ผู้เขียน หัวข้อ: 10ข่าวอาชญากรรมแห่งปี 'อุทาหรณ์-เตือนภัย-เตือนสติ'  (อ่าน 1134 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9759
    • ดูรายละเอียด
ในรอบปี “งูเล็ก” ที่ผ่านมา เกิดคดีสำคัญขึ้นหลายคดี ในจำนวนนี้มีทั้งคดีที่ตำรวจสะสางได้และไม่ได้ คละเคล้ากันไป ทีมข่าวอาชญากรรม “ไทยรัฐออนไลน์” สรุปคดีดังในรอบปี 2556 ก่อนเปิดศักราชใหม่ 2557 ที่กำลังใกล้เข้ามา เพื่อเป็นอุทาหรณ์ ย้ำเตือนสติและแจ้งเตือนภัย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายซ้ำสอง...

ปิดคดีฆ่า "เอ็กซ์" - รวบคนใกล้ชิด

คดีดังสะท้านเมืองที่กล่าวขานถึงกันมากที่สุดในรอบปี เห็นจะเป็นคดีสังหาร "เอ็กซ์" จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม นักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย ที่ถูกคนร้ายซิ่ง จยย.ตามประกบยิงเข้าจุดตาย เมื่อกลางเดือน ต.ค. 56 หลังเกิดเหตุไม่นาน ตำรวจภายใต้การนำของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.ชยุต ธนทวีรัชต์, พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์, พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช, พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง รอง ผบช.น. จัดทีมสืบสวนจนสามารถติดตามจับกุมคนร้ายเอาไว้ได้ รวบได้ยกแก๊ง ไล่เรียงไปตั้งแต่ นายจิรศักดิ์ หรือ จี กลิ่นคล้าย มือปืนผู้ลั่นไก น.ส.วรพรรณภูรี หรือ "แหม่ม" มนตรีอารีกุล เพื่อนสาวหมอนิ่ม รวมทั้งตัว "หมอนิ่ม" พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ ภรรยาของเอ็กซ์ และนางสุรางค์ ดวงจินดา ผู้เป็นแม่ยาย โดนข้อหาฆ่าและร่วมกันจ้างวานฆ่าเอ็กซ์ ตามความผิดที่ทำลงไป

นอกจากนี้ ยังมีนายสันติ หรือ "ทนายอีส" ทองเสม ทนายความหนุ่มคนสนิทกับ น.ส.วรพรรณภูรี ผู้จัดหามือปืน ที่ยังคงให้การปฏิเสธ ไม่รู้เห็นในปมสังหารแต่อย่างใด ขณะที่แก๊งมือปืนอีกคน นายธวัชชัย หรือ "ไอ้อ้น" เพชรโชติ อายุ 33 ปี ที่ทำหน้าที่ขี่มอเตอร์ไซค์ให้มือปืน ยังคงหลบหนีไปได้ เบื้องหลังใบสั่งตายฆ่าเอ็กซ์ เกิดจากการที่นางสุรางค์ไม่พอใจลูกเขยที่ซ้อมลูกสาวเป็นประจำมานานหลายปีแล้ว เกิดเรื่องกระทบกระทั่งกันเป็นประจำ ครั้งล่าสุดลูกสาวถูกซ้อมจนสาหัส ต้องหามส่งโรงพยาบาล หัวอกคนเป็นแม่อย่างนางสุรางค์ จึงตัดสินใจล้างแค้นที่มาทำกับลูกอย่างนั้น

เรื่องราวของเอ็กซ์ ไม่ได้จบลงเพียงแค่นั้น ยังมีภาค 2 ให้ติดตามกัน เมื่อ นายมานพ พณิชย์ผาติกรรม พ่อของเอ็กซ์ ส่งทนายความยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ขออำนาจศาลเป็นผู้จัดการมรดกลูกชาย เรียกร้องให้แบ่งทรัพย์สินกันคนละครึ่ง อ้างเหตุผลเพราะ “หมอนิ่ม” ไม่ได้จดทะเบียนกับเอ็กซ์ และไม่เชื่อว่าลูกชายจะมีสมบัติ 2 ล้าน และรถกับบ้านตามที่หมอนิ่มอ้าง เพราะความจริงน่าจะมีมากกว่า 10 ล้าน

ภาค 2 จะจบลงอย่างไรต้องติดตาม!?!

