แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - story

หน้า: 1 ... 589 590 [591] 592 593 ... 650
8851
นักเรียนโจ๋วัยเพียง 17 ปี ซิ่งเก๋งฮอนด้าซีวิค ประสบอุบัติเหตุ อัดต้นไม้ไฟลุกท่วมทั้งคัน พลเมืองดีเห็นเหตุการณ์ พยายามเข้าช่วยแต่เปิดประตูไม่ได้ หวั่นรถจะระเบิดต้องปล่อยให้ไฟคลอกเด็กหนุ่มตายทั้งเป็น เพื่อนมุงดูถึงกับอึ้งพูดไม่ออก เพิ่งไปนั่งสังสรรค์ที่ร้านอาหารฝั่งตรงข้าม

 

การเมือง

18.26 น. "เด็จพี่" ยัน พท.พร้อมสกัดปชป.ตีรวนแถลงนโยบาย ระบุจันทร์นี้ (22 ส.ค.) เตรียมประชุมแบ่งฝ่ายรับมือ ขอให้อภิปรายอย่างสร้างสรรค์อยู่ในกรอบ อย่านำเรื่องส่วนตัวหวังชนะคะคาน

18.30 น. ปชป. จี้ “ยิ่งลักษณ์”เจรจาเสื้อแดงยุติชุมนุมราชประสงค์ เหน็บเจ็บ ควรย้ายไปชุมนุมที่สนามกอลฟ์อัลไพน์แทน

18.42 น. "พร้อมพงศ์" จี้ "สตช.-ดีเอสไอ" สอบศพนิรนาม 169 ศพอย่างจริงจัง เผยมีข้อมูลเพิ่มอ้างมีการสวมรอยศพจากเหตุชุมนุม

18.53 น. ทางหลวงชนบท สำรวจออกแบบ โครงการก่อสร้างทางลดระดับ แยกสุขุมวิท – พัทยากลาง แก้ไขปัญหาจราจร และเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งบนถนนสุขุมวิท พัฒนาโครงข่ายคมนาคมในพื้นที่เมืองพัทยา

19.42 น. "พร้อมพงษ์" เผยจันทร์นี้ "สุรพงษ์" จะเข้าแจ้งความที่กองปราบฯ เอาผิด แกนนำ ปชป. ใส่ร้ายรัฐบาลเรื่องช่วยทักษิณให้ได้พาสปอร์ตเข้าญี่ปุ่น พร้อมเตรียมสอบ 165 เรื่องร้องเรียนรัฐบาลชุดก่อนส่อทุจริต

20.25 น. ปชป.สอนมวยเพื่อไทยทำหน้าที่เพื่อประชาชน ซัดคนไม่หวังดีปั่นกระแส 165 ศพหากินกับ นปช. จี้เร่งตอบโจทย์ใครโกหกกรณี “วีซ่าทักษิณ” ย้อนศรความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่นเสื่อมเพราะรัฐบาล



การศึกษา-วิทยาการ-เศรษฐกิจ

18.26 น. สธ.เผยปชช.ป่วยจากภัยน้ำท่วมพุ่ง 44,686 ราย ซึมเศร้าอีกกว่า 250 ราย สาเหตุเกิดจากโรคน้ำกัดเท้ามากเป็นอันดับ 1 รองลงมาคือ ไข้หวัด ปวดเมื่อย และบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ จากอุบัติเหตุ จากการขนของหนีน้ำ

19.30 น. ซีเอ็นเอ็นโก เผย 12 สำเนียงเสียงภาษาที่เซ็กซี่ที่สุดในโลก โดยมนต์เสน่ห์ภาษาไทย อันไพเราะเสนาะหู ติดโผอันดับ 11 ส่วนภาษาอิตาเลียน แห่งแดนมะกะโรนีซิวอันดับ 1

20.00 น. “วิทยา” เผยพิษน้ำท่วม 25 วัน ยอดผู้ประสบภัยป่วยพุ่งกว่า 40,000 ราย ซึมเศร้า 254 ราย เสี่ยงฆ่าตัวตาย 61 ราย

02.15 น. สาธารณสุข เตรียมบูรณาการ 14 จังหวัดภาคใต้ นำร่องรักษาพยาบาลโดยไม่มีเงื่อนไขเรื่องแบ่งเขต หวังให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้ทุกพื้นที่




ทั่วไทย

18.00 น. น้ำเหนือไหลบ่าหนัก 7 กรุงเก่าอ่วม จมใต้บาดาลสูงกว่า 2 เมตร ไร่นาเสียหายหนัก ชาวบ้านเร่งขนของย้ายขึ้นที่สูง

19.00 น. จัดชุดเจ้าหน้าที่ นปพ. ทั้งในและนอกเครื่องแบบ คุมเข้มรักษาความปลอดภัย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน หลังถูกแก๊งรุปป่าปองร้าย

19.45 น. "หมานครพนม" เหยื่อค้าข้ามชาติเสี่ยงตายเพ่ิมอีก 50 ตัว ขณะที่ จนท.ไล่ล่าสุนัขถูกปล่อยทิ้งได้กว่า 100 ตัว เผยวันหยุดเจ้าของแห่รับสุนัขคืนคึกคัก ยอดบริจาคพุ่งกว่า 17 ล้าน ส่วนหัวอาหารมากกว่า 25 ตัน

20.46 น. ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังคงเพิ่มสูงขึ้น ไหลเข้าท่วมหลายพื้นที่ใน จ.อ่างทอง ต้องเร่งระบายน้ำออก  และสร้างคันกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา เจ้าหน้าที่เร่งออกให้ความช่วยเหลือ ปชช. ที่ไม่สามารถอาศัยในบ้านได้

21.24 น. ชาวกาญจน์แห่กราบไหว้ ขอเลขเด็ด "เห็ดโคน9ชั้น" รูปทรงคล้ายฉัตรซ้อนกันอยู่จำนวน 9 ดอก มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง60 ซม. สูงประมาณ 40 ซม. ชาวบ้านพบที่บริเวณข้างสระน้ำจึงขุดนำมาตั้งไว้ในมณฑปหน้าพระประธานองค์ใหญ่

23.15 น. ตร.ทางหลวงตั้งด่านรวบแก๊งขนครีมหน้าเด้งผิดกฎหมาย 8 หมื่นตลับ ไม่ผ่าน อย. คนขับยังติดสินบน ตร. 2 พันให้ปล่อยตัว จนท.ไม่เล่นด้วย คุมตัวดำเนินคดี

00.15 น. นายอำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน สั่งปิดถนนทางวัดพระธาตุแช่แห้งชั่วคราว หลังน้ำท่วมผิวทางจราจร 30 เซนติเมตร เตือนประชาชนริมลำน้ำแก่นและลำน้ำเกี๋ยน เห็นน้ำมีสีแดง-ตะกอน ให้รีบอพยพขึ้นที่สูงทันที

03.15 น. ตร.สุราษฎร์ธานี บุกค้นบ้านอดีต สจ. กับลูกสมุนอีก 7 จุด พัวพันฆ่า สจ. กลางงานวัด ยึดปืนพร้อมกระสุนอื้อ มั่นใจพยานหลักฐานคาดปิดคดีได้เร็วๆ นี้

04.15 น. หนุ่มตรังหวังโชว์เพาว์ สั่งเพื่อนร่วมวงเหล้า ไปซื้อเหล้ามากินต่อหลังเหล้าหมด แต่ไม่มีใครไป โมโหจัด ควักปืนยิงเพื่อน แต่กลับโดนพ่อตัวเองดับ

05.30 น. ผบ.ตร.ลงนามคำสั่งเตือน ให้ตำรวจที่ถูกฟ้องเรียกร้องค่าเสียหาย จากการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือละเมิดผู้เสียหาย ต้องรับภาระจ่ายชดใช้สินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหาย แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ต้องแบกรับภาระ ทั้งที่เป็นเรื่องส่วนตัว เพื่อให้ตำรวจทำงานด้วยความรอบคอบ หากเพิกเฉยไม่ชำระเงินให้ครบถ้วน ผู้บังคับบัญชามีอำนาจสั่งยึดทรัพย์สินขาย ทอดตลาด พร้อมดำเนินการทางปกครอง

05.45 น. นักเรียนโจ๋วัยเพียง 17 ปี ซิ่งเก๋งฮอนด้าซีวิค ประสบอุบัติเหตุ อัดต้นไม้ไฟลุกท่วมทั้งคัน พลเมืองดีเห็นเหตุการณ์ พยายามเข้าช่วยแต่เปิดประตูไม่ได้ หวั่นรถจะระเบิดต้องปล่อยให้ไฟคลอกเด็กหนุ่มตายทั้งเป็น เพื่อนมุงดูถึงกับอึ้งพูดไม่ออก เพิ่งไปนั่งสังสรรค์ที่ร้านอาหารฝั่งตรงข้าม



ต่างประเทศ

22.30 น. เกิดอุบัติเหตุรถบัสโดยสารพลิกคว่ำ ตกถนนสายหลักของเมืองกันดาฮาร์ซิตี ในประเทศอัฟกานิสถาน ทำให้มีผู้โดยสารเสียชีวิต 33 ราย และบาดเจ็บอีก 27 คน

23.30 น. เกิดเหตุระเบิดพลีชีพ โจมตีมัสยิดในประเทศปากีสถาน ซึ่งผู้คนกว่า 500 คน กำลังรวมตัวสวดมนต์ ในเทศกาลถือศีลอด ทำให้มีผู้เสียชีวิต 48 ราย และบาดเจ็บกว่า 117 คน

00.30 น. กลุ่มกองกำลังติดอาวุธ อัลเคดา เผยแพร่คำแถลงการณ์ลงเว็บไซต์ ประกาศโจมตีในอิรัก 100 ระลอก ช่วงเดือนรอมฎอน เพื่อแก้แค้นให้บินลาเดน

01.00 น. ยูเอสจีเอสรายงานว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวระดับ 7.5 ริกเตอร์ ที่ประเทศหมู่เกาะวานูอาตู ทางตะวันออกของออสเตรเลีย เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหาย และการเตือนภัยสึนามิ

03.30 น. ตำรวจและโรงเรียนในเมืองอาร์ลิงตัน รัฐเท็กซัส ดำเนินมาตรการใหม่มาแก้ปัญหานักเรียนหนีเรียน โดยการมอบเงินรางวัลให้ใครก็ตามที่มาแจ้งข่าวว่านักเรียนคนใดหนีเรียน

03.30 น. ยูเอสจีเอสรายงานว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวระดับ 7.0 ริกเตอร์ ที่หมู่เกาะวานูอาตู อีกครั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้เกิดแผ่นดินไหวระดับ 7.5 ริกเตอร์ ในพื้นที่เดียวกันมาแล้ว เบื้องต้นไม่มีรายงานเตือนภัยสึนามิ

05.15 น. เกิดเหตุเครื่องบินโบอิ้ง 737 ตก ที่อ่าวรีโซลูต ประเทศแคนาดา ทำให้มีผู้โดยสารเสียชีวิต 12 ราย ส่วนสาเหตุที่ทำให้เครื่องตก อยู่ในระหว่างสืบสวน




กีฬา

ฟุตบอล

20.40 น. "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ดวงตกสุดๆ เมื่อพ่ายคารังต่อ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล 0-2 ชนิดที่ทั้งต้องเหลือผู้เล่นเพียงแค่ 10 คน แถม อารอน แรมซีย์ ยังมาพลาดทำเข้าประตูตัวเอง ส่งผลให้ผ่านไป 2 นัดแรก ขุนพลเดอะกันเนอร์สเพิ่งมีเพียงแต้มเดียวเท่านั้น

21.00 น. "กิเลนผยอง" เมืองทองฯ ยูไนเต็ด โชว์ฟอร์มสมราคา บุกเอาชนะ "ฮัลโหล" ทีโอที เอสซี ถึงรัง 3-1 ทำแต้มแซงขึ้นนั่งรองจ่าฝูงแล้ว หลัง "ฉลามชล" ชลบุรี เอฟซี พลาดท่าบุกพ่าย "สิงห์เหนือ" ทีทีเอ็ม พิจิตร 0-1

23.00 น. ศึก "สิงห์เหนือ-เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิก ฟอร์มดุ เปิดถ้ำถลกหนัง ฮัมบูร์ก 5-0 ทำอันดับขึ้นมาอยู่รองจ่าฝูง ขณะที่ ดอร์ทมุนด์ แก้หน้าได้สำเร็จ หลังเล่นในบ้านอัดเนิร์นแบร์ก 2-0 ส่วน เลเวอร์คูเซน บุกเชือดสตุ๊ตการ์ทหวิว 1-0 ศึกบุนเดสลีกา คืนวันเสาร์

23.30 น. ผู้บริหาร แบงค็อก ยูไนเต็ด นำทีมนักกีฬาทำพิธีบวงสรวง และทำบุญเลี้ยงพระที่สนามไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง เพื่อความเป็นสิริมงคลในการใช้สนามแห่งนี้เป็นสนามเหย้าตลอดการแข่งขันใน ฤดูกาลนี้ โดยหลังเสร็จสิ้นพิธี เหล่าขุนพลแข้งเทพเปลี่ยนชุดลงซ้อมต่อทันที

00.45 น. เผย สตีเฟน ไอร์แลนด์ สักโลโก้ "ซูเปอร์แมน" ในริมฝีปากด้านใน แต่ผิดแผนอดโชว์ผ่านกล้องทีวี หลังไร้ชื่อทำประตูเกมที่ต้นสังกัด แอสตัน วิลลา เปิดบ้านอัด แบล็คเบิร์น 3-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา.

