ผู้เขียน หัวข้อ: การบริการด้านสุขภาพสำหรับประชาชนไทย ---บทสรุปสำหรับผู้บริหาร  (อ่าน 9361 ครั้ง)

atwisfy13a

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 7
    • ดูรายละเอียด
การบริการด้านสุขภาพสำหรับประชาชนไทย
บทสรุปสำหรับผู้บริหาร
ความเป็นมาของการบริการด้านสุขภาพในประเทศไทย
            ยุคก่อนที่จะมีพ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติพ.ศ. 2545
1.กระทรวงสาธารณสุขได้จัดตั้งโรงพยาบาลและสถานีอนามัย ไว้เพื่อให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขแก่ประชาชน ในราคาที่ไม่แสวงกำไร (ราคาถูก) เพื่อเป็นสวัสดิการแก่ประชาชน ประชาชนที่ยากจน มีโครงการสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและงานสังคมสงเคราะห์ ให้ความช่วยเหลือออกค่ารักษาพยาบาลแทน ต่อมาได้มีโครงการบัตรประกันสุขภาพสำหรับครอบครัว  เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้ได้รับบริการทางการแพทย์ในราคาถูก
            2. ในปีพ.ศ. 2533 ได้มีการตราพ.ร.บ.ประกันสังคมพ.ศ. 2533 และผู้จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม
                ได้รับ     บริการค่ารักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วยอันมิใช่เกิดจากการทำงาน
            3. ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจและครอบครัว ได้รับสวัสดิการรักษาพยาบาลโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ถือว่าเป็นสิทธิประโยชน์ของข้าราชการและครอบครัว


atwisfy13a

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 7
    • ดูรายละเอียด
ภายหลังพ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติพ.ศ. 2545

ในปีพ.ศ. 2545 นพ.สงวน นิตยารัมภงศ์ และคณะ ได้เสนอต่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ให้มีการตราพ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 โดยให้สิทธิแก่ประชาชนประมาณ 47 ล้านคน ที่ไม่มีสิทธิในการรับบริการด้านสุขภาพใดๆ โดยที่ยังไม่มีการเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรและระบบการบริการสาธารณสุขที่เพิ่มมากขึ้น จากการที่ประชาชนสามารถไปใช้สิทธิการรักษาโดยเสียค่าใช้จ่ายราคาถูก หรือต่อมาไม่เสียค่าใช้จ่ายเลย

atwisfy13a

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 7
    • ดูรายละเอียด
ผลกระทบของพ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่มีต่อประชาชนและระบบบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขมีดังนี้

1 ผลกระทบต่อประชาชน
1.1 ประชาชนพึงพอใจเพราะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรับบริการทางการแพทย์
  1.2 ประชาชนมาใช้บริการมากขึ้น จนเกิดความเสี่ยงต่อผลเสียหายต่อสุขภาพ (เพราะบุคลากรทางการแพทย์ต้องรีบเร่งทำงาน)/หรือประชาชนเข้าใจว่าตนเองได้รับความเสียหาย ทั้งๆที่เป็นโรคแทรกซ้อนและเหตุสุดวิสัย
1.3 ประชาชนเสียเวลานานในการไปรับบริการทางการแพทย์ เมื่อมีผู้มาใช้บริการโรงพยาบาลมาก ทำให้ประชาชนเสียเวลารอนาน เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ (เสียเวลาทำงาน)
1.4 ประชาชนไม่ต้องรับผิดชอบในการ “สร้าง”สุขภาพ ประชาชนบางส่วนไม่เห็นคุณค่าของบริการทางการแพทย์  เพราะไม่ต้องรับผิดชอบจ่ายเงิน แต่มาเรียกร้องสิทธิ์ในการตรวจรักษามากขึ้น โดยไม่สร้างสุขภาพหรือปฐมพยาบาลด้วยตนเองเลย และไม่มาตรวจรักษาตามระบบนัด
1.5  ประชาชนไม่ได้รับความเสมอภาค เท่าเทียมและเป็นธรรมในการรับบริการด้านสุขภาพ  ระบบหลักประกันสุขภาพก่อให้เกิดความไม่เสมอภาคและไม่เท่าเทียมกันของประชาชน
   คนจนที่ขยันทำงานเป็นลูกจ้าง ต้องจ่ายเงินของตนเองสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม จึงจะมีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาล ที่มีสิทธิน้อยกว่าประชาชนบัตรทองที่มีทั้งคนจนและไม่จนที่ไม่ต้องจ่ายเงินของตนเลยแต่กลับได้รับสิทธิในการรับบริการด้านสุขภาพครบวงจรมากกว่าสิทธิอื่นๆ ส่วนประชาชนที่เป็นข้าราชการและครอบครัวยอมทำงานเงินเดือนน้อยจึงจะได้รับสิทธิในการรับบริการด้านสุขภาพ ที่ไม่ครบวงจร
ส่วนราคาค่ายาและค่าตรวจรักษาในส่วนซึ่งเรียกเก็บเงินได้ก็มีราคาสูงเกินจริงมากทำให้ผู้ซึ่งรับภาระดูแลตนเองถูกเอารัดเอาเปรียบทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วงานบริการด้านดูแลสุขภาพ ไม่น่าจะเป็นกิจการแสวงผลกำไรจากผู้ประสบปัญหาสุขภาพ
1.6 ประชาชนได้รับการดูแลรักษาที่ไม่ได้มาตรฐาน เนื่องจากแพทย์ (และพยาบาล)ขาดแคลน ต้องตรวจรักษาคนไข้จำนวนมากเกินขีดความสามารถที่จะให้บริการที่ดีได้ ยาที่ได้รับก็เป็นยาราคาถูกโดยที่ไม่ทราบว่ามีคุณภาพหรือไม่ เพราะโรงพยาบาลต้องพยายามลดค่าใช้จ่ายลงให้มากที่สุด
เพื่อความอยู่รอดของโรงพยาบาล

atwisfy13a

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 7
    • ดูรายละเอียด
2. ผลกระทบต่อบุคลากรทางการแพทย์
2.1 เสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องเพราะภาระงานเพิ่มมากขึ้น จนทำให้ไม่มีเวลาทำงานอย่างมีมาตรฐานได้  เสี่ยงต่อความผิดพลาด/ถูกฟ้องร้อง/ถูกตัดสินจำคุก
 รวมทั้งยังได้รับค่าตอบแทนต่ำ และมีลู่ทางไปทำงานในโรงพยาบาลเอกชน/เปลี่ยนอาชีพ  จึงลาออกมากขึ้น
ในส่วนของงานบริการด้านการให้บริการการพยาบาลก็มีปัญหาคุณภาพเช่นกัน
ส่วนราคาค่ายาและค่าตรวจรักษาในส่วนซึ่งเรียกเก็บเงินได้ก็มีราคาสูงเกินจริงมากทำให้ผู้ซึ่งรับภาระดูแลตนเองถูกเอารัดเอาเปรียบ
ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว
งานบริการด้านดูแลสุขภาพไม่น่าจะเป็นกิจการแสวงผลกำไรจากผู้ประสบปัญหาสุขภาพผู้หนึ่งไปยังผู้หนี่ง
2.2  ขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ การที่บุคลากรลาออกมากขึ้น ส่งผลให้จำนวนบุคลากรขาดแคลนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลสะท้อนกลับไปยังข้อ2.1
2.3 แพทย์ต้องฟังคำสั่ง 2 ด้านจากกระทรวงสาธารณสุขและจากประกาศกำหนดของสปสช. ภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) ออกประกาศกฎเกณฑ์ในการรักษาพยาบาลต่างๆในเรื่องการใช้ยา ถ้าแพทย์ไม่ทำตามประกาศของสปสช.ก็ไม่สามารถจะเบิกเงินค่ารักษาได้  ก็จะถูกผู้บังคับบัญชาในกระทรวงสาธารณสุขเรียกไปตักเตือน และประกาศของสปสช.อาจทำให้แพทย์ต้องใช้ยาหรือเลือกการรักษาที่ไม่ได้มาตรฐานทำให้แพทย์เกิดความอึดอัดคับข้องใจ เหมือนมีเจ้านาย 2 คน ก็จะเป็นสาเหตุให้แพทย์ลาออกมากขึ้น

atwisfy13a

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 7
    • ดูรายละเอียด
3.ผลกระทบต่อระบบบริการทางการแพทย์
 3.1 เสี่ยงต่อการขาดมาตรฐาน เนื่องจากบุคลากรต้องรีบเร่งทำงานมากเกินกำลัง
 3.2 ประชาชนใช้บริการมากเกินควร เพราะไม่ต้องมีภาระรับผิดชอบในการสร้างสุขภาพ มีแต่เรียกร้องมา “ซ่อมสุขภาพ”
3.3 กระทรวงสาธารณสุขสูญเสียอำนาจในการบังคับบัญชาและวางแผนการดำเนินงาน เพราะขาดงบประมาณของตนเอง ต้องไปของบประมาณจากสปสช.
           3.4 สูญเสียบุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาล เพราะลาออกมาทำงานในสปสช.(ทำงานสบายกว่า  ได้เงินเดือนค่าตอบแทนสูงกว่า และ ไม่ต้องเสี่ยงต่อการฟ้องร้อง) โดยสปสช.มีหน้าที่บริหารกองทุนเท่านั้น แต่ใช้แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์มากมาย และใช้บุคลากรทางการแพทย์นี้ มากำหนดการรักษาโรค/การใช้ยา/เครื่องมือแพทย์ หรือกระบวนการรักษา ให้โรงพยาบาลทำตาม ซึ่งอาจจะไม่ถูกต้องตามมาตรฐานที่ดีที่สุด ก่อให้เกิดผลเสียหายต่อสุขภาพของประชาชน และเสี่ยงต่อการขัดจริยธรรมของวิชาชีพ