ปฏิบัติการระฟ้า-ทลายซุ้มมือปืนลพบุรี

เป็นปฏิบัติการปิดล้อมจับโจรที่สุดระทึกจริงๆ เมื่อตำรวจภูธร ภาค 1 ภายใต้การนำของ พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผบช.ภ.1 นำกำลังหน่วยจู่โจม ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ โรยตัวลงเป้าหมาย ล็อกตัว นายอาคม ปั้นคุม คนร้ายแก๊งทมิฬ บุกยิง นางกิตติพร แตงชุ่ม หรือ "นายกต๋อย" นายก อบต.โคกสำโรง ลพบุรี เอาไว้ได้ ส่วนใหญ่เราเคยเห็นแต่ในหนัง ฉากตำรวจโรยตัวจับกุมคนร้าย แต่งานนี้ตำรวจ ภาค 1 “เล่นจริง จับจริง” ตามแผน “หักดิบดงโจร” บุกชาร์จแบบสายฟ้าแลบ จนสามารถทลายรังโจรลงได้ รวบตัวคนร้ายดำเนินคดีตามกฎหมาย

ปูมหลังของเรื่อง เกิดตอนเช้าตรู่วันที่ 19 ต.ค. ขณะที่นายกต๋อย ทำพิธีไหว้กระดูกสามีและพ่อแม่ ภายในวัดสิงห์คูยาง เขตเทศบาลตำบลโคกสำโรง อ.โคกสำโรง จู่ๆ มีคนร้ายบุกเข้าไปใช้ปืน .38 จ่อยิงเข้ากลางหลังและลำตัว 3 นัด อาการสาหัส แต่รอดตายมาได้ สำหรับนายกต๋อย ไม่ธรรมดา มีศักดิ์เป็นหลานสะใภ้นายอำนวย คลังผา ประธานวิปรัฐบาล และเป็นมารดาของนางกาญจนา สุขกำเนิด ส.อบจ. ลพบุรี เขต อ.โคกสำโรงอีก

คดีนี้ตำรวจใช้เวลากว่า 1 เดือน ในการแกะรอยคนร้าย สืบจนได้หลักฐานแน่ชัดว่า ทีมสังหาร มีนายอาคม เป็นคนจ้างวาน นายมังกร เอี่ยมพ่วง มือปืนลั่นไก และนายบรรเจิด กันภัย เป็นคนขับรถคอยชี้เป้าให้ โดยมี นายสิงหนาท หรือ "กำนันช้าง" กมลพัฒนะ กำนันตำบลโคกสำโรง เป็นคนจ้างวานอีกทอด และนายสมลักษณ์ คนมั่น ทำหน้าที่ติดต่อกับนายอาคม ในการจัดหามือปืนมาให้ เมื่อมั่นใจตำรวจจึงวางแผนจับกุมนายอาคม เมื่อ 21 พ.ย. 56 โดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ ก่อนขยายผลจับกุมนายมังกร กับนายบรรเจิดในเวลาต่อมา ส่วนกำนันช้าง กับนายสมลักษณ์ เข้ามอบตัวสู้คดีในสัปดาห์ถัดมา

คดีนี้ตำรวจสรุปประเด็นสั่งฆ่า ไปที่ปมขัดแย้งเรื่องการเมืองท้องถิ่น เรื่องส่วนตัว และธุรกิจมืด กล่าวถึงซุ้มมือปืนนายอาคม ถือเป็นซุ้มมือปืนดังในอันดับต้นๆ ที่ตำรวจ ภาค 1 จ้องเช็กบิลมานานแล้ว

ในที่สุดก็ถูกรวบยกแก๊ง!?!

