ผู้เขียน หัวข้อ: พ่อวอน สธ.-ปวีณาช่วย หลังรพ.สงขลารักษาไข้ลูกสาวจนพิการ ร้องหลายหน่วยงานเป็นปีแต่คดีไม่คืบ  (อ่าน 847 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
เมื่อเวลา 07.30 น.วันที่  16 สิงหาคม   ที่ชมรมนักข่าวจังหวัดนครศรีธรรมราช ถนนราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นายจรัญ พรหมเดช อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76 หมู่ 6 ต.ป่าระกำ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช อดีตผู้รับเหมาก่อสร้าง ได้นำเอกสารหลักฐานเกือบ 100 แผ่น เข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อร้องขอความเป็นธรรมกรณีที่ น.ส.ยมนา พรหมเดช อายุ 30 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต คณะนิเทศสาสตร์ สาขาวิชาการประชาสัมพันธ์ ในปี 2549 จากนั้นได้ไปทำงานรับจ้างอยู่ในท้องที่ อ.เมือง จ.สงขลา และเข้ารับการรักษาอาการไข้หวัดที่ รพ.สงขลา เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2554 จนกลายเป็นคนพิการทางการเคลื่อนไหว โดยสาเหตุมาจากความผิดพลาดของแพทย์ในการฉีดยารักษาเกินขนาดทำให้ น.ส.ยมนา มีอาการแพ้ยาและมีอาการสั่นทั้งตัวไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
 
นายจรัญ กล่าวว่า ทาง รพ.พยายามบ่ายเบี่ยงปัดความรับผิดชอบ ตนจึงได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง สงขลา แต่จนถึงขณะนี้คดีไม่มีความคืบหน้า ทางพนักงานสอบสวนไม่ยอมส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้อง และทาง รพ.สงขลา ได้วิ่งเต้นเพื่อให้พ้นผิดและพ้นความรับผิดชอบ ตนจึงยื่นฟ้องศาลปกครองสงขลา เมื่อเดือนสิงหาคม 2555 ตามคดีดำเลขที 331 /2555 ลงวันที่ 17 ธันวาคม 2555 ซึ่งในช่วงของการไต่สวนและรวบรวมพยานหลักฐานคดีคืบหน้าไปรวดเร็วมาก โดยหลักฐานต่าง ๆ ค่อนข้างชัดเจนว่า เป็นความผิดพลาดของทาง รพ.สงขลา แม้จะมีการจัดทำเวชทะเบียนและหลักฐานของ รพ.สงขลา ขึ้นมาใหม่ ซึ่งเป็นเวชระเบียนและเอกสารเท็จขัดแย้งและไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ตนได้ชี้ให้ศาลปกครองสงขลาเห็นถึงความผิดปกติของเวชระเบียนและเอกสารต่าง ๆ อย่างชัดเจน ทั้งวัน เวลา ลายเซ็นของเจ้าหน้าที่ ลายเซ็นของแพทย์ ที่ขัดแย้งกันเองหลายสิบจุด แม้กระทั้งปากกาที่ใช้เขียนข้อความและลายเซ็นก็เป็นคนละเล่มกันอย่างชัดเจน
 
“ ต่อมาได้มีอัยการศาลปกครองสงขลาท่านหนึ่งเข้ามาช่วยแก้ต่างให้กับทาง รพ.สงขลา แทนที่จะเข้ามาช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับความเสียหายจากการกระทำของหน่วยงานรัฐ แต่ผมก็ต่อสู้คดีด้วยข้อเท็จจริงและสามารถชี้ให้เห็นถึงการนำส่งเอกสารหลักฐานเท็จของ รพ.สงขลาให้กับศาลปกครองอย่างชัดเจน โดยผมและญาติ ๆ มั่นใจว่าศาลจะต้องพิจารณาสั่งคดีให้ตนชนะคดีนี้อย่างแน่นอน แต่มีกระบวนการที่มิชอบวิ่งเต้นสั่งการ ยับยั้งให้คดีดังกล่าวเงียบหายไปเฉย ๆ จนถึงขณะนี้จะครบ 1 ปี ที่ยื่นฟ้องศาลปกครองสงขลาทางศาลปกครองสงขลายังไม่มีการสรุปและตัดสินคดีแต่อย่างใด”
 
