แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - rabb

หน้า: [1] 2 3 ... 11
1
แพทย์ระดมทีมช่วยสุดความสามารถ “ปอ-ทฤษฎี” พระเอกดังช่อง 3 สิ้นลมแล้ว จากอาการป่วยไข้เลือดออกรุนแรง มีเกล็ดเลือดต่ำ ไตวาย คนแวดวงบันเทิง เศร้าเสียใจ แสดงความอาลัย...

จากอาการป่วยไข้เลือดออกขั้นรุนแรง ของปอ-ทฤษฎี สหวงษ์ ดาราพระเอกช่อง 3 ชื่อดัง ซึ่งมีเกล็ดเลือดต่ำ รวมถึงมีอาการไตวาย รักษาตัวอยู่ห้องไอซียูโรงพยาบาลรามาธิบดี โดยอาการตั้งแต่เข้ารับการรักษาที่ รพ.รามาฯ ตั้งแต่วันแรกๆ ค่อนข้างน่าเป็นห่วง มีการปั๊มหัวใจ แพทย์ต้องดูอาการชั่วโมงต่อชั่วโมง

ล่าสุด มีรายงานว่า ปอ-ทฤษฎี ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบแล้ว หลังทีมแพทย์ รักษาอาการป่วยอย่างสุดความสามารถ ท่ามกลางความเสียใจของคนในครอบครัว และคนในแวดวงบันเทิง รวมถึงบรรดาแฟนคลับ ที่ต่างมาให้กำลังใจ

ก่อนหน้านั้น รองศาสตราจารย์นายแพทย์สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ออกมายืนยันอาการ ปอ ทฤษฎี ว่า มีอาการไข้เลือดออก พักรักษาอยู่ที่ห้องไอซียูชั้น 5 อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ อาการยังไม่พ้นขีดอันตราย เดิมรักษาตัวอยู่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่งเป็นเวลา 6 วัน แต่อาการเริ่มทรุด จึงได้ส่งตัวมารักษาที่ รพ.รามาฯ เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 58 เวลา 16.00 น. เนื่องจากคนไข้มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำมาก มีภาวะแทรกซ้อน เลือดออกในอวัยวะต่างๆ หลายส่วน ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งต้องระดมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านเลือด เนื่องจากมีอาการไตวายเฉียบพลัน ตกเลือด

จากนั้นในวันที่ 15 พ.ย. 58 จากประกาศของทางโรงพยาบาลฯ พบว่า มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะบ่อยครั้งและควบคุมได้ยากขึ้น จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยาเพื่อควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ ความดันเลือดต่ำเป็นระยะ จำเป็นต้องใช้ยากระตุ้นความดันขนาดสูง

จากนั้นเกิดภาวะแทรกซ้อนติดเชื้อที่เท้าซ้าย โดย 22 พ.ย. 58 ประกาศฉบับที่ 14 จากโรงพยาบาลระบุว่า จากการติดเชื้อที่เท้าซ้ายแพทย์ต้องตัดขาเหนือข้อเท้าซ้าย เพื่อควบคุมการติดเชื้อ ไม่พบเชื้อไข้เลือดออกแล้ว ยังเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิด

24 ธ.ค. 58 ร.พ.รามาฯ ออกประกาศ ฉ.18 แจงผ่าตัดปอดซ้ายปอเหตุลมรั่วรุนแรงมีผลต่อการแลกเปลี่ยนก๊าซ ทำให้ไม่สามารถให้การรักษาด้วยเครื่องช่วยหายใจอย่างมีประสิทธิภาพได้ หลังผ่า สัญญาณชีพ ม่านตาตอบสนองคงที่ ยังอยู่ขั้นวิกฤติ เฝ้าระวัง CCU ต่อ

เมื่อเวลา 10.30 น. (18 ม.ค.) บรรยากาศ ณ อาคารศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตน์ ยังคงมีสื่อมวลชนเฝ้าติดตามอาการป่วยนายทฤษฎี สหวงษ์ หรือ "ปอ" พระเอกชื่อดังอย่างต่อเนื่อง

เมื่อเวลา 10.45 น. ได้มีทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลได้นำม่านสีขาวมากั้นบริเวณหน้าห้องซีซียู โดยมีเจ้าหน้าที่แจ้งกับผู้สื่อข่าวว่า จะมีการย้ายผู้ป่วยใหม่เข้ามา และบอกผู้สื่อข่าวว่า งดถ่ายรูป

เมื่อเวลา 12.40 น. ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายศรมนตรา พิชัยแผลงศร เกี่ยวกับกรณีที่เจ้าหน้าที่ได้นำม่านมากั้นใช่เคสของนายทฤษฎีไหม นายศรมนตราเผยว่า"ใช่ แต่รายละเอียดยังไม่ทราบ" นายศรมนตรากล่าว
อาน้ำอ้อย นายศรมนตรา


ต่อมาได้มีข่าวลือหนาหูในโซเชียลขึ้นมาระลอกใหญ่ว่านายทฤษฎีเสียชีวิต ทำให้มีสื่อมวลชนและประชาชนทยอยเดินทางมาเฝ้าติดตามอาการความคืบหน้าของนายทฤษฎีอย่างต่อเนื่อง ส่วนบรรยากาศบริเวณหน้าห้องซีซียู ยังคงมีแพทย์และบุคคลอื่นเดินเข้าออกอย่างต่อเนื่อง ส่วนม่านสีขาวยังคงกั้นอยู่ตั้งแต่ช่วงเช้า แต่ทางเจ้าหน้าที่และญาตินายทฤษฎียังไม่มีใครออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับข่าวลือดังกล่าวกับผู้สื่อข่าว มีเพียง ด.ญ.พาขวัญ สหวงษ์ หรือ "น้องมะลิ" ออกมาเล่นกับผู้สื่อข่าว
น้องมะลิ ลูกสาว ปอ ทฤษฎี


กระทั่งเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 59 ประกาศจากโรงพยาบาลรามาฯ แจ้งว่า ภาวะปอดขวาที่ติดเชื้อลุกลามนั้น ทำให้อาการผู้ป่วยทรุดลงมาโดยตลอด จนไม่ตอบสนองต่อการรักษา และถึงแก่กรรมอย่างสงบในวันที่ 18 ม.ค. 59 เวลา 11.50 น.
สำหรับประวัติ ปอ-ทฤษฎี สหวงษ์ เกิดเมื่อวันที่ 23 ม.ค.2521 เป็นนักแสดงชาวไทย จบมัธยมจากโรงเรียนบุรีรัมย์พิทยาคม จบการศึกษาระดับปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม คณะวิทยาการจัดการ สาขาบริหารทรัพยากรมนุษย์ พอจบได้ทำงานที่ธนาคารไทยพาณิชย์ และตัดสินใจลาออกเพื่อรับงานแสดงเต็มตัว ก้าวเข้าสู่วงการด้วยการเป็นนายแบบ จากนั้นก็มีงานเข้ามาเรื่อยๆ ทั้งถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา ที่หลายๆ คนจำได้ ได้แก่ เบียร์ลีโอ, น้ำดื่มยูนิฟไอเฟิร์ม, บัตรเครดิต ฯลฯ

ต่อมา ได้รับรางวัลสุดยอดหนุ่มคลีโอ ปี 2004 ทางบางกอกดราม่าเห็นแววจึงเรียกเข้าไปแคสงาน หลังจากผ่านการแคสติ้งได้เข้าเรียนการแสดงกับช่อง 3 ได้เล่นละครเรื่อง "ลิขสิทธิ์หัวใจ" เป็นเรื่องแรก.


ไทยรัฐออนไลน์ 18 ม.ค. 2559
.................................................
เผยแล้ว!!! ค่ารักษาพยาบาล “ปอ ทฤษฎี” หมอแจงเหตุผล ทำไมค่ารักษาพุ่งสูง!!

อย่างที่ทราบกันอยู่แล้วว่า ปอ ทฤษฎี เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเป็นเวลานานถึง 70 วัน ด้วยโรคไข้เลือดออกและภาวะแทรกซ้อน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีข่าวลือออกมาว่า ค่ารักษาพยาบาลพุ่งสูงถึง 18 ล้านบาท ซึ่งทาง “อาน้ำอ้อย” ผู้จัดการส่วนตัวของหนุ่มปอ ได้ออกมาแจงรายระเอียดว่า.. “เรื่องตัวเลขค่าใช้จ่ายไม่ขอพูดถึง มันไม่ใช่เรื่องของอา ไม่ใช่เรื่องของปอ ไม่ใช่เรื่องของครอบครัว การสูญเสียปอเป็นการสูญเสียที่สำคัญ ใจจะขาดอยู่แล้ว ทำไมเอาเรื่องตัวเลขที่ไม่ได้มีความหมาย ไม่มีความสำคัญอะไรเลยมาพูด แล้วขอบอกเลยข่าวทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จนถึง ณ ตอนนี้เป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้น เมื่อวานตอนคนถามอา ถึงถามกลับว่าเอาตัวเลขมาจากไหน นี่ไม่ใช่เรื่องที่นักข่าวหรือใครก็ตามจะถาม เรื่องช่อง 3 จะรับผิดชอบเท่าไหร่ อาไม่รู้ และไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเราคือความรู้สึกต่างหาก จะเอาความรู้สึกมาวัดเป็นตัวเลขมันไม่ใช่ เอาการที่เราสูญเสียปอไปวัดกับตัวเลขว่ากี่ล้าน มันวัดได้หรือ ถูกต้องแล้วหรือ”

                จากการสอบถามไปยังแพทย์ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ได้เผยว่า จริงๆแล้วโรคไข้เลือดออกไม่ได้มีการรักษาที่สูง แต่กรณีของหนุ่มปอจะต้องจ่ายค่ารักษาสูงเพราะภาวะแทรกซ้อนที่ทำให้อวัยวะต่างๆล้มเหลว ซึ่งทางคณะแพทย์จะต้องรักษาตามอาการ ซึ่งคาดว่าแพทย์ได้ระดมยาจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นยาปฏิชีวนะต่างๆ เช่น ยาฆ่าเชื้อที่ดีที่สุด ราคา 224,000 ต่อคอร์ส ใช้ได้ 1-4 วัน และยังมีค่าฟอกไตวันละเป็นหมื่นกว่าบาท ค่าเครื่องพยุงปอดและหัวใจ ค่าผ่าตัดต่างๆ ซึ่งเฉลี่ยในการผ่าตัดแต่ละครั้งไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท อย่างไรก็ตามเฉลี่ยแล้วในการรักษาอาการของปอ มีค่าใช้จ่ายวันละเกือบแสนเลยถึงแสนกว่าเลยทีเดียว