“อุบัติโหด” เรือล่มเกาะล้าน ตาย 6 ศพ

เกิดอุบัติเหตุทางทะเลอีกจนได้ เมื่อเรือเกาะล้านทราเวล 1 เรือท่องเที่ยว 2 ชั้น ตกแต่งเป็นห้องกระจก บรรทุกนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ กว่า 200 คน จากเกาะล้าน-แหลมบาลีฮาย พัทยา เกิดอับปางลงกลางทะเล มีนักท่องเที่ยวเสียชีวิต 6 ศพ บาดเจ็บ 16 ราย รอดตายหวุดหวิดกว่า 200 คน ระทึกเมื่อช่วงเย็นวันที่ 3 พ.ย. 2556 อุบัติโหดครั้งนี้เกิดขึ้นขณะที่นายสมาน ขวัญเมือง วัย 42 คนขับ ขับเรือออกจากหาดตาแหวน ด้านทิศเหนือเกาะล้าน จากนั้นแวะรับผู้โดยสารเพิ่มที่หาดนวล ทางด้านทิศใต้ของเกาะล้าน มีผู้โดยสารบนลำเรือเกือบ 200 คน มุ่งหน้าเข้าแหลมบาลีฮาย ขณะอยู่กลางน่านน้ำห่างฝั่ง 7 กม. กลางอ่าวพัทยา จู่ๆ เกิดอุบัติเหตุอับปางลง ทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ต้องหนีตายกันอลหม่าน บางคนหยิบฉวยเสื้อชูชีพ และวัตถุที่พอพยุงตัวได้ ลอยคออยู่เหนือน้ำรอความช่วยเหลือ แต่ที่น่าเศร้าใจ คือ 6 ชีวิต ที่ช่วยตัวเองไม่ได้ ต้องจมน้ำตายกลายเป็นศพหมกสุสานใต้น้ำ ขณะที่คนขับเรือหลบหนีแล้วดอดเข้ามอบตัวในภายหลัง

เหตุการณ์ครั้งนี้ นายคมสันต์ เอกชัย ผวจ.ชลบุรี ลงมาสอบสวนขยายผลด้วยตนเอง ได้ความว่า หลังเรือแล่นออกจากหาดนวล จู่ๆ มีเสียงดังโครมใต้ท้องเรือ จากนั้นน้ำก็ทะลักเข้ามาอย่างรวดเร็ว ชนิดที่ปั๊มน้ำในเรือทำงานไม่ทัน ทำให้ทุกคนต้องหนีตาลีตาเหลือก ขึ้นไปออกันอยู่บนชั้น 2 จนเรือเอียงเสียการทรงตัวและอับปาง สาเหตุครั้งนี้เกิดจากความประมาทของคนขับเรือ เนื่องจากเรือลำนี้บรรทุกได้ไม่เกิน 150 คน แต่ในวันเกิดเหตุคนขับรับผู้โดยสารมากว่า 200 คน จนทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น สำหรับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นสร้างภาพลบให้การท่องเที่ยวเมืองพัทยาอย่างเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเว็บไซต์สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นและเว็บไซต์บีบีซี นิวส์ รวมถึงสำนักข่าวเอเอฟพี เผยแพร่ข่าวและภาพออกไป โดยสื่อต่างประเทศระบุว่าสาเหตุเกิดจากเรือบรรทุกผู้โดยสารเกิน หรือเครื่องยนต์เก่า อันเป็นสาเหตุนำพาความตาย

"พัทยา" ชื่อกระฉ่อนในภาพด้านลบอีกจนได้!?!

'เฟซบุ๊ก-เฟซกาม' ลวงขืนใจ ด.ญ.14

เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนชอบเล่น "เฟซบุ๊ก" ต้องระวังไว้ เมื่อเกิดคดีหนุ่มหื่นกาม ใช้เฟซบุ๊กเป็นสื่อหลอกเด็กสาว วัย 14 ไปข่มขืนกระทำชำเรา จนสำเร็จความใคร่ จากนั้นก็เปลี่ยนชื่อ-นามสกุล หวังหลบหนีเงื้อมมือกฎหมาย ยังดีที่ตำรวจกองปราบปรามสะกดรอยตามรวบตัวเอาไว้ได้ คนร้าย คือ นายคมสันต์ นนทกลิ่น อายุ 28 ปี มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 28-69 ซอยนวมินทร์ 8 แยก 2 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม พฤติกรรมของ "คมสันต์" ช่างแสบสัน ใช้คารมแชตลวง ด.ญ.อ้อย (นามสมมติ) นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนดังใน กทม. จนเหยื่อหลงเชื่อ ทำทีนัดเลี้ยงข้าวฉลองวันเกิด ก่อนบังคับพาเข้าโรงแรม ข่มขืนกระทำชำเรา จากนั้นก็หนีไปกบดานอยู่บ้านญาติ ลงทุนเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล แถมเปลี่ยนงานเพื่อป้องกันการติดตาม แต่ทว่า หนีได้ไม่นานก็จนมุมตำรวจกองปราบฯ ในที่สุด