atwisfy13a

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 7
    • ดูรายละเอียด
4.ผลกระทบต่องบประมาณ
   4.1 กระทรวงสาธารณสุขขาดงบประมาณ ในการดำเนินการตามหน้าที่ในจัดบริการสาธารณะด้านสาธารณสุข แต่สูญเสียอำนาจในการได้รับงบประมาณในการดำเนินการ การวางแผนพัฒนาเพราะขาดเงินงบประมาณ แม้แต่เงินเดือนบุคลากรของตน ก็ยังต้องไปขอมาจากสปสช.
              4.2 งบประมาณจำนวนมากต้องใช้ไปในการบริหารงาน และเงินเดือน/ค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ของสปสช. ที่ทำหน้าที่บริหารกองทุนของรัฐ แต่มีสิทธิกำหนดอัตราเงินเดือนตัวเองในราคาสูง กว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐอื่นๆ ทำให้เป็นภาระต่อรายจ่ายของรัฐบาล
               4.3 สปสช. มีการใช้งบประมาณไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น สปสช.มีหน้าที่ตามพ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติในการจ่ายค่าบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขให้แก่โรงพยาบาลแทนประชาชน แต่สปสช.กลับใช้อำนาจในการ “บริหารจัดการโครงการต่างๆเอง” ซื้อยา เครื่องมือ และเวชภัณฑ์เอง และยังประกาศ กฎเกณฑ์ในการใช้ยา เครื่องมือ และการรักษาผู้ป่วย  ซึ่งส่อไปในการทำผิดหน้าที่ และยังมีคำสั่งให้เลขาธิการสปสช.มีอำนาจสั่งจ่ายเงินถึงครั้งละ 1,000 ล้านบาท ซึ่งไม่น่าจะทำได้ตามกฎหมาย
                       4.4  งบประมาณของรัฐบาลที่มาจากภาษีของประชาชน ถูกใช้ในการบริการด้าน สุขภาพ อย่างไม่มีประสิทธิภาพ  ประชาชนไม่เห็นคุณค่าของการบริการ เพราะไม่มี “หน้าที่”รับผิดชอบ “สร้าง” สุขภาพ มีแต่มาเรียกร้อง “สิทธิ” ในการ “ซ่อม”สุขภาพมากขึ้นเรื่อยๆ
                       4.5 งบประมาณของรัฐบาลจะถูกใช้ไปในการตรวจวินิจฉัยที่เกินจำเป็นเพราะแพทย์จะพยายามป้องกันตัวเองจากการฟ้องร้องด้วยการส่งตรวจวินิจฉัยให้มากที่สุด และมีการใช้ยาที่เกินความจำเป็น รวมทั้งการรักษาอื่นๆ ด้วยเหตุผลเดียวกัน (defensive medicine) เหมือนที่ประเทศสหรัฐอเมริกากำลังประสบอยู่

atwisfy13a

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 7
    • ดูรายละเอียด
ข้อเสนอในการแก้ไข โดยการ “  ปฏิรูประบบบริการด้านสุขภาพและหลักประกันสุขภาพ” ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2550 ดังนี้คือ

1.    เพื่อคุ้มครองสิทธิของประชาชนให้ได้รับบริการทางสาธารณสุขอย่างเสมอภาค ได้มาตรฐาน ทั่วถึง เท่าเทียมกันและมีประสิทธิภาพ และให้ผู้ยากไร้มีสิทธิเข้าถึงบริการสาธารณสุขโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตาบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 51

2.   รัฐบาลต้องส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาระบบบริการด้านสุขภาพที่เน้นการสร้างเสริมสุขภาพอันนำไปสู่สุขภาวะที่ยั่งยืนของประชาชน รวมทั้งจัดและส่งเสริมให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขที่มีมาตรฐานอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ และส่งเสริมให้เอกชนและชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาสุขภาพ และการจัดบริการสาธารณสุข โดยผู้มีหน้าที่ให้บริการดังกล่าวซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรฐานวิชาชีพและจริยธรรม ย่อมได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตรา 80(2)

today

  • Staff
  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 263
    • ดูรายละเอียด
อย่างนี้ต้องนำไปเสนอใน โครงการสัมมนาเรื่อง แปดปีภายใต้หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ-ของแพทยสภา-12มีค. นี้

pradit

  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 322
    • ดูรายละเอียด
มีการพิมพ์เป็นเอกสารแจกผู้เข้าร่วมสัมมนา(12มีค) ทุกท่านแล้วครับ