ผู้เขียน หัวข้อ: สภากาชาดฯไม่เจาะเลือดให้เสื้อแดง ชี้ใช้เลือดผิดจุดประสงค์ (ผู้จัดการ15มีค2553)  (อ่าน 2491 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9739
    • ดูรายละเอียด
สภากาชาดไทยปฏิเสธเจาะเลือดให้เสื้อแดง ชี้ใช้เลือดผิดจุดประสงค์ ระบุหากเจาะผิดวิธีเสี่ยงช็อก แขน-ขาชา รุนแรงสุดอัมพฤษ์อัมพาต หวั่นคนเสื้อแดงประกาศจะเจาะเลือด100,000 คนให้ได้จำนวน 1,000,000 ซีซีเพื่อจะนำไปราดประตูทุกประตูของทำเนียบรัฐบาลเสี่ยงติดเชื้อ หวั่นหากเจาะจริงจะทิ้งเข็มลงถังขยะ เดือดร้อนกทม.เวลาเก็บ พนักงานเก็บขยะอาจจะถูกเข็มทิ่มได้
       
       พ.ท.พญ.อุบลวัณณ์ จรุงเรืองฤทธิ์ รองผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศจะเจาะเลือดคนเสื้อแดง 100,000 คนให้ได้จำนวน 1,000,000 ซีซีเพื่อจะนำไปราดประตูทุกประตูของทำเนียบรัฐบาล ว่าการเจาะเลือดถือเป็นหัตถการทางการแพทย์ เป็นการเจาะเพื่อนำเลือดออกจากร่างกายไปใช้ให้เกิดประโยชน์ คือตรวจหาโรคและเพื่อการบริจาค
       
       “การเจาะเลือดจำเป็นต้องทำโดยผู้ที่ มีความชำนาญ เช่นแพทย์หรือพยาบาล ปกติจะเจาะบริเวณข้อพับแขนด้านหน้า ซึ่งมีเส้นเลือดดำ เส้นเลือดแดง และเส้นประสาทอยู่เรียงกัน หากไม่ใช่ผู้ชำนาญการแล้ว อาจจะเจาะผิดเส้น หากเจาะไปโดนเส้นเลือดแดง เลือดก็จะไหลไม่หยุด หากเจาะไปโดนเส้นประสาทก็จะรู้สึกชา หรือแม้กระทั่งเส้นประสาทเสียหายได้เช่นกัน อาจทำให้เกิดอาการช็อก แขนขาชา บางครั้งการเจาะที่ไม่เชี่ยวชาญอาจไปถูกเส้นประสาทที่อยู่ใกล้ ๆ และทำให้เป็นอัมพฤกษ์อัมพาตได้ ถ้ามีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เช่น ความดันโลหิตสูง หรือฮิโมฟิเลีย (โรคเลือดไหลไม่หยุด) จะทำให้หมดสติได้ และการเจาะต้องอยู่สภาพปลอดเชื้อ ถ้าคนเจาะไม่มีความชำนาญ ก็อาจจะเกิดอันตราย และถ้าเจาะไม่ถูกวิธี คือเจาะในสภาพไม่ปลอดเชื้อ ไม่ใช้แอลกอฮอล์เช็ดผิวหนังเพื่อฆ่าเชื้อโรคก่อนก็จะติดเชื้อได้ ”
       
       “ในขณะที่การเจาะเลือดเพื่อบริจาคทั่วไปจะอยู่ที่ 450 ซีซี แต่คนที่จะบริจาคเลือดจะมีการเตรียมตัวมาให้อยู่ในสภาพที่พร้อมก่อนมาบริจาค โดยตามเกณฑ์ผู้บริจาคจะต้องมีสุขภาพที่แข็งแรง และที่สำคัญอุปกรณ์ที่ใช้ต้องผ่านการฆ่าเชื้อ และไม่ใช้ซ้ำ ทั้งนี้ เป็นห่วงการให้เลือดในขณะที่ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่อ่อนเพลียจากการชุมนุมรวมทั้ง อากาศร้อน การพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้เกร็ดเลือดต่ำ ทำให้เกิดโรคฮีโมฟีเลียหรืออาการเลือดไหลไม่หยุดขึ้นได้ ซึ่งผู้เจาะต้องมีความรู้ด้านกายวิภาคเพื่อแยกแยะระหว่างเส้นเลือดแดง เส้นเลือดดำ และเส้นประสาท หากเจาะผิดก็ทำให้เกิดอันตรายได้ และหากไม่มีการฆ่าเชื้อที่ดีก็ทำให้ติดเชื้อสู่กระแสเลือดได้ แต่กลุ่มเสื้อแดงมาตากแดดชุมนุม 2-3 วันแล้ว หากเจาะเลือดออกในปริมาณดังกล่าว ก็อาจจะเป็นลมหน้ามืดได้เหมือนกัน”
       