พฤติกรรมดิบของนายคมสันต์ เล่นเฟซบุ๊กแชตข้อความตีสนิท ด.ญ.อ้อย ใช้คารมพูดจาหว่านล้อม จนเหยื่อตายใจ ยอมคุยด้วย เพราะเห็นว่าไม่มีพิษภัย กระทั่งครบรอบวันคล้ายวันเกิดของเธอ คนร้ายจึงออกอุบายนัดเหยื่อไปเลี้ยงข้าวฉลองวันเกิด ก่อนจะพากันขึ้นแท็กซี่พาเลี้ยวเข้าโรงแรมม่านรูด ย่านดินแดง บังคับข่มขืนกระทำชำเรา แล้วหลบหนีไป หลังเกิดเหตุญาติเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.ดินแดง ท้องที่เกิดเหตุ จนพนักงานสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติออกหมายจับไว้ ตำรวจดินแดง ประสานตำรวจกองปราบปราม แกะรอยจากล็อกอินเฟซบุ๊ก ที่ใช้ติดต่อเหยื่อ สืบจนรู้ว่าคนร้ายคือ นายคมสันต์ จึงตะครุบไว้ได้แถวปากซอยนวมินทร์ 141 ใกล้ๆ บ้านของมัน

คนร้ายยอมรับว่า เป็นผู้ก่อเหตุจริง อาศัยการเล่นเฟซบุ๊กเป็นประจำ จนมีเหยื่อเข้ามาพูดคุย กระทั่งเกิดความสนิทสนมกันขึ้น แล้วนัดหมายมาพบกัน ก่อนจะบังคับผู้เสียหายพาเข้าโรงแรมแล้วลงมือข่มขืนกระทำชำเรา

กล่าวถึงความเสี่ยงในโลกโซเชียล พบว่าในประเทศไทย มีจำนวนผู้ใช้เฟซบุ๊กมากกว่า 18 ล้านราย และมีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในแต่ละวันจะมีผู้เข้าแจ้งปัญหากับ ศูนย์ตรวจสอบและวิเคราะห์การกระทำผิดทางเทคโนโลยี (ศตท.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เฉลี่ยวันละกว่า 5 หมื่นราย ส่วนใหญ่พบเป็น "ตัวปลอม" หรือที่เรียกว่า "เฟคไอดี" เพื่อประสงค์ร้าย

โซเชียลมีเดียมีประโยชน์ แต่หากใช้ในทางที่ผิดจะเกิดโทษ !?!

'หมากัดคนตาย' ร็อตไวเลอร์ขย้ำแม่เฒ่า

เรื่องของสัตว์เลี้ยงก็ต้องระมัดระวังกันไว้ให้ดี ต้นเดือน ธ.ค. 56 เกิดเหตุสลดสุนัขพันธุ์ “ร็อตไวเลอร์” ขย้ำแม่เฒ่าวัย 69 ปี จนสิ้นใจตาย เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นกลางเมืองร้อยเอ็ด เมื่อสุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์ 3 ตัว เห็นนางทองจันทร์ อ่อนชาผิว แม่เฒ่าวัย 69 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด เดินผ่านหน้าบ้าน ห้วงนั้นถูกสุนัขทั้ง 3 กรูออกมารุมล้อม ก่อนจะกระโจนขย้ำอกจมเขี้ยว เป็นแผลเหวอะหวะ และด้วยวัยอันชรา ทำให้นางทองจันทร์ พลาดล้มลงหัวฟาดพื้น ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล งานนี้สร้างความเศร้าใจไปตามๆ กัน ทั้งเจ้าของสุนัขที่หนีไม่พ้นความรับผิดชอบในเหตุที่เกิดขึ้น กับฝ่ายผู้เสียชีวิตที่ต้องสูญเสียคนรักไปอย่างไม่มีวันกลับ เป็นเหตุร้ายที่ไม่มีใครอยากให้เกิด

กล่าวถึงเหตุหมากัดคนตาย ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นครั้งนี้ครั้งแรก ก่อนหน้านี้เกิดขึ้นหลายครั้ง เช่นเหตุสยองที่เกิดกับนายมานะ เทศฤทธิ์ อายุ 51 ปี ชาว อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ที่ถูก "เจ้าปีเตอร์" ขย้ำจนจมเขี้ยว เสียชีวิตคาบ้านพักในเมืองชลฯ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว มูลเหตุครั้งนั้นมีพยานยืนยันว่า อาจเป็นเพราะผู้ตายชอบแกล้งสุนัข จึงอาจสร้างความโกรธแค้นให้กับ เจ้าปีเตอร์ เมื่อหงดุหงิดมากๆ จึงฉวยโอกาสตอนเผลอ กระโดดกัดจนสิ้นใจ ต่อมาช่วงกลางเดือนธันวาคม ปีเดียวกัน เกิดเหตุสุนัขพันธุ์พิตบูล ชื่อ "เจ้าชื่อไข่ตุ๋น" อายุ 2 ปี กัดเจ้าของตายเช่นกัน ขย้ำ นางสมสกุล สวนไพรินทร์ วัย 71 ปี เสียชีวิตคาบ้าน

นายโรเจอร์ โลหนันทน์ เลขาธิการสมาคมพิทักษ์สัตว์ (ไทย) และตัวแทนองค์กรภาคีเพื่อการอนุรักษ์ภาคพื้นเอเชีย ประจำประเทศไทย ออกมาให้ความรู้เรื่อง ข้อควรระวังในการเจอสุนัขพันธุ์ดุ คือ ห้ามจ้องตากับสุนัข เพราะมันจะถือว่าเป็นการท้าทาย โดยเฉพาะคนที่มีลักษณะ ดังนี้ 1. เป็นเด็ก หรือมีความสูงน้อยกว่าสุนัข 2. ผู้สูงอายุที่เดินหลังค่อม เชื่องช้า 3. คนที่เดินถือไม้เท้า หรือร่ม 4. คนที่ป่วย หรือเป็นแผลสด เพราะสุนัขจะมองว่าบุคคลเหล่านี้อ่อนแอ ด้อยสมรรถภาพกว่า สามารถข่มเหง ทำร้ายได้ ด้วยเหตุนี้ คนเลี้ยงพันธุ์ดุ จึงต้องหมั่นฝึกฝน เอาใจใส่ มีเวลาจูงพาออกไปเดินเล่นนอกบ้าน เพื่อให้เคยชินกับสิ่งแวดล้อม และให้เข้าใกล้เด็กบ่อยๆ เพิ่มความอ่อนโยนให้สุนัข ที่สำคัญ คือ ห้ามขังไว้ในกรงตลอดเวลา เพราะจะทำให้สุนัขเครียดเพราะกดดัน

เพื่อป้องกันเหตุสลดไม่คาดฝัน !?!

วงจรปิดพิชิตโจรผ้าเหลืองปล้นทองบิ๊กซี

ในรอบปีที่ผ่านมา เรื่องของพระนอกรีตประพฤติผิดมีให้เห็นบ่อยครั้ง สร้างความเสื่อมศรัทธาไปตามๆ กัน เหมือนกับคดีที่ตำรวจ สน.บุคคโล สามารถตามจับกุมคนร้ายเอาไว้ได้ รวบตัวนายชาญณรงค์ บุญณจันทร์ อายุ 38 ปี หรืออดีตพระชาญณรงค์ ที่ก่อคดี ควงปืนบุกเดี่ยวปล้นทองจากห้างบิ๊กซี ดาวคะนอง เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 56 หมอนี่ลงมืออย่างอุกอาจ ชิงสร้อยคอทองคำ 20 เส้น น้ำหนักรวม 40 บาท มูลค่ากว่า 8 แสนบาท เอาไปได้ต่อหน้าต่อตา ตำรวจจึงจัดทีมตามล่า 
ยังดีที่วันเกิดเหตุ มีพยานยืนยันว่า คนร้ายมาแปลก ใส่แว่นกันแดด สวมหมวกแก๊ป บุกเดี่ยวปล้นทอง ยิงปืนขึ้นฟ้าประกาศศักดาก่อนหลบหนีไป คดีนี้ตำรวจนำภาพกล้องวงจรปิดมาตรวจสอบ วิเคราะห์อยู่หลายมุม กระทั่งพบสิ่งผิดสังเกตอย่างหนึ่ง คือ คนร้ายโกนผมอย่างน่าฉงน และที่สำคัญยังโกนคิ้วอีกด้วย ลักษณะคล้ายพระสงฆ์ เมื่อมั่นใจว่าโจรรายนี้เป็นพระแน่ๆ เจ้าหน้าที่จึงนำรูปพรรณสัณฐาน ออกตระเวนตามวัดเพื่อหาเบาะแส มาได้พยานที่วัดมะเกลือ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจุดเกิดเหตุ ที่ยืนยันคนในรูป คือ พระชาญณรงค์ พระลูกวัดแห่งนี้นี่เอง ตำรวจจึงขออนุมัติออกหมายจับกุมตัวเอาไว้ได้ ในเวลาต่อมาสอบสวนนายชาญณรงค์ยังให้การภาคเสธ แต่ตำรวจมั่นใจว่ามีหลักฐานเอาผิดได้แน่นอน เพราะยึดของกลางได้หลายรายการ อีกทั้งมีหลักฐานเด็ดเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพเอาไว้