01.30 น. "สุรีย์ สุขะ" แบ็คขวาตัวเก่งของทีม "ฉลามชล" ชลบุรี เอฟซี ประกาศขอถอนตัวจากทีมชาติไทยแล้ว เพราะอาการเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาขวายังไม่หายดี ด้าน "คาซูโตะ คูชิดะ" แข้งญี่ปุ่น ยันร่วมทีมต่อ

01.45 น. "ฟลอร็องต์ มาลูดา" ลงมาเป็นซุปเปอร์ซับซัดประตูชัย ช่วยให้เชลซีพลิกแซงชนะเวสต์บรอมวิชในบ้านตัวเองแบบหืดขึ้นคอ 2-1 เก็บ 3 แต้มแรกในฤดูกาลใหม่ได้สำเร็จ

02.30 น. คริส สมอลลิง ปราการแมนยูฯ ชี้เคล็ดลับต้องชนะใจตัวเอง และมีเป้าหมายเชื่อมั่นในตัวเด็กใหม่ ไม่หวั่นไหวแม้ขาดกัปตันทีม

02.30 น. อาร์แซน เวงเกอร์ กุนซือ "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ปลุกใจสาวกปืน หลังพ่าย "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล มาหมาดๆ ลั่นนี่แค่เริ่มต้น ชี้เป้าหมายใหญ่ต้องการยกระดับสโมสร

03.30 น. ลีลล์ คว้าชัยชนะได้แล้ว หลังยกพลบุกไปเผาเครื่องก็องถึงถิ่น 2-1 ส่วน ลีญง ได้แค่ไล่เจ๊าเจ้าบ้าน แบรสต์ 1-1 เช่นเดียวกับ บอร์กโดซ์ ที่เสมอกับ โอแซร์ 1-1 ด้าน ดิฌง แม้เล่น 10 คน แต่ยังทุบ ลอริยองต์ 2-0 ศึกลูกหนังลีกเอิงวันเสาร์ที่ผ่านมา

05.30 น. อังเดร วิลลาส-โบอาส กุนซือป้ายแดงเชลซียก ฆวน มาตา ปีก"ค้างคาว"บาเลนเซีย เป็นนักเตะมากความสามารถ สื่อกระทิงจุดกระแสข่าวอาจเร่งคว้าตัว


เทนนิส

04.30 น. ศึกเทนนิส เวสเทิร์น แอนด์ เซาเทิร์น โอเพ่น เกมชายเดี่ยว ได้คู่ชิงแล้ว โดย โนวัค ยอโควิช ผ่านเข้ารอบ หลัง โทมัส เบอร์ดิช ขอยอมแพ้เพราะบาดเจ็บ ขณะที่ แอนดี เมอร์เรย์ หวดเอาชนะ มาร์ดี ฟิช 2 เซตรวด เกมตัดเชือก เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

04.45 น. ศึกเทนนิส เวสเทิร์น แอนด์ เซาเทิร์น โอเพ่น เกมชายเดี่ยว ได้คู่ชิงแล้ว โดย โนวัค ยอโควิช ผ่านเข้ารอบ หลัง โทมัส เบอร์ดิช ขอยอมแพ้เพราะบาดเจ็บ ขณะที่ แอนดี เมอร์เรย์ หวดเอาชนะ มาร์ดี ฟิช 2 เซตรวด เกมตัดเชือก เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา


กอล์ฟ

03.00 น. "โปรช้าง" ธงชัย ใจดี เก็บอีก 2 เบอร์ดี ทำสกอร์รวม วันที่สาม 4 อันเดอร์พาร์ 212 รั้งอันดับ 13 ร่วม ศึกกอล์ฟ เช็ก โอเพ่น ขณะที่ สตีเวน โอฮารา และ โอลิเวอร์ ฟิเชอร์ ลุ้นแชมป์ยูโรเปียนทัวร์ครั้งแรก หลังควงคู่ขึ้นนำร่วม โดยมีคนละ 10 อันเดอร์


มอเตอร์สปอร์ต

02.00 น. วงการรถแข่งเมืองนอก ได้ต้อนรับนักขับสาวสวยน้องใหม่ "มารีเยฟ ดูฟอลต์" นางแบบสุดเซ็กซี่ชาวแคนาดา ซึ่งเตรียมปรากฏกายในคราบนักแข่งในศึกเนชั่นไวด์ ซีรีส์ นาปา ออโตพาร์ตส์ 200 ที่บ้านเกิด สุดสัปดาห์นี้


อื่นๆ

19.30 น. มตบลูกยางสาวไทย โชว์ฟอร์มสุดยอด แซงคว่ำเอาชนะอดีตแชมป์โอลิมปิกทีมสาวคิวบา 3-1 เซต เก็บอีก 3 แต้มเต็ม ทะยานขึ้นอันดับ 6 ตารางคะแนนรวม เพิ่มความหวังเป็น 7 ทีมแรกไปลุ้นเล่นรอบสุดท้ายที่มาเก๊า

23.45 น. การแข่งขันวอลเล่ย์บอลยุวชนหญิงชิงแชมป์โลก 2011 ทีมยุวชนสาวไทยรอดตาย ตบชนะทีมยุวชนจิ้งจอกสาวแอลจีเรียขาดลอย 3-0 เซต ผ่านเข้าไปชิงที่ 13 เฮดโค้ชมั่นใจ ล้มเปอโตริโก้ได้ไม่ยาก

00.05 น. นายกสมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทย เผย โอกาสที่จอมเตะไทยจะคว้าตั๋ว 3 ใบสุดท้ายเข้ารอบกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2012 จากรายการ “ดับเบิลยูทีเอฟ เวิลด์ ควอลิฟิเคชั่น ทัวร์นาเม้นท์ ฟอร์ ลอนดอน 2012 โอลิมปิกเกมส์” พ.ย.นี้ เป็นไปได้สูง แต่ติดที่ยังไม่ได้รับทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ 15 ล้านบาท วอนภาครัฐรีบพิจารณา

00.30 น. "ธนา ไชยประสิทธิ์" แจ้งความพร้อมจัดการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ระหว่างวันที่ 11-22 พ.ย.นี้ เผยเจ้าภาพอินโดนีเซีย ทุ่มทุนถึง 250 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับปรุงสนามกีฬาใหม่ แต่หมู่บ้านนักกีฬายังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ส่วนซีเกมส์ครั้งนี้มีวอลเลย์บอลหญิงในร่มแน่นอน

01.00 น. ผู้ว่าฯกกท. และผอ.ฝ่ายกีฬาภูมิภาค กกท. ออกตรวจการขยายสนามกีฬาประจำจ.ขอนแก่น เจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 40 เตรียมความพร้อมรองรับแฟนกีฬานับหมื่น ทีม"ศุภักษร" ติดต่อรับหน้าเสื่อจัดพิธีเปิด-ปิด

01.15 น. ทีมนักสู้หญิงไทย เข้าตัดเชือกคาราเต้-โดโลก รายการ ฟูนาโกชิ กิชิน คัพ เวิลด์ คาราเต้-โด แชมป์เปี้ยนชิพ 2011 ถล่ม สหรัฐฯ เตรียมลุยรอบรองฯเจออังกฤษ นายกสมาคมคาราเต้-โดฯไทย ปลื้ม พร้อมเจรจากรุยทางสู่ทีมชาติ

22.45 น. “บอส” เจียรณัฎฐ์ นาคะวิโรจน์ นักเทควันโดหนุ่มไทยโชว์พลังเตะอัด ซื่อ เฉย หลิน นักเทควันโดจากไต้หวัน 5-3 คว้าเหรียญทองมหกรรมกีฬามหาวิทยาลัยโลก ครั้งที่ 26 ในขณะที่ “ธันย่า” ธันยพร พฤกษากร ปืนสั้น 25 ม.หญิงไทยพลาดท่า พ่ายนักแม่นปืนหญิงแดนโรตี เก็บได้เพียงเหรียญเงินจากคะแนนรวม 484.3 ผิดฟอร์มกับทีมแร็กเก็ต ม.หญิงไทยที่ยังคงทำผลงานดีเยี่ยมทั้งเดี่ยวและทีม

thairath.co.th

8852
กทม.จัดคอนเสิร์ตการกุศลเชิญศิลปินนักร้องสุนทราภรณ์ขับกล่อมเพลง เพื่อนำรายได้สนับสนุนการก่อสร้างโรงพยาบาลบางขุนเทียน ซื้อบัตรได้แล้วที่ 50 สำนักงานเขตและหน้างาน พบกันที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ 11 กันยายนนี้
       
       
       พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยว่า กทม.จะจัดคอนเสิร์ตการกุศล “กรุงเทพเมืองสวรรค์” ร่วมกับวงดนตรีสุนทราภรณ์วงใหญ่ ในวันที่ 11 ก.ย. 2554 ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ตั้งแต่เวลา 13.30 น. เป็นต้นไป เพื่อนำเงินจากการจัดงานสมทบทุนก่อสร้างศูนย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุและโรงพยาบาลบางขุนเทียน ซึ่ง กทม.กำลังดำเนินการก่อสร้างในพื้นที่เขตบางขุนเทียน เพื่อให้บริการประชาชนฝั่งตอนใต้ของกรุงเทพฯ และปริมณฑลให้สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้อย่างสะดวกและทั่วถึงมากยิ่งขึ้น
       
       สำหรับคอนเสิร์ตกรุงเทพเมืองสวรรรค์ มีนักร้องรับเชิญร่วมขับร้องเพลง เช่น รวงทอง ทองลั่นธม ดาวใจ ไพจิตร รุ่งฤดี แพ่งผ่องใส อุเทน พรหมมินทร์ วิระ บำรุงศรี โอกาสนี้วงดนตรีสุนทราภรณ์ได้มอบเพลงใหม่ให้เป็นเพลงประจำกรุงเทพมหานคร ชื่อเพลง “กรุงเทพเมืองสวรรค์” ซึ่งประพันธ์โดย รศ.ดร.คุณหญิงวินิตา ดิถียนต์ (ว.วินิจฉัยกุล) ทั้งนี้ผู้สนใจซื้อบัตรได้ที่สำนักงานเขตของ กทม.ทั้ง 50 แห่ง หรือบริเวณหน้างาน ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์


ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 สิงหาคม 2554 

8853
ตร.สุรินทร์สั่งฟ้องแล้ว คดีแพทย์ร้องนักกิจกรรมด้านสิทธิผู้ป่วย นำเข้า "ข้อมูลเท็จ" ตามมาตรา 14(1) พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์แล้ว อัยการนัดฟังคำสั่งฟ้อง-ไม่ฟ้องคดี 3 ต.ค.นี้

สืบเนื่องจากกรณีที่ พญ.ประชุมพร บูรณ์เจริญ ประธานสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป แห่งประเทศไทย (สพศท.) เป็นโจทก์ฟ้องนางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา นักกิจกรรมด้านสิทธิผู้ป่วย ในข้อกล่าวหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหาย ตามมาตรา 14 (1) ของพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ โดยระบุว่ามีการเผยแพร่ข้อมูลว่ามีผู้เสียชีวิตโดยไม่สมควรจากการรับบริการทางการแพทย์ถึงปีละ 65,000 คน รวมถึงภาพกรรไกรในลำคอคน

