ผู้เขียน หัวข้อ: “หมอประชุมพร” คว้าเก้าอี้ ประธาน สพศท.คนใหม่ ยันค้าน กม.ผู้ป่วยแน่  (อ่าน 2048 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9755
    • ดูรายละเอียด
  “หมอประชุมพร” คว้าเก้าอี้ ประธาน สพศท.คนใหม่ ยันเดินหน้านโยบายค้าน กม.ผู้ป่วย จวกเครือข่ายผู้เสียหายฯ ปล่อยข้อมูลมั่วผ่านเฟซบุ๊ก จี้ สธ.ดำเนินการ
       
       เมื่อวันที่ 14 ก.พ.2554 ที่ห้องประชุมไพจิตร์ ปวบุตร กระทรวงสาธารณสุข (สธ..) มีการประชุมใหญ่สามัญของกรรมการสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่ว ไป (สพศท.) เพื่อสรรหากรรมการบริหารชุดใหม่ ซึ่งครบวาระการดำเนินงานครบ 2 ปี โดยการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเสนอชื่อและลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ซึ่งมีผู้แทนโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป (รพศ./รพท.)กว่า 50 แห่งจากทั้งหมด 94 แห่งทั่วประเทศเข้าร่วมลงคะแนน ผลปรากฏว่า พญ.ประชุมพร บูรณ์เจริญ เป็นประธาน สพศท.คนใหม่ แทน พญ.พจนา กองเงิน อดีตประธาน สพศท. ขณะที่รองประธาน สพศท.ประจำ 4 ภาค ได้แก่ 1.พญ.ฤทัย วรรธนาวินิจ เป็นรองประธาน สพศท.ประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2.นพ.ประดิษฐ์ ไชยบุตร รองประธาน สพศท.ประจำภาคกลาง นพ.เพิ่มบุญ จริยศบุญยศักดิ์ รองประธาน สพศท. ภาคใต้ และ 4.นพ.ภีศเดช สัมมานันท์ รองประธาน สพศท.ภาคเหนือ ส่วนกรรมการรายภาคอื่นๆ แต่ละพื้นที่จะดำเนินคัดเลือกภายหลัง
       
       โดย พญ.ประชุมพร กล่าวว่า นโยบาย หลักของ สพศท. คือจะยังคงเดินหน้า คัดค้านร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พ.ศ... โดยจะเดินหน้าสนับสนุนให้ รพศ./รพท.ที่ยังไม่ได้ร่วมประกาศจุดยืนด้วยการแต่งดำ หรือติดริบบิ้นดำ ก็จะทยอยเคลื่อนไหวต่อไป ทั้งนี้ หากรัฐบาลยังเดินหน้าเรื่องนี้ สพศท. จะมีการหารือถึงแนวทางการชุมนุมเรียกร้องความเป็นธรรม ควบคู่กับมาตรการนำร่องให้ประชาชนทราบถึงผลกระทบของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ด้วยการตรวจตามมาตรฐานวิชาชีพมากขึ้นด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากทราบผลการประชุมคัดเลือกกรรมการบริหารแพทยสภาชุดใหม่(ที่ถูกคือ สมาพันธ์แพทย์รพศ./รพทฯ) นพ.เพิ่มบุญ ได้ออกแถลงการณ์ประณามผู้ผลักดันร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ จากกรณีปล่อยข้อมูลสร้างความเสื่อมเสียให้แก่แพทย์ในเฟซบุ๊ก (Facebook) ว่า เรื่องนี้ส่งผลให้วงการแพทย์ไทยเสื่อมเสียมาก เนื่องจากมีการอ้างข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เนื้อหาโจมตีโรงพยาบาลทั่วประเทศว่า ทุก 1 ใน 6 คนที่ตายในโรงพยาบาลเกิดจากความผิดพลาดทางการแพทย์ และมีการทำกราฟแท่งแสดงสถิติสาเหตุการตายของคนไทยในปี 2549 แสดงข้อมูลเท็จสาเหตุการตายอันดับหนึ่ง คือ ความผิดพลาดทางการแพทย์ถึง 65,000 คน ซึ่ง เป็นข้อมูลที่เป็นเท็จ โดยหวังผลให้ผลักดันร่าง พ.ร.บ.ฯ ทั้งๆ ที่ปัจจุบันข้อมูลผู้เสียชีวิตระดับประเทศยังเป็นตัวเลขที่ไม่ลงตัว จึงไม่เข้าใจว่าตัวเลขนี้มาจากไหน คำนวณอย่างไร
       
