ผู้เขียน หัวข้อ: “ประดิษฐ” ซัด “เทือก” ล้ม รธน.ปฏิวัติประเทศ หยันคนร่วมม็อบน้อยลง จวกหมอชนบททำเพื  (อ่าน 901 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
 “หมอประดิษฐ” ซัด “เทือก” ริตั้งสภาประชาชนเท่ากับล้มล้าง รธน.เป็นการปฏิวัติประเทศ ชี้ทำไม่สำเร็จเท่ากับกบฏ หยันคนร่วมม็อบน้อยลง เพราะยึดสถานที่ราชการ วอนกลับบ้านทั้งกลุ่มโค่นระบอบทักษิณและเสื้อแดง จ่อตรวจสอบข้าราชการเป่านกหวีดผิดวินัยหรือไม่ ขอแพทย์ชนบทร่วมประชุมค่าตอบแทน อย่าเอาแต่ข่มขู่เรียกร้อง ชี้คนมองภาพทำเพื่อเงินไม่ใช่เพื่อประชาชนเหมือนก่อน

“ประดิษฐ” ซัด “เทือก” ล้ม รธน.ปฏิวัติประเทศ หยันคนร่วมม็อบน้อยลง จวกหมอชนบททำเพื่อเงิน
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข (แฟ้มภาพ)

       วันนี้ (28 พ.ย.) นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังกลับจากการประชุมสภา ถึงกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมโค่นระบอบทักษิณบุก สธ.เมื่อวันที่ 27 พ.ย.โดยกรมควบคุมโรค กรมอนามัย และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่หยุดงาน 1 วัน ว่า ม็อบที่เดินทางมาเข้าใจว่ามีเพียงไม่กี่ร้อยคน และอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมงก็กลับ ซึ่ง สธ.ยังสามารถทำงานได้ตามปกติ โดยบ่ายวันนี้ยังมีการประชุมผู้บริหาร สธ.อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตนและรัฐบาลไม่สบายใจคือ การเข้าไปยึดศูนย์ราชการหรือสถานที่ราชการต่างๆ เพราะจะทำให้ประชาชนเดือดร้อน อย่างส่วนของ สธ.มีสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ที่มีหน้าที่เคลียร์เงินและดูแลสิทธิค่ารักษาพยาบาล โดยเฉพาะการเจ็บป่วยฉุกเฉิน ก็จะมีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายเก็บเงิน หรือการยึดกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก็ทำให้คดีต่างๆ ได้รับการช่วยเหลือช้าลง
       
       นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า ตนจะนำข้อเสนอของกลุ่มแพทย์ชนบทคือ ประกาศฉบับ 10.1 เข้าที่ประชุมค่าตอบแทนในวันที่ 29 พ.ย.ด้วย ถือว่าทำตามที่ให้สัญญาแล้ว จึงอยากขอให้แพทย์ชนบทมาร่วมประชุมด้วย การประชุมจึงจะประสบความสำเร็จ ดีกว่าการไปแสดงออกอย่างอื่น เช่น ขึ้นเวทีต่อว่าใส่ร้ายตนในทางที่ผิด หรือเดินขบวนไปบ้านนายกฯ แล้วข่มขู่ว่าถ้าไม่ทำตามที่เรียกร้องจะตั้ง รพ.สนามนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และกำลังก้าวข้ามในสิ่งที่ควรจะทำ กลายเป็นการข่มขู่ เรียกร้องในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ยอมรับว่ารู้สึกไม่สบายใจ ตนอยากให้แพทย์ชนบทกลับมาสู่ฐานเดิม ที่เป็นกลุ่มแพทย์ซึ่งได้รับการยกย่องจากสังคมว่าทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน เพราะขณะนี้ประเทศกำลังอยู่ในภาวะวิกฤต มีการเรียกร้องในสิ่งที่เป็นความถูกต้อง แต่แพทย์ชนบทกลับเรียกร้องเรื่องค่าตอบแทน จึงเกรงว่าจะทำให้เกียรติภูมิของกลุ่มแพทย์ชนบทเสียไป
       