นางปรียนันท์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีการแจ้งความ ตามหมายนัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความเห็นสั่งฟ้องคดีดังกล่าว และพนักงานอัยการได้นัดฟังคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องคดี ในวันที่ 3 ต.ค.นี้ ขณะที่ก่อนหน้านี้ได้เดินทางมารายงานตัวตามหมายเรียกครั้งแรกที่ จ.สุรินทร์แล้วครั้งหนึ่ง โดยเบื้องต้นปฏิเสธข้อกล่าวหาและขอให้การในชั้นศาล

สำหรับความช่วยเหลือด้านคดี นางปรียนันท์ ระบุว่า ได้ทำหนังสือขอความช่วยเหลือจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ และล่าสุด คณะกรรมการชุดดังกล่าวมีมติให้ความช่วยเหลือ โดยจะมีการประชุมหารือเร็วๆ นี้

ทั้งนี้ นางปรียนันท์กล่าวว่า การถูกฟ้องด้วยข้อหาเช่นนี้จะไม่ส่งผลต่อการรณรงค์ใดๆ ของตนเอง เพราะมองว่าไม่น่าจะเข้าองค์ประกอบความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลเท็จนั้นน่าจะเกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์มากกว่า นอกจากนี้ ข้อมูลของตนยังมาจากการอนุมานจากสถิติทางการแพทย์ ซึ่งเคยนำเสนอข้อมูลเหล่านี้ในที่ประชุมของวงการแพทย์หลายแห่ง ซึ่งก็ไม่มีผู้ใดโต้แย้ง

นางปรียนันท์ กล่าวว่า หากมีการสั่งฟ้องในคดีนี้ ก็อาจขอให้มีการนำสืบที่กรุงเทพฯ เนื่องจากการต้องเดินทางไปถึงจังหวัดสุรินทร์นั้นเป็นการเดินทางที่เหนื่อยและกังวลว่าอาจมีการกลั่นแกล้ง เพราะที่ผ่านมา มีการข่มขู่คุกคามสารพัด ขณะที่ ด้านคดี มองว่า น่าจะเป็นผลดี เพื่อจะได้พิสูจน์ว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นเท็จหรือไม่ เพื่อประโยชน์ต่อสาธารณะ เพราะที่ผ่านมา ข้อมูลเหล่านี้ถูกปกปิดอยู่เสมอ

สำหรับนางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา เป็นนักกิจกรรมด้านสิทธิผู้ป่วย ทำงานรณรงค์กับเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ เพื่อผลักดันร่างพ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข

ประชาไท 2011-08-19

8854
(ที่มา ข่าวสดออนไลน์)

วันที่ 18 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีนายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน ในฐานะประธานอนุกรรมการเฉพาะเรื่องตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการส่งอีเมล์ของนักการเมืองระบุการให้เงินและผลประโยชน์แก่ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน ซึ่งสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติแต่งตั้งขึ้น ได้สรุปผลสอบสวนไม่พบการกระทำผิด แต่กลับกล่าวหาการเสนอข่าวและภาพของข่าวสดและมติชนว่าเอนเอียงเข้าข้าพรรคเพื่อไทยนั้น จากพยานหลักฐานพบความสัมพันธ์ของนายแพทย์วิชัยที่น่าสนใจบางประการ
 
โดยนายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน เคยทำจดหมายส่วนตัวทำถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขณะเป็นนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 1 กันยายน 2552 เสนอให้แต่งตั้ง นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ ที่ปรึกษาระดับ 11 สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เป็นปลัดกระทรวงสาธารณสุข มีใจความดังนี้
 
"กราบเรียน ท่านนายกรัฐมนตรีที่รักและนับถือยิ่ง
 
กระทรวงสาธารณสุขขณะนี้ อ่อนแอทั้งวิชาการ การบริหาร และคุณธรรม หากไม่มีการแก้ไขนอกจากจะไม่สามารถเผชิญกับปัญหายากๆ อย่างไข้หวัดใหญ่ 2009 ระลอกสอง และไม่สามารถผลักดันนโยบายสำคัญของรัฐบาลอย่างนโยบายโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลได้แล้ว โครงการเมกะโปรเจกต์ต่างๆ จะเกิดปัญหาการทุจริตซึ่งจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลรุนแรงและร้ายแรงยิ่งกว่ากรณีทุจริตยา 1,400 ล้าน
 
กระทรวงสาธารณสุขขณะนี้จึงต้องการผู้นำ โดยเฉพาะปลัดกระทรวงที่ กล้า แข็ง มีความรู้ ความสามารถ บารมีเพียงพอ และเชื่อถือไว้วางใจได้ เข้ามากอบกู้สถานการณ์ ซึ่งมองไปทั่วแล้ว ผมขอกราบเรียนว่า น่าจะถึง นายแพทย์ชูชัย ศุภวงศ์ ลูกหม้อเก่ากระทรวงสาธารณสุข ขณะนี้เป็นข้าราชการพลเรือนระดับ 11 อยู่ที่สำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กลับมาทำหน้าที่นี้
 
ผมเชื่อมั่นว่า นายแพทย์ชูชัย มีความรู้ความสามารถและคุณสมบัติต่างๆเหมาะสมกับสถานการณ์ขณะนี้อย่างยิ่ง ข้อสำคัญยังเป็นผู้ที่ทุ่มเททำงานให้พรรคประชาธิปัตย์มาอย่างยืนหยัดยาวนานซึ่งท่านชวน หลีกภัย รู้จักและคุ้นเคยดี

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา"


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายแพทย์ชูชัย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งล่าสุดถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก กรณีสรุปผลการสอบสวนข้อเท็จจริงเหตุการณ์ 91 ศพ โดยปกป้องรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ และกล่าวหาว่านปช. เป็นฝ่ายผิดแทบทุกกรณี ซึ่งจะเห็นได้ว่าในจดหมายที่เขียนโดยนายแพทย์วิชัยนั้น ใช้คำว่า "นายแพทย์ชูชัย มีความรู้ความสามารถและคุณสมบัติต่างๆ เหมาะสมกับสถานการณ์ขณะนี้อย่างยิ่ง ข้อสำคัญยังเป็นผู้ที่ทุ่มเททำงานให้พรรคประชาธิปัตย์มาอย่างยืนหยัดยาวนาน"
----------

ย้อนอ่านข่าวเก่า ที่มาของ "จม.หมอวิชัย" ถึง "นายกฯ อภิสิทธิ์"

เปิด จม.น้อย "หมอวิชัย" ขอเก้าอี้ ปลัด สธ. เบื้องหลังฟันกราวรูด บิ๊ก ขรก.กรณีทุจริตไทยเข้มแข็ง

(เผยแพร่ครั้งแรกทางเว็บไซต์มติชนออนไลน์ เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2552)

หลังจากที่นายวิทยานายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)ลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการทุจริตโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุขซึ่งมี นพ.บรรลุ ศิริพานิช อดีตรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน และ นพ.วิชัย โชควิวัฒน์ (ประธานคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม) เป็นเลขานุการ ได้สรุปผลการตรวจสอบว่า นายวิทยาบกพร่อง และส่อเจตนาไม่สุจริต ปรากฏว่า  นายวิทยาได้รับเสียงชื่นชมจากฝ่ายต่างๆถึงการแสดงสปิริตดังกล่าวว่า เป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการเมืองไทย

ทำให้กระแสกดดันพุ่งเป้าไปยังนายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขว่า จะลาออกตามนายวิทยาหรือไม่

ขณะเดียวกัน มีการจับตาว่า ชะตากรรมของข้าราชการระดับสูงอีก 8 คนโดยเฉพาะนพ.ไพจิตร์  วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุขที่ถูกกล่าวหาว่า บกพร่องต่อหน้าที่สมัยที่เป็นรองปลัดกระทรวง จะเป็นอย่างไร

เพราะเอาเข้าจริงๆแล้ว มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า  การสรุปผลสอบออกมาในลักษณะดังกล่าว ต้องการพุ่งเป้าเล่นงาน นพ.ไพจิตร์ เพื่อแย่งชิงเก้าอี้ปลัดกระทรวงซึ่งเป็นเป็นตำแหน่งที่กลุ่มผลประโยชน์ในกระทรวงสาธารณสุขแย่งชิงกันมาตลอด

เพราะแม้แต่ในคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเองก็มีความเห็นไม่ลงรอยกันระหว่าง น.พ.บรรลุ และ นพ.วิชัยฝ่ายหนึ่งกับ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อีกฝ่ายหนึ่งในเรื่องการตั้งข้อกล่าวหา นพ.ไพจิตร์ กล่าวคือ นพ.บรรลุและ นพ.วิชัยต้องการกล่าวหาว่า ส่อไปในทางทุจริต ขณะที่ พล.ต.อ.ประทินเห็นว่า ไม่มีพยานหลักฐานที่จะเชื่อมโยงได้

ถึงขั้นมีกระแสข่าวว่า มีการถกเถียงกันต่อหน้านายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ขณะที่คณะกรรมการชุดนี้เข้าไปรายงานผลการสอบสวนในทำเนียบรัฐบาล

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวถูกทำให้น่าเชื่อมากยิ่งขึ้นด้วยเอกสารชุดหนึ่งคือ จดหมายส่วนตัวของ นพ.วิชัย โชควิวัฒน์  ทำถึงนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 1 กันยายน 2552 เสนอให้แต่งตั้ง นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ ที่ปรึกษาระดับ 11 สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเป็นปลัดกระทรวงสาธารณสุข มีใจความดังนี้

"กราบเรียน ท่านนายกรัฐมนตรีที่รักและนับถือยิ่ง

"กระทรวงสาธารณสุขขณะนี้ อ่อนแอทั้งวิชาการ การบริหาร และคุณธรรม หากไม่มีการแก้ไขนอกจากจะไม่สามารถเผชิญกับปัญหายากๆ อย่างไข้หวัดใหญ่ 2009 ระลอกสอง และไม่สามารถผลักดันนโยบายสำคัญของรัฐบาลอย่างนโยบายโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลได้แล้ว โครงการเมกะโปรเจกต์ต่างๆ จะเกิดปัญหาการทุจริตซึ่งจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลรุนแรงและร้ายแรงยิ่งกว่ากรณีทุจริตยา 1,400 ล้าน

"กระทรวงสาธารณสุขขณะนี้จึงต้องการผู้นำ โดยเฉพาะปลัดกระทรวงที่ กล้า แข็ง มีความรู้ ความสามารถ บารมีเพียงพอ และเชื่อถือไว้วางใจได้ เข้ามากอบกู้สถานการณ์ ซึ่งมองไปทั่วแล้ว ผมขอกราบเรียนว่า น่าจะถึง นายแพทย์ชูชัย ศุภวงศ์ ลูกหม้อเก่ากระทรวงสาธารณสุข ขณะนี้เป็นข้าราชการพลเรือนระดับ 11 อยู่ที่สำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กลับมาทำหน้าที่นี้

"ผมเชื่อมั่นว่า นายแพทย์ชูชัย มีความรู้ความสามารถและคุณสมบัติต่างๆเหมาะสมกับสถานการณ์ขณะนี้อย่างยิ่ง ข้อสำคัญยังเป็นผู้ที่ทุ่มเททำงานให้พรรคประชาธิปัตย์มาอย่างยืนหยัดยาวนานซึ่งท่านชวน หลีกภัย รู้จักและคุ้นเคยดี

"จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา"

จากนั้นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีบัญชาให้นายสุธรรม ลิ้มสุวรรณเกษม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติราชการแทน เลขาธิการนายกรัฐมนตรีทำหนังสือที่ นร0405(ลน2)/8646 ลงวันที่ 9 กันยายน 2552 เรื่อง เสนอความเห็นและข้อเสนอแนะ ถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีใจความว่า

"ด้วยนายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน มีหนังสือกราบเรียนนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาข้อเสนอแนะและเสนอความเห็นเกี่ยวกับการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข และเสนอให้ดึงนายแพทย์ชูชัย ศุภวงศ์ มาทำหน้าที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุข รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย

"นายกรัฐมนตรีพิจารณาแล้ว มีบัญชาให้ส่งเรื่องดังกล่าวมาเพื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป"

อย่างไรก็ตามปรากฏว่า ข้อเสนอดังกล่าวไม่เป็นผล เพราะนายวิทยาได้แต่งตั้ง นพ.ไพจิตร์ เป็นปลัดกระทรวงสาธารณสุข

และแล้วเมื่อมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการร้องเรียนการทุจริตการจัดสรรงบไทยเข้มแข็งเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2552 ซึ่งมี นพ.วิชัย โชควิวัฒน์ เป็นเลขานุการคณะกรรมการ ทำให้มองว่า เป็นโอกาสที่จะสั่นคลอนเก้าอี้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขด้วยข้อกล่าวหาการทุจริต

แต่เมื่อหาพยานหลักฐานไม่ได้ จึงได้แค่ระบุว่า บกพร่องต่อหน้าที่ขณะกำกับดูแลสำนักงานบริหารสาธารณสุขภูมิภาค(สบภ.)

