ผู้เขียน หัวข้อ: วิถีโคบาลแห่งปาตาโกเนีย-สารคดี-เนชั่นแนลจีโอกราฟฟิก  (อ่าน 1043 ครั้ง)

pani

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 756
    • ดูรายละเอียด

ภาพ : วิถีโคบาลแห่งปาตาโกเนีย
ภาพโดย : โตมาส มูนีตา
คำบรรยายภาพ : บากัวเลรอส หรือเหล่าโคบาลที่ตามจับปศุสัตว์ดุร้าย หยุดพักขณะตามวัวบนคาบสมุทรอันโตนิโอบารัสในแถบที่ราบสูง ปาตาโกเนียของชิลี มีน้อยคนที่เลือกวิถีชีวิตแบบบากัวเลโร “เป็นชีวิตที่งดงามแต่โหดเอาการครับ” เซบาสเตียน การ์เซีย อิเกลเซียส (คนซ้ายสุด) บอก

เรื่องราวว่าด้วยเลือด มิตรภาพ ความกล้าหาญ และประเพณีเก่าแก่ของเหล่านักจับวัวท้ามฤตยูแห่งอเมริกาใต้

เรื่องราวของเลือด ความกล้าหาญ และประเพณี  มักเกี่ยวข้องกับเหล่าอาชา ผู้คนที่เก่งกาจ ทว่าไม่โอ้อวด และแน่นอนว่าต้องรวมถึงการเสี่ยงชีวิตและการบาดเจ็บถึงขั้นพิกลพิการ และก็เช่นเดียวกับเรื่องราวในแนวนี้ส่วนใหญ่ สภาพภูมิประเทศมักทุรกันดารอย่างเหลือเชื่อ  ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความรกร้างห่างไกล  จึงยากที่จะเข้าถึงด้วยวิธีการปกติทั่วไป  แต่ถ้ารู้ว่าควรมองหาตรงไหน  คุณจะสังเกตเห็นซัทเทอร์แลนด์ (Sutherland)  ในแผนที่โดยมีรูปร่างคล้ายนิ้วยื่นเข้าไปในอ่าวอุลตีมาเอสเปรันซาซาวนด์ทางตอนใต้ของภูมิภาคปาตาโกเนียในประเทศชิลี

เซบาสเตียน การ์เซีย อิเกลเซียส วัย 26 ปี  เป็นวิศวกรการเกษตรโดยอาชีพ  แต่ในหัวใจเขาคือโคบาลผู้สั่งสมประสบการณ์และภูมิปัญญาตามแบบฉบับของคนที่เติบโตท่ามกลางสัตว์ใหญ่  คุณตาของเขาคือ อาร์ตูโร อิเกลเซียส ผู้เป็นดั่งตำนาน ครอบครัวอิเกลเซียสเป็นหนึ่งในครอบครัวแรกๆที่มาตั้งถิ่นฐานที่นี่เมื่อปี 1908  และเปิดร้านขายของชำให้บริการแก่เหล่าผู้บุกเบิก ต่อมาไม่นาน ครอบครัวนี้สร้างไร่เอสตานเซียเมร์เซเดสขึ้นบนผืนดินงดงามดั่งภาพวาดที่หันหน้าออกสู่ทะเลและด้านหลังเป็นภูเขา  พอถึงปี 1960  อาร์ตูโรก็ซื้อไร่ปศุสัตว์เอสตานเซียอานามาเรียที่เข้าถึงได้แต่ทางเรือหรือขี่ม้าสิบชั่วโมง  และราวกับว่าอานามาเรียยังไกลปืนเที่ยงไม่พอ  เขายังออกไปตั้งถิ่นฐานที่ซัตเทอร์แลนด์อีก  ที่นี่เป็นพื้นที่ที่แทบไม่มีทางเข้าถึงซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในเอสตานเซียอานามาเรียอีกที  ช่วงหนึ่งในประวัติของบ้านไร่แห่งนี้  ลูกจ้างรายหนึ่ง ภรรยาของเขากับลูกอีกสองคน อาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กๆที่ซัตเทอร์แลนด์ แต่ฝ่ายภรรยาซึ่งคงทนความโดดเดี่ยวต่อไปไม่ไหว  ตัดสินใจหนีตามชาวประมงไป  สุดท้ายลูกจ้างรายนั้นกับลูกกำพร้าแม่สองคนก็ละทิ้งที่นั่นเช่นกัน  และต้อนฝูงปศุสัตว์ออกมาสู่แดนศิวิไลซ์อีกครั้ง

