ผู้เขียน หัวข้อ: สปสช.เห็นพร้อมสธ.แยกบทบาทสสจ.ให้ชัดเจน ยันเดินหน้าสร้างความเสมอภาคระหว่างกองทุน  (อ่าน 662 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9745
    • ดูรายละเอียด
วันที่ 17 เม.ย.57 นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการ สปสช. พร้อมด้วยรองเลขาธิการและผู้บริหารระดับสูงของ สปสช. ได้แถลงข่าวและตอบข้อซักถามของสื่อมวลชน ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถ.แจ้งวัฒนะ กรณีปลัดกระทรวงสาธารณสุขยื่นข้อเรียกร้อง 3 ข้อมายังบอร์ด สปสช. และให้ตอบภายใน 2สัปดาห์ โดยปลัด สธ.อ้างถึงกรณีที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ( สตง.) ทักท้วงการใช้จ่ายเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ในส่วนบัญชี 6ของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ในฐานะ สปสช. สาขาจังหวัด และรองปลัด สธ.เสนอให้ยกเลิกการมอบหมายให้ สสจ.เป็นสาขาจังหวัดของ สปสช.เพราะผิดหลักการแยกผู้ซื้อและผู้ให้บริการออกจากกัน

นพ.วินัย กล่าวว่า ประเด็นที่ สตง.ทักท้วงการใช้จ่ายเงินนั้น ไม่มีประเด็นการทุจริต แต่เป็นการใช้จ่ายเงินไม่ตรงตามวัตถุประสงค์หรือไม่ตรงตามประกาศ สปสช. “เมื่อมีการทักท้วงการบริหารเงินบัญชี 6 ของสาขาจังหวัด จาก สตง.จึงจำเป็นต้องตั้งบุคคลภายนอกที่เป็นกลางร่วมดูข้อเท็จจริงและถ้าเป็นการเข้าใจผิดหรือไม่จงใจให้เกิดความเสียหาย ก็จะได้ชี้แจงกับ สตง.ได้”

เลขาธิการ สปสช.กล่าวต่อว่า ปัญหาการทำงานร่วมและความเห็นที่แตกต่างระหว่าง สปสช.และ สธ.ที่เกิดขึ้นตั้งแต่มีกฎหมายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ต่อเนื่องมาสิบกว่าปี แม้ว่าก่อนหน้านี้หลายอย่างได้คลี่คลายดีขึ้น แต่เมื่อมีการหยิบยกปัญหาขึ้นมาแล้ว ทาง สปสช.ก็ได้ให้ความสำคัญด้วยการตั้งทีมเจรจาไว้แล้วทั้งหมดเป็นผู้บริหารระดับสูง คือ เลขาธิการ รองเลขาธิการและผู้ช่วยเลขาธิการ เพื่อหาข้อสรุปร่วมกับ สธ. และถ้าเป็นประเด็นที่เกินอำนาจหน้าที่ ก็จะเสนอบอร์ด สปสช.พิจารณาต่อไป

“หลักการทำงานของ สปสช.คือยึดถือประโยชน์ของประชาชนและผู้ป่วย โดยการแสวงหาความร่วมมือจากทุกภาคส่วนโดยเฉพาะความร่วมมือจากกระทรวงสาธารณสุขที่ดูแลหน่วยบริการสาธารณสุขกว่า 800 แห่งและเครือข่าย รพ.สต.กว่า 12,000แห่งทั่วประเทศ” เลขาธิการ สปสช.ย้ำ

นพ.วีระวัฒน์ พันธ์ครุฑ รองเลขาธิการสปสช. กล่าวว่า สตง.ได้ตรวจสอบการใช้งบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติปีงบประมาณ 2555ซึ่งเป็นปีแรกที่มีการสุ่มตรวจสอบลงไปในระดับจังหวัด ทั้งหมด 8จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสระบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี ราชบุรี สมุทรสาคร ระยอง จันทบุรี และตราด โดยตรวจพบว่าสาขาจังหวัดมีการใช้เงินในบัญชี 6 ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ หรือไม่มีระเบียบ ประกาศของ สปสช.รองรับ ซึ่งไม่ใช่ประเด็นการทุจริต และเสนอให้ สปสช. และ สธ. ตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยคณะกรรมการชุดนี้ มีองค์ประกอบนอกจาก สปสช. และ สธ. แล้ว ยังมีตัวแทนจากสำนักงานอัยการสูงสุด ตัวแทนกรมบัญชีกลางและตัวแทนจากคณะกรรมการข้าราชการพลเรียน(กพ.) ร่วมด้วย ทั้งนี้จะมีการประชุมครั้งแรกในวันที่ 30 เม.ย.นี้ โดยกระบวนการทำงานของคณะกรรมการชุดนี้จะทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นที่ สตง.ทักท้วงมา เพื่อเสนอ บอร์ด สปสช.พิจารณาต่อไป