แม้เรื่องนี้ยังหาพยานหลักฐานชัดเจนไม่ได้ว่า เป็นเรื่องเดียวกันหรือไม่ แต่ก็ถ้าดูรูปเรื่องและหลักฐานเท่าที่มีแล้ว อาจทำให้ผู้คนในกระทรวงสาธารณสุขเชื่อว่า เป็นเกมในการแย่งชิงเก้าอี้อย่างแน่นอน

มติชนออนไลน์ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2554

8855
รองปลัด สธ.ตั้งกองทุนระดมทุนช่วยเหลือ รพ.อุ้มผาง ดิ้นขาดสภาพคล่อง

“หมอศิริวัฒน์” รองปลัด สธ.ใจบุญ ระดมทุนผ่านเฟซบุ๊กช่วยเหลือ รพ.อุ้มผาง หลังพบมีปัญหาขาดทุนต่อเนื่อง เชื่อเป็น รพ.ที่ดำรงอยู่เพื่อประชาชนอย่างเสียสละ รักษาไม่แบ่งแยก มีคนกลุ่มน้อยถึง 4.6 หมื่นคน
       
       วานนี้ (18 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบความเคลื่อนไหวในเครือข่ายสังคมออนไลน์ มีการตั้งกองทุนเพื่อขอรับเงินบริจาค โรงพยาบาล (รพ.) อุ้มผาง จ.ตาก เพื่อช่วยให้พ้นวิกฤตจากปัญหาขาดทุน โดยเปิดประชาสัมพันธ์ข้อมูลผ่านเว็บไซต์เฟซบุ๊ก (Facebook) ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถบริจาคผ่านบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงสาธารณสุข ติวานนท์ ชื่อบัญชี “นายศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เพื่อโรงพยาบาลอุ้มผาง” หมายเลขบัญชี 142-0-12405-6 พร้อมทั้งแนบลิงก์ปัญหา รพ.อุ้มผาง http://dlfp.in.th/paper/317 อีกด้วย
       
       โดยผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามไปยังเจ้าของชื่อบัญชี คือ นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ถึงความเป็นมาของกองทุนดังกล่าว ซึ่งได้รับคำตอบว่า การตั้งกองทุนดังกล่าวไม่ใช่เพื่อช่วยปลดหนี้ทั้งหมดให้โรงพยาบาล แต่เพียงแค่เป็นการช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น เช่น ในเรื่องของสวัสดิการเจ้าหน้าที่เท่านั้น หรือการให้เงินผู้ป่วยเป็นค่ารถไปกลับ
       
       นพ.ศิริวัฒน์กล่าวด้วยว่า การช่วยเหลือครั้งนี้ เนื่องจากตนมองว่า นพ.วรวิทย์ ตันติวัฒนทรัพย์ ผู้อำนวยการ รพ.อุ้มผาง เป็นคนเสียสละ มีอุดมการณ์ในการทำงาน แม้จะประสบปัญหามากมายแค่ไหนก็ยังยืนหยัดช่วยผู้ป่วย ไม่ทำเรื่องขอย้ายไปที่อื่น ทำงานมาหลายสิบปี จึงมีแนวคิดในการตั้งกองทุนขึ้นเพื่อช่วยเหลือไม่มากก็น้อย แต่ไม่ใช่ประเด็นปลดหนี้
       
       ด้าน นพ.วรวิทย์ กล่าวว่า กองทุนดังกล่าวมาจากแนวคิดของ นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ซึ่งจะเกษียณในวันที่ 30 ก.ย. 2554 และจะจัดเลี้ยงเกษียณในวันที่ 9 ก.ย.ที่โรงแรมริชมอนด์ โดยจะใช้โอกาสดังกล่าวจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือ รพ.อุ้มผาง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ประสบปัญหาติดลบทางการเงิน แม้ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จะจัดสรรงบประมาณให้ แต่ไม่เพียงพอกับความเป็นจริง จึงต้องพยายามช่วยเหลือตัวเองมาตลอด ส่วนการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวขึ้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อปลดหนี้ แต่จะนำเงินที่ได้จากกองทุนนี้มาช่วยในเรื่องของค่าใช้จ่ายภายใน หรือสวัสดิการอื่นๆ ของเจ้าหน้าที่ที่ทุ่มเททำงาน รวมไปถึงค่าใช้จ่ายขอผู้ป่วยบางกรณี ซึ่งถือเป็นน้ำใจของผู้ประสงค์ดีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพราะต้องเข้าใจก่อนว่า การจะแก้ปัญหาหนี้สินของโรงพยาบาล แค่การตั้งกองทุนคงช่วยไม่ได้ แต่เป็นหน้าที่ในภาพรวมที่ภาครัฐต้องดำเนินการ ตรงนี้เป็นเพียงการช่วยเหลือตัวเองไปก่อนเท่านั้น
       
       ผอ.รพ.อุ้มผางกล่าวด้วยว่า หลังจากที่เข้ามาทำหน้าที่ในโรงพยาบาลกว่า 20 ปี พบว่าโรงพยาบาลมีปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ สาเหตุมาจากการรักษาพยาบาลคนจำนวนมาก โดยเฉพาะชนกลุ่มน้อย ซึ่งปัจจุบันเข้ารับการรักษาสูงถึง 46,000 คน โดยชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ตามชายแดน เมื่อคนกลุ่มนี้เจ็บป่วยก็หันมาพึ่งหมอ พึ่งโรงพยาบาล แม้ไม่มีเงินก็ต้องรักษา ไม่สามารถปล่อยตามยถากรรม แต่ปัญหาคือ เงินที่ได้รับการจัดสรรเพื่อซื้อยา ซื้อเครื่องไม้เครื่องมือ หรือค่าจ้างพยาบาลไม่เพียงพอ ทำให้โรงพยาบาลมีค่าใช้จ่ายที่เก็บเงินไม่ได้ ส่งผลให้ขาดทุนถึง 27-28 ล้านบาทต่อปี ขณะที่ สปสช.ให้เฉพาะค่าเหมาจ่ายรายหัวตามประชากรผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งมีอยู่เพียง 26,000 คน ส่วนสิทธิข้าราชการ ประกันสังคมน้อยมากเพียง 2,000 คน ทำให้ต้องยืมยาจาก รพ.แม่สอด อีกทั้งในโรงพยาบาลก็ประหยัดทุกวิถีทาง ทั้งผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงใช้เอง แต่งรถของชาวบ้านเป็นรถเคลื่อนย้ายผู้ป่วย สิ่งเหล่านี้ทำมาตลอด ไม่ใช่แค่ รพ.อุ้มผาง แต่ รพ.แม่สอด ใน จ.ตากก็ประสบปัญหาเช่นกัน

เผย รพ.อุ้มผาง-ตัวอย่างความล้มเหลวของ สปสช.

 ประธาน สพศท.ชี้ รพ.อุ้มผางเป็นตัวอย่างความล้มเหลวการบริหารของ สปสช.   แนะเรื่องปัญหาขาดสภาพคล่องต้องสะท้อนในวงกว้างเพื่อแก้ปัญหาภาพรวม
       
       จากกรณีที่มีรายงานข่าวระบุว่า      นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ได้เปิดบัญชีธนาคารเพื่อระดมทุนช่วยเหลือ รพ. โรงพยาบาล(รพ.) อุ้มผาง  จ.ตาก โดยมีการประชาสัมพันธ์ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ และตั้งใจว่าจะการนำเงินที่บริจาคไปช่วย ส่วนของการจ่ายค่าสวัสดิการ ของเจ้าหน้าที่ที่ทุ่มเททำงาน รวมไปถึงค่าใช้จ่ายขอผู้ป่วยบางกรณี นั้น
                     
       พญ.ประชุมพร บูรณ์เจริญ  ประธานสมาพันธ์โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป  (สพศท.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า   หากมองในความตั้งใจจริงของการเปิดกองทุนดังกล่าว ถือเป็นเรื่องดี แต่เป็นการช่วยเหลือแค่แห่งเดียว  ซึ่งจะดียิ่งกว่า หากมีการสะท้อนปัญหาใหญ่ ในโรงพยาบาลอีกนับร้อยแห่ง ที่มีปัญหาไม่ต่างกัน  และคิดว่าน่าจะดีหากมีการสะท้อนปัญหาในภาพรวมเพื่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ทราบเพื่อจะได้แก้ปัญหาอย่างจริงจัง 
                     
       พญ. ประชุมพร กล่าวด้วยว่า   จากข่าวที่ออกไปนั้นก็ชัดเจนว่า   การจ่ายเงินเหมาจ่ายรายหัวที่ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)  จ่ายให้โรงพยาบาล ไม่ได้มีส่วนช่วยแก้ปัญหาโรงพยาบาลขาดสภาพคล่องเลย ดังนั้นหากจะแก้ปัญหาจริงๆ ผู้บริหาร สธ.ควรพิจารณากรณี รพ.อุ้มผาง ไว้เป็นตัวอย่าง   แล้วกระจายความช่วยเหลืออย่างทั่วถึง  อย่างไรก็ตามตนจะพยายามเสนอปัญหานี้แก่ รมว.สธ. ทราบเพื่อกระตุ้นให้เกิดการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง

ASTVผู้จัดการออนไลน์   19 สิงหาคม 2554

8856
อย.จับร้านยาเถื่อน 6 แห่ง ใน “อุดรธานี” มูลค่าของกลาง 1 แสนบาท เตือนร้านใดมีเภสัชกรประจำแล้วทำผิดกฎหมาย ระวังถูกสั่งพักใบอนุญาตฯ ประกอบวิชาชีพฯ เผยพบเจ้าหน้าที่ สสจ.อุดรฯ ถูกทำร้าย ตำรวจคาด เกี่ยวข้องกับการจับกุมร้านขายยาผิด กม.
       
       วันนี้ (18 ส.ค.) นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บังคับการปราบปราบการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ผบก.ปคบ.) ร่วมกันแถลงข่าวกรณีการจับกุมร้านขายยาผิดกฎหมาย จ.อุดรธานี มูลค่าของกลาง 1 แสนบาท
       
       นพ.พิพัฒน์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา อย.ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ บก.ปคบ. และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) อุดรธานี ออกตรวจสอบร้านขายยาที่กระทำผิดกฎหมายในจังหวัดอุดรธานีจำนวน 6 แห่ง ไประกอบด้วย 1.ร้านรุ่งเรืองเภสัช เลขที่ 102/7 หมู่ 4 ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี 2.ร้านเอสอายซัพพลาย เลขที่ 337/5-6 ต.หนองบัว อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี 3.ร้านสมศักดิ์ CS คอมเพล็กซ์ เลขที่ 277/1-3 ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี 4.ร้านขายยาบ้านโนนฟาร์มาซี เลขที่ 28/115 ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี 5.ร้านรุ่งโรจน์ 2 เลขที่ 106/26 ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี 6.ร้านไข่ เลขที่ 106/25 ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี
       
       นพ.พิพัฒน์กล่าวต่อว่า สำหรับการกระทำความผิดขิองร้านดังกล่าวนั้น พบมีการจำหน่ายยาสเตียรอยด์ ยาแก้ปวดเกร็ง ยาลดความอ้วน ยาแก้ไอซูโดเอฟริดีน และวัตถุออกฤทธิ์ทางจิตประสาท รวมมูลค่าสินค้ากว่า 1 แสนบาท ซึ่งร้านดังกล่าวไม่มีทะเบียนอนุญาตให้จำหน่ายยา และยาต่างๆ ที่พบก็เป็นยาปลอมซึ่งไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยากับ อย.เช่นกัน ขณะที่สถานการณ์ร้านขายยาผิดกฎหมายในเขต กทม.ยังพบเป็นจำนวนมากเช่นกัน โดยภายใน 1 เดือน เจ้าหน้าที่ตำรวจและ อย.มีการรวบรวมของกลางที่จำหน่ายในร้านมีมูลค่าราว 30 ล้านบาท
       