ประเภท : ทันเหตุการณ์
ที่มา : thaisook.com

2
MGR Online - ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดี ม.รังสิต ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์สูงสุดของภูฏาน เหรียญบุตรผู้เป็นที่รักของภูฏานจาก พระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ในฐานะผู้ทำคุณประโยชน์ให้ประเทศ ชี้ นักศึกษาชาวภูฏานที่ได้ทุนเรียนที่ไทยกลับไปสร้างประโยชน์ให้ประเทศมหาศาล โดยเฉพาะด้านการศึกษา - สาธารณสุข
       
       เมื่อวันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม 2558 เฟซบุ๊กเพจ Jetsun Pema ของสมเด็จพระราชินี เจตซุน เพมา วังชุก โพสต์ภาพ และข้อความระบุว่า ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต อดีตประธานรัฐสภา และรัฐมนตรีหลายกระทรวงของไทย ได้รับพระราชทานเหรียญ Druk Thuksey หรือ เหรียญบุตรผู้เป็นที่รักของภูฏาน จากสมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน ซึ่งเปรียบเสมือนเครื่องราชอิสริยาภรณ์สูงสุดของภูฏาน ที่มอบให้ผู้ที่ทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศ
       
       “ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต เป็นมิตรกับภูฏานมาอย่างยาวนาน หลายปีที่ผ่านมา เขาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญยิ่งต่อชีวิตของชาวภูฏาน โดยเฉพาะในสาขาการศึกษาและสาธารณสุข นับถึงปัจจุบันมีนักศึกษาชาวภูฏานรวม 84 คน ที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยรังสิต และอีก 48 คน กำลังศึกษาอยู่ด้วยทุนการศึกษาจากมหาวิทยาลัยรังสิต จากไมตรีจิตของ ดร.อาทิตย์” เพจ Jetsun Pema ระบุ


โดย MGR Online       20 ธันวาคม 2558

3
“น้องแนท” อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2015 ตัวแทนประเทศไทยไปประกวด มิสยูนิเวิร์ส 2015 ที่สหรัฐฯ จนผ่านเข้ารอบ 10 คนสุดท้าย และสามารถคว้ารางวัลชุดแต่งกายประจำชาติ มาให้คนไทยได้ชื่นชม เดินทางกลับถึงไทยแล้ว ท่ามกลางการต้อนรับจากประชาชน และสื่อมวลชนจำนวนมาก รวมถึงนายหิรัญกฤษฏิ์ ภัทรบริบูรณ์กุล ผู้ออกแบบชุดประจำชาติ ตุ๊ก ตุ๊ก ไทยแลนด์ ที่มารอต้อนรับที่สนามบินสุวรรณภูมิเช่นกัน
       
       วันนี้ (27 ธ.ค.) บรรยากาศการต้อนรับ น้องแนท อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2015 ตัวแทนประเทศไทยไปประกวด มิสยูนิเวิร์ส 2015 ที่เพิ่งเดินทางกลับจากประเทศสหรัฐอเมริกามาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนมารอต้อนรับเป็นจำนวนมาก
       
       ด้าน น้องแนท อนิพรณ์ ได้กล่าวขอบคุณคนไทยที่ร่วมเชียร์จนสามารถผ่านเข้าถึงรอบ 10 คนสุดท้าย และคว้ารางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยมมาได้สำเร็จ เผยไม่กดดันและมีความสุขระหว่างการประกวด ยอมรับตกใจเรื่องการประกาศผลผิด แต่เหล่าสาวงามเองไม่ได้มีดราม่าอะไรมาก ทั้งนี้ ยังไม่ได้เซ็นสัญญากับบริษัทเอเยนซี่เจ้าของลิขสิทธิ์การประกวดตามที่มีข่าวแต่อย่างใด
       
       ขณะที่ “ส้มโอ หิรัญกฤต” ผู้ออกแบบชุด “ตุ๊กตุ๊กไทยแลนด์” ได้กล่าวขอบคุณ น้องแนท อนิพรณ์ ที่นำเสนอชุดออกมาได้ดีเยี่ยม
       
       ก่อนที่ น้องแนท อนิพรณ์ จะขึ้นขบวนรถตุ๊กตุ๊กของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แห่รอบอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ ท่ามกลางความสนใจของสื่อมวลชนและประชาชนเป็นจำนวนมาก


โดย MGR Online       27 ธันวาคม 2558

4
“คุณทองแดง” สุนัขหลวง สิ้นลมหายใจอย่างสงบ ป่วยโรคชราที่เกี่ยวข้องกับโรคระบบประสาท โรคระบบกระดูก ข้อ และกล้ามเนื้อ ทั้งอวัยวะภายใน ตับ ไตเสื่อมลงตามอายุที่มากขึ้น
       
       วันนี้ (28 ธ.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีที่เมื่อวานนี้ (27 ธ.ค.) พล.ต.ม.จ.จุลเจิม ยุคล หรือพระนามลำลองว่า “ท่านใหม่” ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กส่วนตัว “Chulcherm Yugala” เปิดเผยว่า “คุณทองแดง สุนัขทรงเลี้ยง ได้เสียชีวิตแล้ว สิริอายุรวม 17 ปี 1 เดือน 19 วัน” ล่าสุด คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เผยแพร่ รายงานการเสียชีวิต สุนัขหลวง คุณทองแดง ระบุว่า
       
       ตามที่คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมดูแลรักษาสุนัขหลวงคุณทองแดง ณ วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ติดต่อกันมาอย่างต่อเนือง และจนปัจจุบันคุณทองแดง อายุ 17 ปี 1 เดือน 19 วัน (เกิดวันที่ 7 พฤศจิกายน 2541) ถือเป็นสุนัขที่มีอายุยืนยาว ในช่วงระยะเวลา 2 - 3 ปีที่ผ่านมา คุณทองแดงมีปัญหาโรคชราที่เกี่ยวข้องกับโรคระบบประสาท โรคระบบกระดูก ข้อ และกล้ามเนื้อ ทั้งอวัยวะภายใน เช่น ตับ ไต เสื่อมลงตามอายุที่มากขึ้น ทางคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เฝ้าติดตามให้การรักษาดูแลใกล้ชิดอย่างดีมาตลอด ขณะที่คุณทองแดงนอนหลับพักผ่อน ได้สิ้นลมหายใจอย่างสงบ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2558 เวลา 23.10 น. ณ วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
       
       ลงชื่อ ศาสตราจารย์ น.สพ.ดร.อภินันท์ สุประเสริฐ คณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์


โดย MGR Online       28 ธันวาคม 2558

5
พลิกปูม!อดีตอาจารย์สาวหนีทุน ทิ้งหนี้ให้ผู้ค้ำประกันใช้แทน

แรงไม่หยุด! กับกรณีอดีตอาจารย์สาวหนีทุน ที่เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมขณะนี้ จนชาวเน็ตตามขุดคุ้ยประวัติของทันตแพทย์หญิงระดับด็อกเตอร์ที่ไม่กลับมาทำงานใช้ทุนตามสัญญา จนผู้ค้ำประกันต้องชดใช้เงินแทน

ไล่เรียงเหตุการณ์ เริ่มจากที่ ทพ.เผด็จ พูลวิทยกิจ ทันตแพทย์ที่คลินิกแห่งหนึ่งในจ.สระบุรี เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงกรณีที่ได้ชดใช้เงินค้ำประกันราว 2 ล้านบาท แทนทันตแพทย์หญิงรายหนึ่ง ซึ่งเป็นอดีตอาจารย์คณะทันตแพทย์ ม.มหิดล ซึ่งขอทุนรัฐบาลไปศึกษาต่อปริญญาโทและปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา แล้วไม่กลับมาทำงานใช้ทุนตามสัญญาว่า

“สิ้นสุดสักทีกับกรรมเก่า ผมได้ชดใช้ให้แล้ว รวมยอดกับที่ต้องชำระให้อีกร่วมล้าน กับการค้ำประกัน นางสาวxxx อดีตอาจารย์ภาควิชาทันตกรรมสำหรับเด็ก คณะทันตแพทย์ ม.มหิดล ผู้ซึ่งรับทุนศึกษาต่อที่อเมริกา โดยมีผมซึ่งเข้ามาเรียนที่มหิดลในฐานะคนรู้จัก แต่ด้วยความที่เห็นแก่คณะและวิชาชีพจึงยอมค้ำประกันร่วมกับ อาจารย์และเพื่อนร่วมงานและเพื่อนอีกคนของ นางสาวxxx หวังว่าเค้าจะกลับมาทำประโยชน์แก่ส่วนรวม

 แต่สิ่งที่ผมและทุกคนได้รับคือบอกว่าไม่มีเงิน ทั้งๆที่เค้าทำงานเป็นนักวิจัยที่ ม.xxx รับเงินเดือนสูง อยู่อพาร์ทเม้นท์หรูหราในอเมริกา

เค้าทำได้แม้อาจารย์ผู้สั่งสอนและสนับสนุนให้เค้าได้เรียน ผู้ร่วมงาน เพื่อน อย่างไม่ละอายแก่ใจ พ่อของเค้าและญาติพี่น้องก็ไม่สนใจ เค้าเคยโทรหาผมแค่ครั้งเดียวว่าจะไม่ทำให้ผมเดือดร้อน ผมยังต้องส่งเสียลูกอีก4คน แต่ผมต้องนำเงินมาชำระแทนเค้า เลยขอให้เรื่องนี้เตือนสติแก่ผู้ที่จะค้ำประกันใคร การศึกษาและชาติตระกูลไม่ได้ช่วยอะไร

  เค้าวางแผนล่วงหน้าแล้วให้พ่อเค้ารับผิดชอบน้อยที่สุดและมาชดใช้ให้หมดแต่ไม่ยอมชดใช้ให้คนอื่น ช่วยแชร์กันนะครับ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ และผู้ที่จะทำธุรกรรมกับคนในครอบครัวนี้หรือบุคคลอื่น แม้ท่านจะปรารถนาดีก็ตาม”