ขจัดมารผ้าเหลืองลงไปอีกราย !?!

“ฆาตกร-ฆาตกาม” ไอ้หนุ่ยฆ่าข่มขืน ด.ญ.

ข่าวสลดส่งท้ายปี หนีไม่พ้นคดี "ไอ้หนุ่ย" ฆาตกร-ฆาตกาม ฆ่าข่มขืนน้องการ์ตูน ด.ญ.วัย 6 ขวบ ทิ้งศพหมกพงหญ้ารกร้างข้างสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส แบริ่ง ย่านบางนา เมื่อต้นเดือนธันวาคม 56 หลังก่อเหตุ ไอ้หนุ่ย หนีไปจนมุมตำรวจ สภ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย จนมุมเพราะไหวพริบปฏิภาณของหนุ่มออร์กาไนซ์ จัดคอนเสิร์ตวงดนตรีลูกทุ่งไหมไทย หัวใจศิลป์ ที่ไอ้หนุ่ยทำงานเป็นเด็กยกของอยู่ สังเกตเห็นเสื้อที่มันใส่ในวันล่อลวงน้องการ์ตูนไปฆ่าข่มขืน จำได้ว่าเป็นเสื้อของทีมงานวงดนตรีลูกทุ่งไหมไทย จึงสะกิดตำรวจท่าบ่อ ตามรวบตัวเอาไว้ได้ ลำพังรูปคดีที่ไอ้หนุ่ยลงมือกับน้องการ์ตูน ก็โหดเหี้ยมผิดมนุษย์มนาอยู่แล้ว ยิ่งได้ยินคำพูดจากปากหมอนี่ ที่บอกว่าก่อนหน้านี้ เคยก่อเหตุกับเหยื่อมาแล้วนับ 10 ราย ฆ่าตายมาแล้ว 4 ศพ โดยน้องการ์ตูนเป็นศพสุดท้าย ยิ่งทำให้สลดหดหู่เกินบรรยาย ไอ้หนุ่ยจึงได้ชื่อว่าเป็น "บุคคลอันตรายในสังคม" ยังดีที่ถูกตำรวจจับกุมตัวเอาไว้ได้

ตำรวจไล่เรียงคดีอื่นๆ ที่มันทำไว้ พบว่าก่อคดีแรกเมื่อปี 51 ลวง ด.ญ.7 ขวบ ไปทำอนาจาร ผู้ปกครองพาตำรวจมาจับเข้าคุก พอพ้นโทษออกมาก็ก่อคดีอีกนับไม่ถ้วน วันที่ 5 ก.พ. 56 ลวง ด.ญ.เอ นามสมมติ ไปข่มขืนในป่าใกล้งานกาชาด ดอกฝ้าย อ.เมืองเลย คดีต่อไป เหตุเกิดที่ อ.วัดสะพุง จ.เลย ลวงเด็กชายทำอนาจารแล้วปล่อยตัวไป และก่อคดีที่ อ.เมืองเลยอีก กระทำอนาจาร ด.ญ. ซึ่งเป็นลูกหลานคนงานก่อสร้าง จนอยู่ไม่ได้ต้องลาออกจากงานหลบหนี วันที่ 4 ธ.ค. ลวง ด.ญ.ออกจากงานวัดสีกัน ดอนเมือง ไปทำอนาจาร แล้วอ้างว่าลงมือฆ่าเด็ก วันที่ 5 ธ.ค. 56 เหตุเกิดที่ตลาดสุขสวัสดิ์ สามแยกบางบอน พา ด.ญ.ออกจากงานแล้วพาเข้าป่าไปลงมือทำอนาจาร วันที่ 9 ธ.ค. 56 ลวง ด.ญ.ไปทำอนาจารในป่าขณะมีงานที่บ้านโคกอุดม อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี บีบคออย่างแรงจนเด็กแน่นิ่งไป วันที่ 8 ธ.ค. 56 ที่มินิคอนเสิร์ต อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ลวงด.ญ.ทำอนาจารอีก จนเด็กสลบไป พอฟื้นจึงพามาส่งในงานก่อนหลบหนีไป