       เลขาธิการ อย.กล่าวด้วยว่า แต่ละร้านมีความผิดในข้อหาที่แตกต่างกัน เบื้องต้นประมวลสรุปได้ดังนี้ 1. ขายยาแผนปัจจุบันนอกเวลาทำการ มีโทษปรับ 2,000-10,000 บาท 2.ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท 3.ขายยาอันตรายขณะผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการไม่อยู่ มีโทษปรับ 1,000-5,000 บาท 4.ขายยาไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 5.ฉลากที่ภาชนะและหีบห่อบรรจุยาแสดงข้อความไม่ครบถ้วน มีโทษปรับ 2,000-10,000 บาท
       
       6.ไม่จัดทำบัญชีซื้อและบัญชีขายยา มีโทษปรับ 2,000-10,000 บาท 7.ผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการไม่ควบคุมการจัดทำบัญชียา มีโทษปรับ 1,000-5,000 บาท 8.ขายวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 3 หรือ 4 โดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาท 9.ขายยาบรรจุเสร็จหลายขนานโดยจัดเป็นชุดๆ ในคราวเดียวกัน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 10. ขายยาหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท ทั้งนี้ หากร้านขายยาเปิดแล้วมีเภสัชกรประจำร้านอยู่ แล้วมีการทำผิดกฎหมาย ทาง อย.ก็จะทำหนังสือขอให้สภาเภสัชกรรมสั่งพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพด้วย
       
       “นอกจากนี้ ในช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาพบว่า มีเภสัชกรชำนาญการประจำ สสจ.อุดรฯ ถูกทำร้ายร่างกายระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ทางราชการ โดยผู้ร้ายได้โทรศัพท์เข้าข่มขู่เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวด้วย เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าอาจเกี่ยวข้องกับกรณีการจับกุมร้านขายยาผิดกฎหมาย ดังนั้น ทาง อย.จึงได้แจ้งขอความร่วมมือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองอุดรธานี ในการติดตามหาผู้ต้องสงสัยในคดีทำร้ายร่างกาย เพราะเป็นการกระทำที่อุกอาจไม่เกรงกลัวกฎหมาย และได้รายงานเหตุการณ์ดังกล่าวให้นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมช.สธ.) ได้รับทราบด้วย โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้กำชับและสั่งการให้สถานีตำรวจภูธรเมืองอุดรธานีดำเนินการสืบสวนอย่างเร่งรัดโดยเร็วที่สุดเพื่อหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดด้วย

ASTVผู้จัดการออนไลน์    18 สิงหาคม 2554

8857
คณะ​แพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ​เตรียม​เปิด​ให้บริ​การทาง​การ​แพทย์รูป​แบบ​ใหม่ ​ในชื่อ ​โรงพยาบาลศิริราช ปริยมหาราช​การุณย์ ​เพื่อรองรับ​ผู้ป่วยจำนวนมากที่ต้อง​การ​การรักษา​และ​การบริ​การที่สะดวกรวด​เร็ว ​หรือ​ไม่สามารถ​เข้า​ถึง​การรักษา​ได้​ใน​โรงพยาบาลรัฐ​แห่งอื่นๆ ​และพอมี​ความสามารถ​ใน​การจ่ายค่ารักษาพยาบาล ​ซึ่งรูป​แบบ​การดำ​เนินงาน​ใหม่นี้จะ​ทำ​ให้​ผู้ป่วย​เหล่านั้น​เป็น​ทั้ง “​ผู้รับ” ​และ “​ผู้​ให้” ​ในขณะ​เดียวกัน ​เพราะราย​ได้จาก​การดำ​เนินงานจะคืนกลับสู่คณะ​แพทยศาสตร์ศิริราช​เพื่อช่วย​เหลือ​ผู้ป่วยที่ขาด​แคลนทุนทรัพย์ ​และพัฒนาสู่​ความ​เป็น​เลิศทาง​การ​แพทย์ระดับสากลต่อ​ไป

ศาสตราจารย์คลินิกนาย​แพทย์ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ คณะบดีคณะ​แพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า ​ในปัจจุบัน​โรงพยาบาลศิริราชต้องดู​แล​ผู้ป่วย​ถึงปีละ 2.8 ล้านราย ​โดย​เป็น​ผู้ป่วย​ใน​ถึง 80,000 ราย ​และมีจำนวน​เพิ่มขึ้นทุกปี ​แต่อย่าง​ไร​ก็ตามยังมี​ผู้ป่วยอีกจำนวนมากที่ยินดีจะจ่าย​เพิ่ม​แต่​ไม่มี​โอกาส​เข้า​ถึงบริ​การทาง​การ​แพทย์จากศิริราช

“ด้วย​เหตุนี้ คณะ​แพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล​จึง​ได้ริ​เริ่ม​โครง​การ​โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราช​การุณย์ขึ้น ​โดยจะ​เป็น​โรงพยาบาลของรัฐ​แห่ง​แรกที่มีรูป​แบบ​การบริหาร​และบริ​การที่มีประสิทธิภาพ​แบบ​เอกชน ​โดยมีจุดต่างที่​การยึดหลัก คืนราย​ได้จาก​การดำ​เนินงานกลับสู่คณะ​แพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลอย่างต่อ​เนื่อง ​เพื่อนำ​ไปช่วย​เหลือ​ผู้ป่วยที่ขาด​แคลนทุนทรัพย์​และพัฒนาสู่​ความ​เป็น​เลิศระดับสากล ดังนั้น ​ผู้ป่วยที่ยินดีจ่าย​เพิ่ม​เพื่อ​เข้ารับบริ​การ​ใน​โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราช​การุณย์นั้น นอกจากจะ​เป็น​ผู้รับ คือ ​ได้รับบริ​การที่​เป็น​เลิศตามมาตรฐานทาง​การ​แพทย์​แล้ว ยังจะมี​โอกาส​เป็น​ผู้​ให้อีด้วย ​และจากวิสัยทัศน์​และพันธกิจของ​โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราช​การุณย์ จะ​ทำ​ให้บุคลากร​เกิด​ความภาคภูมิ​ใจ​ใน​การมีส่วนร่วมพัฒนาคณะ​แพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ​และ​เป็นประ​โยชน์ต่อสังคม​โดยรวมอย่างยั่งยืนต่อ​ไป”

ศาสตราจารย์คลินิกนาย​แพทย์ธีรวัฒน์ กล่าวต่อว่า มาตรฐาน​การรักษาพยาบาลของ​โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหา​การุณย์ นั้น​เป็นมาตรฐาน​เดียวกับ​โรงพยาบาลศิริราช ​ทั้งด้านบุคลากรทาง​การ​แพทย์​และอุปกรณ์ทาง​การ​แพทย์ ​โดย​ทั้งสอง​โรงพยาบาลมี​การคัดกรองบุคลากรทาง​การ​แพทย์ด้วยมาตรฐาน​เดียวกัน คือ ดี ​เก่ง​และมี​ความสุข​ใน​การ​ทำงาน ส่วน​ในด้าน​เครื่องมือทาง​การ​แพทย์​ก็จะมี​ความก้าวหน้า​และทันสมัย​ในระดับมาตรฐาน​โลก​เหมือนกัน ​และยังสามารถช่วย​เหลือ​เกื้อกูลกันระหว่าง 2 ​โรงพยาบาล​ได้ด้วย ​ในส่วนรูป​แบบ​การบริหาร​และบริ​การที่มีอิสระ คล่องตัว จะ​ทำ​ให้​ผู้ป่วยที่​เข้ารับ​การรักษาที่​โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราช​การุณย์ ​ได้รับบริ​การที่สะดวกรวด​เร็ว​เช่น​เดียวกับ​โรงพยาบาล​เอกชน ​ในอัตราค่าบริ​การที่สม​เหตุสมผล ​และยังมั่น​ใจ​ได้​ใน​ความ​เป็น​เลิศทาง​การ​แพทย์มาตรฐาน​เดียวกับ​โรงพยาบาลศิริราช

“​โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราช​การุณย์ มีกำหนด​เปิดบริ​การ​ในต้นปี 2555 ​โดย​ในปี​แรกคาดว่าจะสามารถ​ให้บริ​การ​ได้ 30% ของพื้นที่ ​ในปีที่สอง 50% ​และปีที่สามจะสามารถ​ให้บริ​การ​ได้ 100% ​ซึ่ง​เรามั่น​ใจว่ารูป​แบบ​การดำ​เนินงาน​แบบ​ใหม่นี้ ​เนื่องจากมีประสบ​การณ์​และ​เคยประสบ​ความสำ​เร็จมา​แล้วจาก​การ​เปิดศูนย์หัว​ใจ The Heart by Siriraj ​ซึ่ง​เป็น​โครง​การนำร่องมาตั้ง​แต่ปี 2549 ​โดย​ไม่​เพียง​แต่รองรับ​และสนอง​ความต้อง​การของ​ผู้ป่วยที่ยินดีจ่าย​เพิ่ม​แล้ว ยังสามารถสร้างราย​ได้​เพียงพอที่จะ​เลี้ยงตัว​เอง ​และคืนกลับสู่คณะ​แพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล อีก​ทั้ง ยังช่วยรักษาบุคลากร​เอา​ไว้​ได้​เป็นอย่างดี”

​ทั้งนี้ ราย​ได้จาก​การดำ​เนินงานของ ​โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหา​การุณย์ ที่จะกลับคืนสู่คณะ​แพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล จะถูกนำ​ไป​ใช้​ใน​การพัฒนา 4 ด้านหลัก​ได้​แก่ 1) ​การบริ​การ​ผู้ป่วย​โดยรวม 2) ​การศึกษาของ​แพทย์ 3) ​การวิจัย 4) ​การ​ทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม ​ซึ่งท้ายที่สุด​แล้ว ​การพัฒนา​ทั้ง 4 ด้านจะนำมา​ซึ่งประ​โยชน์​และช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของ​ผู้ป่วย​โดยรวมตามปรัชญา​ความ​เป็น​โรงพยาบาล​เพื่อ​แผ่นดิน ​และพัฒนาสู่​ความ​เป็น​เลิศทาง​การ​แพทย์ระดับสากล

​โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราช​การุณย์ ตั้งอยู่​ใกล้​โรงพยาบาลศิริราช ​ซึ่งมีจุด​เด่นด้านภูมิสังคม คือ ตั้งอยู่ริม​แม่น้ำ​เจ้าพระยามีทัศนียภาพที่งดงาม อากาศดี​เหมาะ​แก่​การพักฟื้นของ​ผู้ป่วย นอกจากนี้ บริ​เวณ​โดยรอบ​เป็นชุมชนที่ยังมี​ความ​เป็นมิตร ​เงียบสงบ มี​การพัฒนาระบบ​การคมนาคมที่สะดวกสบาย ตัวอาคารมี​ความสูง 14 ชั้น ​และชั้น​ใต้ดิน 3 ชั้น ภาย​ในอาคารจะมีศูนย์รักษา​โรคครบวงจร ​เช่น ศูนย์​โรคหัว​ใจ ศูนย์มะ​เร็ง ศูนย์รังสีรักษา ศูนย์รังสีวินิจฉัย ศูนย์​โรคระบบทาง​เดินอาหาร​และตับ ศูนย์ปลูกถ่ายอวัยวะ ศูนย์ประสาทวิทยา ศูนย์​ไต​เทียม ศูนย์ทาง​เดินปัสสาวะ ศูนย์​เบาหวาน ศูนย์ภูมิ​แพ้ ศูนย์กระดูก​และข้อ ฯลฯ มีห้องบริ​การ​ผู้ป่วยนอก 117 ห้อง ห้องผ่าตัด 12 ห้อง ​เตียง​ผู้ป่วย 284 ​เตียง หอ​ผู้ป่วยวิกฤติ 61 ห้อง ช่วย​เพิ่มขีด​ความสามารถ​ในงานบริ​การ ​ให้สามารถ​เป็นศูนย์กลางบริ​การทาง​การ​แพทย์​ในภูมิภาคนี้

​ทั้งนี้ ทางคณะ​แพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ​ได้​ทำ​การ​แต่งตั้งทีมบริหาร​โรงพยาบาล ​โดยมี รองศาสตราจารย์นาย​แพทย์ประดิษฐ์ ปัญจวีณิน ดำรงตำ​แหน่ง​ผู้อำนวย​การ​โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราช​การุณย์