ไม่นานนักข้อความของทพ.เผด็จก็ถูกแชร์ออกไปอย่างรวดเร็วในโลกโซเชียล

เรื่องดังกล่าวนี้เกิดขึ้นตั้งแต่พ.ศ. 2536 โดยทางมหาวิทยาลัยมหิดลได้เสนอชื่ออาจารย์หญิงคนดังกล่าวขอทุนจากรัฐบาล แต่เนื่อจากอาจารย์หญิงคนนี้เพิ่งเรียนจบและทำงานได้เพียง 1 ปี จึงต้องมีผู้คำประกันให้ โดยปรากฏชื่อผู้ค้ำประกัน 4 ราย

อาจารย์หญิงรายนี้ใช้เวลาเรียนปริญญาโทและปริญญาเอกที่สหรัฐอเมริกา เป็นเวลา 10 ปี โดยใช้ทุนประมาณ 10 ล้านบาท

ทั้งนี้ ทุนการศึกษาของรัฐบาลนั้นจะมีเงื่อนไขในสัญญาที่แตกต่างกันไป แต่โดยปกติจะมีการชดใช้ 2 รูปแบบ คือ เวลากับเงิน การชดใช้ด้วยเวลา คือต้องกลับมาทำงานชดใช้เป็นเวลา 1 หรือ 2 เท่า จากที่ใช้เวลาเรียนไป และหากไม่กลับมาทำงานก็ต้องชดใช้เป็นเงิน ในกรณีนี้มีเงื่อนไขว่ากรณีไม่ทำงานใช้ทุนจะต้องจ่ายเงินคืน 3 เท่าจากทุนที่ได้รับ

ต่อมาพ.ศ.2547 อาจารย์หญิงแจ้งกลับมาทางมหาวิทยาลัยต้นสังกัดว่า ปฏิเสธการกลับมาทำงานและใช้ทุนคืน ซึ่งจำนวนเงินที่จะต้องชดใช้เงินคืน เป็นจำนวน 3 เท่าของ 10 ล้านบาท นั่นหมายถึง 30 ล้านบาท ทางมหาวิทยาลัยจึงติดต่อไปยังผู้ค้ำประกันทั้ง 4 รายเพื่อชดใช้เงินแทน คือ ทพ.เผด็จ-อาจารย์ของทันตแพทย์หญิง-เพื่อนร่วมงานของทันตแพทย์หญิง-เพื่อนของทันตแพทย์หญิง

ภายหลังผู้ค้ำประกันได้มาเจรจาต่อศาลเพื่อขอลดหย่อนชดใช้ตามจำนวนทุนที่ได้รับ 10 ล้านบาท และทยอยชดใช้เงินจนหมด ก่อนที่ทพ.เผด็จจะโพสต์เฟซบุ๊กเผยแพร่เรื่องราวจนเป็นที่รับรู้ในวงกว้าง

ทพ.เผด็จ ได้เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กอีกว่า “ขณะนี้ได้ตั้งทนาย พร้อมส่งจดหมายแจ้งเรื่องดังกล่าวไปถึงอาจารย์ที่เป็นคู่กรณีและมหาวิทยาลัยxxx ปรากฏว่าอาจารย์คนดังกล่าวได้ตั้งทนายสู้คดี ทั้งยังข่มขู่ทนายของตนด้วย ส่วนทางด้านมหาวิทยาลัยxxxมีจดหมายตอบกลับมาว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนตัว จึงไม่สามารถเข้ามาช่วยจัดการได้”
และให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมภายหลังว่า

“อาจารย์หญิงคนดังกล่าวแจ้งความจำนงว่าจะไม่กลับมา และขอลาออกจากการเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยมหิดล โดยปัจจุบันเธอเป็นหมอฟัน และเป็นนักวิจัยของมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของประเทศอเมริกา และเท่าที่ทราบมาพบว่า อาจารย์หญิงคนนี้มีชีวิตที่ดีอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่หรูหรา ซึ่งผู้ค้ำประกันทุกคนต่างเดือดร้อนถึงขนาดต้องนำบ้านไปจำนองและยื่นกู้เพื่อนำเงินมาใช้ในส่วนนี้ ขณะที่ตนก็ทำเรื่องยื่นกู้เช่นกัน โดยจ่ายเงินจำนวน 2 ล้านบาทไปให้ทางมหาวิทยาลัยมหิดลแล้ว”

หลังจากที่ทพ.เผด็จติดต่อไปยังมหาวิทยาลัยที่ทันตแพทย์หญิงทำงานอยู่ปรากฎว่า ทางมหาวิทยาลัยตอบกลับมาว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ทางมหาวิทยาลัยไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้

กรณีนี้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงในโลกออนไลน์ โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กบางรายไปตามขุดประวัติ ที่อยู่ สถานที่ทำงาน ภาพบ้านหรูในสหรัฐอเมริกาของทันตแพทย์หญิงคนดังกล่าว
0054
ผู้ใช้เฟซบุ๊กตามไปคอมเม้นท์ต่อว่าในแฟนเพจหน้าหนึ่งซึ่งปรากฏชื่อและภาพของอดีตอาจารย์สาว

ภายหลังจากมีกระแสกดดัน ทันตแพทย์หญิงได้ติดต่อกลับมา โดยทพ.เผด็จ เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊กไว้ว่า

“ขอบคุณทุกท่านครับ กระแสSocial ทำให้นางตอบมาแล้วครับ บอกยืนยันคำเดิม จนจัง ให้จ่ายไปก่อนนะ จริงๆก็จ่ายไปแล้ว และนางไม่มีสำนึกที่จะขอโทษที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนเลย คงยากที่sheจะคิดได้ ขนาดSocialแรงแล้วนะ”

มติชนออนไลน์ วันที่: 31 ม.ค. 59

...

ฟ้องล้มละลาย “ดลฤดี” แล้ว เผยเป็นคนเดียวที่หนีทุน จี้สอบ “มหิดล” เพิกเฉย

สกอ. เผยอัยการสูงสุดยื่นฟ้อง “ดลฤดี” ต่อศาลล้มละลายแล้วเมื่อ 21 ธ.ค. 58 ไร้ปัญหาคดีหมดอายุความ เผยเป็นคนเดียวของโครงการที่หนีทุนจากทั้งหมด 5 พันคน เรียกร้องสภาทนายความตรวจสอบฝ่ายกฎหมาย “มหิดล” ชี้น่าจะฟ้องร้องตั้งแต่ 10 ปีที่แล้วแต่กลับนิ่งเฉย
       
       วันนี้ (3 ก.พ.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) น.ส.อาภรณ์ แก่นวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) พร้อมด้วย นายสุทน เฉื่อยพุก ผู้อำนวยการสำนักนิติการ สกอ. แถลงถึงกรณี ทันตแพทย์หญิง ดลฤดี จำลองราษฎร์ ว่า ทาง สกอ. ได้ส่งเรื่องฟ้องล้มละลายต่อสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย. 2558 ซึ่งอัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายไปแล้ว เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2558 จึงไม่มีปัญหาเรื่องคดีที่จะหมดอายุความในวันที่ 15 มี.ค. 2559
       
       เลขาธิการ กกอ. กล่าวว่า ทุนที่ ทพญ.ดลฤดี ได้รับนั้น ระหว่างปี 2535 - 2548 เป็นการให้ทุนศึกษาต่อใน 16 สาขาที่ขาดแคลน มีผู้รับทุนประมาณ 5,000 คน มีคนผิดสัญญา 23 คน อย่างไรก็ตาม ในผู้ผิดสัญญาส่วนใหญ่จะกลับมาทำงานใช้ทุน บางรายก็ทำงานและใช้เงินคืนด้วย มีเพียง น.ส.ดลฤดี รายเดียวที่ไม่ชดใช้ และไม่ยอมกลับมาทำงาน
       
       ด้าน นายสุทน กล่าวว่า หลังจากศาลปกครองกลางพิพากษาให้ ท.พญ.ดลฤดี ต้องชดใช้เงินให้แก่ สกอ. ซึ่งขั้นแรกได้ทำหนังสือแจ้งให้มาชำระหนี้แล้ว แต่ก็ไม่มีการมาชำระ ทาง สกอ. จึงมอบให้มหาวิทยาลัยมหิดลสืบว่ามีทรัพย์สินอะไรอยู่บ้าง แต่ปรากฏว่าไม่มีชื่อ ทพญ.ดลฤดี ถือครองทรัพย์สินใดๆในประเทศไทยเลย จึงไม่สามารถทำการยึดทรัพย์ได้ กระบวนการสุดท้ายจึงต้องฟ้องให้เป็นบุคคลล้มละลาย ส่วนเงินที่ ทพญ.ดลฤดี จะต้องชดใช้คืน มากกว่า 30 ล้านบาทเพราะต้องคิดดอกเบี้ยร้อยละ 7 ด้วยนับตั้งแต่ปี 2549
       
       นายสุทน กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ตนจึงปรึกษากับทีมทนายความ เพื่อดำเนินการฟ้องร้อง ทพญ.ดลฤดี และอยากเรียกร้องให้สภาทนายความ เข้าไปตรวจสอบการทำงานของฝ่ายกฎหมายมหาวิทยาลัยมหิดล เพราะน่าจะฟ้องร้องได้ตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่ทำไมไม่ทำอะไร


โดย MGR Online       3 กุมภาพันธ์ 2559
...
กรรมตามทัน ! "หมอฟันหนีทุน" โดน "ฮาร์วาร์ด" สอบสวนแล้ว ส่อถูกปลด

"ทพ.เผด็จ" โพสต์เฟซบุ๊กเผย "ดลฤดี" ถูก "Ombud" หน่วยงานตรวจสอบภายในของฮาร์วาร์ดสอบสวนแล้ว อาจต้องถูกลบชื่อจากการเป็น Leadership ของมหาวิทยาลัยชื่อดัง
       
       วันนี้ (4 ก.พ.) เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. ทพ.เผด็จ พูลวิทยกิจ 1ใน 4 ผู้ค้ำประกันให้ ทพญ.ดลฤดี จำลองราษฎร์ ที่ต้องใช้หนี้แทน โพสต์เฟซบุ๊กเฟซบุ๊ก "เผด็จ พูลวิทยกิจ" ว่า "งานเข้าเธอแล้วครับ แหล่งข่าวของผมจากสหรัฐอเมริกาแจ้งว่า ตอนนี้มีผลกระทบต่อหน่วยงานที่เธอทำงานอยู่ในฮาร์วาดแล้ว คงอาจจะถูกลบชื่อออกจากการเป็น leadership จาก HSDM ชื่อย่อของฮาร์วาดค่ะ !!!"
       