       “สพศท.ของประณามการกระทำของ ผู้ผลักดันร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว และควรมีจริยธรรมในการถอนโพสต์ข้อมูลนี้ออกจากเฟซบุ๊กเสีย และขอให้รัฐมนตรีทุกกระทรวงที่ดูแลโรงพยาบาลทั่วประเทศแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการชี้แจงประชาชนให้ถูกต้อง ซึ่งหากไม่ชี้แจงแสดงว่ายอมรับ ข้อมูลนี้ ซึ่งในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เราได้เสนอเรื่องนี้ให้ทางรัฐมนตรี สธ.และปลัด สธ.ทราบแล้ว เบื้องต้น ปลัด สธ. ได้มอบหมายให้สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ (สนย.) สำนัก งานปลัด สธ. ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อมูลนี้แล้ว และทางแพทยสภา ในฐานะที่ต้องรักษาศักดิ์ศรีของแพทย์ ก็อยู่ระหว่างเรียกเจ้าของงานวิจัยไปชี้แจงเช่นเดียวกัน” นพ.เพิ่มบุญกล่าว
       
       ขณะที่แพทย์รายหนึ่งที่เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ กล่าวระหว่างการแถลงว่า ในหน้าเฟซบุ๊กของเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ ได้ระบุถึงเนื้อหาโดยมีการอ้างอิงข้อมูลจาก นพ.สรรธวัช อัศวเรืองชัย ซึ่งนำข้อมูลการเสียชีวิตจากความผิดพลาดทางการแพทย์ในการประชุมขององค์การ อนามัยโลกเมื่อปี 2549 มาเปิดเผย ซึ่งไม่แน่ใจว่าแพทย์รายดังกล่าวเป็นบุคคลของ สธ.ด้วยหรือไม่
       
       ด้าน นางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ กล่าวว่า เครือ ข่ายฯ ยืนยันว่าจะไม่ถอนข้อมูลดังกล่าวออกจากเฟซบุ๊ก เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวมีที่มาที่ไปและหลายประเทศทั่วโลกที่เจริญแล้ว ต่างก็ยอมรับกันว่าความผิดพลาดทางการแพทย์ที่ป้องกันได้นั้นเป็นสาเหตุการ ตายอันดับต้นๆ มากกว่ารถชนตาย อีกทั้งจากสถิติของสหรัฐอเมริกาในปี 2543 ยังพบสถิติการตายจากความผิดพลาดทางการแพทย์ สูงถึง 98,000-190,000 คนทีเดียว


ASTVผู้จัดการออนไลน์    15 กุมภาพันธ์ 2554

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9755
    • ดูรายละเอียด
ตัวอย่าง
ความเห็นจาก social network.......

หมอจะมาสั่งให้คนโน้นคนนี้ ถอนข้อมูลสถิติออกจากเฟสได้อย่างไร หมอไม่ใช่เทวดา..ข้อมูลสถิติมี่ที่มา ที่ไป..ถ้าไม่ถูกต้อง..หรือยืนยันว่าไม่มีก็ฟ้องร้องเอาข้อมูลมาหักล้างกันในศาล..เมื่อมีคนลุกขึ้นมาสู้กับวิชาชีพของหมอ..หมอก็ไม่ยอมจะต้องปกปิด ล้มล้าง ไม่มีเลยการรอมชอมร่วมมือแก้ไขป้องกัน ในสิ่งที่เกิดขึ้นจริง...ทำไมจิตจรรยาบรรณ และ ความมีศีลธรรมอยู่ไหนหมด ได้ประธานหรือนายกแพทยสภาขึ้นมากี่คนไม่มีคนดี ๆ สักคน..ขึ้นมากี่คนก็จิตใจไร้จรรยาบรรณ เมตตา เห็นคนไข้เป็นฝ่ายตรงบ้ามทุกคน..พวกหมอต้องถูก พวกหมอไม่เคยผิด พวกหมอพูดคำว่าขอโทษไม่เป็น พวกหมอไม่รับผิดชอบชดเชยในสิ่งที่ทำผิดพลาดไป แต่พวกหมอก็ไม่ยอมให้มี พรบ.มาช่วยผู้พิการ เจ็บ ตาย ในส่วนที่หมอเป็นคนทำผิดพลาด..นี่หรือคนมีอาชีพหมอ...คิดได้แค่นี้จริง ๆ ถ้าการชูนโยบายล้ม ร่าง พรบ. เป็นการกระทำที่คิดว่าหาคะแนนแสียงให้ตัวเองได้..คิดว่าทำแล้วได้ดี..มีเกียรติเป็นที่ยอมรับ..ก็ทำไป...ทำกรรมดีได้ดี ทำกรรมชั่วก็ได้ผลของการกระทำตามนั้น ...เอวัง ง
ญาติตายเพราะหมอ

...............................

ปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา (อุ้ย)  (ชื่อคนออกความเห็น)

วันนี้หมอเพิ่มบุญ-หมอชุดดำต้านพรบ.กำลังแถลงข่าวตอบโต้ว่าเรื่องนี้ไม่ จริง แล้วก็คงง้ดข้อมูลวิชาการต่าง ๆ มาตอบโต้ฉัน..คุณจะตอบโต้ฉันทำไม..ทำไมคุณไม่ไปถามคนที่เขาพูด เพราะฉันก็ไม่อยากให้มันจริงฉันสงสารคนไข้และฉันกลัวว่าฉันต้องรับเรื่องร้องเรียนไปจนแก่..พี่น้องรอฟังข่าวนะคะว่าเขาจะว่ายังไง แต่ขอบอก 6 หมื่นนี้ประมานจากคนไข้ในนะคะคนไข้นอกรวมทั้งเดี้ยงและพิการยังไม่นับ บ้านเรานอกจากไม่รับความจริงแล้วยังหมกเม็ดให้เกิดปัญหาซ้ำ

ถ้าทำได้ก็ฟ้องฉันก็ได้นะหมอเพิ่มบุญ เพราะคิดว่ามีหมอในสังคมอีกหลายคนที่เขาก็อึดอัดอยากพูดและไปเป็นพยานให้ฉันหลายคนทีเดียว

คนเรายอมรับความจริงแล้วนำไปสู่การแก้ไขปัญหา ดีกว่าแก้ตัวแล้วเกิดคนตายและพิการซ้ำ ๆ ทุกวัน

ดูคน ตาบอด 11 รายที่ขอนแก่นนั่นเป็นไร ฉันออกมาเปิดเผยก็ทำให้คนไข้ไทยที่เข้าคิวอีก 300 รายและอีกทั่วประเทศปลอดภัย เพราะห้องผ่าตัดได้รับการปรับปรุงหมด ประโยชน์มีมากกว่าเสียแน่นอน ที่พวกคุณรับไม่ได้คือเสียหน้าต่างหาก

คงไม่รู้จะกัดใครแล้ว

http://www.facebook.com/Preeyanan.Lorsermvattana

......................................................

มั่นใจคนไทยสนับสนุนให้รัฐบาลแก้ปัญหาหมอกับคนไข้ (ชื่อคนออกความเห็น)

หมอชุดดำแถลงข่าว..ว่าให้ถอนสถิตินี้ออก..จึงตอบไปว่ายืนยันไม่ถอนเพราะ ประเทศที่เจริญแล้วเขาเปิดเผยสถิติเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาและเรียนรู้จาก ความผิดพลาด

เจตนา ของเราเป็นไปเพื่อปกป้องชีวิตของคนไข้ให้ปลอดภัย หาใช่ทำลายวงการแพทย์ วงการแพทย์จะเสื่อมเสียหรือไม่อยู่ที่การวางตัวของแพทย์ หาใช่มีใครทำให้เสื่อมเสียไม่

หลายประเทศทั่วโลกที่เขาเจริญแล้วเขาต่างก็ยอมรับกันว่าความผิดพลาดทางการแพทย์ที่ป้องกันได้นั้นเป็นสาเหตุการตายอันดับต้น ๆ มากกว่ารถชนตายกันทั้งสิ้น

อยากเห็นคือวงการแพทย์บ้านเรายอมรับในความผิดพลาดแล้วหาทางป้องกันมากกว่า มาหัวเสียกับข้อมูลเหล่านี้ซึ่งเป็นเรื่องจริง ที่ผ่านมานอกจากไม่ยอมรับไม่แก้ไข้แล้วยังปล่อยให้พวกเราซึ่งเป็นคนไข้ต้องอ อกมาต่อสู้เรียกร้องหาความเป็นธรรมกันเอาเอง ขณะที่วงการแพทย์ก็ช่วยเหลือปกป้องวิชาชีพด้วยกันตลอดมา

http://www.facebook.com/AgreeWithPatientInjuryAct

..............................................