ผู้เขียน หัวข้อ: ประกาศ-คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ  (อ่าน 18820 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
Re: ประกาศ-คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: 29 กรกฎาคม 2014, 17:10:15 »
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ ๙๙ / ๒๕๕๗
       เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

                               เพื่อให้การดำเนินการส่งเสริมวิสาหกิจขนาด กลางและขนาดย่อมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สมควรแก้ไขเพิ่มเติมผู้รักษาการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจขนาด กลางและขนาดย่อม คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีประกาศ ดังต่อไปนี้
                                   ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ.๒๕๔๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
                                   “มาตรา ๕ ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงและประกาศเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้”
                                   ข้อ ๒ ให้บรรดากฎกระทรวงหรือประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาด กลางและขนาดย่อม พ.ศ.๒๕๔๓ ที่ใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ยังคงใช้บังคับได้ต่อไป จนกว่าจะมีกฎหระทรวงหรือประกาศใหม่ใช้บังคับ

       ทั้งนี้  ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
       ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗

       พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
    ................................................................................
คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ ๙๗/๒๕๕๗
เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ

                              โดยที่การกำกับดูแลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจนั้น คณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจจำเป็นต้องมีอำนาจหน้าที่ในการ แก้ไขปัญหาต่างๆ อย่างทันท่วงทีเพื่อให้การดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจทั้งระบบเป็นไปอย่างมี ประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของรัฐและประชาชนเป็นสำคัญ คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้
                              ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (๒/๑) ของข้อ ๒ ในคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๗๕/๒๕๕๗ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ ลงวันที่ ๒๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗
                              “(๒/๑) เสนอแนะต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อให้มีคำสั่งระงับหรือยับยั้งการ ดำเนินโครงการใดๆ ของรัฐวิสาหกิจที่เห็นว่าเป็นการนอกเหนืออำนาจหน้าที่ตามขอบวัตถุประสงค์ของ รัฐวิสาหกิจนั้น หรือลักษณะที่น่าจะเป็นการดำเนินงานที่ส่อไปในทางทุจริตไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่โปร่งใส ไว้ก่อน เพื่อให้มีการตรวจสอบ ทบทวน หรือแก้ไขตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป”
                              ข้อ ๒ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๒/๑ ของคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ ๗๕/๒๕๕๗ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ ลงวันที่ ๒๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗
                              ”ข้อ ๒/๑ เมื่อมีคณะรัฐมนตรีเข้าทำหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดินตามรัฐธรรมนูญแล้ว ให้คณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจยังคงมีอำนาจหน้าที่ตามข้อ ๒ โดยในการดำเนินการตาม (๑) (๒) (๒/๑) (๓) (๔) และ (๕) ของข้อ ๒ ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี”

       ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
       สั่ง ณ วันที่ ๒๑  กรกฎาคม พุธศักราช ๒๕๕๗
 
       พลเอก  ประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
   ..............................................................................
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ ๑๐๐ / ๒๕๕๗
       เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรมและกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน

                               เพื่อให้การดำเนินการส่งเสริมการลงทุนเป็น ไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงสมควรโอนสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กระทรวงอุตสาหกรรม ไปเป็น สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักนายกรัฐมนตรี โดยเป็นส่วนราชการที่อยู่ในบังคับบัญชาขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีประกาศ ดังต่อไปนี้
                                    ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
                                    " มาตรา ๖ สำนักนายกรัฐมนตรี มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับราชการทั่วไปของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี รับผิดชอบการบริหารราชการทั่วไป เสนอแนะนโยบายและการวางแผนการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และความมั่นคง และราชการเกี่ยวกับการงบประมาณ ระบบราชการ การบริหารงานบุคคล กฎหมายและการพัฒนากฎหมาย การติดตามและประเมินผลการปฏิบัติราชการ การส่งเสริมการลงทุน การปฏิบัติภารกิจพิเศษและราชการอื่นตามที่มีกฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ ของสำนักนายกรัฐมนตรีหรือส่วนราชการที่สังกัดสำนักนายรัฐมนตรี หรือที่มิได้อยู่ภายในอำนาจหน้าที่ของกระทรวงใดโดยเฉพาะ"
                                    ข้อ ๒ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (๑๓) ของมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕
                                     " (๑๓) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน"
                                    ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๔๔ แห่งพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
                                     "มาตรา ๔๔ กระทรวงอุตสาหกรรม มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรม การพัฒนาผู้ประกอบการ และราชการอื่นตามที่มีกฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงอุตสาหกรรม หรือส่วนราชการที่สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม"
                                     ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในวรรคสองและ (๙) ของมาตรา ๔๕ แห่งพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕
                                     ข้อ ๕ ให้โอนบรรดาอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรี ที่เป็นของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กระทรวงอุตสาหกรรม และอำนาจหน้าที่ที่เป็นของข้าราชการหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะ กรรมการส่งเสริมการลงทุน กระทรวงอุตสาหกรรม ไปเป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักนายกรัฐมนตรี และของข้าราชการหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลง ทุน สำนักนายกรัฐมนตรี แล้วแต่กรณี
                                    ข้อ ๖ ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน งบประมาณ สิทธิ หนี้ ภาระผูกพัน ข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้าง และอัตรากำลังของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กระทรวงอุตสาหกรรม ไปเป็นของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักนายกรัฐมนตรี
                                    ข้อ ๗ ในมาตรา ๔ มาตรา ๕ และมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. ๒๕๒๐ ซึ่งถูกแก้ไขเพิ่มเติมโดยผลของพระราชกฤษฎีกาแก้ไขบทบัญญัติให้สอดคล้องกับ การโอนอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ ให้แก้ไขคำว่า "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม" เป็น "นายกรัฐมนตรี"
                                    ข้อ ๘ บรรดาบทบัญญัติแห่งกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรีใดที่อ้างถึงสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กระทรวงอุตสาหกรรม และข้าราชการ พนักงานราชการ หรือลูกจ้างของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กระทรวงอุตสาหกรรม ให้ถือว่าอ้างถึงสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักนายกรัฐมนตรี หรือข้าราชการ พนักงานราชการ หรือลูกจ้างของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักนายกรัฐมนตรี
                                    ข้อ ๙ ในวาระเริ่มแรกให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนมีส่วนราชการตามกฎ กระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กระทรวงอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยอนุโลม จนกว่าจะมีกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักนายรัฐมนตรี ขึ้นใหม่

       ทั้งนี้  ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
       ประกาศ ณ วันที่ ๒๑  กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗

       พลเอก    ประยุทธ์   จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
   .............................................................................
คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ ๙๘/๒๕๕๗
      เรื่อง การกำหนดตำแหน่งเพิ่มและการแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง

                              เพื่อให้การปฏิบัติงานของส่วนราชการต่างๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเหมาะสมยิ่งขึ้น หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
                              ข้อ ๑ ให้กำหนดตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นในกระทรวงอุตสาหกรรม จำนวนหนึ่งตำแหน่ง
                              ข้อ ๒ ให้ นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ พ้นจากตำแหน่ง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม และให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม ตามข้อ ๑ เป็นพิเศษเฉพาะราย
                              ข้อ ๓ ให้ นายพสุ โลหารชุน พ้นจากตำแหน่ง รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และให้ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม
                              ข้อ ๔ ให้ นายชาญชัย สุวิสุทธะกุล พ้นจากตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม และให้ดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวงคมนาคม
                              ข้อ ๕ ให้ นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ พ้นจากตำแหน่ง อธิบดีกรมเจ้าท่า และให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม
                              ข้อ ๖ ให้ นายจุฬา สุขมานพ พ้นจากตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร และให้ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมเจ้าท่า
                              ข้อ ๗ ให้ นายพีระพล ถาวรสุขเจริญ พ้นจากตำแหน่ง รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร และให้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร
                              ข้อ ๘ ให้ข้าราชการซึ่งดำรงตำแหน่งข้างต้นปฏิบัติหน้าที่ตามตำแหน่งตั้งแต่วันที่มีคำสั่งนี้เป็นต้นไป
                              ข้อ ๙ ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักงบประมาณ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการเกี่ยวกับตำแหน่งและอัตราเงินเดือนของ ข้าราชการดังกล่าวให้เรียบร้อยโดยด่วน โดยจัดให้ดำรงตำแหน่งที่ไม่ต่ำกว่าตำแหน่งที่ข้าราชการผู้นั้นดำรงตำแหน่ง อยู่เดิม
                              ข้อ ๑๐ เมื่อมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งตามคำสั่งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
                              ข้อ ๑๑ เมื่อไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งตามข้อ ๒ แล้ว ให้ตำแหน่งดังกล่าวเป็นอันยกเลิก

      ทั้งนี้  ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
      สั่ง ณ วันที่ ๒๑  กรกฎาคม พุธศักราช ๒๕๕๗

      พลเอก  ประยุทธ์ จันทร์โอชา
      หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
   ......................................................................
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ ๑๐๑ / ๒๕๕๗
       เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๗๑/๒๕๕๗

                               โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๗๑/๒๕๕๗ เรื่อง การสรรหาคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ลงวันที่ ๒๗ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ เพื่อให้กระบวนการสรรหาคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและผู้ว่าการตรวจเงินแผ่น ดินสามารถดำเนินการได้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีประกาศ ดังต่อไปนี้

                                   ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๑๐ ของประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๗๑/๒๕๕๗ เรื่อง การสรรหาคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ลงวันที่ ๒๗ มิถุนายน พุทธศักราช
                                   "ข้อ ๑๐ ในกรณีที่ไม่มีกรรมการสรรหาในตำแหน่งใดในคณะกรรมการสรรหาตามข้อ ๓ หรือข้อ ๕ ให้คณะกรรมการสรรหาดังกล่าวประกอบด้วยกรรมการสรรหาเท่าที่มีอยู่”

       ทั้งนี้  ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
       ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗

       พลเอก    ประยุทธ์   จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
     ..............................................................................................
คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ ๙๙/๒๕๕๗
       เรื่อง การให้ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมพ้นจากตำแหน่ง

                              เพื่อให้การปฏิบัติงานของสำนักงานส่งเสริม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเหมาะสมยิ่งขึ้น หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้
                              ข้อ ๑ ให้ นายปฏิมา จีระแพทย์ พ้นจากตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
                              ข้อ ๒ ให้ นางสาววิมลกานต์ โกสุมาศ รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

       ทั้งนี้  ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
       สั่ง ณ วันที่ ๒๑  กรกฎาคม พุธศักราช ๒๕๕๗

       พลเอก  ประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
   ........................................................................
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ ๑๐๒ / ๒๕๕๗
       เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยลักษณะปกครองท้องที่

                               โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่า ด้วยลักษณะปกครองท้องที่ เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครองมีอำนาจหน้าที่ใน การตรวจตรารักษาความสงบเรียบร้อยภายในหมู่บ้านเช่นเดียวกับผู้ช่วยผู้ใหญ่ บ้านฝ่ายรักษาความสงบ อันจะส่งผลให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล สูงสุดในการรักษาความสงบเรียบร้อย ความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนการอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนภายในหมู่บ้านโดยส่วนรวม คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีประกาศ ดังต่อไปนี้
                                   ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (๓) ในวรรคหนึ่งของมาตรา ๒๘ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๑๐
                                    “(๓) ตรวจตรารักษาความสงบเรียบร้อยภายในหมู่บ้านร่วมกับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ”

       ทั้งนี้  ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
       ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗

       พลเอก    ประยุทธ์   จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
   ...........................................................................
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ ๑๐๓ / ๒๕๕๗
      เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๙๗/๒๕๕๗

                               โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศคณะ รักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๙๗/๒๕๕๗ เรื่อง การให้ความร่วมมือต่อการปฏิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติและการเผยแพร่ ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ ลงวันที่ ๑๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ เพื่อให้การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารไปสู่ประชาชนเป็นไปด้วยความถูกต้อง ปราศจากการบิดเบือน และความเข้าใจผิด อันจะส่งผลกระทบต่อการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีประกาศดังต่อไปนี้
                                   ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความใน (๓) ของข้อ ๒ แห่งประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๙๗/๒๕๕๗ เรื่อง การให้ความร่วมมือต่อการปฏิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติและการเผยแพร่ ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ ลงวันที่ ๑๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
                                   “(๓) การวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยมีเจตนาไม่ สุจริตเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของคณะรักษาความสงบแห่งชาติด้วยข้อมูลอัน เป็นเท็จ”
                                   ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความในข้อ ๕ แห่งประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๙๗/๒๕๕๗ เรื่อง การให้ความร่วมมือต่อการปฏิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติและการเผยแพร่ ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ ลงวันที่ ๑๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
                                   ข้อ ๕ ในกรณีที่ปรากฏว่าบุคคลใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อ ๒ หรือข้อ ๓ พนักงานเจ้าหน้าที่อาจส่งเรื่องให้องค์กรวิชาชีพที่ผู้นั้นเป็นสมาชิกดำเนิน การสอบสวนทางจริยธรรมแห่งการประกอบวิชาชีพ”

       ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
       ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗

       พลเอก    ประยุทธ์   จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
Re: ประกาศ-คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: 29 กรกฎาคม 2014, 17:31:09 »
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ ๑๐๔ / ๒๕๕๗
       เรื่อง การกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

                               เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น อันได้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบล เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า มีความโปร่งใส และอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินและการคลังที่ดี รวมทั้งเป็นการป้องกันและปราบปรามไม่ให้มีการใช้จ่ายงบประมาณขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นไปในทางที่มิชอบด้วยกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีประกาศ ดังต่อไปนี้
                                   ข้อ ๑ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอซึ่งมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น ติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เป็นไป ตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการ นโยบาย ประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติอย่างเคร่งครัด
                                   ข้อ ๒ การติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณตามข้อ ๑ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอแต่งตั้งคณะกรรมการตามจำนวนที่เห็นสมควร เพื่อทำหน้าที่ติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่นให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบแบแผนของทางราชการ โดยมุ่งเน้นแผนงานหรือโครงการประเภทงบลงทุนที่เป็นการแก้ไขปัญหาความเดือด ร้อนและความเป็นอยู่ของประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรม หากในการตรวจสอบนั้นปรากฎว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งใดมีพฤติการณ์การ ใช้จ่ายงบประมาณหรือการบริหารงบประมาณในเรื่องใดไปในทางที่มิชอบด้วยกฎหมาย จนเป็นเหตุให้ทางราชการได้รับความเสียหาย ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอ ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาดและรวดเร็ว
                                   ข้อ ๓ ในการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ผู้ว่าราชการ จังหวัดและนายอำเภอกำกับดูแลและตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นให้เป็นไปโดยเปิดเผย โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม โดยเฉพาะกรณีดังต่อไปนี้
                                   (๑) เมื่อผู้บริหารท้องถิ่นได้เห็นชอบราคากลางงานก่อสร้างโครงการใดที่มีมูลค่า ตั้งแต่ห้าล้านบาทขึ้นไปแล้ว ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นผู้ตั้งงบประมาณเป็นค่าก่อสร้างนั้น รายงานข้อมูลดังกล่าวให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอทราบภายในสามวันทำ การนับแต่วันที่ผู้บริหารท้องถิ่นเห็นชอบราคากลาง ในการนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภออาจพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการหรือมอบหมาย ผู้ที่มีความรู้และความชำนาญด้านการประมาณราคาก่อสร้างให้ไปตรวจสอบราคากลาง งานก่อสร้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นได้ตามความเหมาะสม
                                   (๒) หากมีข้อเท็จจริงซึ่งเป็นเหตุอันควรเชื่อได้ว่า การจัดซื้อจัดจ้างใดมีการดำเนินการที่มิชอบด้วยกฎหมาย ไม่โปร่งใส หรือมีลักษณะที่น่าจะเป็นการดำเนินงานที่ส่อไปในทางทุจริตหรือประพฤติมิชอบ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอแต่งตั้งคณะกรรมการตามจำนวนที่เห็นสมควร เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและผู้ที่เกี่ยวข้องได้มีโอกาสชี้แจงแสดงข้อ เท็จจริง ในการนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภออาจมีคำสั่งให้ระงับหรือยับยั้งการดำเนิน การจัดซื้อจัดจ้างนั้นไว้ก่อน เพื่อให้มีการตรวจสอบ ทบทวน หรือแก้ไขให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่หากผลการตรวจสอบของคณะกรรมการปรากฎว่าการจัดซื้อจัดจ้างนั้นเป็นการ ดำเนินการที่มิชอบด้วยกฎหมายหรือเป็นการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอมีอำนาจยกเลิกการจัดซื้อจัดจ้างในครั้ง นั้น แล้วดำเนินการตามกฎหมายแก่บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานที่ได้กระทำการหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตประพฤติมิชอบ นั้นอย่างเฉียบขาดและรวดเร็ว
                                   (๓) การจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีพิเศษจะกระทำได้เฉพาะกรณีที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ กำหนดไว้ในระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ.๒๕๓๕ และต้องได้รับอนุมัติจากผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอแล้วแต่กรณี เว้นแต่กรณีการป้องกันหรือบรรเทาสาธารณภัยเพื่อบำบัดความเดือดร้อนของ ประชาชน และกรณีการจัดซื้อจัดจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะ กิจซึ่งปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะ กิจ พ.ศ.๒๕๕๔ ให้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีพิเศษได้โดยไม่ต้องได้รับอนุมัติจากผู้ ราชการจังหวัดหรือนายอำเภอ

       ทั้งนี้  ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
       ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ กรกฎาคมพุทธศักราช ๒๕๕๗

       พลเอก    ประยุทธ์   จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
   ....................................................................
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ ๑๐๕ / ๒๕๕๗
       เรื่อง การแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน

                               ตามที่ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริม การลงทุนตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๕๕/๒๕๕๗ เรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ลงวันที่ ๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ นั้น เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนตามกฏหมายว่าด้วย การส่งเสริมการลงทุนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สมควรกำหนดให้มีกรรมการในคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นจากองค์ประกอบ ของคณะกรรมการตามกฎหมายดังกล่าวคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีประกาศ ดังต่อไปนี้
                                  ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๕๕/๒๕๕๗ เรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ลงวันที่ ๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗
                                  ข้อ ๒ มิให้นำบทบัญญัติเกี่ยวกับองค์ประกอบของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนตามมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ.๒๕๒๐ มาใช้บังคับคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนที่ได้มีการแต่งตั้งตามประกาศนี้
                                  ข้อ ๓ ให้บุคคลดังต่อไปนี้ เป็นกรรมการในคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน
                                  (๑) หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ                      ประธานกรรมการ
                                  (๒) หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ                                            กรรมการ
                                        คณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                                  (๓) รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ                                       กรรมการ
                                        คณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                                  (๔) ปลัดกระทรวงการคลัง                                           กรรมการ
                                  (๕) ปลัดกระทรวงพาณิชย์                                           กรรมการ
                                  (๖) ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม                                     กรรมการ
                                  (๗) เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ           กรรมการ
                                        และสังคมแห่งชาติ
                                  (๘) ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย                           กรรมการ
                                  (๙) ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์                          กรรมการ
                                        แห่งประเทศไทย
                                  (๑๐) ประธานสมาคมธนาคารไทย                                กรรมการ
                                  (๑๑) ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย                กรรมการ
                                  (๑๒) ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย           กรรมการ
                                  (๑๓) พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล                                       กรรมการ
                                  (๑๔) พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์                               กรรมการ
                                  (๑๕) นายเทวินทร์ วงศ์วานิช                                      ที่ปรึกษา
                                  (๑๖) นายประกิจ ชินอมรพงษ์                                     ที่ปรึกษา
                                  (๑๗) นางเพ็ญทิพย์ พรจะเด็ด                                    ที่ปรึกษา
                                  (๑๘) นายภัคพล งามลักษณ์                                      ที่ปรึกษา
                                  (๑๙) นายสมชาย หาญหิรัญ                                       ที่ปรึกษา
                                  (๒๐) เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน           กรรมการและเลขานุการ
                                  ข้อ ๔ ให้กรรมการที่แต่งตั้งตามประกาศนี้ มีวาระอยู่ในตำแหน่งตามที่กำหนดในกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน โดยให้เริ่มนับวาระตั้งแต่วันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ

        ทั้งนี้  ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
        ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗

       พลเอก    ประยุทธ์   จันทร์โอชา
        หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
   ....................................................................
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ ๑๐๖ / ๒๕๕๗
       เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยป่าไม้

                               โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่า ด้วยป่าไม้ เพื่อปรับปรุงให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีประกาศ ดังต่อไปนี้

                                    ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ.๒๕๑๘ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
                                    "มาตรา ๗ ไม้สัก ไม้ยาง ไม้ชิงชัง ไม้เก็ดแดง ไม้อีเม่ง ไม้พะยุงแกลบ ไม้กระพี้ ไม้แดงจีน ไม้ขะยุง ไม้กระซิก ไม้กระซิบ ไม้พะยูง ไม้หมากพลูตั๊กแตน ไม้กระพี้เขาควาย ไม้เก็ดดำ ไม้อีเฒ่า และไม้เก็ดเขาควาย ไม่ว่าจะขึ้นอยู่ที่ใดในราชอาณาจักร เป็นไม้หวงห้ามประเภท ก ไม้ชนิดอื่นในป่าจะให้เป็นไม้หวงห้ามประเภทใด ให้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา"
                                    ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๔๘ แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ.๒๕๑๘ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
                                    "มาตรา ๔๘ ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ ห้ามมิให้ผู้ใดแปรรูปไม้ ตั้งโรงงานแปรรูปไม้ ตั้งโรงค้าไม้แปรรูป มีไม้สัก ไม้ยาง ไม้ชิงชัน ไม้เก็ดแดง ไม้อีเม่ง ไม้พะยูงแกลบ ไม้กระพี้ ไม้แดงจีน ไม้ขะยุง ไม้ชิก ไม้กระซิก ไม้กระซิบ ไม้พะยูง ไม้หมากพลูตั๊กแตน ไม้กระพี้เขาควาย ไม้เก็ดดำ ไม้อีเฒ่า และไม้เก็ดเขาควาย แปรรูป ไม่ว่าจำนวนเท่าใดไว้ในครอบครอง หรือมีไม้แปรรูปชนิดอื่นเป็นจำนวนเกิน ๐.๒๐ ลูกบาศก์เมตร ไว้ในครอบครอง เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในกฎกระทรวงและในการอนุญาต"
                                    ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในวรรคสองของมาตรา ๖๙ แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ.๒๕๒๕ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
                                    "ในกรณีความผิดตามมาตรานี้ ถ้าไม้ที่มีไว้ในครอบครองเป็น
                                    (๑) ไม้สัก ไม้ยาง ไม้ชิงชัน ไม้เก็ดแดง ไม้อีเม่ง ไม้พยุงแกลบ ไม้กระพี้ ไม้แดงจีน ไม้ขะยุง ไม้ชิก ไม้กระซิก ไม้กระซิบ ไม้พยุง ไม้หมากพลูตั๊กแตน ไม้กระพี้เขาควาย ไม้เก็ดดำ ไม้อีเฒ่า ไม้เก็ตเขาควาย หรือไม้หวงห้ามประเภท ข หรือ
                                    (๒) ไม้อื่นเป็นต้นหรือเป็นท่อนอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่างรวมกัน เกินยี่สิบต้นหรือท่อน หรือรวมปริมาตรไม้เกินสี่ลูกบาศก์เมตร หรือไม้ที่ได้แปรรูปแล้ว รวมปริมาตรไม้เกินสี่ลูกบาศก์เมตร
                                    ผู้กระทำความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงสองล้านบาท”
                                    ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในวรรคสองของมาตรา ๗๒ ทวิแห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ.๒๕๒๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
                                    "ในกรณีความผิดมาตรานี้ ถ้าไม้ที่มีไว้ในครอบครองเป็น
                                    (๑) ไม้สัก ไม้ยาง ไม้ชิงชัน ไม้เก็ดแดง ไม้อีเม่ง ไม้พยุงแกลบ ไม้กระพี้ ไม้แดงจีน ไม้ขะยุง ไม้ชิก ไม้กระซิก ไม้กระซิบ ไม้พยุง ไม้หมากพลูตั๊กแตน ไม้กระพี้เขาควาย ไม้เก็ดดำ ไม้อีเฒ่า ไม้เก็ตเขาควาย หรือไม้หวงห้ามประเภท ข หรือ
                                    (๒) ไม้อื่นเป็นต้นหรือเป็นท่อนอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่างรวมกัน เกินห้าต้นหรือท่อน หรือรวมปริมาตรไม้ที่ครอบครองเกินหนึ่งลูกบาศก์เมตร หรือไม้ที่ได้แปรรูปแล้ว รวมปริมาตรไม้เกินหนึ่งลูกบาศก์เมตร
                                    ผู้กระทำความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงหนึ่งล้านห้าแสนบาท”
                                    ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความในวรรคสองของมาตรา ๗๓ แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ ฉบับที่ ๗ พ.ศ.๒๕๒๕ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
                                    ในกรณีความผิดตามมาตรานี้ ถ้าการกระทำผิดนั้นเกี่ยวกับ
                                    (๑) ไม้สัก ไม้ยาง ไม้ชิงชัน ไม้เก็ดแดง ไม้อีเม่ง ไม้พยุงแกลบ ไม้กระพี้ ไม้แดงจีน ไม้ขะยุง ไม้ชิก ไม้กระชิก ไม้กระชิบ ไม้พยุง ไม้หมากพลูตั๊กแตน ไม้กระพี้เขาควาย ไม้เก็ดดำ ไม้อีเฒ่า ไม้เก็ตเขาควาย หรือไม้หวงห้ามประเภท ข หรือ
                                    (๒) ไม้อื่นเป็นต้นหรือเป็นท่อนอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่างรวมกัน เกินยี่สิบต้นหรือท่อน หรือรวมปริมาตรไม้เกินสี่ลูกบาศก์เมตร หรือไม้ที่ได้แปรรูปแล้ว รวมปริมาตรไม้เกินสองลูกบาศก์เมตร
                                    ผู้กระทำความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงสองล้านบาท”
                                    ข้อ ๖ ให้ยกเลิกความในลำดับที่ ๕๓ ในช่องประเภท ก ไม้หวงห้ามธรรมดาของบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ.๒๕๓๐

       ทั้งนี้  ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
       ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗

       พลเอก    ประยุทธ์   จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
   ..........................................................................
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ ๑๐๗ / ๒๕๕๗
       เรื่อง ให้สมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสิ้นสุดลง

                               ตามที่สมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งได้มาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ และพระราชบัญญัติสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๓ ได้ครบวาระลงแล้ว ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๖ แม้จะมีการดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติชุดใหม่ แต่ก็ไม่อาจจะดำเนินการโดยเรียบร้อยได้ เพราะมีข้อขัดแย้งกันมาก จนมีคดีฟ้องร้องในศาลต่อเนื่องกัน มากกว่า ๗๐ คดี สมาชิกที่ปฏิบัติหน้าที่ในขณะนี้ ล้วนเป็นสมาชิกซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระ แต่ต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จนกว่าสมาชิกซึ่งได้รับเลือกขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ ดังนั้น หากปล่อยให้เหตุการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ ก็จะเกิดความไม่สงบเรียบร้อย และไม่อาจดำเนินการให้ลุล่วงได้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีประกาศ ดังต่อไปนี้
                                  ข้อ ๑ ให้สมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในวันก่อนวันที่ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับนี้ใช้บังคับสิ้นสุดลง และให้การดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติยุติลงจนกว่าบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือกฎหมายอื่นใดที่จะกำหนดไว้เป็นประการอื่น
                                  ข้อ ๒ กรณีที่บทบัญญัติแห่งกฎหมายใดกำหนดให้สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นผู้พิจารณาหรือให้ความเห็นชอบในเรื่องใด ให้บทบัญญัติว่าด้วยส่วนดังกล่าวเป็นอันงดใช้บังคับ
                                  ข้อ ๓ ให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของสำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ซึ่งนายกรัฐมนตรี อาจมอบหมายให้ไปช่วยปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานอื่นตามกำหนดให้

       ทั้งนี้  ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
       ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗

       พลเอก    ประยุทธ์   จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
    ......................................................................
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ ๑๑๑ / ๒๕๕๗
       เรื่อง การแก้ไขเพิ่มกฎหมายว่าด้วยตำรวจแห่งชาติ

                               โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงการปฏิบัติภารกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดทางอาญา การรักษาความสงบเรียบร้อย และการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนให้เกิดประสิทธิภาพ เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละท้องถิ่นและชุมชน โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและองค์กรภาคเอกชนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในกิจการตำรวจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีประกาศ ดังต่อไปนี้
                                   ให้ยกเลิกความในมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
                                    “มาตรา ๗ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดระบบการบริหาร การปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางอาญา การรักษาความสงบเรียบร้อย และการรักษาความปลอดภัยของประชาชนให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละท้องถิ่นและชุมชน โดยต้องให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและองค์กรภาคเอกชนมีส่วนร่วม ทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับนโยบาย งบประมาณและอาสาสมัคร ตลอดจนการติดตามตรวจสอบการปฏิบัติงานของตำรวจ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ต.ช. กำหนด
                                   การมีส่วนร่วมขององค์กรส่วนท้องถิ่นหรือองค์กรภาคเอกชนตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือองค์กรภาคเอกชนนั้น”

       ทั้งนี้  ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
       ประกาศ  ณ วันที่  ๒๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗

       พลเอก    ประยุทธ์   จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
   ........................................................................

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
Re: ประกาศ-คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: 29 กรกฎาคม 2014, 17:35:29 »
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ ๑๑๔ / ๒๕๕๗
       เรื่อง การแก้ไขเพิ่มกฎหมายว่าด้วยตำรวจแห่งชาติ

                               โดยที่เป็นการสมควรการแก้ไขเพิ่มกฎหมายว่าด้วยตำรวจแห่งชาติ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับข้าราชการตำรวจประเภทไม่มียศให้เหมาะสมกับการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจโดยให้มีระบบการบริหารงานบุคคล เงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งเช่นเดียวกับข้าราชการพลเรือนตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีประกาศ ดังต่อไปนี้
                                   ให้ยกเลิกความในมาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
                                   “มาตรา ๘ ข้าราชการตำรวจอาจให้แบ่งเป็นข้าราชการตำรวจประเภทไม่มียศด้วยก็ได้ โดยให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
                                   ข้าราชการตำรวจตำแหน่งใดหรือปฏิบัติหน้าที่ใด จะเป็นข้าราชการตำรวจประเภทไม่มียศให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกาตามวรรคหนึ่ง ในพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวให้กำหนดประเภทตำแหน่ง วิธีการกำหนดตำแหน่ง คุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม การบรรจุ การแต่งตั้ง การบังคับบัญชา วินัยและการรักษาวินัย การดำเนินการทางวินัย การโยกย้ายระหว่างข้าราชการตำรวจประเภทมียศ และข้าราชการตำรวจประเภทไม่มียศ รวมทั้งการปรับยศและปรับเงินเดือนเมื่อมีการโยกย้ายดังกล่าว ตลอดจนการอื่นตามที่จำเป็น
                                   การกำหนดอัตราเงินเดือน อัตราเงินประจำตำแหน่ง การรับและการจ่ายเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการตำรวจประเภทไม่มียศสำหรับตำแหน่งแต่ละประเภท ให้นำกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน กฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา มาใช้บังคับโดยอนุโลมตามลักษณะของประเภทตำแหน่ง แล้วแต่กรณี
                                   พระราชกฤษฎีกาตามวรรคสอง ไม่มีผลกระทบฐานะของข้าราชการตำรวจที่มียศอยู่แล้วในวันที่พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมีผลบังคับใช้”

       ทั้งนี้  ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
       ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗

       พลเอก    ประยุทธ์   จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
     ...
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ ๑๑๕ / ๒๕๕๗
       เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

                               โดยที่เป็นการสมควรการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเพื่อให้วิธีพิจารณาความอาญาในส่วนที่เกี่ยวกับการสอบสวนมีความเหมาะสมยิ่งขึ้น คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีประกาศ ดังต่อไปนี้
                                   ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๒๑/๑ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
                                   “มาตรา ๒๑/๑ สำหรับการสอบสวนซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าพนักงานตำรวจ ในกรณีที่ไม่แน่ว่าพนักงานสอบสวนคนใดในจังหวัดเดียวกันหรือในกองบัญชาการเดียวกัน ควรเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ ให้ผู้บัญชาการซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของพนักงานสอบสวนนั้นเป็นผู้ชี้ขาด
                                   การรอคำสั่งชี้ขาด ไม่เป็นเหตุให้งดการสอบสวน”
                                   ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความในวรรคสามของมาตรา ๑๔๒ แห่งประมาลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
                                   “ในกรณีที่เสนอความเห็นควรสั่งฟ้อง ให้พนักงานสอบสวนส่งสำนวนพร้อมกับผู้ต้องหาไปยังพนักงานอัยการ เว้นแต่ผู้ต้องหานั้นถูกขังอยู่แล้ว หรือผู้ต้องหาซึ่งถูกแจ้งข้อหาได้หลบหนีไป”
                                   ข้อ ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๑๔๕/๑ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
                                   “มาตรา ๑๔๕/๑ สำหรับการสอบสวนซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าพนักงานตำรวจ ในกรณีที่มีคำสั่งไม่ฟ้องและคำสั่งนั้นไม่ใช่คำสั่งของอัยการสูงสุด ถ้าในกรุงเทพมหานครให้รีบส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมกับคำสั่งเสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถ้าในจังหวัดอื่นให้รีบส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมกับคำสั่งเสนอผู้บัญชาการ หรือรองผู้บัญชาการ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ แต่ทั้งนี้มิได้ตัดอำนาจพนักงานอัยการที่จะจัดการอย่างใดแก่ผู้ต้องหาดังบัญญัติไว้ในมาตรา ๑๔๓
                                   ในกรณีที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวาจแห่งชาติในกรุงเทพมหานคร หรือ ผู้บัญชาการหรือรองผู้บัญชาการซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในจังหวัดอื่นแย้งคำสั่งของพนักงานอัยการ ให้ส่งสำนวนพร้อมกับความเห็นที่แย้งไปยังอัยการสูงสุดเพื่อชี้ขาด แต่ถ้าคดีจะขาดอายุความ หรือมีเหตุอย่างอื่นอันจำเป็นต้องรีบฟ้อง ก็ให้ฟ้องคดีนั้นตามความเห็นของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวาจแห่งชาติ ผู้บัญชาการหรือรองผู้บัญชาการ ดังกล่าวแล้วแต่กรณีไปก่อน”
                                   บทบัญญัติในมาตรานี้ ให้นำมาบังคับในการที่พนักงานอัยการจะอุทธรณ์ ฎีกา หรือถอนฟ้อง ถอนอุทธรณ์และถอนฎีกาโดยอนุโลม

       ทั้งนี้  ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
       ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗

       พลเอก    ประยุทธ์   จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
    ...................................................................................................
คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ ๑๐๘/๒๕๕๗
       เรื่อง การตักเตือนสื่อสิ่งพิมพ์ซึ่งฝ่าฝืนข้อห้าม

                                  เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหา บ้านเมืองเป็นไปอย่างเรียบร้อย โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ออกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๙๗/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๑๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ และฉบับที่ ๑๐๓/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๒๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ ห้ามมิให้ผู้ประกอบกิจการหรือผู้ให้บริการด้านสื่อมวลชนทุกชนิดนำเสนอหรือ เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารไปสู่ประชาชนด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จอันส่งผลกระทบต่อ ความสงบเรียบร้อยของสังคม
                                  ปรากฎว่า หนังสือพิมพ์ ผู้จัดการ สุดสัปดาห์ ฉบับที่ ๒๕๑ วันที่ ๒๑ กรกฎาคม – ๑ สิงหาคม ๒๕๕๗ ตีพิมพ์ข้อความหลายเรื่อง ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จโดยมีเจตนาไม่สุจริตเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของคณะ รักษาความสงบแห่งชาติ ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติดัง กล่าว ในชั้นนี้เห็นควรตักเตือนผู้เขียนบทความ บรรณาธิการ ผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา ของหนังสือพิมพ์ดังกล่าว หากฝ่าฝืนอีกจะดำเนินการตามกฎอัยการศึก ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นมา และส่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายด้วย
อนึ่ง ให้องค์กรวิชาชีพที่ผู้ฝ่าฝืนดังกล่าวข้างต้นที่เป็นสมาชิกดำเนินการสอบสวน ทางจริยธรรมแห่งการประกอบวิชาชีพกับบุคคลเหล่านั้น แล้วรายงานผลการดำเนินการให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบโดยเร็ว

       ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
       สั่ง ณ วันที่ ๒๖  กรกฎาคม พุธศักราช ๒๕๕๗

       พลเอก  ประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
   ........................................................................

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
ประกาศ แต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: 01 สิงหาคม 2014, 07:47:30 »
ประกาศ แต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
       
       ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
       
       พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง
       สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตามมาตรา ๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว)
       พุทธศักราช ๒๕๕๗ ดังต่อไปนี้
       
       ๑. นายกรรณภว์ ธนพรรคภวิน
       ๒. พลเรือโท กฤษฎา เจริญพานิช
       ๓. พลตรี กลชัย สุวรรณบูรณ์
       ๔. นายกล้านรงค์ จันทิก
       ๕. นางกอบกาญจน์ สุริยสัตย์ วัฒนวรางกูร
       ๖. พลโท กัมปนาท รุดดิษฐ์
       ๗. นางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์
       ๘. พลเรือเอก กําธร พุ่มหิรัญ
       ๙. นายกิตติ วะสีนนท์
       
       ๑๐. พลโท กิตติ อินทสร
       ๑๑. นายกิตติชัย ไตรรัตนศิริชัย
       ๑๒. พลเอก กิตติพงษ์ เกษโกวิท
       ๑๓. นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ
       ๑๔. พลตรี กู้เกียรติ ศรีนาคา
       ๑๕. พลเรือเอก ไกรสร จันทร์สุวานิชย์
       ๑๖. พลเอก คณิต สาพิทักษ์
       ๑๗. พลอากาศโท จอม รุ่งสว่าง
       ๑๘. พลเรือเอก จักรชัย ภู่เจริญยศ
       ๑๙. พลตํารวจโท จักรทิพย์ ชัยจินดา
       ๒๐. พลตรี จารึก อารีราชการัณย์
       
       ๒๑. พลเอก จิรพงศ์ วรรณรัตน์
       ๒๒. พลเอก จีระศักดิ์ ชมประสพ
       ๒๓. พลเอก จิระเดช โมกขะสมิต
       ๒๔. นายเจตน์ ศิรธรานนท์
       ๒๕. พลโท ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข
       ๒๖. นายเฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ
       ๒๗. พลโท เฉลิมชัย สิทธิสาท
       ๒๘. พลอากาศเอก ชนะ อยู่สถาพร
       ๒๙. พลอากาศเอก ชนัท รัตนอุบล
       ๓๐. พลเอก ชยุติ สุวรรณมาศ
       
       ๓๑. พลตํารวจเอก ชัชวาล สุขสมจิตร์
       ๓๒. นายชัชวาล อภิบาลศรี
       ๓๓. พลตรี ชัยยุทธ พร้อมสุข
       ๓๔. พลเรือเอก ชัยวัฒน์ เอี่ยมสมุทร
       ๓๕. พลโท ชาญชัย ภู่ทอง
       ๓๖. นายชาญวิทย์ วสยางกูร
       ๓๗. พลโท ชาตอุดม ติตถะสิริ
       ๓๘. พลอากาศเอก ชาลี จันทร์เรือง
       ๓๙. พลเรือเอก ชุมนุม อาจวงษ์
       ๔๐. พลเรือโท ชุมพล วงศ์เวคิน
       
       ๔๑. นายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ
       ๔๒. นายณรงค์ชัย อัครเศรณี
       ๔๓. พลอากาศเอก ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์
       ๔๔. นายดิสทัต โหตระกิตย์
       ๔๕. พลอากาศเอก ตรีทศ สนแจ้ง
       ๔๖. นายตวง อันทะไชย
       ๔๗. พลเอก ไตรรัตน์ รังคะรัตน
       ๔๘. พลอากาศโท ถาวร มณีพฤกษ์
       ๔๙. พลเอก ทรงกิตติ จักกาบาตร์
       ๕๐. พลอากาศเอก ทรงธรรม โชคคณาพิทักษ์
       
       ๕๑. คุณหญิงทรงสุดา ยอดมณี
       ๕๒. พลเอก ทวีป เนตรนิยม
       ๕๓. พลเรือเอก ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์
       ๕๔. นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน
       ๕๕. พลอากาศเอก ธงชัย แฉล้มเขตร
       ๕๖. พลเรือโท ธราธร ขจิตสุวรรณ
       ๕๗. พลเอก ธวัชชัย สมุทรสาคร
       ๕๘. นายธานี อ่อนละเอียด
       ๕๙. พลโท ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ
       ๖๐. นายธํารง ทศนาญชลี       
       ๖๑. พลโท ธีรชัย นาควานิช
       ๖๒. พลเอก ธีระวัฒน์ บุญยะประดับ
       ๖๓. พลเอก ธีรเดช มีเพียร
       ๖๔. พลเอก นพดล อินทปัญญา
       ๖๕. พลเรือเอก นพดล โชคระดา
       ๖๖. นายนรนิติ เศรษฐบุตร
       ๖๗. นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล
       ๖๘. นางนิพัทธา อมรรัตนเมธา
       ๖๙. พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก
       ๗๐. นายนิรวัชช์ ปุณณกันต์     
       ๗๑. พลโท นิวัติ ศรีเพ็ญ
       ๗๒. นางนิสดารก์ เวชยานนท์
       ๗๓. นายนิเวศน์ นันทจิต
       ๗๔. นายบุญชัย โชควัฒนา
       ๗๕. นายบุญทักษ์ หวังเจริญ
       ๗๖. พลอากาศเอก บุญยฤทธิ์ เกิดสุข
       ๗๗. พลเอก บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์
       ๗๘. พลตํารวจโท บุญเรือง ผลพานิชย์
       ๗๙. นายประดิษฐ์ วรรณรัตน์
       ๘๐. นายประมุท สูตะบุตร       
       ๘๑. นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์
       ๘๒. พลโท ปรีชา จันทร์โอชา
       ๘๓. นายปรีชา วัชราภัย
       ๘๔. พันตํารวจโท พงษ์ชัย วราชิต
       ๘๕. ร้อยตํารวจตรี พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร
       ๘๖. นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์
       ๘๗. พลตํารวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ
       ๘๘. คุณพรทิพย์ จาละ
       ๘๙. นายพรเพชร วิชิตชลชัย
       ๙๐. นายพรศักดิ์ เจียรณัย       
       ๙๑. พลเรือเอก พลวัฒน์ สิโรดม
       ๙๒. พลเรือเอก พิจารณ์ ธีรเนตร
       ๙๓. พลตํารวจเอก พิชิต ควรเดชะคุปต์
       ๙๔. พลเอก พิรุณ แผ้วพลสง
       ๙๕. พลโท พิสิทธิ์ สิทธิสาร
       ๙๖. นายพีระศักดิ์ พอจิต
       ๙๗. นางพิไลพรรณ สมบัติศิริ
       ๙๘. พลอากาศเอก เพิ่มเกียรติ ลวณะมาลย์
       ๙๙. พลเอก ไพชยนต์ ค้าทันเจริญ
       ๑๐๐. พลอากาศเอก ไพศาล สีตบุตร       
       ๑๐๑. พลตรี ไพโรจน์ ทองมาเอง
       ๑๐๒. พลเอก ไพโรจน์ พานิชสมัย
       ๑๐๓. นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง
       ๑๐๔. นายภาณุ อุทัยรัตน์
       ๑๐๕. พลโท ภาณุวัชร นาควงษม์
       ๑๐๖. นายภิรมย์ กมลรัตนกุล
       ๑๐๗. นายมณเฑียร บุญตัน
       ๑๐๘. นายมนตรี ศรีเอี่ยมสะอาด
       ๑๐๙. นายมนุชญ์ วัฒนโกเมร
       ๑๑๐. พลเอก มารุต ปัชโชตะสิงห์       
       ๑๑๑. พลเอก ยอดยุทธ บุญญาธิการ
       ๑๑๒. นายยุทธนา ทัพเจริญ
       ๑๑๓. พลเรือเอก ยุทธนา ฟักผลงาม
       ๑๑๔. พลเอก ยุวนัฏ สุริยกุล ณ อยุธยา
       ๑๑๕. นายรัชตะ รัชตะนาวิน
       ๑๑๖. พลเอก เลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์
       ๑๑๗. พลเอก วรพงษ์ สง่าเนตร
       ๑๑๘. พลโท วลิต โรจนภักดี
       ๑๑๙. พลตํารวจเอก วัชรพล ประสารราชกิจ
       ๑๒๐. นายวันชัย ศารทูลทัต       
       ๑๒๑. นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์
       ๑๒๒. พลเรือเอก วัลลภ เกิดผล
       ๑๒๓. พลเอก วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา
       ๑๒๔. พลเอก วิชิต ศรีประเสริฐ
       ๑๒๕. นายวิทยา ฉายสุวรรณ
       ๑๒๖. นายวิทวัส บุญญสถิตย์
       ๑๒๗. พลตํารวจโท วิบูลย์ บางท่าไม้
       ๑๒๘. พลเอก วิลาศ อรุณศรี
       ๑๒๙. พลเรือโท วีระพันธ์ สุขก้อน
       ๑๓๐. นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล       
       ๑๓๑. พลโท วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล
       ๑๓๒. นายวุฒิชัย กปิลกาญจน์
       ๑๓๓. นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์
       ๑๓๔. นายศรีศักดิ์ ว่องส่งสาร
       ๑๓๕. นายศักดิ์ชัย ธนบุญชัย
       ๑๓๖. นายศักดิ์ทิพย์ ไกรฤกษ์
       ๑๓๗. นายศิระชัย โชติรัตน์
       ๑๓๘. พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล
       ๑๓๙. นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ
       ๑๔๐. พลอากาศเอก ศิวเกียรติ์ ชเยมะ       
       ๑๔๑. พลเรือเอก ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ
       ๑๔๒. พลโท ศุภกร สงวนชาติศรไกร
       ๑๔๓. พลเอก สกนธ์ สัจจานิตย์
       ๑๔๔. พลเอก สกล ชื่นตระกูล
       ๑๔๕. นายสถิตย์ สวินทร
       ๑๔๖. พลเรือโท สนธยา น้อยฉายา
       ๑๔๗. นายสนิท อักษรแก้ว
       ๑๔๘. นายสม จาตุศรีพิทักษ์
       ๑๔๙. นายสมคิด เลิศไพฑูรย์
       ๑๕๐. นายสมชาย แสวงการ
       ๑๕๑. นายสมบูรณ์ งามลักษณ์
       ๑๕๒. นายสมพร เทพสิทธา
       ๑๕๓. นายสมพล เกียรติไพบูลย์
       ๑๕๔. นายสมพล พันธุ์มณี
       ๑๕๕. พลตํารวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง
       ๑๕๖. นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ
       ๑๕๗. พลเอก สมหมาย เกาฏีระ
       ๑๕๘. พลเอก สมเจตน์ บุญถนอม
       ๑๕๙. พลตรี สมโภชน์ วังแก้ว
       ๑๖๐. นายสรณ บุญใบชัยพฤกษ์       
       ๑๖๑. พลอากาศเอก สฤษดิ์พงษ์ โกมุทานนท์
       ๑๖๒. พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร
       ๑๖๓. นายสาธิต ชาญเชาวน์กุล
       ๑๖๔. นายสีมา สีมานันท์
       ๑๖๕. พลโท สุชาติ หนองบัว
       ๑๖๖. พลอากาศเอก สุทธิพันธ์ กฤษณคุปต์
       ๑๖๗. นายสุธรรม พันธุศักดิ์
       ๑๖๘. นายสุพันธุ์ มงคลสุธี
       ๑๖๙. คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ
       ๑๗๐. นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย       
       ๑๗๑. พลโท สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์
       ๑๗๒. พลเอก สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์
       ๑๗๓. พลเอก สุรวัช บุตรวงษ์
       ๑๗๔. พลเรือเอก สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์
       ๑๗๕. นางสุวรรณี สิริเวชชะพันธ์
       ๑๗๖. พลโท สุวโรจน์ ทิพย์มงคล
       ๑๗๗. นางสุวิมล ภูมิสิงหราช
       ๑๗๘. นางเสาวณี สุวรรณชีพ
       ๑๗๙. พลเอก โสภณ ศีลพิพัฒน์
       ๑๘๐. พลเอก อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์       
       ๑๘๑. พลเอก องอาจ พงษ์ศักดิ์
       ๑๘๒. พลอากาศเอก อดิศักดิ์ กลั่นเสนาะ
       ๑๘๓. พลโท อดุลยเดช อินทะพงษ์
       ๑๘๔. พลโท อนันตพร กาญจนรัตน์
       ๑๘๕. นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ
       ๑๘๖. นายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล
       ๑๘๗. พลเรือเอก อมรเทพ ณ บางช้าง
       ๑๘๘. นางสาวอรจิต สิงคาลวณิช
       ๑๘๙. พลเอก อักษรา เกิดผล
       ๑๙๐. พลอากาศเอก อาคม กาญจนหิรัญ     
       ๑๙๑. นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ
       ๑๙๒. พลอากาศเอก อานนท์ จารยะพันธุ์
       ๑๙๓. นายอาศิส พิทักษ์คุมพล
       ๑๙๔. นายอําพน กิตติอําพน
       ๑๙๕. พลโท อําพล ชูประทุม
       ๑๙๖. พลตรี อินทรัตน์ ยอดบางเตย
       ๑๙๗. พลอากาศเอก อิทธพร ศุภวงศ์
       ๑๙๘. นายอิสระ ว่องกุศลกิจ
       ๑๙๙. พลเอก อู้ด เบื้องบน
       ๒๐๐. พลตํารวจเอก เอก อังสนานนท์
       
       ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
       
       ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗
       เป็นปีที่ ๖๙ ในรัชกาลปัจจุบัน
       
       ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
       
       พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
Re: ประกาศ-คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: 12 สิงหาคม 2014, 22:10:49 »
คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๐๙/๒๕๕๗
เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการเพิ่มเติมในคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ                            

       ตามที่ ได้มีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๗๒/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๗ แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) นั้น
       เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงแต่งตั้งกรรมการเพิ่มเติมในคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ดังต่อไปนี้
       ๑.  รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ                                                        กรรมการ
และหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ
(พลอากาศเอก ประจิน   จั่นตอง)
      ๒.  รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ                                        กรรมการ
(พลเอก ฉัตรชัย   สาริกัลยะ)

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
สั่ง  ณ วันที่ ๒๙  กรกฎาคม พุธศักราช ๒๕๕๗

       พลเอก  ประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
   ..............................................................................................
คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๑๐/๒๕๕๗
เรื่อง การแต่งตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาของคณะรักษาความสงบแห่งชาติด้านโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคม
                              

                                  เพื่อให้การดำเนินการเกี่ยวกับโครงสร้าง พื้นฐานการคมนาคมของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบ และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดของรัฐและประชาชน สมควรมีคณะกรรมการคณะหนึ่งทำหน้าที่ในการให้คำปรึกษาและเสนอความเห็นใน เรื่องดังกล่าว รวมทั้งเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องแก่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้
                                 ข้อ ๑ ให้มีคณะกรรมการที่ปรึกษาของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ด้านโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมประกอบด้วย
                                 (๑) หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ                                  ประธานกรรมการ
                                 (๒) รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ                              รองประธานกรรมการ
                                       และหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ
                                       คณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                                 (๓) รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ                            กรรมการ
                                 (๔) ปลัดกระทรวงกลาโหม                                                                  กรรมการ
                                 (๕) ปลัดกระทรวงการคลัง                                                                  กรรมการ
                                 (๖) ปลัดกระทรวงคมนาคม                                                                 กรรมการ
                                 (๗) ปลัดกระทรวงพาณิชย์                                                                  กรรมการ
                                 (๘) ปลัดกระทรวงมหาดไทย                                                               กรรมการ
                                 (๙) เลขาธิการคณะกรรมการ                                                                กรรมการ
                                       พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
                               (๑๐) ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ                                                          กรรมการ
                               (๑๑) ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการ                                                  กรรมการ
                                       นโยบายรัฐวิสาหกิจ
                               (๑๒) ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ                                           กรรมการ
                               (๑๓) นายกสมาคมขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย                                         กรรมการ
                               (๑๔) นายกสมาคมตัวแทนขนส่งสินค้าทางอากาศไทย                                   กรรมการ
                               (๑๕) นายกสมาคมผู้รับจัดการขนส่งสินค้า                                                  กรรมการ
                                        ระหว่างประเทศ
                               (๑๖) นายนพพร เทพสิทธา                                                                  กรรมการ
                               (๑๗) นายไพบูลย์ นลินทรากูร                                                               กรรมการ
                               (๑๘) นายมาโนช โลหเตปานนท์                                                            กรรมการ
                               (๑๙) นายวิโรจน์ รุโจปการ                                                                    กรรมการ
                               (๒๐) นายเวทิต โชควัฒนา                                                                   กรรมการ
                               (๒๑) นายสมพงษ์ ศิริโสภณศิลป์                                                            กรรมการ
                               (๒๒) นายอนนต์ ศิริแสงทักษิณ                                                             กรรมการ
                               (๒๓) ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบาย                                กรรมการและเลขานุการ
                                        และแผนการขนส่งและจราจร
                               ข้อ ๒ ให้คณะกรรมการตามข้อ ๑ มีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
                               (๑) เสนอความเห็นต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดยุทธศาสตร์ด้านโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมของประเทศ
                               (๒) ศึกษาและเสนอแนะแนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมของประเทศสำหรับการ ขนส่งทุกรูปแบบอย่างเป็นระบบต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เพื่อให้ระบบการขนส่งทั้งในระบบถนน ระบบราง ระบบคมนาคมทางน้ำ และระบบคมนาคมทางอากาศมีความเชื่อมโยงและไม่ซ้ำซ้อนกัน โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศและแผนการ จัดการพื้นที่ต่างๆ ตลอดจนแนวทางการพัฒนาระบบการขนส่งของประเทศในระดับภูมิภาค
                               (๓) เสนอแนะแนวทางการลงทุนและการจัดหาแหล่งเงินลงทุนที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยคำนึงถึงวินัยการเงินการคลังของรัฐ
                               (๔) เสนอแนะแนวทางการส่งเสริมและสนับสนุนการคมนาคมที่มีการใช้พลังงานอย่างประหยัดและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                               (๕) เชิญเจ้าหน้าที่หรือบุคคลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงข้อมูลหรือขอ เอกสารจากหน่วยงานดังกล่าว มาประกอบการพิจารณาได้ตามความจำเป็น
                               (๖) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการและคณะทำงาน เพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานได้ตามความจำเป็น
                               (๗) ปฏิบัติการอื่นใดเพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งนี้ หรือตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมอบหมาย

       ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
       สั่ง ณ วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พุธศักราช ๒๕๕๗

       พลเอก  ประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
   ...
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑๖ / ๒๕๕๗
เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยมาตราการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด

                               โดยที่เป็นการสมควรการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยมาตราการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เพื่อปรับปรุงบทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวกับการตรวจสอบทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีประกาศ ดังต่อไปนี้
                                   ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๙ แห่งพระราชบัญญัติมาตราการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๓๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
                                   “มาตรา ๑๙ ในกรณีที่มีเหตุอันสมควรสงสัยว่าทรัพย์สินของผู้ต้องหารายใดเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ให้คณะกรรมการสั่งให้มีการตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ต้องหาไปก่อน แล้วรายงานให้คณะกรรมการทราบก็ได้
                                   ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้ที่ดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินแล้วพบว่าการดำเนินการตรวจสอบต่อไปจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ทางราชการ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งผลการตรวจสอบพร้อมกับความเห็นต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณา หากคณะกรรมการเห็นด้วยกับความเห็นของพนักงานเจ้าหน้าที่ คณะกรรมการอาจสั่งให้ยุติการตรวจสอบทรัพย์สินนั้นก็ได้ ในกรณีที่คณะกรรมการสั่งให้ยุติการตรวจสอบทรัพย์สิน หากคณะกรรมการเห็นสมควรจะสั่งให้คืนทรัพย์สินที่มีการยึดหรืออายัดไว้ชั่วคราวในระหว่างการตรวจสอบให้แก่เจ้าของทรัพย์สินก็ได้
                                   หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการสั่งตรวจสอบทรัพย์สิน การยุติการตรวจสอบทรัพย์สิน หรือการคืนทรัพย์สินที่ยึดหรืออายัดไว้ชั่วคราว ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด”

       ทั้งนี้  ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
       ประกาศ ณ วันที่ ๒๑  กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗

       พลเอก    ประยุทธ์   จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
   ....................................................................................
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑๗ / ๒๕๕๗
เรื่อง การจัดตั้งศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) เพิ่มเติม

                               โดยข้อที่ ๔ ของประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๗๐/๒๕๕๗ เรื่อง มาตรการชั่วคราวในการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ ลงวันที่ ๒๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ กำหนดให้จัดตั้งศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จในทุกจังหวัดโดยการจัดตั้งในจังหวัดอื่นใดและเริ่มทำการเมื่อใด ให้เป็นไปตามที่ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ประกาศกำหนด คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีประกาศ ดังต่อไปนี้
                                    ข้อ ๑ ให้จัดตั้งศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ตามข้อ ๔ ของประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๗๐/๒๕๕๗ เรื่อง มาตรการชั่วคราวในการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ ลงวันที่ ๒๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ เพิ่มเติมใน ๕๓ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร ขอนแก่น ชัยนาท ชัยภูมิ เชียงราย เชียงใหม่ ตาก นครนายก นครปฐม นครพนม นครราชสีมา นครสวรรค์ นนทบุรี น่าน บึงกาฬ บุรีรัมย์ ปทุมธานี ปราจีนบุรี พะเยา พัทลุง พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แพร่ มหาสารคาม มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยโสธร ยะลา ร้อยเอ็ด ราชบุรี ลพบุรี ลำปาง ลำพูน เลย ศรีษะเกษ สกลนคร สระแก้ว สระบุรี สิงห์บุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อ่างทอง อำนาจเจริญ อุดรธานี อุทัยธานี อุตรดิตถ์ และอุบลราชธานี ทั้งนี้ ให้เริ่มทำการตั้งแต่วันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘
                                     ข้อ ๒ ให้ศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ดังต่อไปนี้ เปิดดำเนินการถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ เว้นแต่คณะกรรมการนโยบายจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์จะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
                                     (๑) ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๗๐/๒๕๕๗ เรื่อง มาตรการชั่วคราวในการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ ลงวันที่ ๒๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗
                                     (๒) ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๗๗/๒๕๕๗ เรื่อง การจัดตั้งศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) เพิ่มเติม และมาตราการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวที่ทำงานเรือประมงในจังหวัดที่มีพื้นที่ติดทะเล ลงวันที่ ๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗
                                     (๓) ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๙๐/๒๕๕๗ เรื่อง การจัดตั้งศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) เพิ่มเติม ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ และ
                                     (๔) ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๙๔/๒๕๕๗ เรื่อง การจัดตั้งศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) เพิ่มเติม ลงวันที่ ๑๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗

       ทั้งนี้  ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
       ประกาศ  ณ  วันที่  ๒๑  กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗

       พลเอก    ประยุทธ์   จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
   ........................................................................
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑๘ / ๒๕๕๗
เรื่อง การกำหนดมาตรการชั่วคราวเพิ่มเติมในการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์

                               ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ออกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๗๐/๒๕๕๗ เรื่อง มาตรการชั่วคราวในการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ ลงวันที่ ๒๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ เพื่อกำหนดมาตรการชั่วคราวในการแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ ซึ่งจะนำไปสู่การจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวในประเทศต่อไปนั้น เนื่องจากยังมีแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาจำนวนมากต้องการแจ้งความประสงค์ที่จะเข้ามาทำงานในประเทศไทย ประกอบกับยังมีนายจ้างและแรงงานต่างด้าวจำนวนมากไม่สามารถจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวและทำการตรวจสัญชาติได้ทันตามระยะเวลาที่กำหนด จึงจำเป็นต้องขยายระยะเวลาการดำเนินการของศูนย์ประสานรับแรงงานกัมพูชากลับเข้าทำงานและขยายระยะเวลาใบอนุญาตทำงานชั่วคราวที่ออกโดยศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีประกาศ ดังต่อไปนี้
                                  ข้อ ๑ ให้ศูนย์ประสานรับแรงงานกัมพูชากลับเข้าทำงานซึ่งจัดตั้งขึ้นตามข้อ ๑ ของประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๗๐/๒๕๕๗ เรื่อง มาตรการชั่วคราวในการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ ลงวันที่ ๒๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ เฉพาะในจังหวัดจันทบุรี และจังหวัดสระแก้ว ขยายระยะเวลาเปิดดำเนินการถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๗
                                  ข้อ ๒ ให้ขยายระยะเวลาในการแจ้งความประสงค์ที่จะเข้าทำงานในประเทศไทยสำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ตามข้อ ๒ ของประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๗๐/๒๕๕๗ เรื่อง มาตรการชั่วคราวในการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ ลงวันที่ ๒๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ จนถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๗
                                  ข้อ ๓ ให้ใบอนุญาตทำงานชั่วคราวที่ศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ออกให้แก่แรงงานต่างด้าวใช้ได้จนถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ ทั้งนี้ เพื่อให้แรงงานต่างด้าวที่ได้รับใบอนุญาตทำงานชั่วคราวดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการตรวจสัญชาติเพื่อการออกใบอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวและใบอนุญาตทำงานตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป
                                  การดำเนินการตรวจสัญชาติตามวรรคหนึ่ง ให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาร์ ลาว และกัมพูชา สามารถใช้บัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย สำหรับผ่านเข้าออกตามด่านถาวรบริเวณชายแดนเพื่อไปตรวจสัญชาติได้
                                  ข้อ ๔ เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาให้มีการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวในแต่ละเขตจังหวัดแล้ว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบสถานประกอบการและนายจ้างที่ลักลอบจ้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย รวมถึงคนต่างด้าวที่เข้ามาหรืออยู่ในประเทศไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตและบังคับใช้กฎหมายกับแรงงานต่างด้าวและผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด

      ทั้งนี้  ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

      ประกาศ  ณ วันที่  ๒๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗
                                                                                                                         
      พลเอก    ประยุทธ์   จันทร์โอชา
      หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
   ..............................................................................
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑๙ / ๒๕๕๗
ระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์การเสนอชื่อบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ

                               อาศัยอำนาจตามพระราชกฤษฏีกาว่าด้วยการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๗ มาตรา ๑๗ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีตามมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ออกระเบียบเกี่ยวกับการเสนอชื่อบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ดังนี้

                                   ข้อ ๑. ตามพระราชกฤษฏีกาว่าด้วยสภาปฏิรูปแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๗ มาตรา ๑๐ การเสนอชื่อบุคคลเพื่อรับการสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ต้องให้นิติบุคคลซึ่งไม่มีวัตถุประสงค์ในการแสวงหากำไรมาแบ่งปันกันเป็นผู้เสนอชื่อ จึงเห็นควรกำหนดว่ากรณีนิติบุคคลที่เป็นพรรคการเมืองประสงค์จะเสนอชื่อบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ให้หัวหน้าพรรคการเมืองนั้นเป็นผู้เสนอชื่อ
                                   ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

      ประกาศ  ณ  วันที่  ๑  สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗

      พลเอก    ประยุทธ์   จันทร์โอชา
      หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
   .................................................................................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12 สิงหาคม 2014, 22:18:50 โดย story »

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
Re: ประกาศ-คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
« ตอบกลับ #35 เมื่อ: 16 กันยายน 2014, 18:44:57 »
คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ ๑๑๑/๒๕๕๗
เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๘๕/๒๕๕๗                            

                                  โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๘๕/๒๕๕๗
เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ลงวันที่ ๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ เพื่อให้การจัดประชุมคณะกรรมการนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ มีแนวปฏิบัติที่ชัดเจนและสอดคล้องกับการประชุมคณะกรรมการโดยทั่วไป คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้

                                  ให้เพิ่มความต่อไปนี้ต่อจากข้อ ๓.๙ ของคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๘๕/๒๕๕๗
เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ลงวันที่ ๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗

                                   “สำหรับการเบิกจ่ายเบี้ยประชุมให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ
พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ ฯ ให้เบิกจ่ายตามระเบียบทางราชการ โดยให้เบิกจ่ายจากสำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ”

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

สั่ง  ณ  วันที่  ๑  สิงหาคม  พุธศักราช ๒๕๕๗
 พลเอก  ประยุทธ์ จันทร์โอชา
(ประยุทธ์ จันทร์โอชา)
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
...
ประกาศ

แต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
                                                                                         ......................
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.

                               พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตามมาตรา ๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ดังต่อไปนี้
                                        ๑. นายกรรณภว์ ธนพรรคภวิน
                                        ๒. พลเรือโท กฤษฎา เจริญพานิช
                                        ๓. พลตรี กลชัย สุวรรณบูรณ์
                                        ๔. นายกล้านรงค์ จันทิก
                                        ๕. นางกอบกาญจน์ สุริยสัตย์ วัฒนวรางกูร
                                        ๖. พลโท กัมปนาท รุดดิษฐ์
                                        ๗. นางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์
                                        ๘. พลเรือเอก กําธร พุ่มหิรัญ
                                        ๙. นายกิตติ วะสีนนท์
                                      ๑๐. พลโท กิตติ อินทสร
                                      ๑๑. นายกิตติชัย ไตรรัตนศิริชัย
                                      ๑๒. พลเอก กิตติพงษ์ เกษโกวิท
                                      ๑๓. นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ
                                      ๑๔. พลตรี กู้เกียรติ ศรีนาคา
                                      ๑๕. พลเรือเอก ไกรสร จันทร์สุวานิชย์
                                      ๑๖. พลเอก คณิต สาพิทักษ์
                                      ๑๗. พลอากาศโท จอม รุ่งสว่าง
                                      ๑๘. พลเรือเอก จักรชัย ภู่เจริญยศ
                                      ๑๙. พลตํารวจโท จักรทิพย์ ชัยจินดา
                                      ๒๐. พลตรี จารึก อารีราชการัณย์
                                      ๒๑. พลเอก จิรพงศ์ วรรณรัตน์
                                      ๒๒. พลเอก จีระศักดิ์ ชมประสพ
                                      ๒๓. พลเอก จิระเดช โมกขะสมิต
                                      ๒๔. นายเจตน์ ศิรธรานนท์
                                      ๒๕. พลโท ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข
                                      ๒๖. นายเฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ
                                      ๒๗. พลโท เฉลิมชัย สิทธิสาท
                                      ๒๘. พลอากาศเอก ชนะ อยู่สถาพร
                                      ๒๙. พลอากาศเอก ชนัท รัตนอุบล
                                      ๓๐. พลเอก ชยุติ สุวรรณมาศ
                                      ๓๑. พลตํารวจเอก ชัชวาล สุขสมจิตร์
                                      ๓๒. นายชัชวาล อภิบาลศรี
                                      ๓๓. พลตรี ชัยยุทธ พร้อมสุข
                                      ๓๔. พลเรือเอก ชัยวัฒน์ เอี่ยมสมุทร
                                      ๓๕. พลโท ชาญชัย ภู่ทอง
                                      ๓๖. นายชาญวิทย์ วสยางกูร
                                      ๓๗. พลโท ชาตอุดม ติตถะสิริ
                                      ๓๘. พลอากาศเอก ชาลี จันทร์เรือง
                                      ๓๙. พลเรือเอก ชุมนุม อาจวงษ์
                                      ๔๐. พลเรือโท ชุมพล วงศ์เวคิน
                                      ๔๑. นายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ
                                      ๔๒. นายณรงค์ชัย อัครเศรณี
                                      ๔๓. พลอากาศเอก ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์
                                      ๔๔. นายดิสทัต โหตระกิตย์
                                      ๔๕. พลอากาศเอก ตรีทศ สนแจ้ง
                                      ๔๖. นายตวง อันทะไชย
                                      ๔๗. พลเอก ไตรรัตน์ รังคะรัตน
                                      ๔๘. พลอากาศโท ถาวร มณีพฤกษ์
                                      ๔๙. พลเอก ทรงกิตติ จักกาบาตร์
                                      ๕๐. พลอากาศเอก ทรงธรรม โชคคณาพิทักษ์
                                      ๕๑. คุณหญิงทรงสุดา ยอดมณี
                                      ๕๒. พลเอก ทวีป เนตรนิยม
                                      ๕๓. พลเรือเอก ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์
                                      ๕๔. นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน
                                      ๕๕. พลอากาศเอก ธงชัย แฉล้มเขตร
                                      ๕๖. พลเรือโท ธราธร ขจิตสุวรรณ
                                      ๕๗. พลเอก ธวัชชัย สมุทรสาคร
                                      ๕๘. นายธานี อ่อนละเอียด
                                      ๕๙. พลโท ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ
                                      ๖๐. นายธํารง ทัศนาญชลี
                                      ๖๑. พลโท ธีรชัย นาควานิช
                                      ๖๒. พลเอก ธีระวัฒน์ บุญยะประดับ
                                      ๖๓. พลเอก ธีรเดช มีเพียร
                                      ๖๔. พลเอก นพดล อินทปัญญา
                                      ๖๕. พลเรือเอก นพดล โชคระดา
                                      ๖๖. นายนรนิติ เศรษฐบุตร
                                      ๖๗. นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล
                                      ๖๘. นางนิพัทธา อมรรัตนเมธา
                                      ๖๙. พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก
                                      ๗๐. นายนิรวัชช์ ปุณณกันต์
                                      ๗๑. พลโท นิวัติ ศรีเพ็ญ
                                      ๗๒. นางนิสดารก์ เวชยานนท์
                                      ๗๓. นายนิเวศน์ นันทจิต
                                      ๗๔. นายบุญชัย โชควัฒนา
                                      ๗๕. นายบุญทักษ์ หวังเจริญ
                                      ๗๖. พลอากาศเอก บุญยฤทธิ์ เกิดสุข
                                      ๗๗. พลเอก บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์
                                      ๗๘. พลตํารวจโท บุญเรือง ผลพานิชย์
                                      ๗๙. นายประดิษฐ์ วรรณรัตน์
                                      ๘๐. นายประมุท สูตะบุตร
                                      ๘๑. นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์
                                      ๘๒. พลโท ปรีชา จันทร์โอชา
                                      ๘๓. นายปรีชา วัชราภัย
                                      ๘๔. พันตํารวจโท พงษ์ชัย วราชิต
                                      ๘๕. ร้อยตํารวจตรี พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร
                                      ๘๖. นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์
                                      ๘๗. พลตํารวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ
                                      ๘๘. คุณพรทิพย์ จาละ
                                      ๘๙. นายพรเพชร วิชิตชลชัย
                                      ๙๐. นายพรศักดิ์ เจียรณัย
                                      ๙๑. พลเรือเอก พลวัฒน์ สิโรดม
                                      ๙๒. พลเรือเอก พิจารณ์ ธีรเนตร
                                      ๙๓. พลตํารวจเอก พิชิต ควรเดชะคุปต์
                                      ๙๔. พลเอก พิรุณ แผ้วพลสง
                                      ๙๕. พลโท พิสิทธิ์ สิทธิสาร
                                      ๙๖. นายพีระศักดิ์ พอจิต
                                      ๙๗. นางพิไลพรรณ สมบัติศิริ
                                      ๙๘. พลอากาศเอก เพิ่มเกียรติ ลวณะมาลย์
                                      ๙๙. พลเอก ไพชยนต์ ค้าทันเจริญ
                                    ๑๐๐. พลอากาศเอก ไพศาล สีตบุตร
                                    ๑๐๑. พลตรี ไพโรจน์ ทองมาเอง
                                    ๑๐๒. พลเอก ไพโรจน์ พานิชสมัย
                                    ๑๐๓. นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง
                                    ๑๐๔. นายภาณุ อุทัยรัตน์
                                    ๑๐๕. พลโท ภาณุวัชร นาควงษม์
                                    ๑๐๖. นายภิรมย์ กมลรัตนกุล
                                    ๑๐๗. นายมณเฑียร บุญตัน
                                    ๑๐๘. นายมนตรี ศรีเอี่ยมสะอาด
                                    ๑๐๙. นายมนุชญ์ วัฒนโกเมร
                                    ๑๑๐. พลเอก มารุต ปัชโชตะสิงห์
                                    ๑๑๑. พลเอก ยอดยุทธ บุญญาธิการ
                                    ๑๑๒. นายยุทธนา ทัพเจริญ
                                    ๑๑๓. พลเรือเอก ยุทธนา ฟักผลงาม
                                    ๑๑๔. พลเอก ยุวนัฏ สุริยกุล ณ อยุธยา
                                    ๑๑๕. นายรัชตะ รัชตะนาวิน
                                    ๑๑๖. พลเอก เลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์
                                    ๑๑๗. พลเอก วรพงษ์ สง่าเนตร
                                    ๑๑๘. พลโท วลิต โรจนภักดี
                                    ๑๑๙. พลตํารวจเอก วัชรพล ประสารราชกิจ
                                    ๑๒๐. นายวันชัย ศารทูลทัต
                                    ๑๒๑. นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์
                                    ๑๒๒. พลเรือเอก วัลลภ เกิดผล
                                    ๑๒๓. พลเอก วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา
                                    ๑๒๔. พลเอก วิชิต ศรีประเสริฐ
                                    ๑๒๕. นายวิทยา ฉายสุวรรณ
                                    ๑๒๖. นายวิทวัส บุญญสถิตย์
                                    ๑๒๗. พลตํารวจโท วิบูลย์ บางท่าไม้
                                    ๑๒๘. พลเอก วิลาศ อรุณศรี
                                    ๑๒๙. พลเรือโท วีระพันธ์ สุขก้อน
                                    ๑๓๐. นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล
                                    ๑๓๑. พลโท วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล
                                    ๑๓๒. นายวุฒิชัย กปิลกาญจน์
                                    ๑๓๓. นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์
                                    ๑๓๔. นายศรีศักดิ์ ว่องส่งสาร
                                    ๑๓๕. นายศักดิ์ชัย ธนบุญชัย
                                    ๑๓๖. นายศักดิ์ทิพย์ ไกรฤกษ์
                                    ๑๓๗. นายศิระชัย โชติรัตน์
                                    ๑๓๘. พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล
                                    ๑๓๙. นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ
                                    ๑๔๐. พลอากาศเอก ศิวเกียรติ์ ชเยมะ
                                    ๑๔๑. พลเรือเอก ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ
                                    ๑๔๒. พลโท ศุภกร สงวนชาติศรไกร
                                    ๑๔๓. พลเอก สกนธ์ สัจจานิตย์
                                    ๑๔๔. พลเอก สกล ชื่นตระกูล
                                    ๑๔๕. นายสถิตย์ สวินทร
                                    ๑๔๖. พลเรือโท สนธยา น้อยฉายา
                                    ๑๔๗. นายสนิท อักษรแก้ว
                                    ๑๔๘. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
                                    ๑๔๙. นายสมคิด เลิศไพฑูรย์
                                    ๑๕๐. นายสมชาย แสวงการ
                                    ๑๕๑. นายสมบูรณ์ งามลักษณ์
                                    ๑๕๒. นายสมพร เทพสิทธา
                                    ๑๕๓. นายสมพล เกียรติไพบูลย์
                                    ๑๕๔. นายสมพล พันธุ์มณี
                                    ๑๕๕. พลตํารวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง
                                    ๑๕๖. นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ
                                    ๑๕๗. พลเอก สมหมาย เกาฏีระ
                                    ๑๕๘. พลเอก สมเจตน์ บุญถนอม
                                    ๑๕๙. พลตรี สมโภชน์ วังแก้ว
                                    ๑๖๐. นายสรณ บุญใบชัยพฤกษ์
                                    ๑๖๑. พลอากาศเอก สฤษดิ์พงษ์ โกมุทานนท์
                                    ๑๖๒. พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร
                                    ๑๖๓. นายสาธิต ชาญเชาวน์กุล
                                    ๑๖๔. นายสีมา สีมานันท์
                                    ๑๖๕. พลโท สุชาติ หนองบัว
                                    ๑๖๖. พลอากาศเอก สุทธิพันธ์ กฤษณคุปต์
                                    ๑๖๗. นายสุธรรม พันธุศักดิ์
                                    ๑๖๘. นายสุพันธุ์ มงคลสุธี
                                    ๑๖๙. คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ
                                    ๑๗๐. นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย
                                    ๑๗๑. พลโท สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์
                                    ๑๗๒. พลเอก สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์
                                    ๑๗๓. พลเอก สุรวัช บุตรวงษ์
                                    ๑๗๔. พลเรือเอก สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์
                                    ๑๗๕. นางสุวรรณี สิริเวชชะพันธ์
                                    ๑๗๖. พลโท สุวโรจน์ ทิพย์มงคล
                                    ๑๗๗. นางสุวิมล ภูมิสิงหราช
                                    ๑๗๘. นางเสาวณี สุวรรณชีพ
                                    ๑๗๙. พลเอก โสภณ ศีลพิพัฒน์
                                    ๑๘๐. พลเอก อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์
                                    ๑๘๑. พลเอก องอาจ พงษ์ศักดิ์
                                    ๑๘๒. พลอากาศเอก อดิศักดิ์ กลั่นเสนาะ
                                    ๑๘๓. พลโท อดุลยเดช อินทะพงษ์
                                    ๑๘๔. พลโท อนันตพร กาญจนรัตน์
                                    ๑๘๕. นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ
                                    ๑๘๖. นายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล
                                    ๑๘๗. พลเรือเอก อมรเทพ ณ บางช้าง
                                    ๑๘๘. นางสาวอรจิต สิงคาลวณิช
                                    ๑๘๙. พลเอก อักษรา เกิดผล
                                    ๑๙๐. พลอากาศเอก อาคม กาญจนหิรัญ
                                    ๑๙๑. นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ
                                    ๑๙๒. พลอากาศเอก อานนท์ จารยะพันธุ์
                                    ๑๙๓. นายอาศิส พิทักษ์คุมพล
                                    ๑๙๔. นายอําพน กิตติอําพน
                                    ๑๙๕. พลโท อําพล ชูประทุม
                                    ๑๙๖. พลตรี อินทรัตน์ ยอดบางเตย
                                    ๑๙๗. พลอากาศเอก อิทธพร ศุภวงศ์
                                    ๑๙๘. นายอิสระ ว่องกุศลกิจ
                                    ๑๙๙. พลเอก อู้ด เบื้องบน
                                    ๒๐๐. พลตํารวจเอก เอก อังสนานนท์


                                    ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

                                                      ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ เป็นปีที่ ๖๙ ในรัชกาลปัจจุบัน

 

       ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
        พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
   หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

                                    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตราพระราชกฤษฎีกา เรียกประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันที่ ๗ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗

                                     พระราชกฤษฎีกา เรียกประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๕๗ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ เป็นปีที่ ๖๙ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า โดยที่ได้มีการแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ แล้ว อาศัยตามอำนาจความในมาตรา ๕ มาตรา ๒๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตราพระราชกฤษฎีกา เรียกประชุมสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ ๗ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗



                                                                                                           ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
                                                                                                            พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
                                                                                                       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
...


story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
Re: ประกาศ-คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
« ตอบกลับ #36 เมื่อ: 16 กันยายน 2014, 18:50:35 »
คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ ๑๑๒/๒๕๕๗
เรื่อง การแต่งตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาการพัฒนาระบบนวัตกรรมของประเทศ                            

                                  เพื่อให้การพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศ ก้าวสู่สังคมและเศรษฐกิจฐานความรู้และการสร้างสรรค์ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเน้นการยกระดับความรู้ความสามารถของบุคคลและผู้ประกอบการ ปรับปรุงกลไกสนับสนุนของภาครัฐให้เอื้อต่อการสร้างนวัตกรรมของภาคเอกชน ทั้งด้านเทคโนโลยี การเงินและการตลาด รวมถึงการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม นำพาประเทศไปสู่ระดับประเทศที่พัฒนาแล้วภายในเวลาสิบปี หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงแต่งตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาการพัฒนาระบบนวัตกรรมของประเทศ โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ ดังนี้

                                   ข้อ ๑ ให้บุคคลต่อไปนี้ เป็นกรรมการที่ปรึกษาการพัฒนาระบบนวัตกรรมของประเทศ
                                   (๑) หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ                                                 ประธานกรรมการ
                                   (๒) รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ                                            กรรมการ
                                         และหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ
                                         คณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                                   (๓) รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ                                           กรรมการ
                                         และหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา
                                         คณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                                   (๔) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง                                                       กรรมการ
                                   (๕) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์                                                 กรรมการ
                                         และเทคโนโลยี
                                   (๖) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ                                   กรรมการ
                                         และการสื่อสาร
                                   (๗) เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ                                     กรรมการ
                                        และสังคมแห่งชาติ
                                   (๘) ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ                                                          กรรมการ
                                   (๙) เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ                                                กรรมการ
                                   (๑๐) เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์                                   กรรมการ
                                        เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ
                                   (๑๑) นายกานต์ ตระกูลฮุน                                                                     กรรมการ
                                   (๑๒) นางกอบกาญจน์ สุริยสัตย์ วัฒนวรางกูร                                           กรรมการ
                                   (๑๓) ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล                                                                  กรรมการ
                                   (๑๔) นายไพรัช ธัชยพงษ์                                                                      กรรมการ
                                   (๑๕) นายยงยุทธ ยุทธวงศ์                                                                     กรรมการ
                                   (๑๖) นายศักรินทร์ ภูมิรัตน                                                                     กรรมการ
                                   (๑๗) ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์                              กรรมการและเลขานุการ
                                        และเทคโนโลยีแห่งชาติ
                                   (๑๘) ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์                 ผู้ช่วยเลขานุการ
                                        เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ
                                   (๑๙) ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ                             ผู้ช่วยเลขานุการ
                                   (๒๐) ผู้แทนสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์                    ผู้ช่วยเลขานุการ
                                       (องค์การมหาชน)

                                  ข้อ ๒ ให้คณะกรรมการ มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
                                  (๑) รวบรวม ศึกษาวิเคราะห์สถานภาพและข้อจำกัดของระบบนวัตกรรมและความสามารถของประเทศในการก้าวสู่สังคมฐานความรู้และการสร้างสรรค์ ซึ่งรวมถึง การพัฒนาคนไทยให้มีความสามารถในการคิดค้นสร้างสรรค์สิ่งใหม่ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อภาคการผลิต บริการ และภาคสังคม โครงสร้างทางด้านการเงินและการลงทุน การวิจัยและพัฒนา มาตรฐานของผลิตภัณฑ์และบริการ การพัฒนากำลังคน ที่เอื้อต่อการพัฒนาความเข้มแข็งของภาคเอกชน และข้อจำกัดจากกฎหมายต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา
                                  (๒) จัดทำข้อเสนอแนะประเด็นเชิงนโยบายและมาตรการเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ รวมทั้งข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนาหรือปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการจัดการด้านนวัตกรรม วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา การจัดการทรัพย์สินทางปัญญา การพัฒนากำลังคน การสร้างแรงจูงใจต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นให้ภาคเอกชนลงทุนในกิจกรรมวิจัยและพัฒนามากขึ้น รวมทั้งการปรับโครงสร้างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เป็นกลไกขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน
                                  (๓) จัดทำข้อเสนอแนะกลไกการเชื่อมโยงโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของประเทศและตลาดภาครัฐเข้ากับการพัฒนาความเข้มแข็งของภาคการผลิตและบริการของประเทศด้วยการให้แรงจูงใจทางภาษีการให้ความช่วยเหลือจากรัฐในด้านการเงินและการระดมทุน ให้ทัดเทียมกับนานาประเทศ
                                  (๔) เชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานตามความเหมาะสม ข้อเสนอแนะตาม (๒) และ (๓) และข้อเสนอแนะอื่น ๆ ให้เสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เพื่อประโยชน์ในการเชื่อมโยงและประสานงานตามข้อเสนอแนะดังกล่าวกับคณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาปฏิรูปแห่งชาติ

                                  ข้อ ๓ เมื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติให้ความเห็นชอบข้อเสนอแนะตามข้อ ๒ แล้วให้เสนอข้อเสนอแนะดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือสภาปฏิรูปแห่งชาติ แล้วแต่กรณี เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ เพื่อให้กลไกที่พัฒนาขึ้นบังเกิดผลต่อไป ทั้งในระยะเร่งด่วน และในระยะยาว

                                  ข้อ ๔ ให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ สำหรับการเบิกจ่ายเบี้ยประชุมและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานของคณะกรรมการโดยอัตราเบี้ยประชุมและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของราชการ และให้เบิกจ่ายจากงบประมาณของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ

                                  ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป


                                                                         สั่ง    ณ    วันที่     ๕      สิงหาคม    พุธศักราช ๒๕๕๗

                                                                                                  พลเอก  ประยุทธ์ จันทร์โอชา
                                                                                                             (ประยุทธ์ จันทร์โอชา)
                                                                                                   หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
.............................................................................................
คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ ๑๑๓/๒๕๕๗
เรื่อง การแต่งตั้งผู้ปฏิบัติงานในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

                                  ตามที่มีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๙๓/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๑๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง การกำหนดอัตราตำแหน่งและค่าตอบแทนของผู้ปฏิบัติงานในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ แล้วนั้น

                                  เพื่อให้การบริหารราชการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ จึงแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งประจำคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตามข้อ ๑ (๗) แห่งประกาศฉบับดังกล่าว จำนวน ๓ ราย ดังนี้

                                   ๑  พลตรี วิระ  โรจนวาศ
                                   ๒  นายคนันท์  ชัยชนะ
                                   ๓  นางสาวณัชฐานันท์  รูปขจร

                                   ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๗ เป็นต้นไป


                                                                         สั่ง  ณ วันที่  ๕   สิงหาคม  พุธศักราช ๒๕๕๗

                                                                                                  พลเอก  ประยุทธ์ จันทร์โอชา
                                                                                                             (ประยุทธ์ จันทร์โอชา)
                                                                                                   หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
..............................................................................
คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ ๑๑๔/๒๕๕๗
เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ เพิ่มเติม                              

                                  ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๖๗/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๗
เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) มีหน้าที่ในการพิจารณาและเสนอแนะแนวทางและมาตรการต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ของภาคเอกชนทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค รวมทั้งให้ภาคเอกชนร่วมกับภาครัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เจริญเติบโตและสามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน อันก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาและแก้ปัญหาของประเทศได้ในภาพรวม ประกอบกับมติ กรอ. ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ได้เห็นชอบให้แต่งตั้งกรรมการใน กรอ. เพิ่มเติม นั้น

                                  เพื่อให้การดำเนินงานของ กรอ. เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงแต่งตั้งกรรมการใน กรอ. เพิ่มเติม ดังนี้

                                  ๑. รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและ                                           กรรมการ
                                       หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                                  ๒. รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและ                                           กรรมการ
                                       หัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา คณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                                  ๓. เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ                                                 กรรมการ
                                  ๔. รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ                            กรรมการ
                                  ๕. หัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม                                           กรรมการ
                                       คณะรักษาความสงบแห่งชาติ

                                  ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๗


                                                                         สั่ง    ณ    วันที่     ๖      สิงหาคม    พุธศักราช ๒๕๕๗

                                                                                                  พลเอก  ประยุทธ์ จันทร์โอชา
                                                                                                             (ประยุทธ์ จันทร์โอชา)
                                                                                                   หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
...................................................................................
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ ๑๒๐ / ๒๕๕๗
เรื่อง ยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๖๑/๒๕๕๗ และแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ)

                               ตามที่ได้มีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๖๑/๒๕๕๗ เรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ) ลงวันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗ และต่อมาได้มีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๙๙/๒๕๕๗ เรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ลงวันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๗
                              ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเกิดประสิทธิภาพและประโยชน์ต่อรัฐอย่างสูงสุด จึงมีประกาศดังต่อไปนี้
                              ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๖๑/๒๕๕๗ เรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ) ลงวันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗
                              ข้อ ๒ ให้แต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ) โดยมีองค์ประกอบ ดังต่อไปนี้
                               (๑) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา                                          ประธานกรรมการ
                                     หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                               (๒) พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง                                   รองประธานกรรมการ
                                     รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                               (๓) พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ                                                         กรรมการ
                                     รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                               (๔) ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี                                                          กรรมการ
                               (๕) ปลัดกระทรวงการคลัง                                                              กรรมการ
                               (๖) ปลัดกระทรวงพาณิชย์                                                              กรรมการ
                               (๗) ปลัดกระทรวงมหาดไทย                                                           กรรมการ
                               (๘) ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม                                                        กรรมการ
                               (๙) ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์                                               กรรมการ
                             (๑๐) ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี                                  กรรมการ
                             (๑๑) ปลัดกระทรวงแรงงาน                                                               กรรมการ
                             (๑๒) ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา                                           กรรมการ
                             (๑๓) เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ                               กรรมการ
                                     และสังคมแห่งชาติ
                             (๑๔) ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ                                                    กรรมการ
                             (๑๕) เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน                                   กรรมการ
                             (๑๖) ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์                                   กรรมการ
                                     และเทคโนโลยีแห่งชาติ
                             (๑๗) ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย                                      กรรมการ
                             (๑๘) ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย                                  กรรมการ
                             (๑๙) ประธานสมาคมธนาคารไทย                                                      กรรมการ
                             (๒๐) ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย                     กรรมการ
                             (๒๑) ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ                                                  กรรมการ
                             (๒๒) ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง                กรรมการและ
                                      และขนาดย่อม                                                                  เลขานุการ
                             ข้อ ๓ ให้คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ) มีอำนาจและหน้าที่ ดังนี้
                             (๑) มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. ๒๕๔๓
                             (๒) ปฏิบัติหน้าที่แทนคณะกรรมการบริหารสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ตามอำนาจหน้าที่ที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. ๒๕๔๓
                              ข้อ ๔ การเบิกจ่ายค่าเบี้ยประชุมคณะกรรมการและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของคณะกรรมการให้เป็นไปตามที่พระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. ๒๕๔๓ กำหนด
                              ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

                                                      ประกาศ    ณ    วันที่     ๖     สิงหาคม    พุทธศักราช ๒๕๕๗

 

                                                                                                  พลเอก    ประยุทธ์   จันทร์โอชา
                                                                                                               (ประยุทธ์   จันทร์โอชา)
                                                                                                    หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
...............................................................................