พวกวัวที่พลัดหลงจากฝูงปศุสัตว์ของอาร์ตูโรกลายเป็นวัวป่าและแพร่พันธุ์ออกไป การคัดสรรตามธรรมชาติทำให้สัตว์พวกนี้ตัวใหญ่และดุร้ายขึ้น  ทุกฤดูร้อน  อาร์ตูโรจะไล่ต้อนพวกมัน  โดยขี่ม้าจากเอสตานเซียอานามาเรียไปกับสุนัขต้อนวัวและม้าที่เขาไว้ใจมากที่สุด  บางครั้งเขาส่งวัวป่าหรือ บากัวเลส (baguales)  ซึ่งแปลตามตัวว่า “วัวโหดเถื่อน” ไม่ใช่แค่ “วัวป่า” ลงเรือไปขายที่ตลาดในเมืองปวยร์โตนาตาเลส

แต่ทุกวันนี้ ตระกูลอิเกลเซียสอันหมายถึงครอบครัวขยายของลุงป้าน้าอาและญาติลูกผู้พี่ผู้น้อง ซึ่งมีความผูกพันกับผืนแผ่นดินนี้น้อยมากหรือไม่มีเลย ได้ตัดสินใจขายอานามาเรียกับซัตเทอร์แลนด์ให้เจ้าของไร่ปศุสัตว์ผู้มั่งคั่งรายหนึ่ง เจ้าของรายใหม่อนุญาตให้เซบาสเตียนเข้าไปไล่ต้อนวัวป่าในไร่เป็นครั้งสุดท้าย ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเริ่มเสาะหา บากัวเลรอส หรือโคบาลมือดีที่สุดจากปวยร์โตนาตาเลสมาช่วยงาน  และยอมให้เราติดตามไปด้วย  ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเขาหวังว่า สักวันจะได้พานักท่องเที่ยวออกต้อนวัวป่าเพื่อรักษาประเพณีนี้ให้คงอยู่ต่อไป

ฝูงวัวป่าในซัตเทอร์แลนด์ไม่เคยเห็นเชือกมานานหลายรุ่นแล้ว และลำพังการเดินทางไปซัตเทอร์แลนด์ครั้งนี้ เราจะขี่ม้าไปกับเซบาสเตียนและโคบาลอีกสามคน พร้อมด้วยม้า 20 ตัว และสุนัขอีก 30 ตัว เป็นเวลาอย่างน้อยสองสามวันในสภาพภูมิประเทศที่จะมอบความตายเป็นรางวัลให้กับการก้าวพลาดเพียงก้าวเดียว

ฉันโทรศัพท์กลับบ้านเพื่อขอกำลังใจ  “เขาบอกให้ลูกเอาแว่นตากันลมไปด้วยค่ะ” ฉันบอกพ่อ พ่อเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า  “แว่นตากันลมนั่นใช้สำหรับบุกโปแลนด์  ไม่ใช่ใส่ไปไล่ต้อนวัวนะลูก”  พ่ออายุ 70 กว่า  เป็นลูกเกษตรกรชาวแซมเบียที่เกิดในประเทศอังกฤษ  พ่อไม่ยี่หระเลยตอนไล่ฝูงช้างให้ออกไปจากไร่กล้วยกลางหุบเขาแซมบีซี หรือตะเพิดจระเข้จากบ่อปลาของแม่

 

ฉันไม่ได้เอาแว่นกันลมติดมาด้วย  แต่ทันทีที่เผชิญหน้าวัวป่าตัวหนึ่งในซัตเทอร์แลนด์  เรื่องแว่นตากลายเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วไปเลย  ต้นไม้ตรงหน้าเราหักโค่นราวกับโดนรถเกลี่ยดินพุ่งชน  “มองหาต้นไม้ไว้นะ” ใครสักคนเคยแนะนำฉันอย่างนั้น  แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะขยับม้า   เจ้าวัวก็โผล่พรวดออกมา  แม้จะมีฝูงสุนัข 30 ตัวไล่งับหูและส้นเท้า  คอยทึ้งเนื้ออ่อนๆที่อยู่ต่ำกว่าหางของมัน แต่ดูเหมือนมันจะไม่มีวันล้มและพร้อมทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า  ฉันมองไปรอบตัวไม่เห็นโคบาลสักคน  เจ้าวัวหยุดยืน  หอบหายใจจนสีข้างกระเพื่อมราวกับมันกำลังชั่งใจดูสถานการณ์ ใครที่คิดว่าอารมณ์ความรู้สึกของสัตว์เป็นเรื่องเหลวไหล คนคนนั้นคงยังไม่เคยมองเข้าไปในดวงตาของวัวป่าที่กำลังคลั่ง

