ผู้เขียน หัวข้อ: 4แพทย์โรคเอดส์คว้ารางวัลเจ้าฟ้ามหิดล56  (อ่าน 808 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
4แพทย์โรคเอดส์คว้ารางวัลเจ้าฟ้ามหิดล56


ข่าวทั่วไป หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- ศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2556 00:00:09 น.
ศิริราช * ประกาศผล 4 นายแพทย์รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลปี 56 สาขาการแพทย์-สาขาการสาธารณสุข ล้วนมีผลงานเด่นเรื่องเอดส์ ทั้งวิจัยพบกลไกการติดเชื้อเอชไอวี ผลักดันให้มีการใช้ยาต้านไวรัสชนิดผสมรักษาผู้ป่วย รณรงค์ต่อต้านโรคเอดส์ และผลักดันให้ผู้ป่วยเข้าถึงยา

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 21 พ.ย. ที่ห้องสมเด็จพระบรมราชชนก ตึกสยามินทร์ ชั้น 2 รพ.ศิริราช มีการแถลงผลการตัดสินผู้ได้รับพระ ราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ครั้งที่ 22 ประจำปี 2556 นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลฯ กล่าวว่า ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล สาขาการแพทย์ ได้แก่ ศ.นพ.เดวิด ดี.  โฮ จากสหรัฐอเมริกา และ นพ.แอนโทนี ฟอซี จากสหรัฐอเมริกา ส่วนสาขาการสาธารณสุข ได้แก่ ศ.นพ.ปีเตอร์ ปิอ็อต จากราชอาณาจักรเบลเยียม และ นพ.จิม ยอง คิม จากสหรัฐอเมริกา ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ แทนพระองค์ พระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2556 ในวันอังคารที่ 28 ม.ค.2557 เวลา 17.30 น. ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง โดยในวันที่ 27 ม.ค.2557 คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ในฐานะผู้ริเริ่มรางวัลอันทรงเกียรติ จะเชิญผู้รับพระราชทานรางวัลมาเยือนและแสดงปาฐกถาเกียรติยศในผลงานที่ได้รับด้วย


 
ด้าน ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณะกรรมการรางวัลนานาชาติ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลฯ กล่าวว่า ผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2556 สาขาการแพทย์ ได้แก่ ศ.นพ.เดวิด ดี. โฮ ผอ.และประธานกรรมการบริหารศูนย์วิจัยโรคเอดส์เอรอนไดอะมอน นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เป็นบุคคลแรกที่ผลักดันให้ใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวีชนิดผสมหลายตัวในการรักษาผู้ได้รับเชื้อเอชไอวี หรือที่เรียกว่าฮาร์ต (HAART :  Highly  Active  Antiretroviral  Therapy) โดยอาศัยผลการศึกษาวิจัยที่พบว่าเชื้อไวรัสเอชไอวีมีการแบ่งตัวอยู่ตลอดเวลาทั้งๆ ที่ไม่มีอาการ ทำให้เข้าใจกลไกการเกิดโรคในผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อ นำไปสู่แนวคิดการให้ยาต้านไวรัสเอชไอวีชนิดผสมหลายตัวตั้งแต่ระยะแรกที่ตรวจพบ เพื่อควบคุมไวรัสไม่ให้แบ่งตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ส่วน นพ.แอนโทนี ฟอซี ผอ.สถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ สถาบันสุขภาพแห่งชาติ รัฐแมริแลนด์ สหรัฐอเมริกา มีผลงานวิจัยที่โดดเด่นในการเข้าใจกลไกการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี โดยแสดงให้เห็นว่าเชื้อไวรัสเอชไอวีมีการแบ่งตัวในต่อมน้ำเหลืองของผู้ได้รับเชื้ออย่างต่อเนื่อง แม้ผู้ได้รับเชื้อไวรัสจะไม่แสดงอาการ แต่พบว่าจำนวนเชื้อไวรัสเอชไอวีในต่อมน้ำเหลืองมีระดับสูง ไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาว (ซีดีโฟร์) ส่งผลให้ผู้ได้รับเชื้อมีภูมิคุ้มกันต่ำ เจ็บป่วยจากการติดเชื้อฉวยโอกาส ซึ่งนำไปสู่แนวคิดในการให้ยาต้านเชื้อไวรัสเอชไอวีชนิดผสมหลายตัวตั้งแต่ระยะแรก เพื่อควบคุมไวรัสไม่ให้แบ่งตัวอย่างมีประสิทธิภาพ ประเมินผลได้จากการตรวจวัดจำนวนเชื้อไวรัสและจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาว แรงผลักดันและแนวคิดของ ศ.นพ.เดวิด ดี. โฮ และ นพ.แอนโทนี ฟอซี เป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายและเป็นมาตรฐานการรักษาผู้ได้รับเชื้อเอชไอวีในปัจจุบัน เปลี่ยนสภาพจากโรครอวันตายมาเป็นโรคเรื้อรัง ช่วยชีวิตผู้ได้รับเชื้อเอชไอวีได้หลายสิบล้านคนทั่วโลก

ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2556 สาขาการสาธารณสุข ได้แก่ ศ.นพ.ปีเตอร์ ปิอ็อต ผอ.วิทยาลัยสุขภาพและเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยลอนดอน สหราชอาณาจักร อดีต ผอ.บริหารโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ ราชอาณาจักรเบลเยียม เริ่มมีบทบาทในการศึกษาระบาดวิทยาของโรคเอดส์ตั้งแต่ปี พ.ศ.2523 เมื่อครั้งช่วยงานในโครงการซีด้า ซึ่งเป็นโครงการวิจัยโรคเอดส์ โครงการแรกในแอฟริกา ต่อมาได้ร่วมงานกับองค์การอนามัยโลก และดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการบริหารโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติคนแรก ระหว่างปี พ.ศ.2537-2551 ได้มีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนไหวรณรงค์ให้ประชาคมโลกตระหนักว่า โรคเอดส์จะแพร่กระจายและเป็นภัยร้ายแรงในอนาคต ผลักดันให้นักการเมือง นักธุรกิจ นักวิทยาศาสตร์ ผู้นำทางศาสนา ยอมรับเป็นประเด็นสำคัญในการพัฒนาประเทศ ให้มีการรณรงค์ต่อต้านโรคเอดส์ รณรงค์การป้องกันและกดดันให้ปรับลดราคายาต้านไวรัส ทำให้มีการเข้าถึงการรักษาผู้ป่วยเชื้อเอชไอวีในประเทศยากจนได้มากขึ้น

ขณะที่ นพ.จิม ยอง คิม อดีต ผอ.แผนกเอชไอวี/เอดส์ องค์การอนามัยโลก สหรัฐอเมริกา ขณะดำรงตำแหน่ง ผอ.แผนกเอชไอวี/เอดส์ องค์การอนามัยโลก ระหว่างปี พ.ศ.2547-2549 เป็นผู้นำในการผลักดันให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาต้านไวรัสเอชไอวีอย่างถ้วนหน้า โดยการผลักดัน "แผนริเริ่ม 3 ใน 5" คือผลักดันให้ผู้ได้รับเชื้อเอชไอวีในกลุ่มประเทศรายได้น้อยและรายได้ปานกลางให้ได้รับยาต้านไวรัสเอชไอวีชนิดผสมหลายตัว 3 ล้านคน ภายในปี ค.ศ.2005 ซึ่งสามารถบรรลุผลได้ในปี ค.ศ.2007 โดยประสานกับโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ รัฐบาล และหน่วยงานต่างๆ ทำการระดมทุน ฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรและเทคนิคในการตรวจรักษา รวมทั้งการปรับลดราคายาและการยอมรับยาที่ผลิตในบางประเทศ เพิ่มขีดความสามารถในการรักษา ป้องกัน และการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวีได้มากยิ่งขึ้น ผลการดำเนินงานของ ศ.นพ.ปีเตอร์ ปิอ็อต ขณะเป็น ผอ.บริหารโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ และ นพ.จิม ยอง คิม ขณะเป็น ผอ.แผนกเอชไอวี/เอดส์ องค์การอนามัยโลก ทำให้การรักษาและการป้องกันโรคเอดส์มีความสำคัญและกระจายแพร่หลายกว้างขวางทั่วโลก ช่วยชีวิตผู้ติดเชื้อเอชไอวีได้หลายล้านคน เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอนามัยของประชากรหลายสิบล้านคนทั่วโลก.