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
Re: ประกาศ-คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
« ตอบกลับ #37 เมื่อ: 16 กันยายน 2014, 18:52:22 »
คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ ๑๑๕/๒๕๕๗
เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาทางพระพุทธศาสนา

                                 เพื่อเป็นการส่งเสริมพระพุทธศาสนาให้มีความเจริญและมั่นคง นำพาสังคมและวิถีชีวิตของประชาชนให้เกิดความสันติสุขอย่างยั่งยืนด้วยหลัก พุทธธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหา ทางพระพุทธศาสนา โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้

                                ๑. องค์ประกอบ
                                   ๑.๑ รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และหัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ      ประธานกรรมการ
                                   ๑.๒ ปลัดกระทรวงมหาดไทย                                                                     รองประธานกรรมการ
                                   ๑.๓ ปลัดกระทรวงยุติธรรม                                                                        กรรมการ
                                   ๑.๔ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ                                                                    กรรมการ
                                   ๑.๕ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม                                                                      กรรมการ
                                   ๑.๖ ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร                               กรรมการ
                                   ๑.๗ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ                                                                 กรรมการ
                                   ๑.๘ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์                                                                     กรรมการ
                                   ๑.๙ ปลัดกรุงเทพมหานคร                                                                         กรรมการ
                                   ๑.๑๐ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ                                   กรรมการและเลขานุการ

                                ๒. อำนาจหน้าที่
                                   ๒.๑ เสนอแนะนโยบาย มาตรการ และแนวทางการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาทางพระพุทธศาสนา เสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                                   ๒.๒ อำนวยการ กำกับดูแล ติดตามผลการดำเนินการตามนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหาทางพระพุทธศาสนา เสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                                   ๒.๓ พิจารณาให้ความเห็นชอบแผนงาน โครงการ และมาตรการที่เกี่ยวข้องก่อนนำเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                                   ๒.๔ กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการป้องกันและแก้ไขปัญหาทางพระพุทธศาสนา
                                   ๒.๕ แต่งตั้งคณะอนุกรรมการในการดำเนินการต่างๆ
                                   ๒.๖ ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือคณะรักษาความสงบแห่งชาติมอบหมาย

                                ๓. คณะกรรมการตามคำสั่งนี้ สามารถยุบเลิก หรือปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ได้ตามความเหมาะสม

                                ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป


                                                                         สั่ง    ณ    วันที่     ๘      สิงหาคม    พุธศักราช ๒๕๕๗

                                                                                                  พลเอก  ประยุทธ์ จันทร์โอชา
                                                                                                             (ประยุทธ์ จันทร์โอชา)
                                                                                                   หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
.............................................................................

คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ ๑๑๖/๒๕๕๗
เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการร่วมจัดทำยุทธศาสตร์สินค้าเกษตรเป็นรายพืชเศรษฐกิจ ๔ สินค้า(Roadmap) คือข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน และอ้อย

                               เพื่อให้การขับเคลื่อนสินค้าเกษตร อาหารและพลังงานทดแทนจากสินค้าเกษตรของพืชเศรษฐกิจ ๔ สินค้า (Roadmap) คือ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน และอ้อย เกิดความสมดุล เข้มแข็ง และมั่นคง รวมทั้งมีขีดความสามารถในการแข่งขันที่ยั่งยืน อันก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศได้ในภาพรวม หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงแต่งตั้งคณะอนุกรรมการร่วมจัดทำ ยุทธศาสตร์สินค้าเกษตรเป็นรายพืชเศรษฐกิจ ๔ สินค้า (Roadmap) คือ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน และอ้อย ขึ้น เพื่อช่วยปฏิบัติงานของคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทาง เศรษฐกิจ (กรอ.) โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้

                              ๑.      องค์ประกอบ

                                       ๑.๑    พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ              ประธานอนุกรรมการ
                                       ๑.๒    เลขาธิการคณะกรรมการ                                              รองประธานอนุกรรมการ
                                                 พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
                                       ๑.๓    ปลัดกระทรวงการคลังหรือผู้แทน                                        อนุกรรมการ
                                       ๑.๔    ปลัดกระทรวงคมนาคมหรือผู้แทน                                       อนุกรรมการ
                                       ๑.๕    ปลัดกระทรวงพลังงานหรือผู้แทน                                       อนุกรรมการ
                                       ๑.๖    ปลัดกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทน                                        อนุกรรมการ
                                       ๑.๗    ปลัดกระทรวงมหาดไทยหรือผู้แทน                                     อนุกรรมการ
                                       ๑.๘    ปลัดกระทรวงวิทยาศาตร์และเทคโนโลยีหรือผู้แทน              อนุกรรมการ
                                       ๑.๙    ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมหรือผู้แทน                                  อนุกรรมการ
                                       ๑.๑๐  ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยหรือผู้แทน     อนุกรรมการ
                                       ๑.๑๑  ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยหรือผู้แทน             อนุกรรมการ
                                       ๑.๑๒  ประธานสมาคมธนาคารไทยหรือผู้แทน                                อนุกรรมการ
                                       ๑.๑๓  ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์                                         อนุกรรมการและ                                                                                                                                                                                   เลขานุการ
                                       ๑.๑๔  รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ                   อนุกรรมการและ
                                                 และสังคมแห่งชาติที่ได้รับมอบหมาย                                    ผู้ช่วยเลขานุการ

                             ๒.       อำนาจหน้าที่

                                        ๒.๑    เพื่อจัดทำยุทธศาสตร์สินค้าเกษตรเป็นรายพืชเศรษฐกิจ ๔ สินค้า (Roadmap) คือ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน และอ้อย รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัยอย่างมั่นคงและยั่งยืนให้มีความสอด คล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ และยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่มุ่งเน้นการสร้างความเข้มแข็งละ ความสมดุลของภาคการเกษตรที่ตอบสนองวัตถุประสงค์ทั้งมิติด้านความมั่นคงอาหาร และพลังงาน ได้แก่ (๑) การบริหารจัดการเขตเกษตรเศรษฐกิจ (Zoning) (๒) การปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ (๓) การนำนวัตกรรมมาใช้ในการผลิตและส่งเสริมให้มีการผลิตได้มาตรฐานและมูลค่า เพิ่ม (๔) การผลิตแบบเกษตรสมัยใหม่ (Modem farming) และ (๕) การสร้างความร่วมมือในการพัฒนาการผลิตตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) เสนอคณะกรรมการ กรอ.

                                       ๒.๒    แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อช่วยเหลือหรือปฏิบัติงานได้ตามความเหมาะสม

                                       ๒.๓    ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่คณะกรรมการ กรอ. มอบหมาย

                            ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป


                                                                         สั่ง    ณ    วันที่     ๑๔      สิงหาคม    พุธศักราช ๒๕๕๗

                                                                                                  พลเอก  ประยุทธ์ จันทร์โอชา
                                                                                                             (ประยุทธ์ จันทร์โอชา)
                                                                                                   หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
.............................................................................................

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
Re: ประกาศ-คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
« ตอบกลับ #38 เมื่อ: 16 กันยายน 2014, 18:53:33 »
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ ๑๒๑ / ๒๕๕๗
เรื่อง การแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ

                               อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ และมาตรา ๕ แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๗ คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีประกาศ ดังต่อไปนี้

                                  ข้อ ๑ ให้มีคณะกรรมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติประจำจังหวัดจังหวัดละหนึ่งคณะ ประกอบด้วยบุคคลตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๖ แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการสรรหาสมาชิกสภาปฎิรูปแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๗
                                  ข้อ ๒ ให้มีคณะกรรมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติด้านต่างๆ ตามมาตรา ๒๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ประกอบด้วยผู้มีรายชื่อ ดังต่อไปนี้

                                   ด้านการเมือง

                                   (๑) พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ
                                         (ประธานคณะที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ)
                                   (๒) นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์
                                         (อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)
                                   (๓) นายนรนิติ เศรษฐบุตร
                                         (อดีตประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ , สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ)
                                   (๔) นายภุมรัตน ทักษาดิพงศ์
                                         (อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ)
                                   (๕) นายสุจิต บุญบงการ
                                         (อดีตประธานสภาพัฒนาการเมือง)
                                   (๖) นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย
                                         (สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ , กรรมการเนติบัณฑิตยสภา)
                                   (๗) นายสุรพล นิติไกรพจน์
                                         (อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

                                   ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน

                                   (๑) นายวิษณุ เครืองาม
                                        (อดีตประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ)
                                   (๒) นายติน ปรัชญพฤทธิ์
                                         (ศาสตราจารย์สาขารัฐประศาสนศาสตร์)
                                   (๓) นายทศพร ศิริสัมพันธ์
                                         (อดีตเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ)
                                   (๔) นายนนทิกร กาญจนะจิตรา
                                         (เลขาธิการกคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน)
                                   (๕) นายมีชัย ฤชุพันธุ์
                                         (อดีตประธานวุมิสภา)
                                   (๖) นายสุรชัย ภู่ประเสริฐ
                                         (อดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรี)
                                   (๗) นายสีมา สีมานันท์
                                         (สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ)

                                   ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม

                                   (๑) นายพรเพชร วิชิตชลชัย
                                         (สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ , ผู้ตรวจการแผ่นดิน)
                                   (๒) นายประสพสุข บุญเดช
                                         (อดีตประธานวุฒิสภา , อดีตประธานศาลอุทธรณ์)
                                   (๓) นายวิเชียร ชุบไธสง
                                         (อุปนายกสภาทนายความ)
                                   (๔) พลตรี วิระ โรจนวาศ
                                         (ผู้อำนวยการสำนักงานพระธรรมนูญทหารบก)
                                   (๕) นายสมชัย วัฒนการุณ
                                         (อดีตอัยการ ตุลาการหัวหน้าคณะในศาลปกครองสูงสุด)
                                   (๖) นางสุวณา สุวรรณจูฑะ
                                         (รองปลัดกระทรวงยุติธรรม)
                                   (๗) พลตำรวจเอก สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล
                                         (รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ)

                                   ด้านการปกครองท้องถิ่น

                                   (๑) พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา
                                         (อดีตผู้บัญชาการทหารบก)
                                   (๒) นายจาดุร อภิชาตบุตร
                                         (อดีตรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี)
                                   (๓) นายธวัชชัย ฟักอังกูร
                                         (อดีตผู้ว่าราชการจังหวัด)
                                   (๔) นายมนุชญ์ วัฒนโกเมร
                                         (คณะกรรมการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่น , สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ)
                                   (๕) นายวสันต์ วรรณวโรทร
                                         (อดีตรองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น)
                                   (๖) นายสมพร ใข้บางยาง
                                         (อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย)
                                   (๗) นายศิวะ แสงมณี
                                         (อดีตอธิบดีกรมการปกครอง)

                                   ด้านการศึกษา

                                   (๑) นายยงยุทธ ยุทธวงศ์
                                         (อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี)
                                   (๒) นายกฤษณพงศ์ กีรติกร
                                         (อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา)
                                   (๓) คุณหญิง กษมา วรวรรณ ณ อยุธยา
                                         (อดีตปลัดกระทรวงศึกษาธิการ)
                                   (๔) นายพรชัย มาตังคสมบัติ
                                         (อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล)
                                   (๕) นายวรากรณ์ สามโกเศศ
                                         (อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์)
                                   (๖) นายสมชอบ ไชยเวช
                                         (อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ)
                                   (๗) คุณหญิง สุมณฑา พรหมบุญ
                                         (ประธานกรรมการอุดมศึกษา , สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ)

                                   ด้านเศรษฐกิจ

                                   (๑) นายณรงค์ชัย อัครเศรณี
                                         (สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ)
                                   (๒) นายจีรเดช อู่สวัสดิ์
                                         (อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย)
                                   (๓) นายโชคชัย อักษรนันท์
                                         (อดีตประธานอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย)
                                   (๔) นายนพพร เทพสิทธา
                                         (ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย)
                                   (๕) นายปราโมทย์ วิทยาสุข
                                         (อดีตรองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม)
                                   (๖) นายวิศาล บุปผเวส
                                         (อดีตคณบดีคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์)
                                   (๗) นายอภิรดี ตันตราภรณ์
                                         (อดีตเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลก (WTO) ณ นครเจนีวา)

                                    ด้านพลังงาน

                                   (๑) หม่อมราชวงศ์ ปรีติยาธร เทวกุล
                                         (อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย)
                                   (๒) นายการุณ กิตติสถาพร
                                         (อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์)
                                   (๓) นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช
                                         (อดีตปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม)
                                   (๔) นายบรรพต หงส์ทอง
                                         (อดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์)
                                   (๕) นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์
                                         (สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ)
                                   (๖) นายพละ สุขเวช
                                         (อดีตผู้ว่าการการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย)
                                   (๗) นายวิเศษ จูภิบาล
                                         (อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน)