แต่แล้วโคบาลสี่คนก็โผล่พรวดออกมา  ควบม้าออกจากป่าอย่างเร็วเหลือเชื่อ  มือหนึ่งถือสายบังเหียน อีกมือพร้อมที่จะขว้างบ่วงบาศ  พอเห็นพวกเขา  เจ้าวัวก็วิ่งเตลิดเข้าป่า มุ่งหน้าไปทางทะเลสาบ ฉันตามไปในระยะห่างที่คิดว่าปลอดภัยพอฉันไปถึงทะเลสาบ วัวตัวนั้นกลับถูกเชือกเส้นหนึ่งรัดคอตายแล้วโดยบังเอิญ  โคบาลคนหนึ่งพยายามช่วยชีวิตโดยดึงลิ้นของมันออกมา ส่วนอีกคนกระโดดขื้นๆลงๆอยู่บนท้องราวกับกำลังผายปอดช่วยชีวิตอย่างเอาจริงเอาจัง แต่ไร้ผล ชีวิตได้หลุดลอยออกจากดวงตาของมันซึ่งแปรเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีเขียวของธารน้ำแข็งไปแล้ว ถ้าจับได้เป็นๆวัวตัวนี้จะมีมูลค่าเท่ากับค่าจ้างหนึ่งเดือน  แต่ถ้ามันตาย ก็เหลือแค่เป็นอาหารให้เรากับสุนัขเท่านั้น

ในช่วงสองสัปดาห์ต่อมา  พวกโคบาลจับวัวเพศเมียได้ราวครึ่งโหล วัวเพศผู้หลายตัว และลูกวัวหนึ่งตัว วัวเพศผู้ตัวหนึ่งจมน้ำตายในทะเลสาบ วัวเพศเมียตัวหนึ่งกระโดดลงจากหน้าผาจนเชือกรัดคอตาย  ที่พักของเราคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นสาบสางของสัตว์และกลิ่นคาวเนื้อ พวกผู้ชายเริ่มโหยหาเรื่องอย่างว่า และผลัดกันเล่าเรื่องตลกโปกฮาที่ไม่มีใครยอมแปล เพราะมีฉันอยู่ด้วย

เรือจะมาที่ซัตเทอร์แลนด์ได้ก็ต่อเมื่ออากาศดีเท่านั้น  “อากาศดีแน่ครับ” เซบาสเตียนว่าทั้งๆที่ขัดกับสภาพที่เห็นทุกอย่าง แต่เรือก็มาจริงๆ พวกโคบาลจัดการต้อนสัตว์ทั้งหมดลงเรือ พวกเราส่วนใหญ่ออกจากซัตเทอร์แลนด์พร้อมรอยขีดข่วนและฟกช้ำดำเขียว มีบางคนปวดหลัง ม้าอายุมากตัวหนึ่งขากระเผลกจากการตกจากเส้นทางเดิน แต่มันเดินกระย่องกระแย่งลงเรืออย่างเต็มใจ สุนัขตัวหนึ่งถูกวัวเหวี่ยงฟาดเข้ากับต้นไม้ ด้วยความสับสนงุนงงและอารามตกใจ มันจึงวิ่งกลับบ้าน อีกตัวหนึ่งรอดตายจากการถูกน้ำตกพัดพาไป

ขณะที่เรือหันหัวมุ่งหน้าสู่เมืองปวยร์โตนาตาเลส ฉันนึกถึงไร่เอสตานเซียอานามาเรียว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ดูเหมือนว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่กำลังเติบโตจะมีบทบาทสำคัญต่ออนาคตของพื้นที่แถบนี้  ไม่ต้องสงสัยเลยว่าวัวป่าคงถูกกำจัด ความกล้าหาญเหนือคนและความดุดันเฉียบขาดของเหล่าโคบาลคงกลายเป็นเพียงนิทานรอบกองไฟ  ความลี้ลับและความดิบเถื่อนของสถานที่แห่งนี้อาจถูกเปิดเผยและกำราบจนศิโรราบ เซบาสเตียนยกเบียร์ขึ้นเป็นเชิงแสดงความคารวะต่อผืนดิน บรรพบุรุษของเขา และต่อพวกเรา “แด่ชีวิตนี้!” เขาว่า เราทุกคนดื่ม และแล้วซัตเทอร์แลนด์ก็หายลับไปจากสายตา

 เรื่องโดย อเล็กซานดรา ฟุลเลอร์
มกราคม