       นอกจากนี้ในประเด็นของการนำเลือดไปเทที่หน้าประตูทุกประตูของทำเนียบ รัฐบาลนั้น รองผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติกล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่ากังวลเป็นอย่างยิ่ง เพราะในทางการแพทย์ เมื่อเลือดหรือแม้กระทั่งของเหลวและสารคัดหลั่งอื่นๆ ถูกเจาะออกมาจากร่างกายจะถือว่าเป็นวัสดุติดเชื้อ เวลาทิ้งจะต้องใส่ถุงเฉพาะและทิ้งในถังขยะติดเชื้อเท่านั้น ไม่สามารถนำไปทิ้งที่อื่นได้ หากระบบการกำจัดวัสดุติดเชื้อจำพวกเลือดและสารคัดหลั่งของโรงพยาบาลใดไม่จัด ระบบการทิ้งให้เป็นไปตามนี้ ก็จะถือว่าผิดมาตรฐานโรงพยาบาลในการกำจัดวัสดุติดเชื้อ
       
       “หากคนเสื้อแดงเอาเลือดมาเททิ้งจริง เลือดเหล่านี้ก็มีสิทธิแพร่กระจายเชื้อโรคได้ หากเจาะมาจากคนที่เป็นเอชไอวี ตับอับเสบชนิดบีและชนิดซี หากคนที่นำไปเท หรือคนที่เดินผ่านไปผ่านมาสัมผัสเลือดเหล่านั้นในขณะที่มีบาดแผล ก็มีโอกาสติดเชื้อได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง”
       
       อย่างไรก็ตาม นาวาโท แพทย์หญิง อุบลวรรณกล่าวต่อไปอีกว่า หากคนเสื้อแดงยืนยันว่าจะเจาะจริง สิ่งที่ตามมาก็คือการทิ้งเข็มเจาะเลือดถึง100,000 อันที่จะเป็นภาระของกทม.ที่จะต้องมาเก็บขยะภายหลัง โดยเข็มเหล่าหากไม่เก็บทิ้งตามมาตรฐานของโรงพยาบาล แต่ทิ้งลงถังขยะทั่วไป ก็จะก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ที่มาเก็บขยะด้วย จึงอยากวอนให้ผู้ชุมนุมเห็นแก่สุขภาพของประชาชนส่วนรวมที่อาจติดเชื้อจาก เลือดที่เอาไปทิ้ง และพนักงานเก็บขยะที่อาจได้รับอันตรายจากการเก็บเข็มเจาะเลือดด้วย
       
       “ขอเรียกร้องไม่ให้นำเลือดไปใช้ในสัญลักษณ์ทางการเมือง เพราะการบริจาคเลือดเป็นเรื่องของบุญกุศล อยากให้ต่อสู้ด้วยวิธีทางอื่นดีกว่า เพราะจะเป็นอันตรายต่อผู้ชุมนุมเองด้วย ซึ่งตามปกติการบริจาคเลือดให้สภากาชาดเพื่อช่วยเหลือคน มีอย่างเพียงพออาจจะขาดช่วงหน้าร้อนหรือปิดเทอมบ้าง แต่ไม่อยากให้เอาประเด็นไปเกี่ยวข้องกัน หากเจาะแล้วไม่เกิดประโยชน์ก็ไม่ควรทำ ”พ.ท.พญ.อุบลวัณณ์ กล่าว