ผู้เขียน หัวข้อ: ประณาม!M79คุกคาม‘ณรงค์’  (อ่าน 635 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9753
    • ดูรายละเอียด
ประณาม!M79คุกคาม‘ณรงค์’
« เมื่อ: 22 เมษายน 2014, 13:49:56 »
แข็งขืนรัฐบาลเป็นเรื่อง ปลัดกระทรวงสาธารณสุขถูกคนร้ายยิงเอ็ม 79 ถล่มบ้านกลางดึก เครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์ประณามผู้คุกคามและใช้ความรุนแรงกับคนเห็นต่าง จวก "ศอ.รส." ไม่สามารถรักษาความสงบได้  จี้ยุบทิ้งให้ กอ.รมน.ทำหน้าที่แทน ขณะที่ สธ.เข้มเรื่องความปลอดภัย 24 ชั่วโมง

    เมื่อเวลา 23.00 น.ของคืนวันที่ 20 เมษายน เกิดเหตุคนร้ายยิงระเบิด M79 ใส่บ้านพัก นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์  ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในซอยแจ้งวัฒนะ 14 โดยหลังเกิดเหตุ EOD และทหารลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุ พร้อมด้วยตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง ที่เกิดเหตุพบบริเวณกำแพงรั้วบ้านด้านที่เกิดเหตุถูกแรงระเบิดทะลุเป็นรู บริเวณใกล้เคียงพบสะเก็ดระเบิดตกกระจาย รถยนต์ที่จอดอยู่เสียหายเล็กน้อย อย่างไรก็ตามไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากเป็นช่วงที่คนในบ้านกำลังพักผ่อน

    ต่อมาเช้าวันจันทร์ นพ.ณรงค์ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ตนและคนในบ้านปลอดภัยดี ขณะนี้ยังปฏิบัติงานราชการตามปกติ โดยลงพื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อรับเสด็จ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ในการออกหน่วยแพทย์เฉพาะทางพื้นที่ อ.หัวหิน ส่วนจะขอกำลังเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาดูแลหรือไม่ ยังไม่ขอแสดงความคิดเห็น

      เวลา 11.30 น. นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัด สธ.กล่าวภายหลังเดินทางไปดูสถานที่เกิดเหตุบริเวณบ้านปลัด สธ. ว่า ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ สธ. รวมถึงสมาคมข้าราชการพลเรือนมีความเป็นห่วง นพ.ณรงค์และครอบครัว และได้ส่งกำลังใจมาให้ผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆ มากมาย ทั้งนี้ การข่มขู่คุกคามต่อข้าราชการระดับสูงไม่น่าเกิดขึ้นในสังคมไทยที่มีความศิวิไลซ์  ซึ่งปัจจุบันมีบุคคลหลายกลุ่ม ควรดำเนินการมาตรการเฝ้าระวังความปลอดภัยอย่างเต็มที่ โดยในการดูแลความปลอดภัยให้รวมถึงเจ้าหน้าที่ สธ.ในระดับต่างๆ ด้วยทั้งส่วนกลางและภูมิภาค

      นพ.บัญชา ค้าของ ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง สธ. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้เข้ามาตรวจสอบบริเวณบ้านปลัด สธ.เพื่อประเมินว่ามีพื้นที่ใดที่รกร้างบดบังการมองเห็น รวมถึงแจ้งขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ให้เข้ามาตรวจตราอย่างละเอียดมากขึ้น เนื่องจากเป็นบ้านของข้าราชการคนสำคัญและผู้บริหารสูงสุดของกระทรวง ซึ่งจะเท่ากับเป็นการดูแลความปลอดภัยของคนอื่นภายในหมู่บ้านเดียวกันไปในตัวด้วย

     "ส่วนมาตรการดูแลความปลอดภัยใน สธ. ได้มีการยกระดับมาตรการขั้นสูง โดยภายหลังเวลา 19.00 น.จะเปิดประตูเข้ากระทรวงเพียงประตูเดียว ตรวจตรารถทุกคัน และดูบัตรประชาชนทุกคน ขณะระหว่างเวลาทำงานได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ รปภ.และแม่บ้าน ให้ช่วยกันสอดส่องดูวัตถุแปลกปลอมและคนแปลกหน้า นอกจากนี้ ได้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดภายใน สธ.เพิ่มอีก 20 จุด" ผอ.สำนักบริหารกลางกล่าวและบอกว่า วันที่ 22 เมษายน คนของ สธ.จะนัดรวมพลเพื่อให้กำลังใจปลัด สธ. เห็นว่าเป็นเรื่องดี เพราะในเวลาเช่นนี้พี่น้อง สธ.ควรดูแลและให้กำลังใจกันและกัน แต่ต้องเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นหลักด้วย

     พญ.ประชุมพร บูรณ์เจริญ ในนามประธานสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป (สพศท.) กล่าวว่า ขอประณามผู้ก่อความรุนแรงดังกล่าว พวกเราชาวสาธารณสุขไม่มีอาวุธ ไม่เคยคิดทำร้ายใคร มีแต่รักษาผู้เจ็บป่วย ไม่คิดสร้างความรุนแรงใดๆ การที่ปลัดกระทรวงที่เป็นผู้นำสูงสุดในข้าราชการประจำถูกกระทำเช่นนี้ ถือเป็นการคุกคามชีวิตอย่างรุนแรง ที่ผู้มีหน้าที่ดูแลความสงบต้องรับผิดชอบ รีบติดตามจับผู้ก่อเหตุมารับโทษโดยเร็ว รวมทั้งผู้บงการทุกระดับด้วย
     "ขอเรียกร้องข้าราชการทุกหมู่เหล่าให้ร่วมประณาม และต่อต้านความรุนแรงทุกรูปแบบร่วมกับพวกเราชาวสาธารณสุข และร่วมปกป้องศักดิ์ศรีของข้าราชการร่วมกัน ไม่ยอมอยู่ภายใต้อิทธิพลมืดอันธพาลเช่นนี้" พญ.ประชุมพรกล่าว
 