       "มีคนถามเข้าเยอะครับ บอกได้เลยครับว่าเธอถูกขอสอบสวนจาก Ombud ซึ่งเป็นหน่วยงานตรวจสอบภายในของ Harvard Medical School ครับ อันนี้มาจากแหล่งข่าวของผมในสหรัฐอเมริกาครับ" ทพ.เผด็จ ระบุ

โดย MGR Online       4 กุมภาพันธ์ 2559
..............................................................................................

เปิดจดหมาย'ทันตแพทย์หนีทุน'  แจงยิบ!ปัดเลี่ยงคืนเงิน-ขอเวลา

 4 ก.พ.59 จากกรณีที่โลกสังคมออนไลน์ ได้มีการแชร์เรื่องราวการหลบหนีทุนการศึกษาของ น.ส.ดลฤดี จำลองราษฎร์ อดีตอาจารย์ภาควิชาทันตกรรมสำหรับเด็ก คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นผลให้ผู้เซ็นค้ำประกันต้องชดใช้หนี้แทนกว่า 10 ล้านบาทนั้น ล่าสุด น.ส.ดลฤดี ได้ส่งจดหมายถึงสำนักข่าวเนชั่น เพื่อชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า

"ระหว่างสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการพูดคุยและข้อกล่าวหาต่างๆ ทางออนไลน์ เกี่ยวกับสัญญาเรื่องทุนการศึกษา ที่ผู้ร่วมลงชื่อกับดิฉัน และตัวดิฉันที่ได้เซ็นไว้กับมหาวิทยาลัยมหิดล ในปี ค.ศ.1993 โดยมีบางคนที่อาจจะไม่ได้รับรู้ถึงข้อเท็จจริงทุกประการ ในเรื่องที่ซับซ้อนอย่างมาก และไม่เป็นปกติเช่นเรื่องนี้ หรือบางคนที่อาจจะเร่งรีบสรุปเกี่ยวกับตัวดิฉัน ซึ่งเรื่องนี้นับว่าเป็นประเด็นส่วนตัว ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และวิทยาลัยทันตแพทย์ศาสตร์แห่งฮาร์วาร์ด

จุดที่สำคัญที่สุดที่ดิฉันอยากจะเน้นก่อนอื่นในแถลงการณ์นี้ คือว่าดิฉันมีเจตจำนงมาตลอดที่จะชำระคืนทุนการศึกษาที่ดิฉันได้รับมาจากมหาวิทยาลัยมหิดล ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของการทำงานรับใช้ หรือว่าในรูปตัวเงิน ดิฉันได้ร้องขอให้มีความยืดหยุ่นมาโดยตลอด ในเรื่องของช่องทางการชำระคืน

ตัวอย่างเช่น ได้เสนอยื่นแผนการชำระคืนในระยะที่ยาวกว่าเดิม แทนที่จะเป็นการจ่ายเงินก้อนโตภายใน 30 วัน แต่ก็ถูกปฏิเสธ และเนื่องจากความยากลำบากในด้านการเงิน และเรื่องส่วนตัว ที่เกี่ยวกับสถานะทางวีซ่า และการปฏิเสธต่ออายุหนังสือเดินทาง โดยมหาวิทยาลัยมหิดล ดิฉันไม่สามารถทำงานได้เป็นเวลาหลายปี

และด้วยการสนับสนุนจากครอบครัว เพื่อนฝูง คนไข้ และเพื่อนร่วมงานของดิฉัน ดิฉันจึงสามารถได้รับสถานะทางวีซ่าคืน และเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ในที่สุดนับแต่นั้นมา ดิฉันได้แสดงถึงความต้องการที่จะแสดงความรับผิดชอบในเรื่องการชำระเงินกู้ยืมทุนการศึกษาคืน ทั้งโดยวาจา โดยผ่านอีเมล และโดยทางโทรศัพท์ กับผู้ร่วมลงชื่อกับดิฉันมาโดยตลอด และดิฉันได้ดำเนินการชำระคืนบ้างแล้วบางส่วนในช่วงที่เป็นไปได้

ดังนั้น ข้อกล่าวหาที่ว่าดิฉันได้พยายามหลบหนี และหลีกเลี่ยงภาระการชำระคืน จึงไม่เป็นความจริง เมื่อเร็วๆ นี้ มหาวิทยาลัยมหิดลได้บังคับใช้เส้นตายการชำระหนี้กับผู้ร่วมลงชื่อกับดิฉัน ซึ่งเป็นเส้นตายที่ไม่ได้มีการสื่อสารต่อให้ดิฉันได้รับรู้ จนกระทั่งมหาวิทยาลัยมหิดลได้ลงมือบังคับใช้โดยกระทันหัน โดยดิฉันได้รับเงินจากสินเชื่อส่วนตัวเป็นจำนวน 5 หมื่นดอลลาร์สหรัฐฯ และได้ส่งมอบเงินให้แก่ผู้ร่วมลงชื่อกับดิฉันไปแล้ว เมื่อเดือน เม.ย.2558

และดิฉันยังได้ร้องขอว่า ให้ทางมหาวิทยาลัยมหิดล ได้ขยายเส้นตายการชำระเงินส่วนที่เหลือออกไปอีก เพื่อที่ดิฉันจะได้มีเวลาพอที่จะหาเงินมาเพิ่มเติม เพื่อชำระเงินทุนการศึกษาในส่วนที่เหลือผ่านทางผู้ร่วมลงชื่อกับดิฉัน และโดยที่ปราศจากการผ่อนผันจากมหาวิทยาลัยมหิดล ผู้ร่วมลงชื่อกับดิฉันได้ทำเรื่องขอสินเชื่อส่วนตัวเพื่อชำระหนี้แทนดิฉัน และดิฉันได้ให้สัญญากับพวกเขาว่า เงินทั้งหมดที่เขาได้ชำระให้กับมหาวิทยาลัยตามสัญญาค้ำประกันไปแล้ว จะได้รับชำระคืนทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ย หลังจากที่ดิฉันได้รับเงินสินเชื่อที่จำเป็นเพิ่มเติมมาอีกในอนาคต

ซึ่งขณะนี้ดิฉันก็กำลังดำเนินการที่จะเสาะหาเงินเพิ่มเติมมาอีก และดิฉันได้ขอร้องอีกว่า ขอให้ดิฉันได้มีเวลาเพิ่มที่จะชำระเงินคืนแก่ผู้ร่วมลงชื่อกับดิฉัน

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ดิฉันหวังว่ากรณีนี้ จะมีผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในหลักเกณฑ์การอนุมัติให้ทุนการศึกษา และระบบใข้ทุนคืนในประเทศไทย ซึ่งเป็นระบบที่จะอนุญาตให้มีทางออกเสริมที่มีเหตุผล และเป็นประโยชน์ต่อสำหรับผู้ได้รับทุนที่จะสามารถชำระเงินคืนได้"

แนวหน้า
วันพฤหัสบดี ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

6
 เจ้าของบท "โรส" ในหนังรักสุดอมตะ Titanic พูดถึงฉากดังของหนังที่ตัวละคร "แจ็ค ดอว์สัน" ต้องเสียสละชีวิตตัวเอง ให้ตัวละครของเธอรอดชีวิตไปคนเดียว ว่าจริงๆ แล้วตัวละครของ "ลีโอ" ไม่น่าจะตายแบบนั้นเลย เพราะแผ่นไม้นั่นอยู่ได้สองคนสบายๆ
      
       จิมมี คิมเมล ถามเรื่องนี้กับ เคต วินสเล็ต ในรายการ Jimmy Kimmel Live เมื่อวันจันทร์ที่่ผ่านมาถึงฉากดังแห่งหนัง Titanic ที่แม้แต่วันนี้ก็ยังมีคนพูดถึงกัน ... "ในฉากน้ันคุณปล่อยให้เขาหนาวตายอยู่ในน้ำใช่ไหม? ที่จริงบนแผ่นไม้อันนั้นมีที่อีกตั้งเยอะ?" ซึ่ง วินสเลต ก็แสดงออกทันทีว่าเธอเห็นด้วย "ฉันรู้, ฉันรู้ เห็นด้วยเลย คิดอยู่เหมือนกันว่าจริงๆ บนแผ่นประตูนั่นน่าจะมีพื้นที่พอสำหรับเขาด้วยแท้ๆ"
       
       โดยก่อนหน้านี้ผู้กำกับ เจมส์ คาเมรอน ก็เคยพูดถึงเรื่องนี้เหมือนกัน และบอกเป็นนัยว่ามันเป็นเรื่องของบทดราม่าของหนัง ซึ่ง คาเมรอน ก็ยังพูดติดตลกด้วยว่าแบบนี้ก็คงต้องถาม เชคสเปียร์ เหมือนกัน ว่าทำไมถึงเขียนให้ โรมิโอ กับ จูเลียต ตายด้วยวิธีแบบนั้น ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นไปได้เลย
       
       สำหรับเรื่องมิตรภาพของทั้งสอง "วินสเล็ต" และ "ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ" เคยเล่นหนังด้วยกัน 2 เรื่อง แต่สำหรับแฟนๆ ทั้งคู่ก็ยังคงเป็นคู่ขวัญ "แจ็ค กับ โรส" อยู่เสมอ แม้ Titanic จะฉายไปได้เกือบ 20 ปีแล้วก็ตาม ซึ่งในรายการ Jimmy Kimmel Live วินสเล็ต ยังกล่าวชม ลีโอนาร์โด ว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดีเสมอ และยังเป็นนักแสดงที่ดีขึ้นมาก
       
       "ณ วินาทีนี้เขาเป็นนักแสดงที่ดีขึ้นกว่าเดิมอีก ฉันคิดว่าเขาหล่อขึ้นกว่าเดิมด้วย และสำหรับฉันแล้วยังรู้สึกว่าตัวเขาค่อนข้างจะเป็นคนหนักแน่นมั่นคงขึ้นด้วย ซึ่งถือว่าแปลกอยู่เหมือนกัน ทั้งๆ ที่มีอะไรเกิดขึ้นรอบๆ ตัวเขาเยอะแยะแบบนั้น" วินสเล็ต บอก "เขาเป็นคนที่เชื่อใจได้ มีความซื่อตรงมาก เป็นเพื่อนที่ดี เป็นแบบนี้มาตลอด ไม่ใช่สำหรับแค่ฉัน แต่สำหรับทุกคน เพื่อนบางคนที่เขาเริ่มรู้จักสมัยเราเล่น Titanic ด้วยกัน ตอนนี้เขาก็ยังคบกับคนเหล่านั้นอยู่เลย"
       
       โดยตอนนี้ทุกคนกำลังร่วมลุ้น กับโอกาสคว้ารางวัลออสการ์เป็นครั้งแรกของ ลีโอนาร์โด จากหนังเรื่อง The Revenant หลังรอคอยมานาน ซึ่ง วินสเล็ต ยอมรับว่าเธอเองก็ตื่นเต้นไปด้วยเหมือนกัน แม้ตัวเองกำลังมีลุ้นรางวัลสมทบหญิงจาก Steve Jobs อยู่เช่นเดียวกันก็ตาม โดยเฉพาะตอนงาน SAG Awards ที่มีคนเห็นเธอดีใจแบบสุดๆ ที่ ลีโอ ได้รับรางวัลนักแสดงนำชาย มากกว่าตอนตัวเองได้รับรางวัลซะอีก "บอกตรงๆ เลยนะคะ ตอนนั้นฉันลุ้นแบบใจจดใจจ่อไปด้วยเลย แล้วเขาก็ชนะคว้ารางวัลไปจริงๆ ตื่นเต้นกับเขามาก ฉันแทบช็อกเลย"


โดย MGR Online       4 กุมภาพันธ์ 2559

7
คืนหนึ่งในเดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2489 ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ มีเจ้าหญิงสูงวัยอยู่หนึ่งพระองค์ มีพระนามว่า “พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงเฉิดโฉม” ผู้เป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ ซึ่งขณะนั้นพระองค์กำลังประทับรักษาอาการประชวรพระโรคชราด้วยพระชนม์ 90 ชันษา ในคืนนั้นเองพระองค์ทรงมีเรื่องแปลกเล่าให้คุณนิภา ตะละภัฎ ผู้เป็นพยาบาลส่วนพระองค์ฟังว่า ทรงฝันเห็น “พระปิ่นเกล้าฯเสด็จมาแจ้งเหตุร้ายให้พระองค์ทราบว่า “พระเจ้าอยู่หัวอนันฯจะถูกปองร้าย” พระปิ่นเกล้าฯจึงพระราชทานคาถาให้แก่พระองค์เพื่อนำไปทูลเกล้าถวายพระเจ้าอยู่หัวอนันฯ เมื่อเล่าให้คุณนิภาฟังเสร็จ พระองค์ก็ทรงขอร้องคุณนิภาให้นำความเรื่องนี้ไปกราบทูลสมเด็จพระบรมราชชนนี(สมเด็จย่า)ให้ทรงทราบ แต่คุณนิภาก็ปฏิเสธเพราะคิดว่าพระองค์หญิงเฉิดโฉมอาจจะทรงฟั่นเฟือนเพราะทรงพระชรามากแล้ว

ต่อมาในปลายเดือนพฤษภาคม พระองค์หญิงเฉิดโฉมทรงฝันอีกเป็นครั้งที่ 2 คราวนี้ฝันว่าพระปิ่นเกล้าฯเสด็จมาทรงเขกพระเศียร(เขกหัว) แล้วกริ้วให้พระองค์หญิงเฉิดโฉมว่า “ของแค่นี้ก็ทำไม่ได้” เมื่อบรรทมตื่นขึ้นมา พระองค์จึงเล่าให้คุณนิภาฟังพร้อมกับขอร้องอีกครั้งหนึ่งว่า เธอทำอย่างไรก็ได้ให้ความเรื่องนี้ทราบถึงพระกรรณในหลวงอนันฯ แต่คุณนิภาก็ยังปฏิเสธเช่นเดิม

จนถึงวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2489 ก่อนพระเจ้าอยู่หัวสวรรคตเพียงหนึ่งวัน พระองค์หญิงเฉิดโฉมก็ทรงรบเร้าให้คุณนิภาไปเชิญพระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียรมาเฝ้า คราวนี้คุณนิภาจึงปฏิบัติตามโดยดี และเมื่อพระยาอนุรักษ์ฯมาเฝ้า พระองค์จึงรีบมอบคาถาดังกล่าวให้ไปเพื่อฝากทูลเกล้าฯถวายโดยเน้นว่า “คาถานี้ใช้ได้แต่กับในหลวงพระองค์เดียวเท่านั้นหากผู้อื่นนำไปใช้ก็จะไม่เกิดประโยชน์อันใด” แต่แล้วพระยาอนุรักษ์ฯก็มิได้ทูลเกล้าฯถวายคาถาแต่อย่างใด

และแล้วในเวลาเช้าตรู่ของวันเกิดเหตุ ซึ่งตรงกับวันที่ 9 มิถุนายน 2489 พระองค์หญิงเฉิดโฉมได้ทรงหมดพระสติไปชั่วครู่ แต่เมื่อทรงฟื้นขึ้นมาก็ทรงร้องเอะอะโวยวายเป็นการใหญ่ บอกคุณนิภาว่าให้ช่วยด้วย เพราะเกิดเหตุร้ายขึ้นในพระบรมมหาราชวังแล้ว พระองค์ตรัสว่าทรงเห็นแมลงวันบินว่อนอยู่เต็มวังหลวงจนน่ากลัว...จากนั้นไม่นานในช่วงสายของวันเดียวกันนั้นเอง โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ก็ได้รับแจ้งว่า พระเจ้าอยู่หัวอนันฯทรงเสด็จสวรรคตเสียแล้ว

**ไม่มีผู้ใดกล้าเล่าเรื่องพระเจ้าอยู่หัวสวรรคตให้พระองค์หญิงเฉิดโฉมฟัง เพราะกลัวจะมีผลต่อพระหทัย...สองวันต่อมาพระองค์หญิงเฉิดโฉมก็สิ้นพระชนม์ตามพระเจ้าอยู่หัวไป พระศพของพระองค์ถูกอัญเชิญจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์กลับเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง โดยพระศพถูกตั้งไว้ที่ตำหนักเล็กๆหลังหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทอันเป็นสถานที่ประดิษฐานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล

จากภาพคือ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงเฉิดโฉม และพิธีอัญเชิญพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่8

ที่มา: ในหนังสือ "แลวัง หลังตำหนัก" โดย หม่อมราชวงศ์หญิง เบญจาภา (จักรพันธุ์) ไกรฤกษ์ พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพนายพูนเพิ่ม ไกรฤกษ์

โพสโดย :แพรวา (ทีมงาน TeeNee.Com)
พฤหัสบดี ที่ 14 พฤษภาคม 2558
http://variety.teenee.com/foodforbrain/68521.html

8
ที่มา คลิปฮ็อตข่าวฮิต
สาวๆหลายคนอาจจะคิดว่า สเปริ์ม หรือ น้ำอสุจิ ของคุณผู้ชายเนี่ย จริงๆแล้วอาจจะมีดีแค่ผลิตลูกได้เท่านั้น แต่ความจริงแล้ว สเปิร์มนั้นมีดีกว่าที่คุณคิดนะ เผลอๆ คุณอาจจะตกใจก็ได้ที่เจ้าสเปิร์มหรือ น้ำอสุจิ เนี่ย ส่งผลดี๊ดีกับร่างกายคุณ
 
1.อสุจิช่วยลดอาการหดหู่ใจได้
 
เวลามีเซ็กซ์เป็นเรื่องปกติค่ะที่คุณอาจจะแอบนึกถึงแล้วอมยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่คนเดียวบ่อยๆ แต่หารู้ไม่คะว่า อสุจิน่ะมันส่งผลให้ร่างกายคุณจริงๆนะ ไม่ใช่งานมโน เนื่องจากผลการวิจัยสาวจากมหาลัยจำนวน 293 คน ในมหาวิทยาลัย State University of New York ใน Albany พบว่าอสุจิสามารถลดอาการซึมเศร้าได้ โดยเปรียบเทียบระหว่างสาวที่มีคู่รักใช้ถุงยาง และ สาวที่คู่รักไม่ได้สวมถุงยาง พบว่าสาวที่คู่รักที่สวมถุงยางมีอาการหดหู่หรือซึมเศร้ามากกว่า
 
ตามการศึกษานี้ ผู้เขียนได้กล่าวว่า อสุจิ นั้นเมื่อเข้าไปในร่างกายของผู้หญิง จะเข้าสู่กระแสเลือดในร่างกายแม้เพียงจะไม่กี่ชั่วโมงในการสอดใส่ ทำให้ร่างกายของผู้หญิงนั้นได้รับ อสุจิ อย่างรวเดเร็ว และถือว่าเป็นผลดีได้อย่างง่ายดายทันทีที่เข้ากระแสเลือด
 
แต่.. สาวๆที่ยังไม่พร้อมกับการตั้งครรภ์หรือมีบุตร ก็ยังคงต้องป้องกันอยู่นะจ๊ะ อย่าใช้ข้ออ้างนี้ในการไม่ป้องกัน เพราะโรคทางเพศสัมพันธ์ต่างๆนั้น สามารถติดเชื้อได้อยู่ดีหากไม่สวมถุงยาง
2.ช่วยให้หลับสบายขึ้น
 
งานนี้สาวไหนที่นอนไม่ค่อยจะหลับ ต้องหันมาสะกิดคุณแฟนให้ทำการบ้านแล้วล่ะ เพราะแน่นอนค่ะว่าคุณต้องเหนื่อยอ่อนเพราะการออกกกำลังกายในร่มอยู่แล้ว แต่อสุจิยังประกอบไปด้วย “เมลาโทนิน” คุ้นๆมั้ยคะว่ามันคืออะไร มันคือสารที่ช่วยให้คุณนอนหลับและผ่อนคลายได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง ไม่ว่าคุณจะกลืนกินหรือได้รับจากทางเพศสัมพันธ์ก็ตาม บอกเลยว่า นอนกลับสบายบรื๊อแน่นอน!
 
 3.นานาด้วยวิตามิน
 
หนึ่งช้อนโต๊ะของอสุจิของคุณผู้ชายมีค่าเท่ากับ โปรตีนกว่า 200 และอุดมไปด้วยวิตามินและสารอาหารมากมายเช่น วิตามินซี แคลเซียม คลอรีน ซิตริก ฟรุคโตส แมกนีเซียม โพแทสเซียม ซิงค์ โอ้ยเยอะมากมายค่ะ ที่เด่นๆเลยก็จะเป็น ซิงค์ที่สามารถช่วยให้สาวๆเต่งตึง ลดหน้าแก่ และสารแอนตี้อ็อกซิแดนซ์ เพราะฉะนั้นวิตามิน อาหารเสริม โบกมือบ๊ายบายไปซะ ถ้าคุณมีซัมติงกับคุณแฟนบ่อยๆ
 
4.ลดความดันในเลือด
 
สาวๆที่ชอบกลืนน้ำอสุจิเป็นประจำ สามารถลดอาการครรภ์เป็นพิษได้ด้วยนะ ครรภ์เป็นพิษนั้นเกิดจาก จากที่คุณมีอาการความดันเลือดสูงเกินไป เพราะฉะนั้นถ้าอยากให้ร่างกายและลูกในอนาคตของคุณแข็งแรงก็ “กลืนกิน” ซะ
 
5.ลดการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากได้
 
ถ้าเป็นห่วงคุณผู้ชายล่ะก็ว่าจะป่วยเป็นโรคนี้ ถ้าคุณขยันมีอะไรกันละก็ แทบจะไม่ต้องห่วงเลยล่ะจ้ะ เพราะ The Journal of the American Medical Association รายงานว่า ยิ่งคุณผู้ชายปล่อยอสุจิมามากเพียงใด ก็จะสามารถลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้ เอาล่ะ ! คืนนี้จัดไป
 
6.ดับไฟได้ด้วยวิธีทางธรรมชาติ
 
นอกจากจะทำลูกได้แล้ว อสุจิยังสามารถดับไฟได้ด้วย เดี๋ยวนี่คุณฟังไม่ผิดหรอก เพราะงานวิจัยของ Polytechnic University of Turin บอกมาแล้วว่า อสุจินั้นสามารถลดปฏิกิริยาที่ทำให้เกิดไฟได้ ซึ่งปัจจุบันมหาวิทยาลัยนี้กำลังดำนเนิการและศึกษา DNA ของเซลล์อสุจิอยู่ว่า จะสามารถทำให้วัสดุเซรามิกนั้นกันไฟได้ แต่อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของอนาคตต่อไป
ข้อมูลจาก:

ดูเพิ่มเติม ==> http://nisit.co/Wl28

12 พฤษภาคม 2558
http://hot.ohozaa.com/hot-5-15-173720#.VVT51clzbHE.facebook

9
ตั้งแต่ปี 2545 จนถึงปีนี้ 2558 รัฐบาลเสียค่าจ้างให้ สปสช. มาบริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพฯ ไปเกือบหมื่นล้านแล้ว  น่าเสียดาย....จัง

10
คำถามเชาวน์ปัญญาที่ถูกอ้างว่าเป็นข้อสอบเด็กอนุบาลที่กำลังเป็นประเด็นฮิต

        กลายเป็นปัญหาฮิตประจำวันสำหรับคำถาม "อยากให้พรุ่งนี้เป็นเมื่อวานจัง วันนี้จะได้เป็นวันศุกร์ ตกลงวันนี้คือวันอะไร?" คำถามโลกแตกชวนปวดหัวที่ถูกแชร์กระหน่ำผ่านสื่อสังคมออนไลน์ จนกลายเป็นประเด็นขบคิดที่ทุกคนอยากรู้คำตอบ
       
       ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ ได้สอบถามไปยังนักคณิตศาสตร์เพื่อช่วยไขคำตอบที่ถูกต้อง เพราะคำถามชวนคิดข้อนี้กลายเป็นโจทย์ที่หลายกำลังรอคำตอบ แม้ว่าจะมีหลายต่อหลายคนออกมาโชว์สมการหรือแนวคิดอันล้ำลึก แต่คำตอบว่า “วันนี้คือวันอะไร?” กลับตอบได้ไม่ตรงกันเสียที
       
       ดร.กันตภณ คูหาพัฒนกุล อาจารย์ประจำภาควิชาคณิตศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เผยแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ว่า คำถามนี้ที่จริงแล้วไม่ยากแต่เป็นคำถามเล่นคำจึงทำให้สับสน หากตั้งสติแล้วลองลำดับความและแปลความหมายให้ดีก็จะแก้โจทย์ได้ ซึ่งโจทย์นี้สามารถแปลได้เป็น 2 ความหมายขึ้นอยู่กับบุคคล แต่วิธีคิดเพื่อหาคำตอบจะเหมือนกัน คือการใช้ "คำสำคัญ" เพื่อไม่ให้หลงทาง
       
       ความหมายแรก “ถ้าอยากให้พรุ่งนี้เป็นเมื่อวาน...จะตอบเป็นวันอาทิตย์” ซึ่ง ดร.กันตภณ ระบุว่าส่วนตัวเห็นด้วยนี้ เพราะเมื่อแปลตามโจทย์แล้วจับคีย์เวิร์ดคีย์ดีๆ จะได้ 2 คำสำคัญ
       
       - คำสำคัญแรกคือ "วันนี้จะได้เป็นวันศุกร์" ถ้าวันนี้คือวันศุกร์ดังนั้นพรุ่งนี้ที่อยากให้เป็นก็คือวันเสาร์
       
       - คำสำคัญที่ 2 คือ "อยากให้พรุ่งนี้เป็นเมื่อวานจัง" ถ้าพรุ่งนี้ที่อยากให้เป็นคือวันเสาร์เป็นเมื่อวาน
       ดังนั้นเมื่อวานก็คือ วันเสาร์ ดังนั้น ถ้าเมื่อวานคือวันเสาร์ วันนี้ก็จะเป็นวันอาทิตย์ในที่สุด
       
       แต่ถ้าแปลโจทย์ได้ความหมายว่า “อยากให้เมื่อวานเป็นพรุ่งนี้จะตอบ..วันพุธ” ซึ่งมีวิธีคิดเช่นเดียวกับคำตอบแรก
       
       - คำสำคัญแรก “วันนี้เป็นวันศุกร์” เมื่อวานเป็นพฤหัส
       
       - คำสำคัญที่ 2 “อยากให้เมื่อวานเป็นพรุ่งนี้” แทนที่แสดงว่าพรุ่งนี้เป็นวันพฤหัสบดี
       ดังนั้นวันนี้จึงเป็นวันพุธในที่สุด
       
       “แต่ถ้าหากให้แทนค่าเป็นสมการก็สามารถทำได้แต่ก็ขึ้นอยู่กับการแปลความหมายแรกเริ่มอยู่ดี โดยสมการที่ผมจะแสดงให้ดูผมแปลความหมายในกรณีของ .. ถ้าอยากให้พรุ่งนี้เป็นเมื่อวาน..เริ่มจากคิดปกติว่าวันนี้เป็นวันศุกร์ แสดงว่าพรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ อยากให้พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ (เมื่อวาน) เมื่อวานคือวันเสาร์
       
       สามารถอธิบายโดยละเอียดได้ดังนี้
       ให้ x แทนวันนี้ แสดงว่า เมื่อวานจะเป็น x - 1
       ส่วน y แทน วันที่อยากให้เป็น
       
       อยากให้พรุ่งนี้เป็น จึงแทนด้วย y + 1
       
       ดังนั้น อยากให้พรุ่งนี้เป็นเมื่อวานจะแทนค่าสมการได้เป็น y + 1 = x - 1 นั่นเอง
       
       วันนี้เป็นวันศุกร์ แทน fri ( friday) y แทนด้วย fri จะได้ y + 1 เป็น sat
       
       นั่นคือ sat = x - 1
       sat + 1 = x ; ดังนั้น x เป็นวันอาทิตย์” ดร.กันตภณ อธิบายวิธีคิดแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์
       
       ด้าน วริษฐ์ ลิ้มทองกุล ผู้อำนวยการเว็บไซต์ ASTVผู้จัดการออนไลน์ ระบุว่า คำถามดังกล่าวเป็นที่ถกเถียงกันในโลกอินเทอร์เน็ตมาหลายปี จากคำถามว่า "if yesterday was tomorrow, today will be Friday" และจากการสืบค้นข้อมูลในกูเกิลคาดว่าเป็นคำถามที่ถกเถียงกันในไทยไม่นานนัก
       
       "คำถาม 'อยากให้วันพรุ่งเป็นเมื่อวานนี้จัง วันนี้จะได้เป็นวันศุกร์' แรกเริ่มปรากฎในกลุ่มคนทำงานด้านไอทีและวิศวกร ตอนนี้มีคนพยายามแปลงให้กลายเป็น 'ข้อสอบเข้าอนุบาลสาธิตจุฬา' ทั้งที่จริงๆ แล้วเท่าที่ทราบอนุบาลสาธิตจุฬาฯ ก็ไม่มีการสอบเข้า ส่วนคำถามนี้เป็นคำถามที่มีสองคำตอบเป็นอย่างน้อย ขึ้นกับการเล่นคำและตีความทางไวยกรณ์ ทำให้ตอบได้ทั้งวันพุธและวันอาทิตย์ ซึ่งไม่น่าจะมีใครเอามาถามเด็กอนุบาล" วริษฐ์อธิบาย
       
       พร้อมกันนี้ผู้อำนวยการเว็บไซต์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ ได้ยกคำตอบซึ่งมีต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษที่อธิบายไว้ในอินเทอร์เน็ตมาแสดง โดยผู้แสดงความเห็นได้แตกแนวคิดการหาคำตอบออกเป็น 2 แนวทางจากการตีความ "พรุ่งเป็นเมื่อวาน" เช่นเดียวกับคำอธิบายของ ดร.กันตภณ
       
       แนวทางแรกคือ "พรุ่งนี้ถูกแทนที่ด้วยเมื่อวาน" และอีกแนวทางคือ "เมื่อวานที่จะเป็นวันพรุ่งนี้" ซึ่งปัญหานี้เป็นได้ทั้งปัญหาไวยากรณ์ และปัญหาคณิตศาสตร์
       
       เมื่อวาน = t-1
       วันนี้ = t
       พรุ่งนี้= t+1
       
       หากมองที่แนวทางแรกพรุ่งนี้แทนที่ด้วยเมื่อวาน จะเขียนสมการได้ว่า
       หาก t+1 = t-1
       ดังนั้น t = t-2
       
       วันนี้ = วันศุกร์
       t-2 = วันศุกร์
       t = วันอาทิตย์ (วันศุกร์ + 2)
       
       คำตอบแนวทางนี้จะได้ "วันอาทิตย์"
       
       ส่วนอีกแนวทางเมื่อให้เมื่อวานที่จะเป็นวันพรุ่งนี้
       
       t-1 = t+1
       ดังนั้น t = t+2
       (เมื่อวันนี้เป็นวันศุกร์)
       t+2 = วันศุกร์
       t = วันพุธ (วันศุกร์-2)
       
       คำตอบแนวทางนี้จะได้ "วันพุธ"
       
       ด้าน ดร.วราภรณ์ จาตนิล อาจารย์ประจำภาควิชาคณิตศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า โจทย์ข้อนี้เป็นโจทย์ที่อาศัยการคิดวิเคราะห์ให้ความหมายของคำว่า พรุ่งนี้ และ เมื่อวาน ทำให้ตอบคำถามได้เป็น 2 คำตอบ ซึ่งเป็นปกติของปัญหาเชาวน์ที่พบเห็นได้ทั่วไป โดยโจทย์นี้เคยปรากฎบนเว็บไซต์ต่างประเทศไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่
       
       สำหรับวิธีหาคำตอบ ดร.วราภรณ์ให้ความสำคัญกับ "การลำดับความคิด" พร้อมระบุด้วยว่าเธอเห็นด้วยกับคำตอบว่า "วันพุธ" มากกว่าแต่ถ้าจะตอบ "วันอาทิตย์" ก็ไม่ผิดเช่นกัน
       
       วิธีคิดแรก โฟกัสที่วันนี้จะได้เป็นวันศุกร์
       
       อยากให้พรุ่งนี้เป็นเมื่อวาน แสดงว่าอยากให้เมื่อวานเป็นวันพฤหัส ดังนั้นวันนี้คือวันพุธ
       
       วิธีคิดที่ 2 โฟกัสที่ ตั้งว่าวันนี้เป็นวันศุกร์
       
       อยากให้พรุ่งนี้เป็นเมื่อวาน ดังนั้น พรุ่งนี้คือวันเสาร์ ถ้าอยากให้วันเสาร์เป็นเมื่อวาน ดังนั้น วันนี้คือวันอาทิตย์
       
       ดร.วราภรณ์ เรียงลำดับความคิดแสดงแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์



 ASTVผู้จัดการออนไลน์    25 กุมภาพันธ์ 2558

11
โจทย์เลขสำหรับทดสอบนักเรียนมัธยมของโรงเรียนจากสิงคโปร์ ด้วยคำถามที่ใช้คำง่ายๆ แต่ต้องคิดอย่างซับซ้อน กำลังเป็นที่กล่าวถึงในโลกอินเทอร์เน็ตขณะนี้
       
      
       
       รายงานจากเอเอฟพี ระบุถึงกระแสอินเทอร์เน็ตกำลังโจษจันเรื่องโจทย์คณิตศาสตร์ในการสอบคัดเลือกนักเรียน ม.ปลาย ของโรงเรียนคณิตศาสตร์โอลิมปิกสิงคโปร์และอาเซียน (Singapore and Asian School Math Olympiads: SOSMA) และกลายเป็นกระแสในโลกอินเทอร์เน็ตเมื่อผู้ประกาศข่าวในสิงคโปร์โพสต์โจทย์ดังกล่าวลงเฟซบุ๊ก
       
       ล่าสุดทางโรงเรียน SOSMA ได้ออกมาเผยผ่านทางเฟซบุ๊กว่า เป็นโจทย์ทดสอบของทางโรงเรียนจริง โดยจัดการสอบไปเมื่อ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 4 โจทย์ดังกล่าวเป็นหนึ่งใน 25 ข้อของการทดสอบ และเป็นโจทย์ยากที่ทางโรงเรียนใช้คัดแยกนักเรียนหัวกะทิ
       
       โจทย์กำหนดให้นักเรียนหาวันเกิดของ "เชอริล" (Cheryl) ซึ่งใบ้แก่เพื่อนใหม่ 2 คนคือ "อัลเบิร์ต" (Albert) และ "เบอร์นาร์ด" (Bernard) ว่า มีวันเกิดของเธออยู่ในวันที่ที่กำหนดให้ 10 วัน
       
       15 พ.ค. , 16 พ.ค. , 19 พ.ค.
       17 มิ.ย. , 18 มิ.ย.
       14 ก.ค. , 16 ก.ค.
       14 ส.ค. , 15 ส.ค. , 17 ส.ค.
       
       เชอริลบอกเดือนเกิดแก่อัลเบิร์ต และบอกวันที่แก่เบอร์นาร์ด แต่อัลเบิร์ตไม่ทราบวันเกิดของเชอริลและมั่นใจว่าเบอร์นาร์ดไม่ทราบเช่นกัน ขณะที่เบอร์นาร์ดบอกว่าตอนแรกเขาไม่ทราบแต่หลังอัลเบิร์ตพูดเขาก็ทราบวันเกิดของเชอริล ส่วนอัลเบิร์ตก็บอกว่าเขารู้แล้วว่าวันเกิดของเชอริลคือวันอะไร ซึ่งนักเรียนต้องหาคำตอบเดียวกันนี้
       
       พร้อมกันนี้ทางโรงเรียนได้เฉลยโจทย์คณิตศาสตร์ดังกล่าว คำถามสำคัญคืออัลเบิร์ตมั่นใจได้อย่างไรว่า เบอร์นาร์ดจะไม่ทราบคำตอบ? หากเดือนที่อัลเบิร์ตทราบคือ พ.ค.หรือ มิ.ย. ก็มีโอกาสที่เบอร์นาร์ดจะได้วันที่ 18 หรือ 19 และทราบวันเกิดของเชอริลทันที เพราะเป็นวันที่ไม่ซ้ำในเดือนอื่น ดังนั้น มีโอกาสที่เชอริลจะบอกอัลเบิร์ตเป็นเดือน ก.ค.หรือ ส.ค.
       
       ตอนแรกเบอร์นาร์ดไม่ทราบว่าวันเกิดเชอริลคือวันอะไร แต่จากคำพูดของอัลเบิร์ตทำให้เขาทราบ ซึ่งในเดือน ก.ค.และ ส.ค มีวันที่เป็นไปได้คือ 14 15 16 และ 17 ถ้าเชอริลให้วันที่ 14 แก่เบอร์นาร์ดเขาก็ไม่ทราบวันเกิดเพราะเป็นวันที่ตรงกันใน 2 เดือน
       
       มีความเป็นได้ที่วันเกิดจะเป็น 15 ส.ค. 16 ก.ค และ 17 ส.ค. หลังจากเบอร์นาร์ดพูดจบ อัลเบิร์ตก็ทราบทันทีว่าวันเกิดเชอริลคือวันอะไร และวันเกิดของเชอริลไม่ตรงกับ ส.ค. เพราะมีวันที่เป็นไปได้ 2 วัน
       
       คำตอบของโจทย์นี้คือ วันที่ 16 ก.ค.


ASTVผู้จัดการออนไลน์    15 เมษายน 2558

12
 ช่วยกันคิดช่วยกันคุย : ขาดแคลนบุคลากร แก้ได้ด้วยเอชอาร์มืออาชีพ : โดย...แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย
 
                                จากผลสำรวจปัญหาการขาดแคลนบุคลากรประจำปี ครั้งที่ 9 ของ แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย โดยสัมภาษณ์นายจ้างกว่า 37,000 ราย ใน 42 ประเทศและดินแดน พบว่าจำนวนมากถึงร้อยละ 36 ประสบปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในปี 2557 ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดในรอบ 7 ปี และร้อยละ 54 ของนายจ้างพบว่า การขาดแคลนบุคลากร ส่งผลกระทบระดับกลางถึงระดับสูงต่อความสามารถของบริษัท ในการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า
 
                                สำหรับ 10 ตำแหน่งงานที่ขาดแคลนบุคลากรมากที่สุด คือ 1.แรงงานฝีมือ 2.วิศวกร (เป็นอันดับ 2 ติดต่อกันเป็นปีที่ 3) 3.ช่างเทคนิค (สูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา) 4.ตัวแทนขาย (ลดลงจากปีที่ผ่านมา 1 อันดับ) 5.พนักงานบัญชี 6.ผู้บริหาร 7.ผู้จัดการฝ่ายขาย (จากเดิมอันดับที่ 12 ในปี 2013) 8.พนักงานฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ 9.พนักงานผู้ช่วยในสำนักงาน 10.พนักงานขับรถ
 
                                ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้หน่วยงาน องค์กร ขาดแคลนบุคลากร คือ ผู้สมัครขาดความสามารถเฉพาะด้านที่จำเป็นสำหรับงาน และเหตุผลอื่นๆ รองลงมา คือ การขาดแคลนผู้สมัครที่พร้อมจะทำงาน ผู้สมัครขาดประสบการณ์หรือทักษะที่มีคุณค่าต่อองค์กร และผู้สมัครมีความคาดหวังที่ไม่สอดคล้องกันกับเงื่อนไขของบริษัท จึงนำมาซึ่งมาตรการในการแก้ไขปัญหา การขาดแคลนบุคลากร โดยใช้แนวทางการบริหารบุคลากรแบบใหม่ (ร้อยละ 47), สรรหาจากกลุ่มคนที่ยังไม่ถูกชักชวนให้เข้าทำงานหรือมีการชักชวนไม่มาก (ร้อยละ 25) และเตรียมใช้รูปแบบการทำงานแบบใหม่เป็นทางเลือก (ร้อยละ 23)
 