นายจรัญ กล่าวอีกว่า ในปัจจุบันครอบครัวของตนได้รับความลำบากอย่างแสนสาหัส โดยเฉพาะ น.ส.ยมนา บุตรสาว อาศัยอยู่กับแฟนหนุ่มที่บ้านใน ต.บ่อยาง อ.เมือง จ.สงขลา นอนนิ่งอยู่กับที่ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย แฟนของ น.ส.ยมนา ที่ทำงานรับจ้างเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยที่มหาวิทยาลัยราชภัฎสงขลา มีเงินเดือนแค่ 9,000 บาท ต้องคอยดูแลปรนนิบัติ น.ส.ยมนา หลังจากป้อนน้ำป้อนข้าวให้ น.ส.ยมนา ในตอนเช้าก็จะล็อคประตูขัง น.ส.ยมนา ขังเอาไว้ ก่อนออกไปทำงานและจะกลับมาปรนนิบัติดูแล น.ส.ยมนา อีกครั้งในช่วงเย็น
 
นายจรัญ กล่าวต่อว่า  ได้ยื่นร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้น ตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า มาตรา 41  ซึ่งทางคณะอนุกรรมการพิจารณาคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจังหวัดสงขลา มีมติไม่อนุมัติเงินช่วยเหลือ เนื่องจากหากอนุมัติเงินช่วยเหลือจะส่งผลต่อคดีอาญาที่ตนแจ้งความร่วมทั้งส่งผลกระทบต่อการพิจารณาของศาลปกครองสงขลา แม้ตนจะยื่นอุทธรณ์คำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแต่เรื่องก็เงียบหาย  จากนั้นก็ขอความช่วยเหลือไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สมัยนายวิทยา บูรณศิริ เป็นรัฐมนตรี  ก็ได้ให้เลขานุการ ฯส่งหนังสือตอบรับกลับ แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า  จึงทำเรื่องร้องเรียนขอความช่วยเหลือไปยังมูลนิธิปวีณา ก่อนที่นางปวีณา หงสกุล จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์    ซึ่งก็แจ้งว่า ได้ส่งเรื่องให้ทางกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการในเรื่องนี้แล้ว แต่เรื่องก็เงียบหาย ล่าสุดจึงได้ร้องเรียนไปยังปลัดกระทรวงสาธารณสุข  และมีการส่งเรื่องให้แพทยสภาสอบสวนดำเนินการ  โดยตนได้รวบรวมเอกสารหลักฐานพร้อมคำร้องชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดส่งกลับไป เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2556 เพื่อให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขส่งต่อให้แพทยสภานำไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป
 
นายจรัญ กล่าวอีกว่า สิ่งที่ตนอยากให้เร่งดำเนินการในขณะนี้คือ อยากให้พนักงานสอบสวนส่งสำนวนในคดีนี้ให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้อง และต้องการให้ศาลปกครองสรุปพิจารณาตัดสินคดีนี้เสียทีเพราะจะครบ 1 ปีแล้ว อย่างน้อยหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวข้องควรจะมีมนุษยธรรมบ้าง ผลแห่งการกระทำที่ผิดพลาดปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน ยังพยายามใช้ทุกวิถีทางที่จะปัดความรับผิดชอบ โดยมีกระบวนการในการวิ่งเต้นปกป้องช่วยเหลือกันเอง ทาง รพ.สงขลา ทั้งแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ไม่มีหลักเมตตาธรรมหลงเหลืออยู่เลย
 
"ผมจะต่อสู้เรียกร้องขอความเป็นธรรมในเรื่องนี้โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน กราบวิงวอนขอร้องปลัดกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งนางปวีณา หงสกุล ซึ่งในขณะนี้ท่านดำรงตำแหน่งรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นของมนุษย์ ได้โปรดยื่นมือเข้ามาเร่งให้การช่วยเหลือ น.ส.ยมนา บุตรสาวของผมด้วยเถิด และหากไม่มีอะไรคืบหน้า จะอุ้มบุตรสาวไปนอนหน้ากระทรวงสาธารณสุขหรือหน้าทำเนียบรัฐบาล เรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับบุตรสาวจนถึงที่สุด"