แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - science

หน้า: 1 ... 11 12 [13]
181
วันนี้ (8 มี.ค. ) ที่ศูนย์ประชุมองค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น) มีการจัดบรรยายวิชาการพระพุทธศาสนา  โดยเชิญนายเซมาร์ยาไล ทาร์ซี ศาสตราจารย์ด้านโบราณคดีตะวันออก มหาวิทยาลัยสตาร์บูรก์ ประเทศฝรั่งเศส ผู้ค้นพบพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่ที่สุดในโลกที่บามิยัน ประเทศอัฟกานิสถาน ก่อนที่จะมีการถูกทำลาย  และนายริชาร์ด ซาโลมอน ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลาจารึกและคัมภีร์โบราณ ภาษาสันสกฤต ปรากฤต และคันธารี มหาวิทยาลัยวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา มาเป็นวิทยากรในการบรรยาย

พระอนิลมาน ธมฺมสากิโย รองคณบดีคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย(มมร.) กล่าวว่า การบรรยายในครั้งนี้มีการพูดถึงธรรมเจดีย์ คัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา อายุกว่า 2,500 ปี ที่มีการค้นพบภายหลังที่มีการทำลายพระพุทธรูปที่บามิยัน ซึ่งทางนายริชาร์ด ยืนยันว่าข้อความในคัมภีร์พระพุทธศาสนานั้นมีรายละเอียดหลักเหมือนในพระไตรปิฎก และเป็นเครื่องยืนยันว่าพระไตรปิฎกทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นภาษาใดล้วนมีเนื้อหาหลักที่เหมือนกันจะต่างกันตรงภาษาเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจัดงานดังกล่าวได้นำพระพุทธโบราณที่มีอายุมากกว่า 2,000 ปี มาจัดแสดงด้วย โดยนายสัณฐิภูมิ์ คันธาระคุปต์ นักสะสมของเก่า เจ้าของพระพุทธรูป กล่าวว่า พระพุทธรูปดังกล่าวเป็นศิลปะแกรนดารา ที่มีอายุมากกว่า 2,000 ปี ซึ่งศิลปะแกรนดาราถือเป็นศิลปะในยุคแรกของโลกที่เริ่มการสร้างพระพุทธรูป โดยศิลปะแนวนี้จะสร้างพระพุทธรูปในลักษณะเหมือนคนจริงๆ ต่างจากการสร้างพระพุทธรูปในปัจจุบันที่จะสร้างในลักษณะคล้ายเทพ  ในประเทศไทยมีเพียง 2 คนเท่านั้น ที่มีพระพุทธรูปลักษณะนี้ โดยพระพุทธรูปองค์นี้ตนได้พบในขณะเดินทางไปยังประเทศศรีลังกา และประเทศอัฟกานิสถาน เมื่อ 20 ปีที่แล้ว โดยระหว่างที่เดินทางไปยังช่วงรอยต่อประเทศอัฟกานิสถานและปากีสถานได้พบพระพุทธรูปนี้โดยบังเอิญเนื่องจากมีชาวมุสลิมนำมาวางขาย ตนจึงติดต่อขอซื้อมา และอัญเชิญมาประดิษฐานในพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวของตนในประเทศไทย   

นายสัณฐิภูมิ์ กล่าวต่อไปว่า จากการศึกษาข้อมูลศิลปะในการสร้างพระพุทธรูป วัสดุที่ใช้ และนำไปเทียบเคียงกับพระพุทธรูปที่มีการค้นพบในบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่ที่มีการค้นพบพระพุทธรูปองค์นี้ ทำให้ยืนยันได้ว่าพระพุทธรูปองค์นี้มีอายุมากกว่า 2,000 ปี แน่นอน ทั้งนี้การที่ตนนำพระพุทธรูปองค์ดังกล่าว มาจัดแสดงภายในงานบรรยายนี้เพราะเห็นว่า เป็นงานสำคัญที่ฉลองพุทธชยันตี 2,600 ปีแห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ตนนำออกมาเปิดเผยต่อสาธารณชน และเนื่องจากในปีนี้เป็นปี พุทธชยันตี หากหน่วยงานไหนต้องการที่จะอัญเชิญพระพุทธรูปองค์ดังกล่าวมาให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันวิสาขบูชาที่จะมาถึงประสานตนได้
 
เดลินิวส์ 8 มีนาคม 2555

182
ผมเห็นด้วยว่าบทความที่ส่งมามีเนื้อหาที่น่าสนใจ และเป็นมุมมองที่คงมีประเด็นที่คนจำนวนหนึ่งเห็นด้วย (ว่า Patients are not consumers)  ในขณะที่คนอีกจำนวนหนึ่ง คงเห็นว่า ก็มีอยู่หลายมุมที่ระบบการดูแลสุขภาพ ควรมีองค์ประกอบของ "Consumer-driven" อยู่ด้วย ไม่ใช่แต่เพียงบอกว่าเป็นเรื่องของวิชาชีพเป็นผู้กำหนด

ส่วนบริบทที่แตกต่างกันระหว่างประเทศของเรา กับสหรัฐอเมริกา นั่นย่อมเป็นอุปสรรคต่อการนำสาระหลายส่วนในบทความดังกล่าวมาอ้างอิงได้โดยตรง

อย่างไรก็ตาม ในมุมของการจะนำแนวคิด "คุ้มครองผู้บริโภค" มาใช้ในเรื่องการดูแลรักษาพยาบาล และบริการทางการแพทย์อื่นๆ มีประเด็นที่ควรพิจารณาให้ครบถ้วน อันมาจากธรรมชาติของเรื่องนี้ตามหลักวิชาการสำคัญอยู่อย่างน้อย 3 ประเด็นครับ

1) การรักษาพยาบาลต่างจากการซื้อขายสินค้าหรือบริการอื่นๆ ในองค์ประกอบสำคัญที่เรียกว่า "Co-production"  ซึ่งเช่นเดียวกับลักษณะความเป็นบริการอื่นๆ ผู้ป่วยเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการผลิตหรืออีกนัยหนึ่งกระบวนการรักษาพยาบาลโดยตรง  แต่ในการรักษาพยาบาลมีความพิเศษประการสำคัญ คือผลสัมฤทธิ์ของการรักษา ขึ้นกับบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ป่วยเป็นอย่างมาก  หรือที่ทางแพทย์เราใช้คำว่า "Compliance" หรือ "Self-care"  ซึ่งจะแตกต่างมากจากสิ่งที่เกิดขึ้นในธุรกิจบริการอื่นๆ   จึงเป็นเรื่องซับซ้อนยิ่งขึ้นที่จะระบุว่าปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดจากฝั่งผู้ให้บริการ หรือฝั่งผู้รับบริการ

2) ตรงกันข้ามกับประเด็นแรก  การรักษาพยาบาลที่ต้องมีการดำเนินการจริงๆ นั้นผู้ป่วยมักไม่ได้เป็นผู้กำหนดหรือสามารถตัดสินใจได้โดยลำพัง ไม่ใช่ทุกอย่างจะดำเนินการตามอำนาจเงินของผู้ซื้อ  แม้อยากได้แต่แพทย์ก็อาจไม่ดำเนินการให้ เพราะขัดต่อหลักวิชาการหรือจริยธรรม    เช่นเดียวกันในอีกมุมหนึ่งที่แพทย์อาจทำอะไรที่เกินจำเป็น หรือไม่ความเหมาะสมให้แก่ผู้ป่วยก็ได้ หากเป็นผู้ที่ขาดจริยธรรม หรือขาดความรู้ความชำนาญในเรื่องดังกล่าว  เพราะผู้ป่วยมีความรู้และ Insight ในความซับซ้อนของโรค น้อยกว่าแพทย์มาก

3) ความซับซ้อนของการรักษาพยาบาลทำให้เมื่อเกิดความเสียหายกับผู้ป่วยขึ้น ความเสียหายดังกล่าวอาจเกิดจากตัวโรคที่เป็นปัญหาของผู้ป่วยเอง  อาจเกิดจากการปฏิบัติของผู้ป่วย  หรือจากการรักษาพยาบาลที่ได้รับก็ได้   หากเกิดจากการรักษาพยาบาล อาจเกิดจากข้อผิดพลาด หรือคลาดเคลื่อนของบุคคลหรือไม่ก็ได้  ยิ่งไปกว่านั้น ความคลาดเคลื่อนของการปฏิบัติของบุคคล อาจไม่ได้เป็นความผิดของเขาก็ได้ ด้วยข้อจำกัดของระบบบริการที่แวดล้อมการทำงานอื่นๆ

ด้วยเหตุข้างต้น การดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวโยงกับ "การคุ้มครองผู้บริโภค" ที่ใช้กันอยู่โดยทั่วๆไปกับสินค้าหรือบริการอื่นๆ จึงไม่น่าจะสามารถใช้กับใช้ในเรื่อง "การคุ้มครองผู้ป่วย" ได้โดยตรง แต่ก็คงไม่ได้หมายความว่า ไม่ต้องมีการคุ้มครอง ครับ   ทางออกที่ดีคงจะมีอยู่แน่นอน

จิรุตม์
Jiruth Sriratanaban, M.D., Ph.D.
Associate Professor
Department of Preventive and Social Medicine
Faculty of Medicine, Chulalongkorn University
Bangkok 10330, THAILAND

183
กลุ่มศิษย์เก่ากลุ่มหนึ่ง ซึ่งประสบความสำเร็จ มีหน้าที่การงานที่ดี ได้ตกลงใจกันว่า จะกลับไปเยี่ยมมหาวิทยาลัยและอาจารย์ ที่ได้เกษียณไปแล้ว
A group of graduates, well established in their careers, were talking at a reunion and decided to go visit their old university professor, now retired.

ระหว่างการกลับไปเยี่ยมมหาวิทยาลัย การพูดคุยในกลุ่มได้เปลี่ยนเป็น การบ่น เรื่องความเครียดในที่ทำงาน และการใช้ชีวิต
During their visit, the conversation turned to complaints about stress in their work and lives.

อาจารย์ได้ต้อนรับกลุ่มลูกศิษย์ด้วยการ ชักชวนให้ดื่มช็อคโกแลตร้อน  เขาเดินหายเข้าไปในครัว แล้วกลับมาพร้อมกับหม้อใส่โถช็อคโกแลตร้อนใบใหญ่และถ้วยแบบต่างๆที่ได้เลือกสรรแล้ว เช่น ถ้วยกระเบื้อง ถ้วยแก้ว ถ้วยแก้วคริสตัล  บางใบดูเรียบง่าย บางใบดูดีมีราคา
แพง บางใบก็สวยงามมาก อาจารย์บอกให้ทุกคน บริการตนเอง
Offering his guests hot chocolate, the professor went into the kitchen and returned with a large pot of hot chocolate and an assortment of cups - porcelain, glass, crystal, some plain looking, some expensive, some exquisite - telling them to help themselves to the hot chocolate.

เมื่อทุกคน มีถ้วยช็อคโกแลตร้อนในมือครบแล้ว ศาสตราจารย์ ก็พูดขึ้นว่า ...
When they all had a cup of hot chocolate in hand, the professor said:

พวกเธอ สังเกตเห็น อะไรไหม ถ้วยที่ดูดีมีราคาแพง ได้ถูกเลือกไปหมด เหลือไว้ก็แต่ ถ้วยธรรมดาราคาถูก
'Notice that all the nice looking, expensive cups were taken, leaving behind the plain and cheap ones.

มันเป็นธรรมดาที่ทุกคน จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ตนเอง โดยหารู้ไม่ว่า ...นั่นคือต้นเหตุของความเครียด และปัญหาของพวกคุณ
While it is normal for you to want only the best for yourselves, that is the source of your problems and stress.

ถ้วยที่พวกคุณถือและดื่ม ไม่ได้ช่วยเพิ่มคุณภาพของช็อคโกแลตร้อนเลย ในหลายๆกรณี มันเพียงแค่ ทำให้ราคาช็อคโกแลตร้อนแพงขึ้น และในบางกรณี มันก็แค่เป็นตัวปิดบังสิ่งที่เราดื่ม 
The cup that you 're drinking from adds nothing to the quality of the hot chocolate. In most cases it is just more expensive and in some cases even hides what we drink.

สิ่งที่คุณต้องการจริงๆ ก็คือ ...ช็อคโกแลตร้อน ไม่ใช้ถ้วย   แต่จิตสำนึกบอกให้คุณ มองหาถ้วยที่ดีที่สุด
What all of you really wanted was hot chocolate, not the cup; but you consciously went for the best cups.

และหลังจากนั้น คุณ ... ก็เริ่มสังเกต และเปรียบเทียบถ้วยของคุณ กับถ้วยของคนอื่นๆ
And then you began eyeing each other's cups.

คุณ ลองคิดดู ...
Now consider this:

ชีวิต ก็เปรียบเหมือนกับ ช็อคโกแลตร้อน โดยที่ งาน เงิน ตำแหน่ง และสถานะทางสังคม ของพวกคุณ คือ ถ้วย
Life is the hot chocolate; your job, money and position in society are the cups.

พวกมันเป็นเพียง ... เครื่องมือ ที่ใช้ประคอง และใช้เพื่อดำเนินชีวิต
They are just tools to hold and contain life.

ถ้วย ที่พวกคุณมีไม่ได้เป็นสิ่งที่บ่งบอก หรือเปลี่ยนคุณภาพชีวิต ของพวกคุณเลย
The cup you have does not define, nor change the quality of life you have.

บางครั้ง ...การมุ่งความสนใจในการเลือกถ้วยเพียงอย่างเดียวทำให้เราพลาดที่จะ ...ดื่มด่ำกับรสชาติของช็อคโกแลตร้อน ที่พระเจ้าประทานให้เรา
Sometimes, by concentrating only on the cup, we fail to enjoy the hot chocolate God has provided us.

พระเจ้า สร้างช็อคโกแลตร้อน ในขณะที่มนุษย์ เลือกถ้วยที่จะใส่
God makes the hot chocolate, man chooses the cups.

คนที่ มีความสุขมากที่สุด ไม่ใช่คนที่ต้อง มีสิ่งที่ดีที่สุด ในทุกๆอย่าง
The happiest people don't have the best of everything.

พวกเขา แค่ ...ทำสิ่งที่เขามีให้ดีที่สุด
They just make the best of everything that they have.

จงอยู่ อย่างเรียบง่าย มีจิตใจ โอบอ้อมอารี เอาใจเขา มาใส่ใจเรา  พูดจา ถนอมน้ำใจผู้อื่น และ ดื่มด่ำ กับช็อคโกแลตร้อนของคุณ อย่างมีความสุข
Live simply. Love generously. Care deeply. Speak kindly. And enjoy your hot chocolate!!

by Cindy
holdemqueen@hotmail.com

184
วาเด็ง ปูเต๊ะ  พระสหายแห่งสายบุรี 

"ผมไม่สามารถขอให้คนไทยทุกคนรักในหลวงอย่างที่ผมรัก  แต่ผมรักในหลวงหมดหัวใจ"

วาเด็ง ปูเต๊ะ  ชายชราชาวมุสลิม  วัย  ๙๕ ปี   ผู้เป็น "พระสหายแห่งสายบุรี"  ที่มีความจงรักภักดีต่อในหลวงไม่เสื่อมคลาย

// ทำความรู้จักกับ  วาเด็ง ปูเต๊ะ ก่อน //

วาเด็ง ปูเต๊ะ  เป็นชาวมุสลิม  อาชีพทำสวนผลไม้ ได้แก่ ทุเรียน ลองกอง จำปาดะ เงาะ และมะพร้าว เป็นต้น และเลี้ยงโค
อยู่บ้านเลขที่ ๖๔   หมู่  ๕  บ้านบาเลาะ  ต. ปะเสยะวอ  อ. สายบุรี  จ. ปัตตานี 
มีภรรยาชื่อ นางสาลาเมาะ ปูเต๊ะ

// พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปตรวจโครงการพัฒนาพรุแฆแฆ //

    เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2535 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินไปตรวจโครงการพัฒนาพรุแฆแฆ อ.สายบุรี จ.นราธิวาส เป็นป่าเสื่อมโทรมขนาดใหญ่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงมีพระราชดำรัสให้ศึกษาหาวิธีระบายน้ำในที่ลุ่มยามน้ำหลาก และเก็บกักไว้ใช้ยามหน้าแล้ง  ชาวบ้านจะได้มีน้ำใช้เพื่อการเพาะปลูก

    เพื่อให้ได้ข้อมูลชัดเจนจึงเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตร ด้วยพระองค์เอง ณ บ้านเจาะใบ ต.แป้น อ.สายบุรี จ.นราธิวาส  และได้ ประทับทอดพระเนตรพรุแฆแฆด้านตะวันตก และทรงมีพระราชดำริกับชาวบ้านเป็นเวลานาน จนกระทั่งได้ข้อมูลใหม่จากชาวบ้านจึงสนพระทัยที่จะเสด็จฯ ไปทอดพระเนตรความเป็นไปได้ในการสร้างฝายกั้นน้ำที่คลองน้ำจืด บ้านทุ่งเค็จ  ต.แป้น  อ. สายบุรี  แต่เป็นเส้นทางทุรกันดารและรถยนต์เข้าไปไม่ถึง  และเป็นเวลาเย็นแล้วด้วย แต่มีพระราชดำรัสสั้น ๆ ว่า"ไปได้"

  รถยนต์พระที่นั่ง ได้วิ่งไปตามถนนลูกรัง ท่ามกลางฝุ่นฟุ้งกระจาย  เมื่อสิ้นสุดเส้นทาง  จึงเสด็จฯ ไปตามทางเท้าเล็ก ๆ 
เมื่อถึงชายคลองน้ำจืด บ้านทุ่งเค็จ นั้น  เป็นเวลาตะวันลับขอบฟ้าพอดี
  พระองค์ท่านทรงมีรับสั่งกับเจ้าหน้าที่ชลประทานว่า
แนวทางที่จะพัฒนาเพื่อนำน้ำจากแม่น้ำสายบุรี ผ่านคลองขุดเข้าไปเพื่อที่จะให้พรุใช้ประโยชน์ในด้านการเกษตรได้ คือการนำน้ำเข้าไปในพื้นที่พรุผ่านทางคลองน้ำจืด บ้านทุ่งเค็จ เพื่อล้างไม่ให้เกิดดินเปรี้ยว จะต้องทำประตูกั้นน้ำเพื่อปิดกั้นและระบายน้ำ

  พระองค์ได้ทรงพิจารณาแผนที่ด้วยแสงไฟฉายเป็นเวลานานและทรงรับสั่งให้ไปตามเจ้าของที่ดินซึ่งอยู่ใกล้  มาเข้าเฝ้า !!
ฉันนะคนดี...อยู่นี่ไง... คอยเป็นกำลังใจกันและกัน ^^@~@♥♥♥

// วาเด็ง ปูเต๊ะ  เข้าเฝ้าในหลวงในชุดกางเกงชาวเล ขาก๊วย มีผ้าขาวม้าคาดพุง ไม่สวมเสื้อ //

    วันนั้น วาเด็ง ปูเต๊ะ กำลังทำสวนอยู่กับภรรยา  บริเวณประตูน้ำบ้านบาเลาะ ต.ปะเสยะวอ เป็นป่าทึบ ก็มีผู้มาบอกว่า ในหลวง ต้องการพบตัว   ก็ตกใจมากว่าเรื่องอะไร เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด จนกระทั่งสื่อสารกันจนเข้าใจแล้วว่า ในหลวงต้องการมาสร้างฝายกั้นน้ำคลองน้ำจืด บ้านทุ่งเค็จ เพื่อช่วยเหลือเรื่องแหล่งน้ำแก่ชาวบ้านในการทำการเกษตร

วาเด็ง ปูเต๊ะ  ถึงกล้าไปพบ แต่ตอนนั้น ยังไม่ค่อยเชื่อว่าพระองค์จะเข้ามาอยู่ในป่าในเขาแบบนี้ จึงคิดว่าผู้ที่มาบอกโกหก ขนาดมาพบพระองค์แล้ว  วาเด็ง ปูเต๊ะ ก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นในหลวงจริงหรือเปล่า จึงมอบหยิบเงินใบละ ๑๐๐ บาท กับใบละ ๒๐ บาทขึ้นมาดู จึงแน่ใจว่าเป็นพระองค์เสด็จฯ มาจริง ๆ

ตอนแรกที่พบในหลวง วาเด็ง ปูเต๊ะก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้ ๆ เพราะตอนนั้นนุ่งกางเกงชาวเล  เสื้อก็ไม่ได้ใส่ด้วยแต่พอเข้าไปใกล้ ๆ ในหลวงก็ตรัสว่า จะสร้างคลองชลประทานให้ หลังจากนั้น ในหลวง ก็ทรงสอบถามเส้นทางการขุดคลองสายทุ่งเค็จว่ามีเขตติดต่อที่ไหนบ้าง จึงได้เล่าให้ในหลวงทรงทราบ  ว่าคลองเส้นนี้ทางเหนือจะติดเขตพื้นที่ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส 

ในหลวงตรัสถามว่าหากออกไปทางทะเลจะมีเกาะกี่เกาะ ก็ตอบพระองค์ไปว่ามี 4 เกาะ  ในหลวงจึงทรงเอาแผนที่ที่นำติดตัวมา
ออกมาดูอีกครั้ง และตรัสชมว่า วาเด็งเป็นคนรู้พื้นที่จริง

   พระองค์ยังตรัสด้วยว่า "ไม่ว่าจะไปช่วยใครที่ไหนก็ต้องถามเจ้าของพื้นที่ก่อน...เพราะชาวบ้านจะรู้จริงกว่าคนอื่น"

วันรุ่งขึ้นข้าราชการที่มารับเสด็จก็ ต้องตกตะลึงไปตาม ๆ กัน เมื่อพระองค์ทรงรับสั่งให้ วาเด็ง ปูเต๊ะ พายเรือให้พระองค์ เพื่อทำการสำรวจคลองสายทุ่งเค็จ  พระองค์มีพระราชดำรัสถาม พร้อมเปิดแผนที่เพื่อให้รู้ว่าจะสร้างแหล่งชลประทานอย่างไร

ตอนพายเรืออยู่ ในหลวงตรัสด้วยว่า "ให้วาเด็งทำตัวให้สบาย  มีอะไรที่ชาวบ้านเดือดร้อนก็ให้เล่ามาตามความจริง"   
วาเด็ง ปูเต๊ะ  จึงได้บอกในหลวง ว่าเมื่อถึงเวลาหน้าฝนน้ำจะท่วม ทำนาไม่ได้ เมื่อถึงหน้าแล้งก็ทำนาไม่ได้ เพราะไม่มีน้ำ ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน พระองค์ก็ตรัสอีกว่า ชาวบ้านทำการเกษตรอะไรบ้าง จึงตอบพระองค์ไปว่า ทุกคนทำการเกษตรตามวิถีชีวิตของคนชนบท คือ ปลูกพืชผักสวนครัว และทำสวนไว้กินกันทุกบ้าน
 
// วาเด็ง ปูเต๊ะ  ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระสหาย //

วาเด็ง ปูเต๊ะ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้เป็นพระสหาย

เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ณ โครงการพัฒนาพรุแฆแฆ  อ.สายบุรี จ.ปัตตานี 
เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๕
    ในหลวงคงจะทรงลองใจ  จึงตรัสถามขอที่ดิน   เพื่อทำโครงการพระราชดำริ ด้วยความปลาบปลื้ม วาเด็ง ปูเต๊ะ จึงขอยกที่ดิน
ถวายให้พระองค์ทันที  ในหลวงจึงทรงแย้มพระสรวล และมีพระราชดำรัสว่าให้ วาเด็ง ปูเต๊ะ  เป็นพระสหาย ตั้งแต่บัดนั้น ในหลวงตรัสเรื่องนี้ว่า "วาเด็ง เป็นคนซื่อตรง จึงขอแต่งตั้งให้วาเด็งเป็นเพื่อนของในหลวง"

// ในหลวงตรัสให้วาเด็ง ปูเต๊ะ หยุดทำงานได้แล้ว //

    ล่าสุด ในหลวง ตรัสว่าให้วาเด็งหยุดทำงานได้แล้ว เพราะแก่แล้ว  อายุมากแล้ว ทรงเป็นห่วงสุขภาพวาเด็ง กลัวว่าทำงานหนักจะไม่สบาย  วาเด็ง ปูเต๊ะ ก็นั่งทบทวนคำตรัสของพระองค์ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มด้วยความภาคภูมิกับคำว่า "พระสหายแห่งสายบุรี" 

    นอกจาก ละหมาดขอพระผู้เป็นเจ้าแล้ว  วาเด็ง ปูเต๊ะ ยังเดินทางมาเยี่ยมพระอาการประชวรของในหลวงถึง รพ.ศิริราชด้วย 

// วาเด็ง ปูเต๊ะ  มาเยี่ยมในหลวง  พร้อมทูลเกล้าถวายจำปาดะ เมื่อวันที่  ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๐ //

เมื่อวันที่  ๓๐ ตุลาคม  ๒๕๕๐ นายวาเด็ง ปูเต๊ะ  ราษฎรจาก อ.สายบุรี จ.ปัตตานี พระสหายในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เคยได้ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทอย่างใกล้ชิดหลายครั้ง  เดินทางมาลงนาม ถวายพระพร พร้อมนำจำปาดะ ๑๑ ผลที่ปลูกในสวนมาทูลเกล้าฯ ถวายด้วย   

    นาย วาเด็งให้สัมภาษณ์เป็นภาษายาวีทั้งน้ำตาว่า หลังทราบข่าวว่าพระองค์ประชวรเป็นห่วงและคิดถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาก ตัวเองก็ป่วยเป็นโรคหอบหืด รักษาตัวที่โรงพยาบาลปัตตานี ๒-๓ สัปดาห์แล้วเมื่ออาการดีขึ้นจึงขอแพทย์เดินทางมาลงนามถวายพระพรด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

//  วาเด็ง ปูเต๊ะ  มาเยี่ยมในหลวง  พร้อมทูลเกล้าถวายทุเรียนก้านยาว  เมื่อวันที่ ๗  ธันวาคม  ๒๕๕๒ //

    เมื่อวันที่ ๗  ธันวาคม ๒๕๕๒  วาเด็ง ปูเต๊ะ  ไดัเดินทางมาลงนามถวายพระพร พร้อมทูลเกล้าถวายทุเรียนก้านยาว จากสวนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยเสด็จฯ ไป มาถวายด้วย
 
    วาเด็ง กล่าวว่า รู้สึกเป็นห่วงพระองค์ท่าน และได้ละหมาดฮายัด  ร่วมกับโต๊ะอิหม่าม และชาว อ.สายบุรี เพื่อถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ให้ทรงหายจากพระอาการประชวรและมีพระพลานามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์โดยเร็ว

//  ถ้าขอได้  อยากขอให้คนไทยทำอะไรเพื่อในหลวง //

  วาเด็ง ปูเต๊ะ  ตอบว่า  "เราไม่สามารถขอให้ทุกคนทำอะไรเพื่อในหลวงได้  แต่อยากให้ทำทุกอย่างเพื่อส่วนรวม อย่าทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว  และผมไม่สามารถขอให้คนไทยทุกคน รักในหลวงอย่างที่ผมรัก  แต่ผมรักในหลวงหมดหัวใจ"

วาเด็ง ปูเต๊ะ  นับว่าเป็น "แบบอย่าง"  ของผู้ที่มีความซื่อสัตย์ เจียมเนื้อเจียมตัว และใช้จ่ายอย่างประหยัด  เสียสละประโยชน์
ส่วนตัวเพื่อประโยชน์ส่วนรวม  ไม่เบียดเบียนธรรมชาติ และใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว  โดยทำตัวเป็นแบบอย่างตามพระราชดำรัสของในหลวงที่รู้จักกิน รู้จักใช้ ตามวิถีชีวิตของชุมชนชนบทกับเศรษฐกิจพอเพียงมาจนถึงทุกวันนี้   

สมควรได้รับการยกย่องและเป็นแบบอย่างของคนดีคนหนึ่งในสังคมไทยทุกวันนี้


หน้า: 1 ... 11 12 [13]