       “ผมขอวิงวอนให้มาประชุมกันเงียบๆ ในกระทรวงดีกว่า ซึ่งมีทางคลี่คลายอยู่แล้ว แต่ถ้ามาแสดงออกแบบนี้ ประชาชนจะฟังแต่ว่าออกมาเรียกร้องในเรื่องอื่น ทำไมคนกลุ่มนี้หมกหมุ่นแต่ในเรื่องที่จะเอาเงินอย่างเดียว เสียชื่อตัวเองเปล่าๆ ผมพยายามจะช่วยถึงที่สุดแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าก้าวข้ามไปข่มขู่ว่าถ้าไม่ได้ตามที่ต้องการจะไปเปิด รพ.สนาม จะกลายเป็นกลุ่มที่มาเรียกร้องเอาเงินทอง ซึ่งไม่ดีและเสียชื่อ” รมว.สาธารณสุข กล่าว
       
       นพ.ประดิษฐ กล่าวด้วยว่า ได้มีการพูดคุยเรื่องการเรียกร้องของแพทย์ชนบทกับนายกฯบ้าง ซึ่งก็เรียนให้นายกฯทราบแล้วว่า เราทำตามขั้นตอน ทำตามทุกอย่างที่เรียกร้อง แต่ก็ยังมีการมาชุมนุม ซึ่งนายกฯก็เข้าใจ เพราะเห็นได้ชัดว่ากลุ่มที่มาเป่านกหวีด ก็มาเรียกร้องเรื่องคัดค้านให้รัฐบาลลาออกด้วย ซึ่งตนเคยบอกตลอดว่าอย่าเอาเรื่องนี้ไปปนกับการเมือง ควรคุยกันเองใน สธ.ดีกว่า อย่าให้เรื่องอื้อฉาวกว่านี้ มิฉะนั้น สธ.จะบอบช้ำ เพราะมีแต่ออกมาทะเลาะกันเรื่องเงิน แต่ไม่เคยมีการทะเลาะว่าจะรับใช้ประชาชนให้ดีที่สุดอย่างไร พอรัฐบาลคิดจะลงเงินให้ประชาชนก็มาตั้งข้อสังเกตจะมีการคอร์รัปชันอะไรหรือไม่ ซึ่งไม่อยากให้ทำเช่นนี้ แต่ควรมาช่วยกันทำงานดีกว่า เพราะคนที่ทำงานจะเสียกำลังใจ
       
       นพ.ประดิษฐ กล่าวต่อว่า การตั้งธงไล่ตน และ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ. ออกจากตำแหน่ง แม้จะแก้ไขเรื่องค่าตอบแทนให้ตามต้องการแล้วก็ตาม ถามว่าทำอย่างนี้ถูกต้องหรือไม่ และการไม่มาประชุมแล้วถือธงว่าถ้าได้ตามต้องการก็ไม่เอาจะให้ตนเสนอฉบับ 10.1 ไปทำไม และเมื่อเชิญก็ไม่มาประชุมก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อ เพราะตั้งธงให้ออกอย่างเดียวด้วยข้อหาไม่ตามใจหรือ ถ้าสมมติเอาประกาศฉบับ 10.3 มาขอเพิ่มเงินอีก 5 เท่า ไม่ทำตามแล้วจะทำอย่างไร ส่วนการขึ้นพูดบนเวทีราชดำเนินนั้นตนยังไม่ได้ฟังทั้งหมด ต้องขอดูก่อนว่าถ้าพูดในเชิงใส่ร้ายให้คนเข้าใจผิดก็คงต้องมีการดำเนินเรื่องตามระเบียบขั้นตอนให้ถูกต้อง
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการเช็กบิลข้าราชการที่ออกมาเป่านกหวีดหรือไม่ นพ.ประดิษฐ กล่าวว่า ไม่อยากให้เรียกว่าเช็กบิล ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลมีการดำเนินการ 2 เรื่องคือ 1.การดำเนินการด้านกฎหมาย ซึ่งมีการออกหมายจับแกนนำไปแล้ว และ 2.กลุ่มข้าราชการต้องดูว่าขัดกับระเบียบวินัยหรือไม่ ซึ่งตนยืนยันตลอดว่าไม่มีการขัดขวางการแสดงออกที่ถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบบังคับของราชการ แต่ที่ผ่านมาก็มีการขอร้องแล้วว่าไม่ควรทำเรื่องใดบ้าง ถ้ายังมีเจตนาที่จะทำอยู่ก็ต้องตักเตือนและลงโทษกันไปตามขั้นตอน ซึ่งต้องพิจารณาจากระเบียบหลายๆ ข้อ ไม่ใช่ว่าเวลากลางวัน 12.00-13.00 น.ซึ่งเป็นเวลาพักจะสามารถทำอะไรก็ได้ ต้องดูด้วยว่าสร้างความเดือดร้อน ความรำคาญเป็นการผิดวินัยหรือไม่ด้วย
       
