ผู้เขียน หัวข้อ: จวกร่าง กม.คุ้มครองผู้เสียหายฯ ประชานิยมไล่แจกเงิน ทำ "แพทย์-พยาบาล" เป็นแพะ  (อ่าน 2030 ครั้ง)

pradit

  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 322
    • ดูรายละเอียด
 แพทย์ชี้ ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ หลักการดี แต่เนื้อหาตรงข้าม ทำแพทย์พยาบาลกลายเป็นแพะ ถูกยัดเยียดข้อหาจาก NGO นักสิทธิมนุษยชน ที่ไม่มีความรู้เรื่องการรักษามาโหวตผิดถูก แถมกำหนดโทษบุคลากรทางการแพทย์ร้ายแรงกว่าเจตนาฆ่า-คอร์รัปชัน จวกเป็นกฎหมายประชานิยมไล่แจกเงิน เอาความรู้สึกผู้บริโภคเป็นเกณฑ์ แนะขยาย ม.41 ครอบคลุมทุกสิทธิแทนออกกฎหมายใหม่
   
        นพ.เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ ผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข มีอะไรหลายอย่างคล้ายกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม คือชื่อกฎหมายดูดีแต่เนื้อในตรงกันข้าม เพราะเมื่อดูแต่ชื่อบวกกับหลักการและเหตุผลในการออกกฎหมาย ซึ่งเสริมด้วยการโฆษณาชวนเชื่อว่าไม่เอาผิดหมอ ไม่ฟ้องหมอ การรักษามีปัญหาก็ได้เงินไปใช้ ก็คงต้องชูสองมือสนับสนุนเต็มที่ แต่ที่บุคลากรด้านสาธารณสุขต่อต้านอย่างหนัก เพราะเอาคนที่ไม่มีความรู้ทางการแพทย์และไม่รู้จริงในเรื่องการรักษาพยาบาล เช่น นักสิทธิมนุษยชน นักเคลื่อนไหวผู้แสนดีในสายสาธารณสุข (NGO) นักคุ้มครองผู้บริโภค เป็นต้น มาพัฒนาความปลอดภัย และมาโหวตถูกผิดด้วยเสียงข้างมาก ทำให้แพทย์และพยาบาลกลายเป็นแพะที่สามารถถูกยัดเยียดข้อหาพยายามฆ่าหรือทำร้ายผู้อื่นได้ ซึ่งหากพิสูจน์ผิดถูกไม่ได้ก็ให้รีบจ่ายเงิน ซึ่งหลังจากจ่ายเงินและทำสัญญาประนีประนอมยอมความแล้วยังสามารถฟ้องร้องต่อได้อีก เป็นการฉีกตำรานิติศาสตร์ ขัดหลักนิติธรรม โดยร่างพ.ร.บ.ยังระบุว่าไม่หาคนผิดถูก แต่กลับเขียนว่าต้องสำนึกผิด ต้องจ่ายเงินเยียวยาผู้บริโภคก่อน มิฉะนั้นจะไม่ให้ศาลลดโทษอาญา
       
       นพ.เมธี กล่าวอีกว่า ที่สำคัญโทษประมาทฐานช่วยคนอื่นไม่สำเร็จร้ายแรงยิ่งกว่าคดีเจตนาฆ่าหรือคอร์รัปชัน ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ยังมีลักษณะเป็นประชานิยม เพราะเป็นการไล่แจกเงิน ผู้บริโภคมีสิทธิรับเงินด่วนได้ โดยไม่ต้องพิสูจน์ผิดถูกจากการได้รับความเสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข ซึ่งเงินก้อนแรกจะได้หลายแสนบาทภายในไม่เกิน 2 เดือน ได้รับอีกล้านบาทภาย 2-3 เดือน นอกจากนี้ ร่าง พ.ร.บ.ยังเอาความรู้สึกของผู้บริโภคเป็นเกณฑ์ โดยขยายอายุความการฟ้องร้องแบบไม่มีอายุความ คือเพียงสงสัยว่าอาการที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากการรักษาเมื่อ 10 กว่าปีก่อนก็สามารถฟ้องร้องได้ มีสิทธิรับเงินก้อนที่สามอีก ไม่เพียงเท่านั้นเมื่อเห็นว่าเงินก้อนที่ 2 อาจได้น้อยเกินไป ก็สามารถไปฟ้องศาลได้ทันที แต่หากฟ้องแล้วแพ้คือศาลบอกหมอไม่ผิด ก็ไม่ต้องคืนเงิน ซึ่งกองทุนอาจใจดีแถมให้อีกก้อนด้วย ที่สำคัญฟ้องฟรีไม่ต้องมีทนาย เพราะศาลบอกเป็นคดีว่าด้วยการบริโภค ฟ้องได้แบบไม่ต้องวางเงินต่อศาลเหมือนคดีโกงเงินทั่วไป และทนายก็ไม่ต้องจ้าง
       