​แนวหน้า 17 สิงหาคม 2554

8858
บริหารงบOPระดับจังหวัด

1.การจัดสรรงบงบผู้ป่วยนอกรายหักเงินเดือนรายCUP ทำให้หน่วยบริการที่ให้บริการOPD เป็นหลักเสี่ยงต่อค่าใช้จ่ายไม่พอเพียง
2.การบริหารงบ OP ระดับจังหวัดสร้างความชอบธรรมในการปรับเกลี่ยโดยคณะกรรมการระดับจังหวัด
3.ตอบสนองการจัดระบบบริการเครือข่ายระดับเขตที่กำหนดให้มี Satellite OP ที่ไม่มี IPDลดภาระความไม่คุ้มค่าและความเสี่ยงขาดทุนซ้ำซ้อนในการจัดบริการIPของรพ.ขนาดเล็ก
4.กรณีงบOPไม่เพียงพอ การบริหารโดยเขตสามารถปรับสัดส่วนงบ OP ให้เหมาะสมโดยคณะกรรมการบริหารระบบบริการได้

บริหารงบPP ระดับอำเภอ
1.เน้นการบริหารจัดการงบ National PP, Community PP และงบกองทุนตำบลด้วย
2.การจัดสรรงบไปสู่รพ.ในฐานะ CUP ทำให้รพ.ซึ่งมีภาระบริการผู้ป่วยหนักอยู่แล้วต้องปรับบทบาทมาบริหารจัดการระบบส่งเสริมป้องกันโรคชุมชนซึ่งยากที่จะดำเนินการได้ดี
3.สสอ.ได้กำหนดให้เป็นหน่วยบริหารจัดการระบบส่งเสริมป้องกันโรคชุมชนผ่านระบบPCUสอ.และรพ.แต่ไม่ได้รับสนับสนุนงบโดยตรง เกิดปัญหาการดำเนินการร่วมกับรพ.หลายแห่ง
4.การบริหารจัดการโดยอำเภอโดยคณะกรรมการบริหารสุขภาพอำเภอมีองค์ประกอบท้องถิ่นร่วม สสอ.เป็นเลขาทำให้การบริหารงบPP Community และ กองทุนตำบลเป็นความร่วมมือบนการจัดการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

3.
การจัดสรรงบบริการพื้นฐานทั้งหมด ลดการบริหารจัดการเป็นกองทุนย่อย
การจัดกองทุนย่อยเพื่อเป็นการสร้างกลไกการดำเนินงานเร่งรัดผลงานให้บรรลุเป้าหมายเฉพาะเรื่อง  เพิ่มการเข้าถึงการบริการโรคยากราคาแพง ลดภาวะล้มละลายจากค่ารักษาของครอบครัว

การจัดสรรงบบริการพื้นฐานทั้งหมด ลดการบริหารจัดการเป็นกองทุนย่อย

1.การจัดงบแยกย่อยโดยจัดแบ่งจากบริการพื้นฐานออกไปหลายรายการ ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อวงเงินบริการหลักไม่เพียงพอ
2.ส่วนที่จัดแบ่งไปบริหารแยกย่อยถูกกันเงินไว้ที่กองกลางสปสช. ไม่ถูกหักเงินเดือน หักเงินเดือนเฉพาะงบบริการหลักที่จ่ายล่วงหน้าทำให้งบบริการยิ่งน้อย ยิ่งเสี่ยง
3.การจัดกองทุนย่อย ทำให้เกิด ภาระงาน ภาระรายงาน อย่างมากต่อพื้นที่
4.หน่วยบริการมีความสามารถจัดบริการได้ไม่เท่าเทียม เกิดการแย่งตลาดบริการข้ามเขต

Links between health financing strategy and health outcomes :WHO 2007
ทิศทางระบบสุขภาพโลก เพิ่มการเข้าถึงบริการลด OOP(Object-Oriented programming)
การบริหารวงเงินรวมตามระบบบริการพื้นฐานตามมาตรฐานเพิ่มความครอบคลุมและคุ้มค่าในผลลัพธ์ด้านสุขภาพ

4.
การปรับสัดส่วนจัดสรร OP:IP:PP เป็น 40-40 -20
คำของบบริการผู้ป่วยในมีระบบข้อมูลจาก DRG ที่พัฒนามาอย่างดีรองรับ
แต่ข้อมูลผู้ป่วยนอกขาดความสมบูรณ์ทำให้การประเมินค่าใช้จ่ายที่พึงจัดสรรต่ำไป
ขณะที่งบส่งเสริมป้องกันอยู่ในสัดส่วนที่ต่ำไม่สามารถตอบสนองทิศทางการสร้างนำซ่อมได้

ข้อเหตุผลการจัดสัดส่วน OP : IP : PP

1.สามารถแก้ปัญหางบประมาณส่วน OPD ไม่เพียงพอ ซึ่งกระทบโรงพยาบาลชุมชนจำนวนมาก
2.มีผลกระทบค่าใช้จ่ายผู้ป่วยในซึ่งเป็นแหล่งรายได้สำคัญของ รพศ.รพท.แต่การตัดเงินเดือนระดับเขต สามารถลดส่วนหักเงินเดือนมากกว่ารพช.
3.เพิ่มงบประมาณด้านส่งเสริมป้องกันโรค เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาระบบสุขภาพที่ยั่งยืน

5.
จัดสรรค่าใช้จ่ายขั้นต่ำให้หน่วยบริการดำเนินการได้ และสนับสนุนเงินส่วนที่เหลือตามผลงานบริการ
ความเพียงพอของค่าใช้จ่ายมีปัจจัยหลากหลายมากจนไม่สามารถกำหนด
สูตรคำนวณชดเชยให้เพียงพอได้ทุกที่การจัดสรรรายหัวตามประชากรในพื้นที่
และหักเงินเดือนรายคัพแม้จะมีการชดเชยด้วยงบ Cost function
หน่วยบริการที่ประสบปัญหาการเงินปี 53เพียง1ใน5 เท่านั้นที่ได้รับงบเพียงพอ

จัดสรรค่าใช้จ่ายขั้นต่ำ และสนับสนุนค่าใช้จ่ายตามผลงานบริการ

1.ในระยะเวลา 9ปี ที่ผ่านมากลไกการจัดสรรไม่สามารถปรับจำนวนบุคลากรและระบบบริการให้สอดคล้องตามประชาชนในพื้นที่
2.หน่วยบริการที่จัดตั้งขึ้นแล้วมีความจำเป็นต้องให้บริการตอบสนองความต้องการประชาชนในพื้นที่นั้นๆ แม้จะมีจำนวนน้อยก็ตามไม่สามารถยุบเลิกได้
3.การจัดสรรค่าใช้จ่ายให้หน่วยบริการเป็นพื้นฐานขั้นต่ำให้บริการได้จะทำให้ความครอบคลุมและการเข้าถึงบริการที่เท่าเทียมในประชาชนมีมากขึ้นและยังมีกลไกตอบสนองตามภาระงานบริการจ่ายตามผลงานด้วย
4.การพัฒนาการจัดทำต้นทุนมาตรฐานในทุกรพ.ตามนโยบายกสธ.จะเป็นเครื่องมือในการบริหารประสิทธิภาพ และการจัดสรรปรับเกลี่ยงบโดยกก.บริหารสุขภาพในระดับต่างๆ

..............................................................................................

8859
5 ข้อเสนอหลัก : การบริหารงบหลักประกันสุขภาพ

1.การบริหารจัดการเครือข่ายบริการเบ็ดเสร็จระดับเขตบริหารจัดการงบหลักประกันสุขภาพทั้งหมดโดยคณะกรรมการผู้ให้บริการสุขภาพระดับเขต
2.การหักเงินเดือนระดับเขต บริหารงบIP งบลงทุน ม.41 P4P ระดับเขต/ บริหารงบOPระดับจังหวัด/ บริหารงบPP ระดับอำเภอ
3.การจัดสรรงบบริการพื้นฐานทั้งหมด ลดการบริหารจัดการเป็นกองทุนย่อย
4.ปรับสัดส่วนจัดสรร OP:IP:PP เป็น 40-40 -20
5.จัดสรรค่าใช้จ่ายขั้นต่ำให้หน่วยบริการดำเนินการได้ และสนับสนุนเงินส่วนที่เหลือตามผลงานบริการ

1.
การบริหารจัดการเครือข่าย บริการสุขภาพเบ็ดเสร็จระดับเขต บริหารจัดการงบหลักประกันสุขภาพ โดยคณะกรรมการผู้ให้บริการสุขภาพระดับเขตตามผังบริการสุขภาพ

กองทุนจัดสรรงบประมาณไปยังหน่วยบริการโดยตรงทำให้กระทรวงสาธารณสุข  ไม่สามารถบริหารงบประมาณให้เกิดความสมดุลเพียงพอ  ทำให้การบริการมีความแตกต่างระหว่างโรงพยาบาลและปรากฏเป็นความเหลื่อมล้ำระหว่างสิทธิ์ รวมไปถึงไม่สามารถขับเคลื่อนนโยบายสุขภาพที่สำคัญของประเทศอย่างเป็นระบบได้

การจัดสรรตรงไปหน่วยบริการปรากฏการณ์ทิศบริหารย้อนเกล็ด สร้างความเหลื่อมล้ำระหว่างสิทธิ์ หน่วยบริการ และประชาชน

การบูรณาการศักยภาพบริหารและงบประมาณเป็นโอกาสลดความเหลื่อมล้ำระหว่างกองทุน หน่วยบริการ และประชาชน

การบริหารจัดการเครือข่าย บริการสุขภาพเบ็ดเสร็จระดับเขต

1.การจัดเครือข่ายเป็นพื้นที่สุขภาพที่เชื่อมโยงจากปฐมภูมิจนถึงทุติยภูมิระดับสูงที่สมบูรณ์
2.พื้นที่สุขภาพที่ความแตกต่างแต่ได้รับการสนับสนุนทรัพยากรเพื่อศักยภาพที่เท่าเทียม
3.ลดปัญหารอยต่อจากการบริหารแบบ CUP เป็นบริหารรวมแบบCUR ที่ไร้รอยต่อบริการ
4.ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างสิทธิ์ และระหว่างประชาชนในแต่ละพื้นที่
5.เป็นนโยบายแม่บทที่หน่วยบริหารและหน่วยบริการเห็นพ้องขับเคลื่อนร่วมกันของกสธ.

การบริหารจัดการงบหลักประกันสุขภาพ โดยคณะกรรมการผู้ให้บริการสุขภาพระดับเขต

-ประกอบด้วยคณะกรรมการตามผังบริการระดับเขตเป้าหมาย 18 เขต
-ภาคส่วนที่มีปัจจัยด้านต่างๆ ทั้ง การเงิน วิชาการ เทคโนโลยี เข้ามาจัดรูปแบบที่ครบถ้วน ประกอบด้วย
ภาครัฐผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการสุขภาพ
ตัวแทนหน่วยบริการในแต่ละระดับ
ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสุขภาพในเขต
องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นทุกจังหวัด
ภาคเอกชน
-สามารถขับเคลื่อนนโยบายสุขภาพของชาติและของท้องถิ่นได้อย่างเป็นระบบ
-สำนักงานสาธารณสุขเขตทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการ จะมีผู้ตรวจราชการเป็นเลขานุการ และหน่วยวิชาการของกรมต่างๆ เป็นส่วนสนับสนุนหน่วยบริการ

2.
การหักเงินเดือนระดับเขต บริหารงบIP งบลงทุน ม.41 P4P ระดับเขต บริหารงบOPระดับจังหวัด บริหารงบPP ระดับอำเภอ

การหักเงินเดือนระดับเขต
1.การจัดสรรตามรายหัวและการหักเงินเดือนระดับเครือข่ายบริการ ทำให้มีความแตกต่างของงบดำเนินการอย่างมาก เป็นสาเหตุให้งบดำเนินการจัดบริการ ประชาชนไม่เท่าเทียมกัน
2.การแยกเงินเดือนจากงบบริการหรือหักเงินเดือนระดับประเทศเป็นแนวทางที่ทำให้งบจัดสรรรายหัวค่าดำเนินการไม่เหลื่อมล้ำกันมาก
3.พิจารณาการหักเงินเดือนระดับเขตเพื่อให้สอดคล้องกับการบริหารเครือข่ายสุขภาพระดับเขต

หลักเกณฑ์การจัดสรรและการหักเงินเดือนระดับCUPเกลี่ยระดับจังหวัดร่วมกับความแตกต่างในความสามารถทำผลงานเข้าถึงงบUCทำให้งบรายได้รายรพ. โดยเทียบในระดับเดียวกันมีความแตกต่างกันอย่างมาก

อัตราจัดสรรรายหัวประชากรระดับจังหวัด
1.หลักเกณฑ์การจัดสรรและการหักเงินเดือนจากกองทุนUC ทำให้งบ เหมาจ่ายรายหัวจังหวัดมีความแตกต่างกัน 268-1,522 บ.(2554)
2.การจัดสรรงบประมาณโดยตรงให้หน่วยบริการของกองทุนทำให้ความสามารถในการปรับเกลี่ยงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุขมีข้อจำกัด

บริหารงบ IP งบลงทุน งบม.41 และงบP4P ระดับเขต

1.การจัดระบบงบผลงานผู้ป่วยในไว้ที่สปสช.กลางไม่ได้สร้างกลไกการพัฒนาระบบบริการในเชิงเครือข่ายพื้นที่ หน่วยบริการต่างบริหารต่างบริการแย่งชิงผลงานบริการเกินวงเงินจนต้องปรับเกลี่ยลด
2.การบริหารจัดการงบผู้ป่วยในระดับเขตแบบพวงบริการ ตอบสนองการบริหารจัดการพัฒนาแบบเครือข่ายที่มีลักษณะ Centralize IP ลดการแย่งชิงและแยกย่อยงบใช้จ่ายและทรัพยากร ลดความเสี่ยงในการจัดบริการ
3.การจัดสรรงบประมาณสำรองความเสี่ยงค่าใช้จ่ายสูงและที่นอกเหนือการบริการ เช่น ม.41 P4P งบลงทุน ลดความเสี่ยงต่อความไม่เพียงพอของค่าใช้จ่าย หากเหลือมีความคล่องตัวจัดสรรคืนรายรพ.เมื่อสิ้นปี

(ต่อ)

8860
นโยบายกระทรวงสาธารณสุข ---การบริหารงบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า

1.พัฒนาให้เครือข่ายบริการมีบทบาทในการบริหารจัดการงบบริการสุขภาพในส่วนการจัดบริการที่แยกจากหน่วยผู้ซื้อบริการโดยสมบูรณ์
2.บริหารจัดการงบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้ตอบสนองการจัดการสุขภาพที่ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพเท่าเทียมอย่างเหมาะสม
3.พัฒนารูปแบบการใช้จ่ายงบหลักประกันสุขภาพให้มีประสิทธิภาพลดปัญหาความเหลื่อมล้ำและขาดแคลนในหน่วยบริการ
4.สร้างความเป็นเอกภาพและเป็นทางการในการจัดการงบหลักประกันและการขับเคลื่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายใต้ความมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน

นโยบายกระทรวงสาธารณสุข--- การพัฒนาบทบาทผู้ซื้อ-ผู้จัดบริการ

1.แยกบทบาทผู้ซื้อและบทบาทผู้จัดบริการ (PURCHASER – PROVIDER SPLIT) โดยการเสนอรูปแบบการจัดการงบบริการตอบสนองจัดการสุขภาพของพื้นที่เครือข่ายบริการสุขภาพ
2.โดยพัฒนากลไกหน่วยบริหารระบบบริการสุขภาพระดับเขต รับงบจัดสรรรายหัวในภาพเขตพวงบริการตามผังบริการที่พื้นที่กำหนด
3.การจัดทำข้อตกลงให้กองทุนผู้ซื้อกำหนดเป้าหมายหรือตัวชี้วัดด้านสุขภาพของประเทศ ร่วมกับของพื้นที่ แล้วสนับสนุนงบประมาณภาพรวมให้หน่วยบริการดำเนินการ

นโยบายกระทรวงสาธารณสุข--- การบริหารงบหลักประกันเพื่อคุณภาพที่เท่าเทียม

1.การพัฒนาศักยภาพเครือข่ายบริการตั้งแต่ปฐมภูมิถึงตติยภูมิให้สามารถรองรับการดูแลสุขภาพในทุกมิติที่เท่าเทียมในพื้นที่ต่างๆของประเทศ โดย FUNCTIONAL SERVICE PLAN
2.พัฒนาการบริหารจัดการระบบสุขภาพโดยคณะกรรมการประสานงานสาธารณสุขระดับจังหวัด ได้แก่ การนำต้นทุนบริการมาประเมินงบบริการผู้ป่วยนอก  การบริหารงบส่งเสริมป้องกันภัยสุขภาพฉุกเฉิน
3.พัฒนารูปแบบการจัดบริการส่งเสริมสุขภาพและป้องโรคโดยกลไกการบริหารจัดการระดับชุมชน โดยคณะกรรมการสุขภาพระดับอำเภอด้วยกลไกงบประมาณส่งเสริมป้องกันโรคชุมชน

นโยบายกระทรวงสาธารณสุข--- การลดปัญหาความเหลื่อมล้ำและขาดแคลนในหน่วยบริการ

1.ผลักดันให้มีปรับการจัดสรรที่เป็นเหตุให้เกิดความแตกต่างในงบดำเนินการจัดบริการที่นำไปสู่ความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพในประเด็นการหักเงินเดือน การจัดสรรตามหัวประชากร การขาดศักยภาพในการเข้าถึงงบประมาณ
2.การสนับสนุนการจัดสรรค่าใช้จ่ายตามต้นทุนบริการขั้นต้น และการจัดสรรตามผลงานในงบประมาณส่วนที่เหลือ
3.การลดการแบ่งส่วนงบบริการพื้นฐานไปจัดบริการโครงการเฉพาะกองทุนหลากหลาย

นโยบายกระทรวงสาธารณสุข--- ความเป็นเอกภาพและส่วนร่วมในการจัดการงบหลักประกัน

1.การระดมความเห็นโดยกระบวนการความมีส่วนร่วมในเครือข่ายบริหารและบริการทุกระดับ
2.การดำเนินการโดยคณะกรรมการบริหารยุทธศาสตร์หลักประกันและการเงินการคลังสุขภาพ  โดยมีกรรมการวิชาการรองรับ
3.การสนับสนุนให้มีคณะกรรมการระบบบริการสุขภาพระดับเขต คณะกรรมการระดับอำเภอ เพื่อสร้างความมีส่วนร่วมในการจัดการสุขภาพ

(ต่อ)



8861

การบริหารงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าโดยกระทรวงสาธารณสุข
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์
รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข

ที่มาและจุดมุ่งหมาย
1.ประเมินผลกระทบระบบหลักประกันในปัจจุบัน

1.1เป็นปัจจัยคุกคามต่อเสถียรภาพของระบบบริการของหน่วยงานในสังกัดสปสธ.ซึ่งหน่วยบริการหลักของประเทศ
1.2นำไปสู่ความไม่เท่าเทียมระหว่างสิทธิ์ และระหว่างประชาชนต่างพื้นที่
1.3ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำแตกต่างจนเชื่อมโยงให้เกิดความขัดแย้งแย่งชิงฐานสิทธิ์ระหว่างหน่วยผู้บริหารกองทุน  
1.4ทั้งขัดต่อแนวทางแห่งรัฐธรรมนูญที่กำหนดเป็นกฎหมายในการจัดบริการแก่ประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน

2.เกิดความไม่สอดคล้องเชิงกระบวนการบริหารภาครัฐ

2.1ระหว่างหน่วยงานหลักเดิมที่ยังมีบทบาทหลักในการดำเนินภารกิจด้านสุขภาพคือ สำนักงานปลัด-สธ. กับหน่วยงานใหม่ผู้กำหนดการจ่ายเพื่อระบบริการคือสำนักงานจัดการกองทุน
2.2ลักษณะความไม่สอดคล้องจัดสรรก่อให้เกิดปรากฏการณ์ย้อนทิศทางการบริหารจัดการของกระทรวงสาธารณสุขทำให้เครือข่ายบริการสุขภาพขาดความเชื่อมโยง  ศักยภาพเชิงเครือข่ายถดถอย
2.3ทำให้สูญเสียประสิทธิภาพภาครัฐในภาพรวมที่ควรเร่งรัดร่วมมือแก้ไขโดยเร่งด่วนและต้องดำเนินการศึกษาให้ปรากฏความชัดเจนเพื่อแก้กลไกภาครัฐให้เกิดศักยภาพมากที่สุด

3.ระบบสุขภาพถูกระบบการเงินคุกคามจนเสียหาย

3.1แนวทางการขับเคลื่อนด้วยระบบการเงินอย่างเดียว แม้จะมีประสิทธิภาพในระดับหนึ่ง แต่ด้วยภาระที่ต้องมุ่งเน้นผลงานที่ตอบสนองต่อเม็ดเงินภายในปีงบประมาณ ทำให้ขาดมุมมองการพัฒนาโครงสร้างฐานรากระบบสุขภาพที่ยั่งยืน
3.2ความเสียหายในระบบสุขภาพที่ถูกควบคุมด้วยแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์มากกว่าแนวคิดทางสุขภาพ ถูกจำกัดด้วยกลไกการควบคุมค่าใช้จ่ายของรัฐและกองทุน สุขภาพถูกบริหารแบบสินค้าและถูกจัดการเชิงธุรกิจ
3.3ความเสียหายปรากฏในรูปของความสูญเสียความมั่นคงทางทรัพยากรบริการ นำไปสู่การสูญเสียความศรัทธาบริการจากความสามารถแข่งขันเชิงคุณภาพด้วยต้องรองรับแต่ปริมาณ

4.การขับเคลื่อนระบบบริการจัดสรรโดยตรงไปยังหน่วยบริการ ไม่สอดคล้องกับระเบียบบริหารราชการขาดการบูรณาการศักยภาพการจัดการเชิงระบบที่มีมิติต่อไปนี้

4.1มิติด้านนโยบายและแผน
4.2มิติด้านการกำกับติดตามในระบบราชการ
4.3มิติด้านบุคลากรว่าด้วยการบริหารความดีความชอบและขวัญกำลังใจ
4.4มิติด้านการสนับสนุนทรัพยากร ได้แก่ งบลุงทุน การจัดสรรและควบคุมอัตรากำลัง

ทำให้รัฐสูญเสียประโยชน์ที่พึงมีต่อประชาชน

5.ความขัดแย้งระหว่างหน่วยผู้ให้บริการกับผู้จ่ายปิดหนทางการเข้าถึงงบประมาณที่เพียงพอ

5.1หน่วยบริการประกาศปัญหาวิกฤตทางการเงินที่ปรากฏวงกว้าง
5.2หน่วยผู้จ่ายยืนยันความเพียงพอของงบประมาณเพื่อสื่อความมีประสิทธิภาพบนวงเงินงบประมาณที่บริหาร
5.3การถืออำนาจตามกฎหมายในฐานะผู้ซื้อที่กำหนดอัตราและเงื่อนไขจัดสรรเอง
5.4ช่องว่างความอ่อนแอของหน่วยบริการและหน่วยต้นสังกัด ทั้งด้านบุคลากรและข้อมูลรวมทั้งความไม่เป็นเอกภาพในระหว่างกลุ่มระดับบริการ ทำให้แม้มีการฟังความเห็นเรื่องอัตราค่าบริการตามกฎหมายกลายเป็นกระบวนการที่ไม่เกิดมรรคผล

พรบ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
มาตรา ๑๘ คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้.............
      (๑๓) จัดประชุมเพื่อให้คณะกรรมการรับฟังความคิดเห็นโดยทั่วไปจากผู้ให้บริการและผู้รับบริการเป็นประจำทุกปี
มาตรา ๔๖ หน่วยบริการและเครือข่ายหน่วยบริการตามมาตรา ๔๔ และหน่วยบริการที่รับการส่งต่อผู้รับบริการ มีสิทธิได้รับค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขจากกองทุนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด
   หลักเกณฑ์การกำหนดค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขตามวรรคหนึ่ง ต้องผ่านการรับฟังความคิดเห็นตามมาตรา ๑๘ (๑๓) ก่อน และอย่างน้อยต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข ดังต่อไปนี้
   (๑) อาศัยราคากลางที่เป็นจริงของโรคทุกโรคมาเป็นฐานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานตามมาตรา ๕๐ (๔)
   (๒) ครอบคลุมถึงค่าใช้จ่ายของหน่วยบริการในส่วนเงินเดือนและค่าตอบแทนบุคลากร
   (๓) คำนึงถึงความแตกต่างในภารกิจของหน่วยบริการ
   (๔) คำนึงถึงความแตกต่างในกลุ่มผู้รับบริการและในขนาดของพื้นที่บริการที่หน่วยบริการรับผิดชอบ