                                สถิติจากปี 2556-2557 ถึงผลกระทบของปัญหาการขาดแคลนบุคลากรที่มีต่อองค์กร ระบุว่า อันดับ 1 ร้อยละ 41 ทำให้ความสามารถในการให้บริการลูกค้าลดลง อันดับ 2 ร้อยละ 40 ทำให้ความสามารถในการแข่งขัน และประสิทธิภาพในการผลิตด้อยลง อันดับ 3 ร้อยละ 27 ทำให้มีอัตราการเข้าออกของพนักงานมากขึ้น อันดับ 4 ร้อยละ 24 ทำให้มีการประดิษฐ์คิดค้นสิ่งใหม่ๆ และความคิดสร้างสรรค์น้อยลง และร้อยละ 24 ทำให้ความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กร และขวัญกำลังใจของพนักงานแย่ลง อันดับ 5 ร้อยละ 22 ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ในด้านค่าตอบแทนในการทำงาน
 
                                โจทย์นี้อยู่ที่ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ (เอชอาร์) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีความรอบรู้ และมีอิทธิพลในการปรับฐานกำลังด้านบุคลากร โดยการทำงานที่มีการตัดสินใจที่ชัดเจนเพื่อให้บริษัทสามารถบริหารกำลังคนได้อย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืน ซึ่งอาชีพด้านเอชอาร์นั้นกำลังเปลี่ยนแปลง และขยายตัวอย่างรวดเร็ว ในขณะที่โลกของการทำงานมีวิวัฒนาการอยู่อย่างต่อเนื่อง ความเชี่ยวชาญด้านใหม่ๆ มีความจำเป็นต่อผลสำเร็จทางธุรกิจขององค์กรเป็นอย่างยิ่ง
 
                                จากที่มีการคาดการณ์ถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ นายจ้างร้อยละ 36 ยังคงพบกับภาวะยากลำบากในการหาคนเข้าทำงาน ในขณะเดียวกับที่การว่างงานก็ยังคงเป็นปัญหาระดับโลก ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า มีแรงงานที่ล้นตลาดอยู่พร้อมๆ กับการขาดแคลนบุคลากรที่มีคุณสมบัติตรงกับงาน ซึ่งฝ่ายเอชอาร์สามารถช่วยบริษัทให้ประสบความสำเร็จในธุรกิจได้เร็วขึ้น

คมชัดลึกออนไลน์  วันที่ 29-12-2557

13
คุณรู้หรือไม่ว่า มีผักสดจากตลาด อยู่หลายอย่างที่เราสามารถปลูกได้ง่ายๆ ไว้ปรุงประกอบอาหารเล็กๆน้อยๆในครั้งต่อไป โดยที่ไม่จำเป็นต้องไปซื้อจากตลาดทุกครั้ง หลังจากเราซื้อผักสดจากตลาดมาครั้งแรก เพียงแค่เราแบ่งส่วนที่ใช้ปลูกได้เก็บไว้ แล้วนำไปปลูกด้วยวิธีง่ายๆ ลองมาดูกันเลย ว่ามีผักอะไรบ้างและต้องใช้ส่วนไหน

ผัก 7 ชนิดที่ซื้อจากตลาดแล้วปลูกซ้ำได้เรื่อยๆ

1. ต้นหอม


ใช้ส่วนหัวที่มีรากติด ใส่ในแก้วที่มีน้ำเล็กน้อย วางไว้ในห้องที่มีแสงสว่าง หรือริมหน้าต่าง คุณก็จะได้ยอดใหม่ของต้นหอมไว้เด็ดไปประกอบอาหารได้เรื่อยๆ

2. กระเทียม



วางกลีบกระเทียมไว้ในจานแก้ว หรือแก้วน้ำ เติมน้ำเพียงเล็กน้อยเพื่อให้มีความชื้น ไม่นานกลีบกระเทียมจะออกราก และมียอดให้คุณได้เด็ดใบกระเทียมไปปรุงอาหารได้เรื่อยๆ

3. ผักกวางตุ้งจีน (บ็อคฉ่อย)



นำส่วนที่เป็นโคนของกอผักกวางตุ้งจีน แช่น้ำไว้ ประมาณ 1-2 สัปดาห์ ผักจะแตกยอดใหม่ ให้ย้ายลงปลูกในดิน รอจนโตได้ที่ คุณจะได้ผักกวางตุ้งจีน กอใหม่ไว้ทำอาหารได้

4. แครอท



ใช้ส่วนบนสุดของหัวแครอท วางในแก้วที่มีน้ำปริ่มๆ แครอทจะแตกยอดใหม่ น้ำยอดอ่อนไปประกอบอาหารได้ หรือจะรอให้ใบแก่จนออกดอกและกลายเป็นเมล็ด แล้วเก็บเมล็ดไปปลูกได้

5. ผักคึ่นช่าย



นำส่วนที่เป็นโคนของกอคึ่นช่าย วางในแก้วที่มีน้ำ รอจนคึ่นช่ายแตกยอดใหม่ จากนั้นจึงนำไปปลูกลงดิน

6. ผักกาดหวาน



นำส่วนที่เป็นโคนของผักกาดหวานจานหรือถ้วยที่มีน่้ำสูงประมาณครึ่งนิ้วรอจนเริ่มแตกยอดใหม่จึงย้ายลงดินปลูก

7. ผักชี



ใช้ส่วยโคนของต้นผักชีที่มีรากติด แช่ไว้ในแก้วน้ำ ผักชีจะแตกยอดใหม่เรื่อยๆ หากต้องการให้ได้กิ่งก้านใบโต ให้ย้ายลงปลูกในดิน

ที่มา http://thaiinfonet.com/

24 ธันวาคม พ.ศ. 2557
มติชนออนไลน์

14
สปช.แนะนำคนไทยทุกคน “ข่มดวงก่อนออกเดินทาง” เพื่อลดอุบัติเหตุทางจราจรช่วงเทศกาลปีใหม่



นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ เป็นประธานเปิดโครงการ “ข่มดวง ก่อนออกเดินทางเพื่อลดอุบัติเหตุจราจรในช่วง 7 วัน อันตรายและตลอดไป” ซึ่งจัดขึ้นโดยคณะกรรมาธิการปฏิรูประบบสาธารณะสุข สภาปฏิรูปแห่งชาติ โดยเป็นการรณรงค์ให้ประชาชนระมัดระวัง ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน เพื่อลดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน

สำหรับโครงการนี้แนะนำวิธีปฏิบัติตน ประกอบด้วย ข.คือคาดเข็มขัดนิรภัย /ม.คือสวมหมวกกันน็อค /ด.คือ ไม่ดื่มแอกอฮอล์ลขณะขับรถ/ ว. คือ หลีกเลี่ยงการใช้บริการของวัดก่อนวัยอันควร และ ง.คือ หากง่วงต้องไม่ขับ

ทั้งนี้ สปช.ตระหนักถึงความปลอดภัยในการเดินทางช่วงเทศกาบปีใหม่ เนื่องจากทุกๆปีจะมีอุบัติเหตุทางถนนจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเฉลี่ย 1 หมื่น 5 พันคนต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยทำงาน โดยโครงการนี้จะสอดคล้องกับนโยบายสร้างความปลอดภัยทางถนน หรือ 7 วันระวังอันตรายของรัฐบาล

29 ธันวาคม พ.ศ. 2557
มติชนออนไลน์

15
แชร์ภาพ บัณฑิตจบปริญญาตรี มาสมัครครู ตอบคำถามง่าย ๆ 3 ข้อไม่ได้ สื่อระบบการศึกษาไทยล้มเหลว หวังผลักดันให้มีการปฏิรูปการศึกษา..

เมื่อ 24 ธันวาคม 2557 ที่ผ่านมา ในโลกออนไลน์กำลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กรณีที่ เฟซบุ๊ก “Gade LittleMiumiu” ได้ออกมาเปิดเผยภาพและข้อความ สื่อให้เห็นถึงความล้มเหลวของระบบการศึกษาและครูไทย เพื่อหวังผลักดันให้มีการปฏิรูปการศึกษา โดยเป็นรูปที่คุณครูโรงเรียนอมาตยกุลได้จัดทำเอกสารชื่อ ปฏิรูปการศึกษาไทยคืนความสุขให้ครูและเยาวชนทั่วประเทศ ด้วย AMAT MODEL ซึ่งได้รวบรวมปัญหาและข้อเสนอแนะในการปฏิรูปการศึกษา โดยได้มีการโพสต์ภาพ โจทย์ 3 ข้อ ที่บัณฑิตจบปริญญาตรี ผู้มาสมัครครูที่โรงเรียนอมาตยกุล กว่า 80 -90 % ตอบผิด ทั้ง ๆ ที่เป็นคำถามง่าย ๆ ดังนี้

1.  80.39% ของคนจบปริญญาตรี มาสมัครเป็นครูโรงเรียนอมาตยกุล วาดแผนที่ประเทศไทยไม่ถูก

2.  82.35% ของคนจบปริญญาตรี มาสมัครเป็นครูโรงเรียนอมาตยกุล แก้สมการง่าย ๆ ไม่ได้ หารเลขผิด

3.  95.12% ของคนจบปริญญาตรี มาสมัครเป็นครูโรงเรียนอมาตยกุล เขียนประโยคภาษาอังกฤษว่า “ถ้าฉันมีเงิน ฉันจะซื้อบ้าน” ไม่ถูก

ท้ายนี้ เฟซบุ๊กดังกล่าวยังระบุด้วยว่า “ประเทศเป็นของเราทุกคน ไม่ใช่แค่คุณครู หรือนักศึกษา จบครุศาสตร์ ไม่ใช่แค่เรื่องของระบบ กระทรวง กรม มันเป็นเรื่องที่เราจะต้องตระหนัก และตอบคำถามตัวเองให้ได้ ว่า เรา กำลังทำอะไรอยู่ เราอยู่ส่วนของปัญหานี้ จะแก้มันอย่างไร เด็ก Gen Y-Z จบใหม่ห่วย ทำงานไม่ได้ คุณ Gen X มีหน้าที่ต้องช่วยสอน ช่วยโค้ช (คือไล่กลับไปเรียนใหม่ไม่ได้แล้วไง ต่อให้ไปเรียนต่อจบโท จบเอกมา ถ้าไม่เคยเดินเข้ามาสู่การทำงานจริง ๆ ก็ต้องสอน)”















น่าเป็นห่วงจริงๆ…


 25 ธันวาคม 2014
http://www.donjung.com/content/?p=2549

หน้า: [1] 2 3 ... 11