ผู้เขียน หัวข้อ: รณรงค์จัดการสิ่งแวดล้อมตัดตอนยุงลายต้นเหตุไข้เลือดออก  (อ่าน 953 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด

 
รณรงค์จัดการสิ่งแวดล้อมตัดตอนยุงลายต้นเหตุไข้เลือดออก

 
ข่าวทั่วไป หนังสือพิมพ์บ้านเมือง -- อาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2556 00:00:33 น.
กระทรวงสาธารณสุขนำทีมโดย น.พ.ประดิษฐ์ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย น.พ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่จากกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ชุมชนบางบัว ซอยพหลโยธิน 46 เขตบางเขน ร่วมรณรงค์และเชิญชวนประชาชนในพื้นที่จัดการสิ่งแวดล้อมทั้งที่อยู่ในบ้าน รอบบ้าน และในชุมชน ไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ต้นเหตุของโรคไข้เลือดออก เป็นการแก้ปัญหาตรงต้นเหตุและสามารถเอาชนะไข้เลือดออกอย่างได้ผล


 
น.พ.ประดิษฐ์ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกล่าวถึงสถานการณ์โรคไข้เลือดออกของประเทศไทยระหว่างลงพื้นที่ชุมชนบางบัว เขตบางเขน กทม. เพื่อร่วมรณรงค์รวมพลังเอาชนะไข้เลือดออกว่า ล่าสุดพบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา 4,564 ราย ทำให้ขณะนี้มีผู้ป่วยทั่วประเทศ 120,404 ราย เสียชีวิต 108 ราย อัตราป่วยสูงสุดอยู่ที่ภาคอีสาน 39,341 ราย รองลงมาคือภาคเหนือ 36,296 ราย ภาคกลาง 23,751 ราย และภาคใต้ 21,016 ราย ตามลำดับ กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องช่วยกันเร่งรณรงค์กำจัดลูกน้ำยุงลายตามแหล่งชุมชนต่างๆ เพื่อไม่ให้ไข่ยุงมีโอกาสฟักเป็นตัวยุง ให้ชุมชนมีความรู้ความเข้าใจเรื่องโรคไข้เลือดที่ถูกต้อง มีการจัดการขยะที่ดี ไม่ให้มีแหล่งน้ำขัง เพราะจะกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ที่สำคัญ ต้องป้องกันการถูกยุงกัดโดยเฉพาะในเด็กๆ การนอนกลางวันควรให้นอนในมุ้ง มีการฉีดพ่นยาฆ่ายุง และการทายากันยุง ฯลฯ

สำหรับการลงพื้นที่ครั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้มอบถุงของขวัญเอาชนะไข้เลือดออกที่บรรจุทรายทีมีฟอส ยาทากันยุง หนังสือ นวัตกรรม และไฟฉาย นอกจากนี้ ยังได้มอบมุ้ง เจลล้างมือ และเอกสารความรู้เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยุง ซึ่งชุมชนบางบัวมีประชาชนอาศัยอยู่ 113 หลังคาเรือน มีประชากร 640 คน อสม. 4 คน ชุมชนพหลโยธิน 46 มี 112 หลังคาเรือน ประชากร 445 คน อสม. 11 คน โดยข้อมูลล่าสุดพบมีผู้ป่วยไข้เลือดออกในเขตจตุจักร 347 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 214.98 ต่อประชากรแสนคน ผู้ป่วยใน 4 สัปดาห์สุดท้าย 43 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 26.64 ต่อประชากรแสนคน

ทางด้าน น.พ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ประชาชนในแหล่งชุมชนและพื้นที่เสี่ยงควรยึดปฏิบัติการป้องกันโรคไข้เลือดออกโดยการกำจัดยุงลาย จัดการสิ่งแวดล้อมไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายทั้งที่อยู่ในบ้านหรือที่อยู่รอบบ้านไม่ให้มีน้ำขัง เช่น ยางรถยนต์ กระป๋อง ถัง หรือขวดพลาสติกต่างๆ ใช้วิธีขุดหลุมฝัง หรือทำลายทิ้งด้วยวิธีอื่นๆ เป็นการกำจัดลูกน้ำยุงก่อนที่จะกลายเป็นยุงลาย เป็นสิ่งที่แก้ปัญหาตรงต้นเหตุและได้ผลดีกว่า ส่วนการควบคุมยุงตัวเต็มวัยโดยการฉีดพ่นด้วยสารเคมีกำจัดแมลงชนิดถูกตัวตาย ก็เป็นวิธีที่จะช่วยควบคุมการและลดการแพร่กระจายของโรคไข้เลือดออกได้

ส่วนการ "ทายากันยุง" ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยป้องกันโรคไข้เลือดอออกได้เช่นกัน เพราะการทายากันยุงจะออกฤทธิ์ได้ตั้งแต่ 6-8 ชั่วโมง ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้ยุงที่มีเชื้อไข้เลือดออกมากัดเรา และยังช่วยป้องกันไม่ให้ยุงไปกัดคนที่มีเชื้อไข้เลือดออกแล้วไปกัดคนอื่นต่อ ที่สำคัญ ขอแนะนำให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง ป้องกันไม่ให้ลูกๆ ถูกยุงลายกัด ด้วยการครอบมุ้งให้ลูกๆ เวลาให้นอนตอนกลางวัน หรือจุดยากันยุง ทายากันยุงให้ลูกๆ

เนื่องจากไข้เลือดออกระบาดโดยมียุงเป็นตัวแพร่พันธุ์ ดังนั้น เมื่อมีคนในบ้านหรือข้างบ้านเป็นไข้เลือดออก ควรจะบอกคนในบ้านหรือ ข้างบ้านว่า มีคนเป็นไข้เลือดออกด้วย และแจ้งสาธารณสุขให้มาฉีดหมอกควันเพื่อฆ่ายุง รวมถึงดูแลให้สมาชิกในครอบครัวป้องกันการถูกยุงกัด สำรวจภายในบ้าน รอบบ้าน รวมทั้งเพื่อนบ้าน ว่ามีแหล่งแพร่พันธุ์ยุงหรือไม่ หากมีให้รีบจัดการและทำลายแหล่งแพร่พันธุ์นั้น เพื่อป้องกันการเป็นไข้เลือดออก รวมทั้งต้องคอยระวังเฝ้าดูอาการของสมาชิกในบ้านหรือข้างบ้าน ว่าจะป่วยเป็นไข้เลือดออกหรือไม่ เพราะปัจจุบันไม่เฉพาะเด็กๆ เท่านั้นที่ป่วยเป็นไข้เลือดออก ผู้ใหญ่ที่อายุเยอะแล้วก็สามารถป่วยหรือเสียชีวิตจากไข้เลือดออกได้เช่นกัน ทั้งนี้ เราสามารถสังเกตการป่วยด้วยโรคไข้เลือดออกได้จากมีอาการไข้ หากกินยาลดไข้แล้ว ไข้ยังลอยไม่ลด 2-3 วัน คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร หน้าแดง ปวดเมื่อยตามร่างกาย ซึ่งเป็นอาการเบื้องต้นของไข้เลือดออก ไม่ต้องรอให้เกิดจุดเลือดใต้ผิวหนัง ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อเจาะเลือดตรวจและรับการรักษาให้ทันท่วงที



Oowqqiq8

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 2
    • ดูรายละเอียด
แหล่มไปเลยครับผม