       อย่างไรก็ตาม ตนย้ำแล้วว่าอย่าใช้สถานที่ราชการมาแสดงออกทางการเมือง ไม่ว่าจะสนับสนุนรัฐบาลหรือต่อต้านก็ตาม อย่างโรงพยาบาลต่างๆ ก็ขออย่าขึ้นป้าย ซึ่งตนสั่งการให้เอาออกแล้ว เพราะบางโรงพยาบาลมีการใช้คำพูดหยาบคาย ก็จะทำให้ตัวโรงพยาบาลเสื่อมค่าตัวเองลงไป รวมถึงอย่าทำอะไรให้ประชาชนเดือดร้อน เช่น ปิดกงสุล คนที่โดนลงโทษคือประชาชนที่จะมาทำพาสปอร์ต
       
       “นายกฯอยากจะทำความเข้าใจว่าให้หยุดชุมนุมแล้วกลับบ้าน เพราะเรื่องทุกอย่างไม่จบลงในกระบวนการแล้ว สิ่งที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และพวกออกมาเรียกร้องให้มีสภาประชาชนคือการล้มรัฐธรรมนูญ อยากให้ผู้ชุมนุมเข้าใจว่าสิ่งที่เรียกร้องเป็นไปไม่ได้เลย เพราะรัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่าจะต้องมาจากการเลือกตั้ง ส.ส.ส่วน ส.ว.มาจากการเลือกตั้งและการสรรหา แต่นี่กำลังเรียกร้องให้ปฏิวัติประเทศอยู่ ถือว่าไม่ถูกต้อง และหากทำไม่สำเร็จก็ถือว่าเป็นกบฏ ใครไปชุมนุมต้องเข้าใจว่านี่คือการทำที่เกินไปแล้ว เราควรมาแสดงออกทางที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐบาลก็แสดงความจริงใจโดยขึ้นสภากันแล้ว” รมว.สาธารณสุข กล่าว
       
       นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า จากการประเมินผู้ชุมนุมเริ่มน้อยลงตามลำดับ เพราะคนกลุ่มหนึ่งอาจเป็นแฟนพันธุ์แท้ แต่บางกลุ่มก็เริ่มถามตนเองว่ามาเพื่ออะไร การไปยึดสถานที่ราชการ ทำความเดือดร้อนให้ประชาชนเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไม่ และทำเพื่อได้อะไร ทำเพื่อยกเลิกรัฐธรรมนูญหรือ ซึ่งนี่คือประเด็นสำคัญสุด เพราะมันตรงข้ามกับที่ต่อว่ารัฐบาลว่าไม่เคารพรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน สิ่งที่มาเรียกร้องตอนนี้ตนว่ามันเลอะเทอะ ที่อยากขอร้องคือให้เลิกชุมนุมและกลับบ้าน เพราะสิ่งที่เรียกร้องมันไกลเกินไป การเรียกร้องให้ล้มล้างรัฐธรรมนูญและทำลายประชาชนเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง รวมถึงกลุ่มคนเสื้อแดงที่มาสนับสนุนรัฐบาลให้ทำตามขั้นตอนตามกฎหมายด้วย ก็ควรกลับไปเช่นกัน แล้วหันมาเฝ้าระวังการทำงานของรัฐบาลและถามจี้การทำงานจนโปร่งใสเหมือน สธ. ซึ่งการที่ตนอยู่รอดมาได้ถึงทุกวันนี้ก็เพราะมั่นใจในตนเองว่าทำถูกต้อง
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมพิจารณาเรื่องค่าตอบแทนซึ่งจากเดิมมีกำหนดในวันที่ 29 พ.ย.ได้มีการเลื่อนการประชุมออกไปเป็นวันที่ 11 ธ.ค. 2556 เวลา 13.30 น.