   ขณะที่เครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข  ประกอบด้วย คณบดีคณะแพทยศาสตร์ 8 สถาบัน, คณบดีคณะทันตแพทยศาสตร์ 6 สถาบัน, คณบดีคณะเภสัชศาสตร์  13 สถาบัน, คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ 4 สถาบัน, นายกสภาวิชาชีพ 7 วิชาชีพ, ข้าราชการบำนาญกระทรวงสาธารณสุข และประชาคมสาธารณสุข ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์ประณามเหตุการณ์ดังกล่าว โดยระบุว่า เป็นการก่อความรุนแรงต่อข้าราชการระดับสูง ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องกับสถานพยาบาล, องค์กรอิสระ แต่ยังจับผู้กระทำความผิดมาลงโทษไม่ได้แม้แต่รายเดียว

    "สะท้อนความสามารถของรัฐบาลในการรักษาความสงบ บ่งบอกว่าสังคมไทยไร้ความปลอดภัย และยิ่งรัฐบาลปล่อยให้มีการข่มขู่ คุกคาม และใช้ความรุนแรงต่อคนเห็นต่าง โดยจับกุมผู้กระทำผิดไม่ได้ ทำให้เกิดเหตุรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ยิ่งมีการใช้กฎหมายพิเศษเพิ่มอำนาจให้ ศอ.รส.แล้ว แต่กลับไม่สามารถจัดการกับอาชญากรรมได้ การคงอยู่ของ ศอ.รส.จึงไม่เป็นประโยชน์ต่อการรักษาความสงบสุขในบ้านเมือง รัฐบาลควรพิจารณายุบ ศอ.รส.และให้ฝ่ายความมั่นคงและสามารถรักษากฎหมายได้ เช่น กอ.รมน.ทำงานตามกลไกปกติจะเหมาะสมกว่า"

      เครือข่ายเห็นว่า ความขัดแย้งทางความคิดควรได้รับการจัดการด้วยวิธีการที่ไม่ใช้ความรุนแรง โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก การคุกคามด้วยความรุนแรงและการข่มขู่ในลักษณะเช่นนี้ ไม่ใช่วิถีทางตามระบอบประชาธิปไตย ทั้งนี้ เครือข่ายขอประณามการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ และขอให้รัฐบาลรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เราขอยืนยันในการปฏิบัติหน้าที่ให้บริการดูแลรักษาประชาชนทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม โดยจะยึดหลักความถูกต้อง คุณธรรม จริยธรรม และผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ

      ก่อนหน้านี้ พล.ต.ต.สุรนิตย์ พรหมบุตร ผบก.น.2  พร้อมด้วย พล.ต.ต.รณกร ศุภสมุทร ผบก.กองพลาธิการและสรรพาวุธ สำนักงานส่งกำลังบำรุง สตช., พ.ต.อ.อธิป พงษ์ศิวาลัย ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง, พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรืออีโอดี และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เข้าตรวจสอบและเก็บพยานหลักฐานเพิ่มเติมที่บ้านของ นพ.ณรงค์ โดยที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวสูง 2 ชั้น ปลูกในเนื้อที่เดียวกันจำนวน 3 หลัง  มีรั้วรอบขอบชิด จุดเกิดเหตุเป็นบ้านหลังแรกเลขที่ 12/100  ห่างจากปากซอยประมาณ 50 เมตร บริเวณกำแพงบ้านฝั่งทิศเหนือมีร่องรอยถูกระเบิดขนาด 40 มิลลิเมตร

    ทั้งนี้ เป็นการยิงจากเครื่องยิงเอ็ม 79 เป็นรูขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 นิ้ว มีร่องรอยสะเก็ดระเบิดโดยรอบ  ด้านในรั้วบ้านมีรถยนต์เก๋งฮอนด้า รุ่นซีวิค ทะเบียน ฎจ  122 กทม. ได้รับความเสียหายเล็กน้อยที่ตัวรถฝั่งขวา เป็นรอยบุบเล็กน้อยจากเศษปูนของกำแพงที่โดนระเบิดกระเด็นมากระทบ มีเศษและสะเก็ดระเบิดรวมทั้งเศษปูนเกลื่อนพื้น เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
 
   ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า เป็นการยิงข่มขู่ เพราะดูจากวิถีกระสุนแล้วเป็นการยิงในระดับระนาบ ซึ่งในมุมดังกล่าววิถีกระสุนยิงห่างจากกำแพง 40-45 เมตร แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าเป็นคนร้ายกลุ่มไหน ซึ่งจะต้องมีการเก็บวัตถุพยาน และนำมาเปรียบเทียบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุที่อื่นหรือไม่ ทั้งนี้ ตนได้ให้ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบเส้นทางการหลบหนีของคนร้าย
 
   พล.ต.อ.เอกกล่าวว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลจุดเสี่ยง ที่จะถูกโจมตีจากฝ่ายตรงข้าม และควบคุมสถานการณ์อย่างเข้มงวด นอกจากนี้ ยังได้แสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ทางการเมืองว่าจะเกิดเหตุความรุนแรงขึ้น หลังจากวันที่ 23 เมษายนนี้ ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการวินิจฉัยการปฏิบัติหน้าที่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในกรณีการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เนื่องจากทั้ง กปปส.และ นปช.จะมีการนัดชุมนุมใหญ่พร้อมกัน หากมีการเผชิญหน้าอาจนำไปสู่เหตุความรุนแรงได้.

ไทยโพสต์  22 April, 2014