       "แพทย์พยาบาลที่ต้องทำงานช่วยชีวิตคนอื่นแบบหามรุ่งหามค่ำ กลายเป็นคนร้ายที่ก่อความเสียหายโดยไม่รู้ร้อนรู้หนาว จนต้องออกกฎหมายนำเงินภาษีไปจ่ายให้โดยไม่รู้ว่าทำผิดจริงหรือไม่ และจ่ายแล้วก็ไม่ได้ช่วยให้กระบวนการรักษาปลอดภัยขึ้นแต่อย่างใด ซึ่งผมเชื่อว่าร่างกฎหมายนี้คงผ่านสภายุคนี้ไม่ยาก เพราะคงยากที่จะหาใครมาอ่านครบทุกมาตรา ซึ่งกฎหมายแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับประชานิยมจำนำข้าว แจกแท็บเล็ต คือถูกใจทั้งผู้ให้ พอใจทั้งผู้รับ โดยไม่สนว่าระบบสาธารณสุขจะล่มจมเพราะการไล่แจกเงินโดยไม่ก่อประโยชน์ที่คุ้มค่า จะยิ่งทำให้การพัฒนาทำไม่ได้ ความเสียหายที่อ้างกันก็ยิ่งเกิด วนเป็นวัฎจักรไม่รู้จบ" ผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภา กล่าว
       
       นพ.เมธี กล่าวว่า อยากขอโอกาสในการชี้แจงต่อนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลด้านสาธารณสุข และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เกี่ยวกับเนื้อหาสาระที่แท้จริงของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้และเสนอแนวทางออกในช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายโดยไม่ต้องออกกฎหมายใหม่ ไม่ต้องตั้งกองทุนใหม่ ไม่ต้องมีงบบริหารจัดการใหม่ เพราะตอนนี้ก็มีกองทุนด้านสาธารณสุขมากมายอยู่แล้ว โดยควรขยายมาตรา 41 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 จากที่ช่วยเหลือเฉพาะผู้ป่วยสิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้ครอบคลุมผู้ใช้สิทธิประกันสังคมและข้าราชการด้วย

ASTVผู้จัดการออนไลน์    10 พฤศจิกายน 2557

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
เครือข่ายผู้เสียหายฯ จวก “หมอเมธี” ใส่ร้ายร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ เพราะต้องการหาเสียงช่วงเลือกตั้งกรรมการแพทยสภา ชี้กฎหมายนี้จะช่วยลดการฟ้องร้อง ลดความขัดแย้งหมอ-คนไข้

        วันนี้ (11 พ.ย.) นางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ ได้ออกแถลงการณ์เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ ตอบโต้กรณี นพ.เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ ผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภา ให้สัมภาษณ์ว่าร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุขมีเนื้อหาที่ทำให้แพทย์และพยาบาลกลายเป็นแพะ เพราะมีการให้กลุ่มผู้ไม่มีความรู้ด้านการแพทย์และการรักษามาโหวตถูกผิด พร้อมกำหนดโทษร้ายแรงกว่าเจตนาฆ่าและคอร์รัปชัน รวมถึงมองว่าเป็นกฎหมายประชานิยมไล่แจกเงิน
       
       ทั้งนี้ แถลงการณ์ดังกล่าวมีใจความโดยสรุปว่า การที่ นพ.เมธีออกมาพูดนั้นเป็นการหาเสียง เพื่อสร้างความตื่นกลัวให้แก่แพทย์ เพื่อหวังผลให้ได้รับการเลือกตั้งกรรมการแพทยสภาชุดใหม่อีกครั้งในวันที่ 17 พ.ย.นี้ เครือข่ายฯ ไม่ขอโต้ตอบทุกประเด็นที่กล่าวหา เพราะไม่ได้เป็นการติเพื่อก่อ แต่เป็นการพูดที่เต็มไปด้วยอคติ บิดเบือน และให้ร้าย ทั้งที่ พ.ร.บ.มีเจตนารมณ์หวังดีต่อแพทย์และคนไข้ ขอวิงวอนแพทยสภาโปรดหยุดปลุกระดมความร้าวฉาน สร้างความเข้าใจผิด เพื่อหวังผลหาเสียงเลือกตั้งเหมือนนักการเมืองน้ำเน่า ถึงเวลาที่หมอกับคนไข้ควรจับมือกันก้าวข้ามความขัดแย้ง ไม่ใช่จ้องล้ม พ.ร.บ. โดยไม่ฟังเหตุฟังผล ขณะที่แพทยสภาก็เป็นที่พึ่งให้สังคมไม่ได้
       