เป็นส่วนหนึ่งของคดีที่ทำไว้ !?!

'จบ-ไม่จบ'-คดีฆ่าเอกยุทธ อัญชันบุตร

ดูเหมือนจะจบ แต่หลายคนมองว่ายังไม่จบกับคดีสังหารนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดัง อดีตเจ้าพ่อแชร์ชาร์เตอร์ เข้าไปเกี่ยวพันกับการเมืองจนถูกฆาตกรรม ถูกนายสันติภาพ หรือบอล เพ็งด้วง คนขับรถนายเอกยุทธ วางแผนฆาตกรรมเพื่อเงินสด 5 ล้านบาท ร่วมมือกับผู้ก่อเหตุ 5 คน คือ นายสุทธิพงศ์ หรือเบิ้ม พิมพ์พิสาร ร่วมลงมือฆ่า นายทิวากร หรือทิว เกื้อทอง นายชวลิต หรือเชา วุ่นชุม คนฝังศพนายเอกยุทธ และพ่อแม่นายสันติภาพ ที่รับฝากเงินหลายล้านบาท

ที่ว่ายังไม่จบเพราะนายเอกยุทธ ดันไปเป็นคู่กรณีของรัฐบาล จึงมีคนบางกลุ่มพยายามขยายผล เพื่อให้เป็นคดีที่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ทั้งคนในพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มพันธมิตรฯ ไปจนถึงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม โยงเบื้องหลังการตายไปที่ "เสธ." คนหนึ่ง ว่าอยู่เบื้องหลัง ทั้งที่พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนไปแล้วว่าเป็นการฆ่าชิงทรัพย์ ได้ตัวคนร้ายยกแก๊ง พร้อมของกลางเสร็จสรรพ พนักงานสอบสวนจึงเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีหลักฐานเพิ่มเติมหรือมีเบาะแสใหม่ สามารถแจ้งได้ตลอดเวลา เพื่อตรวจสอบให้หายข้องใจ

ขณะที่ทางญาตินายเอกยุทธ ไม่ได้ติดใจอะไร ถึงแม้จะมีคนบางกลุ่มอ้างว่าญาติยืนยันจะให้ผ่าศพพิสูจน์อีกรอบ แต่สุดท้ายนายก้องการุณ ศรีประสาน อายุ 33 ปี ลูกชายนายเอกยุทธ ก็ตัดสินใจเผาศพพ่อ ในวันที่ 29 มิถุนายน 2556 ซึ่งเป็นวันเกิดของนายเอกยุทธ

นายก้องการุณยืนยันในวันเผาศพพ่อว่า เรื่องคดีญาติๆ ไม่ติดใจแล้ว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ญาติขอยุติทุกอย่าง เพราะต้องมีชีวิตที่ก้าวต่อไป

"ผมขออโหสิกรรมในทุกสิ่งทุกอย่างที่บิดาได้ทำเอาไว้ ณ ที่นี้"

