที่ผ่านมาสร้างเครือข่ายจิตอาสาได้ถึง 60 ชุมชน ถือเป็นการลดช่องว่างระหว่าง ผู้ป่วย กับ โรงพยาบาล ได้ โดยผู้ป่วยที่ไม่สามารถเดินทางมายังโรงพยาบาลได้ ก็จะมีจิตอาสาเข้าไปดูแลรักษาถึงบ้านในทุกชุมชน
ทั้งยังได้ทำงานช่วยเหลือผู้ป่วยระยะสุดท้ายจากโรงพยาบาลถึงบ้านผู้ป่วยที่ทางโรงพยาบาลไม่สามารถที่จะรักษาให้หายได้ ด้วยการเข้าไปพูดคุยในการปฏิบัติตนให้มีชีวิตอยู่ให้ยาวนานขึ้นอีก นอกจากนี้...ยังสร้างเครือข่ายคนทำดี 6 อำเภอคือ อำเภอภาชี อำเภออุทัย อำเภอนครหลวง อำเภอบางปะหัน อำเภอมหาราช อำเภอท่าเรือ โดยเร่งสร้างจิตอาสาในการเข้าไปช่วยเหลือชุมชนในแต่ละอำเภอ ที่ผู้ป่วยไม่สามารถเดินทางมายังโรงพยาบาลได้
สำหรับงานสร้างเครือข่ายการทำงานในชุมชนตามจังหวัดต่างๆ ที่เชิญมา แต่ละเดือนจะไปได้แค่ 2 จังหวัดเท่านั้นรวมถึงการเป็นอาจารย์สอนพยาบาล มุ่งเน้นไปที่ ทำงานด้วยหัวใจ และยังเข้าร่วมกับมูลนิธิของประเทศไต้หวันในการเข้าช่วยเหลือมนุษย์ ส่วนงานภาคเอกชนก็ใช้เวลาเสาร์-อาทิตย์ ไปบรรยายเป็นผู้ให้ความรู้ด้านปฏิบัติตนอย่างไรจะเป็นคนดีในการทำงานเพื่อองค์กรหรือสังคม
ที่เรียกกันว่าพยาบาลไร้หมวก เพราะเวลาลงไปเยี่ยมคนไข้ที่บ้าน หลายที่มันลำบากมาก ใส่เครื่องแบบไปไม่สะดวก ส่วนตัวมองว่า การเป็นพยาบาลไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องแบบ แต่ 'หัวใจ' ต่างหากคือสิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นพยาบาลที่แท้จริง
ส่วนเรื่อง พยาบาล...เครียด จนต้องพึ่งยานอนหลับนั้น เป็นเรื่องจริงที่เป็นปัญหาเรื้อรัง เนื่องจากที่เวลาทำงานของพยาบาลเต็ม 8 ชั่วโมง และยังต้องเข้าเวรถึง 22 เวรในหนึ่งเดือน เป็นปัญหาที่สร้างความเครียดกับตัวพยาบาลเนื่องจากบุคลากรน้อย และเวลายาวนานจึงเกิดความเครียดได้ ส่วนการใช้ยานอนหลับเกิดจากหลายสาเหตุ โดยเฉพาะการทำงานผิดเวลา อีกส่วนหนึ่งเกิดจากความเครียดกับปัญหาคนป่วยที่มีอาการต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขได้แก้ไขอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเพิ่มบุคลากร และมีการให้เรียนรู้ธรรมะ และสอน-อบรม ให้ทำงานอย่างไรจะมีความสุข ซึ่งตัวเอง...ก็เป็นผู้อบรม และได้สอนวิธีที่จะผ่อนคลายความเครียดจากการทำงานให้พยาบาลในสังกัดอย่างต่อเนื่อง
เห็นอย่างนี้แล้ว บอกได้เลยว่า ภูมิใจจริง ๆ สำหรับบุคคลที่ได้ชื่อว่า พยาบาลไร้หมวก จึงขอจัดเก็บไว้ในแฟ้ม คนดีของสังคม เพราะหน้าที่ของเธอ ไม่ใช่แค่การดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาลเท่านั้น แต่ยังอุทิศตัวเองให้กับผู้ป่วยนับร้อยนับพันหลังคาเรือนในพื้นที่
คำพูดที่ว่า...การเป็นพยาบาลไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องแบบ หากแต่ "หัวใจ" ต่างหากคือสิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นพยาบาลที่แท้จริง จึงเป็นคำพูดที่โดนใจมาก ๆ จนไม่รู้จะบรรยายออกมาอย่างไร แต่ก็ต้องขอยกย่อง พยาบาลไร้หมวก ที่มีนามว่า นางเพ็ญลักขณา ชำเลิศ
...................................
คอลัมน์ :คนดีของสังคม
โดย เหยี่ยวขาว
เดลินิวส์ 7 มีนาคม 2558