ผู้เขียน หัวข้อ: ถึงเวลาคุมโรคต้องห้ามขับขี่รถหรือยัง  (อ่าน 657 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9753
    • ดูรายละเอียด
เห็นด้วยที่จะเข้มงวดในการออกใบอนุญาตขับขี่ให้กับคนที่เป็นโรคบางโรค เช่น โรคลมชัก โรคทางตา โรคทางสมอง โรคทางจิตเวช

จากกรณีที่ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดหนองบัวลำภู เกิดอาการลมชักขณะขับรถ จนพุ่งชนนักเรียนบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายคน ส่งผลให้กรมการขนส่งทางบก และแพทยสภา หันมาปัดฝุ่นเรื่องการออกใบอนุญาตขับขี่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะคนที่มีโรคประจำตัวบางโรค เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก

นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า เห็นด้วยที่จะเข้มงวดในการออกใบอนุญาตขับขี่ให้กับคนที่เป็นโรคบางโรค เช่น โรคลมชัก โรคทางตา โรคทางสมอง โรคทางจิตเวช ที่ผ่านมาแพทยสภาเคยหารือกับราชวิทยาลัยต่าง ๆ ได้ข้อสรุป และเสนอไปยังกรมการขนส่งทางบกนานแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้า ดังนั้นหากอธิบดีกรมการขนส่งคนปัจจุบันให้ความสำคัญหยิบยกเรื่องนี้มาพิจารณาและหารือกับแพทยสภานับเป็นเรื่องที่ดี

ด้าน พล.อ.ต.นพ.อิทธพร คณะเจริญ รองเลขาธิการแพทยสภา บอกว่า สุขภาพที่สำคัญกับความปลอดภัยมีอยู่ประมาณ 5 เรื่อง คือ สมอง ตา หู หัวใจ และโรคเบาหวาน นอกจากนี้ยังมีโรคอื่นอีก เช่น โรคพิษสุราเรื้อรัง การใช้ยานอนหลับ โรคทางจิตเวช โรคเหล่านี้ในต่างประเทศต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เช่น โรคลมชักต้องรักษาอย่างน้อย 2 ปี จึงขับขี่รถได้ แต่ต้องได้รับยาและมีแพทย์ดูแล โรคทางตา ทางหู หัวใจ โรคเบาหวาน ก็เช่นกันคนไข้ต้องได้รับการตรวจร่างกาย และดูแลทุกปี เมื่อคนไข้ปลอดภัย ประชาชนเดินถนนก็ปลอดภัย ส่วนคนที่ปกติแข็งแรงไม่มีโรค การตรวจอาจผ่านไปเลย แต่คนที่มีปัญหาอาจจะต้องต่อใบขับขี่บ่อยขึ้น เพื่อความปลอดภัยของตัวเขาเอง เพราะเวลาเกิดเหตุมักจะเสียชีวิตหรือพิการด้วย

แพทยสภาเคยส่งข้อเสนอไปให้กรมการขนส่งทางบก ตั้งแต่ปี 2551 หลังจากนั้นมีการทวงถามตลอดไปในปี 2552 2554 และ 2556 ว่าเรื่องไปถึงไหนอย่างไร สิ่งที่ได้รับทราบ คือ อยู่ระหว่างดำเนินการ ทำการเก็บข้อมูลต่าง ๆ และหาความเป็นไปได้เพราะการปรับเกณฑ์ใหม่จะกระทบต่อการทำงานของหลายภาคส่วน และต้องแก้ไขกฎระเบียบหลายข้อ ซึ่งทางกรมการขนส่งทางบกไม่ได้นิ่งนอนใจ

ล่าสุดได้คุยกับอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เมื่อช่วงเข้าวันที่ 12 มิ.ย. และนัดกันว่าจะประชุมในเรื่องนี้วันอังคารที่17 มิ.ย. โดยที่แพทยสภาจะให้ข้อเท็จจริงทางวิชาการ และกรมการขนส่งทางบกอาจจะต้องไปพิจารณาว่าจะปฏิบัติได้อย่างไร แต่การดำเนินการตรงนี้ต้องเกิดธรรมาภิบาลด้วย คืออาจจะไม่จำเป็นต้องเหมือนประเทศต่าง ๆ ในโลก แต่ต้องมีเกณฑ์ปลอดภัยที่สุดว่าเป็นอย่างไร หรือปรับลดหย่อนอย่างไรให้ปฏิบัติได้จริง ไม่กระทบการขับขี่ แต่ควรจะต้องเริ่มเพราะเราแลกด้วยชีวิตคนมาหลายคนแล้ว