       นอกจากนี้ แพทย์ทุกคนใช่ว่าจะต่อต้านร่าง พ.ร.บ.นี้ เพราะมีแพทย์จำนวนมากลงชื่อสนับสนุนผ่านแคมเปญของ Change.org ซึ่งเครือข่ายได้ยื่น 2 หมื่นรายชื่อให้กับ รมว.สาธารณสุข เมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา และการเลือกตั้งกรรมการแพทยสภาในครั้งนี้ ก็มีทีมที่ชูนโยบายให้มีการเยียวยาทั้งแพทย์และคนไข้ อยากให้แพทย์ที่ยังต่อต้านฉุกคิดว่า แม้แพทยสภาจะล้มร่าง พ.ร.บ.ไม่ให้เข้าสู่สภาฯ ได้ แต่ไม่สามารถหยุดคนไข้ให้ฟ้องคดีได้ และไม่สามารถช่วยลบชื่อแพทย์ออกจากคำฟ้องและคำพิพากษาได้ การมี พ.ร.บ.ฉบับนี้ จะช่วยแพทย์ได้จริง หาก นพ.เมธีห่วงใยแพทย์ด้วยความจริงใจ ก็ควรช่วยกันผลักดัน หากเนื้อหาใดที่เห็นว่าไม่เป็นธรรมต่อแพทย์ ก็สามารถเข้าไปช่วยกันปรับแก้ได้
       
       คนไข้ต้องการให้มี พ.ร.บ. เนื่องจากไม่ต้องการฟ้องบุคลากรทางการแพทย์ ที่รู้ดีว่าไม่มีใครตั้งใจทำให้เกิดความเสียหาย และวันหนึ่งเราก็ยังต้องพึ่งแพทย์ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วเราแค่ต้องการให้มีระบบมารองรับความเสียหาย อีกทั้งเงินก็เงินของคนไข้ที่ช่วยกันเองไม่ใช่เงินของแพทย์ ไม่มีเหตุผลใดเลยที่จะมอง พ.ร.บ.ฉบับนี้ในแง่ร้าย หากมีการฟ้องร้องมากขึ้นเหมือนอเมริกา จะทำให้แพทย์อยู่ไม่ได้ คนไข้ก็ไม่มีคนดูแล สังคมก็จะลำบาก การมี พ.ร.บ.จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์กับคนไข้ดีขึ้น เหมือนยุโรป นิวซีแลนด์ และญี่ปุ่น ก็กำลังมีการทดลองใช้ โดย พ.ร.บ.นี้จะทำให้บุคลากรภาครัฐทำงานสบายใจขึ้น ไม่ต้องพะวงว่าจะถูกคนไข้ฟ้อง ถ้าไม่ใช่ทำโดยเจตนาหรือประมาทร้ายแรง
       
       ส่วนการเสนอให้ขยายมาตรา 41 ให้ครอบคลุมคนไข้สิทธิอื่นนั้น เคยมีความพยายามทำในยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทยมาแล้ว เครือข่ายฯ ก็ไม่เคยขัด แต่ได้ข้อสรุปว่าทำไม่ได้ เพราะต้องมีการแก้ไขกฎหมายหลายฉบับ คนไข้แต่ละสิทธิมีเงินกองทุนของตนเอง มีกฎหมายคนละฉบับที่ก้าวก่ายกันไม่ได้ นำเงินออกไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ก็ไม่ได้ ถ้าไม่มี พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ แพทย์จะถูกฟ้องมากขึ้นเหมือนในอเมริกา ค่าเบี้ยประกันจะสูงมากขึ้น ความขัดแย้งระหว่างหมอกับคนไข้ก็จะไม่ได้รับการแก้ไข

ASTVผู้จัดการออนไลน์    11 พฤศจิกายน 2557

Vinyardd

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 2
    • ดูรายละเอียด
เรื่องเป็นที่มีสาระมากเลยครับได้รู้ กม ใหม่