                                    ด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม

                                    (๑) พลอากาศเอก อิทธพร ศุภวงศ์
                                          (สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ)
                                    (๒) นางกอบกุล รายะนาคร
                                          (อนุกรรมการปฏิรูปกฎหมายด้านทรัพยากรน้ำ คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย)
                                    (๓) นายเจตน์ ศิรธานนท์
                                          (สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ)
                                    (๔) นางนิศากร โฆษิตรัตน์
                                          (อดีตอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง)
                                    (๕) นางเรณู เวชรัชต์พิมล
                                          (รองศาสตราจารย์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร)
                                    (๖) นายวิจารย์ สิมาฉายา
                                          (อดีตอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ)
                                    (๗) นายสมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์
                                          (เลขาธิการมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุ)

                                    ด้านสื่อสารมวลชน

                                    (๑) พลเอก นภดล อินทปัญญา
                                          (สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ)
                                    (๒) นางจำนรรจ์ ศิริตัน
                                          (นายกสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์)
                                    (๓) นายฐากร ตัณฑสิทธิ์
                                          (เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ)
                                    (๔) นางพิรงรอง รามสูต
                                          (อาจารย์คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)
                                    (๕) นางวรรณี รัตนพล
                                          (นายกสมาคมมีเดียเอเยนซี่และธุรกิจสื่อแห่งประทศไทย (MAAT)
                                    (๖) นายสำเริง คำพะอุ
                                          (นักหนังสือพิมพ์อาวุโส)
                                    (๗) นายอรุณ งามดี
                                          (อดีตอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์)

                                    ด้านสังคม

                                    (๑) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
                                         (อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง)
                                    (๒) คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม
                                          (อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์)
                                    (๓) นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร
                                          (อดีตบรรณาธิการอาวุโสหนังสือพิมพ์มติชน)
                                    (๔) นายพรชัย ตระกูลวรานนท์
                                          (รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)
                                    (๕) นายมงคล ณ สงขลา
                                          (อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข)
                                    (๖) นายสมพล เกียรติ
                                          (สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ)
                                    (๗) คุณหญิง สุชาดา กีระนันท์
                                          (นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)

                                    ด้านอื่นๆ

                                    (๑) พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ
                                          (อดีตรองผู้บัญชาการทหารบก)
                                    (๒) นางกอบกาญจน์ สุริยสัตย์ วัฒนวรางกูร
                                          (สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ)
                                    (๓) นายบรรยงค์ สุวรรณผ่อง
                                          (กรรมการจริยธรรม สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย,กรรมการจริยธรรมสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย)
                                    (๔) หม่อมหลวง ปนัดดา ดิศกุล
                                          (รักษาราชการแทนปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี,ประธานมูลนิธิกรมสมเด็จฯ พระยาดำรงราชานุภาพ)
                                    (๕) นายวารินทร์ ตัณฑ์ศุภศิริ
                                          (กรรมการและรองเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ในพระราชินูปถัมภ์)
                                    (๖) นายเศรษฐา ศิระฉายา
                                          (ประธานมูลนิธิสวัสดิการนักแสดงอาวุโส , คณะกรรมการลิขสิทธิ์ กรมทรัพย์สินทางปัญญา)
                                    (๗) นายอณัส อมาตยกุล
                                          (กรรมการมูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย)

                                    ข้อ ๓ ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งมอบหมายเจ้าหน้าที่เพื่อรับผิดชอบงาน เลขานุการและงานธุรการของคณะกรรมการสรรหาด้านต่างๆ ตามข้อ ๒ รวมทั้งจัดให้มีการประชุมเพื่อเลือกกรรมการสรรหาคนหนึ่งเป็นประธานกรรมการ สรรหา

                                                      ประกาศ    ณ    วันที่     ๑๓     สิงหาคม    พุทธศักราช ๒๕๕๗

 

                                                                                                  พลเอก    ประยุทธ์   จันทร์โอชา
                                                                                                               (ประยุทธ์   จันทร์โอชา)
                                                                                                    หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
..................................................................................................
คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ ๑๑๘/๒๕๕๗
เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ


               เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะในการแข่งขันของประเทศ รวมทั้งสร้างความเข้มแข็งของภาคการผลิตและบริการ อันจะก่อให้เกิดการพัฒนาประเทศที่มีเสถียรภาพและยั่งยืน คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงได้กำหนดให้นโยบายการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศเป็นหนึ่งในวาระแห่งชาติ และใช้เป็นแนวทางหลักในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวทันนานาอารยประเทศ โดยให้มีการผนึก กำลังกันในทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (กพข.) โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ ดังนี้
               ๑. องค์ประกอบ
                    ๑.๑ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ                                                    ประธานกรรมการ
                    ๑.๒ รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ/                                              รองประธานกรรมการ
                           หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ
                    ๑.๓ ประธานกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ                         กรรมการ
                    ๑.๔ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย                                                 กรรมการ
                    ๑.๕ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย                                             กรรมการ
                    ๑.๖ ประธานสมาคมธนาคารไทย                                                                 กรรมการ
                    ๑.๗ หม่อมราชวงศ์ ปรีดิยาธร เทวกุล                                                           กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
                    ๑.๘ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์                                                                     กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
                    ๑.๙ นายณรงค์ชัย อัครเศรณี                                                                       กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
                    ๑.๑๐ นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล                                                                  กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
                    ๑.๑๑ นายเทวินทร์ วงศ์วานิช                                                                      กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
                    ๑.๑๒ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการ                                                      กรรมการและ
                             เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ                                                              เลขานุการ
                    ๑.๑๓ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนา                                          กรรมการและ
                             ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ                                          ผู้ช่วยเลขานุการ
                             สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
                    ๑.๑๔ รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนา                                     กรรมการและ
                             ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ                                          ผู้ช่วยเลขานุการ
                             สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
               ๒. อำนาจหน้าที่
                    ๒.๑ กำหนดกรอบ ทิศทาง และยุทธศาสตร์การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ รวมทั้งยุทธศาสตร์การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑
                    ๒.๒ ผลักดันให้มีการนำกรอบ ทิศทาง และยุทธศาสตร์การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และยุทธศาสตร์การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมและบูรณาการ
                    ๒.๓ อนุมัติแผนงาน โครงการ และวงเงินเพื่อดำเนินกิจกรรมภายใต้กรอบและหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้
                    ๒.๔ กำกับ ดูแลการดำเนินงานให้เป็นไปตามกรอบทิศทางและยุทธศาสตร์การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
                     ๒.๕ ติดตาม ศึกษา และวิเคราะห์ ดัชนีชี้วัดขีดความสามารถในการแข่งขันที่จัดทำโดยองค์กรระหว่างประเทศ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณากำหนดกรอบ ทิศทาง และยุทธศาสตร์การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ภาคการผลิตและบริการ การค้าการลงทุน การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัย และนวัตกรรม การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เป็นต้น
                     ๒.๖ แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ หรือคณะทำ งานเพื่อสนับสนุนการดำ เนินงานหรือปฏิบัติงานตามที่คณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศมอบหมาย
                     ๒.๗ ออกระเบียบ ประกาศ และคำสั่ง เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามนี้
                     ๒.๘ ประสานหรือมอบหมายให้คณะกรรมการด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามที่เห็นสมควร เพื่อให้การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศบรรลุผลตามเป้าหมาย
                     ๒.๙ ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ ฯ
                  สำหรับการเบิกจ่ายเบี้ยประชุมให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ ฯ ให้เบิกจ่ายตามระเบียบทางราชการ โดยให้เบิกจ่ายจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
                   ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป


                                                                         สั่ง    ณ    วันที่     ๑๙      สิงหาคม    พุธศักราช ๒๕๕๗

                                                                                                  พลเอก  ประยุทธ์ จันทร์โอชา
                                                                                                             (ประยุทธ์ จันทร์โอชา)
                                                                                                   หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
Re: ประกาศ-คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
« ตอบกลับ #39 เมื่อ: 16 กันยายน 2014, 18:56:11 »
คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ ๑๑๙/๒๕๕๗
เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองงานด้านกฎหมาย

                     เพื่อให้การดำเนินงานด้านกฎหมาย เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีความรอบคอบ และให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะกรรมการกลั่นกรองงานด้านกฎหมาย” โดยมีองค์ประกอบ และมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไป
                      ๑. องค์ประกอบ
                          ๑.๑ พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา                                                                 ประธานกรรมการ
                                 หัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
                                 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                          ๑.๒ พลโท ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข                                                              รองประธานกรรมการ
                                 รองหัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
                                 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                          ๑.๓ ศาสตราจารย์ ดร.วิษณุ เครืองาม                                                     กรรมการ
                                 ที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                          ๑.๔ พลเอก ณัทกร เกิดสุขผล                                                               กรรมการ
                                 ที่ปรึกษาหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                          ๑.๕ อัยการสูงสุด                                                                                กรรมการ
                          ๑.๖ ปลัดกระทรวงยุติธรรม                                                                    กรรมการ
                          ๑.๗ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ                                                            กรรมการ
                          ๑.๘ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา                                                    กรรมการ
                          ๑.๙ เจ้ากรมพระธรรมนูญ                                                                      กรรมการ
                          ๑.๑๐ อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ            กรรมการ
                          ๑.๑๑ ผู้อำนวยการสำนักนิติธรรม สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี                 กรรมการ
                          ๑.๑๒ นายเทพ อิงคสิทธิ์                                                                      กรรมการ
                          ๑.๑๓ นายสุนทร สิทธิเวชวิจิต                                                              กรรมการ
                          ๑.๑๔ นายอดุลย์ ขันทอง                                                                     กรรมการ
                          ๑.๑๕ พลโท เยาวดนัย ภู่เจริญยศ                                                         กรรมการและเลขานุการ
                          ๑.๑๖ พันเอก กฤษณะ วโรภาษ                                                             กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
                          ๑.๑๗ นายวีรพันธ์ พวงเพชร                                                                 กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
                     ๒. อำนาจหน้าที่
                          ๒.๑ พิจารณากลั่นกรองเกี่ยวกับกฎหมาย กฎ ระเบียบ ที่ส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ นำเสนอต่อหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                          ๒.๒ พิจารณาเสนอแนะแนวทางการดำเนินงานหรือแนวทางการปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบต่าง ๆ ของส่วนราชการ และหน่วยงานต่าง ๆ หรือการจัดทำระเบียบ คำสั่งต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของส่วนราชการ หรือหน่วยงานต่าง ๆ ตามที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                          ๒.๓ เชิญบุคคลหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับข้อกฎหมาย หรือปัญหาข้อขัดข้องด้านกฎหมายของส่วนราชการ และหน่วยต่าง ๆ ที่เสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายของส่วนราชการ และส่วนราชการต่าง ๆ มาให้ข้อมูล ข้อเท็จจริง และความเห็นรวมทั้งส่งเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการฯ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                          ๒.๔ แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงานเพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ ฯ ตามความจำเป็นและเหมาะสม
                          ๒.๕ ดำเนินการอื่นใดตามที่ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ มอบหมาย
                   สำหรับการเบิกจ่ายค่าเบี้ยประชุมให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยเบิกจ่ายจากกองบัญชาการกองทัพบก ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการอื่น ๆ ที่จำเป็นในการปฏิบัติงานให้เบิกจ่ายจากงบประมาณที่ได้รับการสนับสนุนตามระเบียบของทางราชการ
                   ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไป


                                                                         สั่ง    ณ    วันที่     ๑๗      สิงหาคม    พุธศักราช ๒๕๕๗

                                                                                                  พลเอก  ประยุทธ์ จันทร์โอชา
                                                                                                             (ประยุทธ์ จันทร์โอชา)
                                                                                                   หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
.........................................................................................
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ ๑๒๒ / ๒๕๕๗
เรื่อง แต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

                                           เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
และมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีประกาศ ดังต่อไปนี้
                                           ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๖/๒๕๕๗ เรื่อง แต่งตั้ง
ผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗
                                           ข้อ ๒ แต่งตั้งให้บุคคลดังต่อไปนี้ดำรงตำแหน่งในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                                           ๑. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา         เป็น     หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                                           ๒. พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ          เป็น     รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                                           ๓. พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร       เป็น     รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                                           ๔. พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย       เป็น     รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                                           ๕. พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง       เป็น     รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                                           ๖. พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว   เป็น     รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                                           ๗. พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล                 เป็น     สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                                           ๘. พลเอก วรพงษ์ สง่าเนตร             เป็น     สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                                           ๙. พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา              เป็น     สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                                         ๑๐. พลเรือเอก ไกรสร จันทร์สุวานิชย์   เป็น     สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                                         ๑๑. พลอากาศเอก ตรีทศ สนแจ้ง        เป็น     สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                                         ๑๒. พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง  เป็น     สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                                         ๑๓. นายมีชัย ฤชุพันธุ์                        เป็น     สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                                         ๑๔. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์             เป็น     สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                                         ๑๕. พลเอก อุดมเดช สีตบุตร              เป็น     เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                                         ข้อ ๓ ให้สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ   ทำหน้าที่เป็นหน่วยธุรการ
ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
                                         ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

                                                      ประกาศ    ณ    วันที่     ๑๑     กันยายน    พุทธศักราช ๒๕๕๗

 

                                                                                                  พลเอก    ประยุทธ์   จันทร์โอชา
                                                                                                               (ประยุทธ์   จันทร์โอชา)
                                                                                                    หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
Re: ประกาศ-คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
« ตอบกลับ #40 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2014, 21:40:26 »
คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๒๑/๒๕๕๗
เรื่อง ยกเลิกคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๑๗/๒๕๕๗
....................................
                     ตามที่ได้มีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๑๗/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๑๗ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ ซึ่งกำหนดให้มีคณะกรรมการคัดเลือกสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ทำหน้าที่พิจารณาคัดเลือกบุคคล ซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ นั้น โดยที่มาตรา ๓๐ (๖) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ได้กำหนดให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ คัดเลือกบุคคลที่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติจากบัญชีรายชื่อที่คณะกรรมการสรรหาเสนอ จำนวนไม่เกินสองร้อยห้าสิบคน ดังนั้น อำนาจในการคัดเลือกผู้ที่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติให้เหลือจำนวนดังกล่าว จึงเป็นอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
                      เพื่อให้ขบวนการคัดเลือกสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ และมาตรา ๑๕ แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคำสั่งให้ยกเลิกคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๑๗/๒๕๕๗ เรื่อง การแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ลงวันที่ ๑๗ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗
                      ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป


                                                                         สั่ง    ณ    วันที่     ๑๙      กันยายน    พุธศักราช ๒๕๕๗

                                                                                                  พลเอก  ประยุทธ์ จันทร์โอชา
                                                                                                             (ประยุทธ์ จันทร์โอชา)
                                                                                                   หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
.........................................................................................