เดิมแพทยสภาเน้นรถสาธารณะเป็นหลัก คือคนขับรถทัวร์ รถนักเรียน เพราะเวลาเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตเยอะ ไม่รู้ว่าเป็นลมชักหรือเป็นเบาหวานขาดยาหรือไม่ ดังนั้นมองว่าถ้าคุมรถใหญ่อุบัติเหตุน่าจะลดลง ส่วนรถส่วนบุคคลต้องไปคุยกันอีกครั้ง คือรถเล็กอาจจะมีหลักเกณฑ์บางข้อ แต่ถ้าเป็นโรคลมชัก อาจจะต้องห้ามขับรถทุกประเภทหากไม่รักษาตัวให้ดี

ดังนั้นฝ่ายกฎหมายของกรมการขนส่งทางบกต้องไปดูว่าควรทำอย่างไรต่อ แต่ควรนำเรื่องนี้แจ้งให้ผู้ปฏิบัติทุกคนรับทราบด้วย เช่น บริษัทรถทัวร์ทำได้หรือไม่ ผู้ขับขี่ทั่วไปทำได้หรือไม่ ความปลอดภัยของคนขับขี่ และประชาชน กับค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไป ต้องเรียนว่าไม่ใช่เรื่องง่าย

อนาคตถนนจะปลอดภัยหรือไม่อยู่ที่ผู้ขับขี่ ทุกคนอาจต้องเสียค่าตรวจร่างกายเพิ่มขึ้น ไม่่ใช่แก้ไขที่ปลายเหตุ พอเสียชีวิตแล้วมาออกข่าว คือ ทุกครั้งที่แพทยสภาทำหนังสือไปยังกรมการขนส่งทางบก คือ ตอนที่เกิดข่าว หลังจากนั้นก็เหมือนไฟไหม้ฟาง อยากถามว่าโรคต้องห้ามอันตรายถึงเวลาหรือยังที่ควรจะคุ้มครองทั้งคนป่วยและคนเดินถนน ถึงเวลาหรือยังที่ต้องพิจารณาเรื่องนี้ หรือจะให้ตายกี่คนหลักเกณฑ์นี้ถึงจะออกได้.

นวพรรษ บุญชาญ : รายงาน
เดลินิวส์   14 มิถุนายน 2557

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9753
    • ดูรายละเอียด
ผอ.ร.ร.โรคกำเริบ ขับรถพุ่งชนนร. ดับแล้ว 4 เจ็บระนาว
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2014, 07:28:32 »


สลด!ผอ.ร.ร.บ้านวังน้ำขาว โรคลมชักกำเริบขณะขับรถออกจากโรงเรียน ก่อนเสียการควบคุมพุ่งชนนักเรียนที่เดินต่อแถวเข้าโรงเรียน ดับสลด 4 ราย เจ็บอีกกว่า 10

เมื่อเวลา 09.25 น. วันที่ 11 มิ.ย.57 มีรายงานว่า เกิดเหตุรถยนต์ชนนักเรียนภายในโรงเรียนหนองบัวพิทยาคาร อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู เป็นเหตุให้นักเรียนเสียชีวิต 4 ราย เจ็บอีกกว่า 10 ราย

จากการตรวจสอบพบว่า ขณะเกิดเหตุครูอยู่ระหว่างนำนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ร.ร.หนองบัววิทยายน เดินเป็นแถวเพื่อร่วมงานวันวิทยาศาสตร์โลก ที่ร.ร.หนองบัวพิทยาคาร ต.ลำภู อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู แต่ระหว่างเดินเข้าโรงเรียนมีรถยนต์พุ่งเข้าชนเด็กนักเรียน เสียชีวิตทันที 4 ราย บาดเจ็บกว่า 10 ราย เจ้าหน้าที่จึงนำส่ง รพ.หนองบัวลำภู

เบื้องต้นทราบว่า ผู้ขับรถยนต์เป็นผู้อำนวยการ ร.ร.วังน้ำขาว คือ นายบัวลำ โง๊ะบุดดา อายุ 57 ปี โดยกำลังขับรถออกจากโรงเรียน แต่เกิดอาการโรคลมชักกะทันหันทำให้ไม่สามารถควบคุมรถได้ จึงชนเด็กนักเรียนที่กำลังเดินเข้าโรงเรียนเพื่อชมงาน เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากดังกล่าว.

ไทยรัฐออนไลน์   11 มิ.ย. 2557