“การทักท้วงของ สตง. ส่วนใหญ่เกิดจากการตีความในมุมมองของ สตง. แต่หากเป็นคณะกรรมการที่อยู่ในสายงานด้านสาธารณสุข และผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก ก็อาจจะมีมุมมองและความเห็นอีกแบบเพื่อไปอธิบายและชี้แจงในสิ่งที่ สตง.ทักท้วงได้” รองเลขาธิการ สปสช.กล่าว

สำหรับประเด็นที่ปลัด สธ.ยื่นข้อเรียกร้อง 3ข้อ และรองปลัด สธ.ต้องการให้ สสจ.ยุติการทำหน้าที่เป็น สปสช.สาขาจังหวัด เพราะเป็นทั้งผู้ให้บริการและผู้ชื้อบริการ ทำให้ไม่ตรงกับหลักการแยกผู้ซื้อบริการและผู้ให้บริการออกจากกัน หรือที่เรียกว่า Provider Purchaser Spilt นั้น นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่าสปสช. ตระหนักถึงปัญหาความทับซ้อนในบทบาทหน้าที่ของ สสจ.ดังกล่าวมาโดยตลอด และเห็นด้วยในหลักการที่ สธ.เสนอให้แยกบทบาทออกจากกัน รวมทั้งให้ยกเลิกประกาศหรือระเบียบการจัดสรรเงินผ่านบัญชี 6 อย่างไรก็ตามประเด็นนี้เป็นเรื่องสำคัญที่อาจกระทบต่อหน่วยบริการและประชาชนในพื้นที่ จึงต้องมีเวลาตระเตรียมขยายความพร้อมของ สปสช.เขตพื้นที่ที่มีอยู่แล้ว 13เขต รวมทั้งแสวงหาความร่วมมือจากภาคีต่างๆ เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และจะนำข้อเสนอทั้งหมดของปลัด สธ.เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ในต้นเดือน พ.ค.นี้ เพื่อให้ทันกับการประกาศใช้ ต.ค.ต้นปีงบประมาณ 2558นี้”

สำหรับข้อเสนอให้ สปสช.ยกเลิกการจ่ายค่าตอบแทนล้างไตหรือค่าตอบแทนอื่นใดที่มีลักษณะเดียวกันนั้น รองเลขาธิการ สปสช. ชี้แจงว่าเป็นการจ่ายตามภาระงานเพื่อกระตุ้นให้ขยายการให้บริการและลดการรอคิวรับบริการของผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายและอื่นๆที่ถ้าไม่ได้รับบริการแล้วจะเสียชีวิตหรือพิการ ซึ่งในอดีตมีปัญหาการบริการมีจำกัด และปัจจุบันปัญหาคิวรอรับบริการลดลงอยู่ในระดับปกติแล้ว สปสช. ก็ได้ยกเลิกหรือปรับให้หน่วยบริการเป็นผู้จ่ายค่าภาระงานด้วยตัวเองแล้ว ปี 57นี้จึงไม่มีการมอบหมายให้ สปสช.สาขาจังหวัดจ่ายค่าภาระงานให้บุคคลากรโดยตรงแล้ว

นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการ สปสช. เปิดเผยเพิ่มเติมว่า เป้าหมายต่อไปของสปสช. คือสร้างความเสมอภาคด้านการรับบริการสาธารณสุข ที่ได้เริ่มต้นมาบ้าง กับการบูรณาการ 3 กองทุนสุขภาพ ดังนั้น ทิศทางต่อไปของการปฏิรูประบบสาธารณสุขของไทยจะมุ่งมั่นดำเนินการต่อไป คือ การกระจายอำนาจไปยังท้องถิ่นและจ่ายเงินตรงให้หน่วยบริการสาธารณสุข ให้หน่วยบริการมีความหลากหลาย มีความอิสระและคล่องตัวมากขึ้น ขณะเดียวกันก็จะเน้นลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความเสมอภาคให้กับคนไทยทุกคนไม่ว่าจะอยู่ภายใต้กองทุนหลักประกันสุขภาพใด ให้ได้รับบริการสาธารณสุขอย่างเท่าเทียม

บ้านเมือง
 วันเสาร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2557