ต้มยำไก่มรณะ-ทำเพื่อนฆ่าเพื่อน

จากเรื่องหนักๆ มาดูเรื่องเบาๆ กันบ้าง ใครจะไปรู้ว่าแค่ “ต้มยำไก่” ถ้วยเดียว ก็ทำให้คนฆ่ากัน เรื่องไม่เป็นเรื่องครั้งนี้ เกิดตอนตี 4 วันที่ 23 พ.ย. วันนั้นนายสิทธิพร หรือ "เมธ" เหมแดง เซียนไก่ชนคนดังใน อ.อู่ทอง เกิดฟิวส์ขาดชักปืนยิง นายสมบัติ ศรีจอมขวัญ เพื่อนในแก๊งชนไก่ชนด้วยกัน ตายสยองคาวงข้าว หลังจากที่ "สิทธิพร" ฝากไก่ชนตัวเก่งให้นายสมบัติ เพื่อนต่างวัยไว้เลี้ยงดู แต่ทว่าเพื่อนเจ้ากรรม ดันเอาไก่ชนมาทำต้มยำซดน้ำกินเสียอย่างนั้น กินไม่กินเปล่า แถมยังชวนเจ้าของไก่ร่วมซดน้ำต้มยำด้วย เลยทำให้เกิดเรื่องบานปลาย หลังเกิดเหตุ ตำรวจ สภ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี รุดไปตรวจสอบทันที

พบนายสมบัติ วัย 46 ปี ถูกยิงด้วยปืนขนาด 9 มม. เข้ากลางแสกหน้าสิ้นใจตาย ตำรวจสอบปากคำพยานได้ความว่า ทั้งคู่เป็นเพื่อนแท้ต่างวัย และเป็นเซียนไก่ด้วยกัน ก่อนเกิดเหตุ "สิทธิพร" แวะมาหาผู้ตายที่บ้าน ห้วงนั้นทั้งคู่ทักทายกันเป็นปกติ โดยที่นายสมบัติกำลังนั่งกินข้าวอยู่พอดี มีเมนูต้มยำไก่ซดน้ำคล่องคอ จึงชักชวนนายสิทธิพรล้อมวงกินข้าวกับต้มยำไก่ "สิทธิพร" จึงเอ่ยปากถามหาไก่ชนตัวเก่ง ดีกรีแชมป์ไก่ชนมาหลายสนามที่ฝากนายสมบัติเลี้ยงไว้ นายสมบัติจึงวางช้อนตอบกลับไป “ก็จับทำต้มยำกินกันนี่ไง” หลังสิ้นเสียงก็ทำให้นายสิทธิพรถึงกับสำลัก อ้าปากค้าง วางช้อนจับปืนยิงใส่เพื่อนจนสิ้นใจตาย

"ไก่ข้าใครอย่าแตะ" ทำให้คนฆ่าคน จนได้ !?!

หนุ่มยาบ้าซวย โยนยาบ้าใส่มือ ตร.

พูดถึง “ความซวย” คงไม่มีใครซวยเกินนายประสิทธิ์ มีศิริ อายุ 21 ปี นักค้ายาบ้าตัวยงใน อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย เมื่อตำรวจสืบทราบว่า ประสิทธิ์ ทั้งเสพทั้งค้ายาบ้าให้กับกลุ่มโจ๋และกลุ่มคนใช้แรงงานมาพักใหญ่ บ่ายวันที่ 12 ธ.ค. 56 จึงนำกำลังเข้าจับกุมไว้ วันนั้นตำรวจไปถึงบ้านพักใน อ.สวรรคโลก พบนายประสิทธิ์ ยืนอยู่หน้าบ้าน จึงแสดงตัวจับกุม แต่ทว่านายประสิทธิ์ไวอย่างกับปรอท พอเห็นตำรวจก็โกยแนบขึ้นบ้านไป รีบรื้อค้นหายาบ้าเพื่อทำลายหลักฐาน

นาทีนั้น ประสิทธ์คิดอะไรไม่ออกนอกจากการโยนยาบ้าลงจากบ้าน เพื่อให้ของกลางพ้นตัว แต่ทว่าช่างแม่นเหลือหลาย ห่อยาบ้า 11 เม็ด ที่โยนลงมา ดันตกใส่มือตำรวจที่ยืนรออยู่ข้างล่างพอดี โดยที่ตำรวจไม่ต้องเหนื่อยแรงค้นหาของกลางที่โยนทิ้งไว้ หลังจนมุม นายประสิทธิ์ก้มหน้าสารภาพ ยอมรับว่ายาบ้าดังกล่าวเป็นของตนจริง ตอนนั้นตกใจที่เห็นตำรวจ เลยโยนยาบ้าทิ้ง แต่ไม่คิดว่าจะโยนแม่น ตกใส่มือตำรวจพอดิบพอดีแบบนี้

สุดท้ายก็โดนจับกุมดำเนินคดี !??

ไทยรัฐออนไลน์  27 ธค 2556