(ต่อ)

8862
น.พ.พิสิษฐ์ พิริยาพรรณ ​ผู้อำนวย​การศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยบูรพา ​เปิด​เผยว่า ปัจจุบันบุคลากรทางด้าน​การ​แพทย์​และพยาบาลของประ​เทศ​ไทย​ไม่​เพียงพอกับจำนวนประชากรของประ​เทศ ​และยังมี​การกระจุกตัวที่จะอยู่​ใน​เมืองมากกว่าพื้นที่​ในชนบท ​ซึ่ง​การที่​ไทยจะ​เข้าสู่ประชาคม​เศรษฐกิจอา​เซียน (AEC) ​ในปี 2558 ​ซึ่งมีผลต่อ 7 อาชีพที่อยู่​ในข้อตกลง​การ​เปิด​เสรีด้าน​แรงงาน​ซึ่งประกอบด้วย ​แพทย์ พยาบาล ทันต​แพทย์ สถาปัตยกรรม วิศวกรรม นักบัญชี นักสำรวจ ​ซึ่ง​ในมุมมองด้านวิชาชีพ​แพทย์ พยาบาล ​และทันต​แพทย์นั้น หากประ​เมิน​เรื่องของ​การ​เคลื่อนย้าย​ไป​ทำงาน​ในประ​เทศสมาชิกที่มีราย​ได้สูง​และสวัสดิ​การที่ดีกว่านั้นคงมี​การประ​เมิน​ได้ยาก ​เนื่องจากว่า​เป็นอาชีพที่ต้องมี​ใบอนุญาต ​ใบประกอบ​โรคศิลป์ ​ซึ่งต้อง​ได้รับ​การรับรองจากสภาวิชาชีพ อาทิ ​แพทยสภา ทันต​แพทยสภา สมาคมพยาบาล​แห่งประ​เทศ​ไทย ​ซึ่งประ​เทศ​ในกลุ่มสมาชิก​ก็มีข้อจำกัด​ใน​เรื่องนี้ด้วย​เช่นกัน ​ซึ่งหากจะ​ไปประ​เทศ​ใด​ก็ต้องมี​การสอบ​ใบอนุญาตของประ​เทศนั้น ยก​เว้นประ​เทศที่ขาด​แคลนบุคลากรจริงๆ อาจมีข้อยก​เว้น​ให้กับ​แพทย์​ไทย ​แต่​ก็ต้องสู้กับอัตราค่าจ้างที่จะต้องสูงกว่าประ​เทศ​ไทยมาก

ส่วน​ความกังวลว่าจะมี​แพทย์จากประ​เทศสมาชิก​เข้ามา​แย่งงานของ​แพทย์​ไทยนั้น มองว่า ประ​เทศ​ไทยยังรองรับบุคลากรด้าน​การ​แพทย์​ได้อีกมาก จากสัดส่วนของ​แพทย์ต่อจำนวนประชากรอยู่ที่ 1:40,000 คน​ในขณะที่สัดส่วนที่​เหมาะสมอยู่ที่ 1:15,000 คน รวม​ทั้งขีด​ความสามารถของ​แพทย์​ไทย​ไม่​ได้ด้อยกว่าชาติ​ใด มีศักยภาพสูง สามารถ​แข่งขันกับต่างประ​เทศ​ได้ ด้วย​การรักษาที่​ได้มาตรฐาน ​และ ​เป็นที่ยอมรับ​ในระดับนานาชาติ ดังนั้น​การ​เข้าสู่ประชาคม​เศรษฐกิจอา​เซียน​ไม่น่ามีผลกระทบมากนัก ​ทั้งนี้​ในส่วนของ​การผลิตบุคลากรทางด้าน​การ​แพทย์ ทางมหาวิทยาลัยบูรพา​เข้า​ใจ​ถึง​ความต้อง​การ​และ​ความจำ​เป็น ​เพราะ​แพทย์ พยาบาล​เป็นบุคลากรที่สำคัญของประ​เทศ ​จึงมี​แนวคิด​ใน​การขยายงานศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยบูรพา ​เป็น​โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย ขนาด 400 ​เตียง จากปัจจุบันศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพที่มีอยู่ 160 ​เตียง ​เพื่อ​ให้​เป็น​โรงพยาบาลสำหรับรักษา​และฝึกปฏิบัติงานของนักศึกษา​แพทย์ พยาบาล บุคลากรด้านสาธารณสุข ​และสามารถ​เปิดรับนักศึกษา​แพทย์​ได้​เพิ่มมากขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ 48 คน​เท่านั้น ​ก็สามารถ​เพิ่ม​เป็น 80 คน

​แนวหน้า 17 สิงหาคม 2554

8863
พบอุบัติเหตุในไทย ล้านครั้ง ในรอบ 10 ปี ย้อนรอย 10 ปี  คร่าชีวิตคนไทยกว่าแสนราย ชี้สาเหตุหลักยังเป็นน้ำเมา   เผยพบสิงห์นักบิดขี้เมาสุด 52.4% ทั้งเมาแล้วขับ- ไม่สวมหมวก 
       
       วันนี้ (17 ส.ค.)ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ รองผู้จัดการ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวในงานแถลงข่าวเรื่อง “11 ดัชนี ชี้วัดตัวการคร่าชีวิตคนไทยบนท้องถนน สู่ทศวรรษแห่งการลงมือทำ : Time For Action” ที่เป็นความร่วมมือระหว่าง สสส.กับร่วมกับ ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) มูลนิธิไทยโรดส์ ศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย บ.กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมเซ็นจูรี่ ราชปรารภ กทม.ว่า  อุบัติเหตุเป็นสาเหตุของความสูญเสียทั้งทางสังคม เศรษฐกิจ จากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยา ซึ่งเก็บข้อมูลในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2553 จากผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจรในโรงพยาบาลศูนย์ทั่วประเทศ พบว่า กลุ่มผู้ขับขี่จักรยานยนต์มีสัดส่วนการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สูงสุด คือ  52.4% รองลงมาคือ กลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยาน /รถสามล้อ 40.4% และรถปิกอัพ  35.5% มีผู้บาดเจ็บรุนแรงจากการขับขี่พาหนะทุกประเภทที่ดื่มแล้วขับ 51.6% เพิ่มขึ้นจากปี 2552 มี 44.4% เยาวชนเป็นกลุ่มที่บาดเจ็บและเสียชีวิต  สูงที่สุด จากพฤติกรรมเสี่ยงทั้งเมาแล้วขับ ไม่สวมหมวกนิรภัย กลุ่มเยาวชนอายุ 20-24 ปี บาดเจ็บรุนแรงจากการเมาแล้วขับ 47.9% กลุ่มอายุ 15-19 ปี พบ 30.4% ที่น่าเป็นห่วงคือ กลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ดื่มก่อนขับขี่สูงถึง 12.8%
       
       “แม้ ว่าจะมีผู้ดื่มแล้วขับเพิ่มขึ้น แต่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2553 ที่ผ่านมา พบว่า มีผู้ที่ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายในกรณีเมาแล้วขับลดลง คิดเป็น 2.57% ของคดีอุบัติเหตุทางถนน ลดลงจากปี 2552 ที่มีถึง 3.75% และยังพบการละเมิดกฎหมายขายสุราในเวลาที่ห้ามขาย 9.63% ทั้งนี้ มีการประมาณการณ์ว่า หากสามารถลดพฤติกรรมเมาแล้วขับได้จะป้องกันการตายจากอุบัติเหตุได้ปีละ 3,000 ราย และป้องกันการบาดเจ็บได้ถึงปีละ 30,000 ราย ดังนั้น จำเป็นต้องสนับสนุนความเคลื่อนไหวภาคประชาชนและภาครัฐ เพื่อปลุกจิตสำนึก และขยายผลการบังคับใช้กฎหมาย รวมถึงการผลักดันกฎหมายเพื่อควบคุมพฤติกรรมเสี่ยงเหล่านี้ เพื่อลดปัญหาอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น”         ดร.สุปรีดา กล่าว
       
       ด้าน นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการ ศวปถ. กล่าวว่า  สถานการณ์อุบัติเหตุทางถนนในบ้านเรา ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2543 - 2552 มีอุบัติเหตุทางถนนเกิดขึ้น 983,076 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 124,855 ราย และมีอีก 151,286 ราย ที่ต้องทนทุกข์จากการบาดเจ็บสาหัส  ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2553 สำรวจผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ จำนวน50,272,371 คน พบมีผู้เคยประสบอุบัติเหตุจากการเดินทางทางถนน 1,546,337 คน คิดเป็น 3.1% เฉลี่ยวันละ 4,384 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้บาดเจ็บ 1,189,133 คน คิดเป็น 76.9% และมีถึง 11,386 คน คิดเป็น 0.9% ที่มีการสูญเสียอวัยวะร่วมด้วย โดย 43.5% ของกลุ่มผู้ประสบอุบัติเหตุทั้งหมด เป็นหัวหน้าครัวเรือน และ 37.2% เป็นบุตร
       
       ทั้ง นี้ระหว่าง วันที่ 25-26 ส.ค.นี้ ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ สสส. และภาคีเครือข่ายอุบัติเหตุ ได้จัดงานสัมมนาระดับชาติเรื่อง        ความปลอดภัยทางถนนครั้งที่ 10 “ทศวรรษแห่งการลงมือทำ : Time For Action”  ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมนานาชาติกรุงเทพ ไบเทค บางนา  เน้นการมีส่วนร่วม เพื่อลดการตายให้ได้ครึ่งหนึ่ง

ASTVผู้จัดการออนไลน์    17 สิงหาคม 2554

8864
 ปลัด สธ.เสนอ 10 ประเด็นร้อน ด้านสาธารณสุข รอเวลาสะสาง ต่อ “วิทยา-ต่อพงษ์” รมว.สธ.ยันยอมรับฟัง แต่ขอเวลาในการแถลงนโยบายในสภาฯก่อน
       
       วันนี้ (16 ส.ค.) นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวในการรายงานสรุปการนำเสนอภาระงานของกระทรวงสาธารณสุขว่า สำหรับประเด็นปัญหาด้านสาธารณสุขที่รอการแก้ไขในปัจจุบัน มีราว 10 ประเด็น ประกอบด้วย
1.ขาดเอกภาพในการบริหารระบบบริการสุขภาพ ระหว่างผู้ให้บริการและผู้ซื้อบริการรวมถึงการขาดสภาพคล่องของโรงพยาบาล ซึ่งในปีงบประมาณ 2553 มีโรงพยาบาลขาดสภาพคล่อง 585 แห่ง จาก 888 แห่ง
2.การสร้างสุขภาพ เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของสุขภาพประชาชน
3.ปรับระบบเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุและโรคไม่ติดต่อ
4.ขาดแคลนกำลังคนด้านสาธารณสุขปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขมีแพทย์จำนวน 15,684 คน พยาบาลวิชาชีพ 84,085 คน และค่าตอบแทนที่เหมาะสม
5.ขาดงบประมาณในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของาถานพยาบาลโดยนับตั้งแต่มีนโยบาย 30 บาท งบประมาณในส่วนนี้ลดน้อยลงไปมาก มาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว
6.การเตรียมความพร้อมรองรับภัยพิบัติและโรคระบาด
7.ความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์และผู้ป่วย โดยจำนวนการฟ้องร้องแพทย์ เพิ่มขึ้นถึง 14 เท่าในช่วงเวลา 10 กว่าปี จากที่ปี 2539 มีการฟ้องร้องเพียง 2 คดี แต่ในปี 2552 เพิ่มขึ้นเป็น 28 คดี
8.การเตรียมการการเปิดเสรีการค้าอาเซียน
9.การกระจายอำนาจด้านสาธารณสุข และ
10.กฎหมายที่ยังค้างอยู่ เช่น พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายทางการแพทย์และสาธารณสุข พ.ร.บ.วิชาชีพการสาธารณสุขเป็นต้น ซึ่งปัญหาเหล่านี้กระทรวงฯจำเป็นต้องเร่งดำเนินการแก้ไขโดยเร็ว
       
       ต่อมาอธิบดีกรมต่างๆ รวมทั้งหน่วยงานในกระทรวงสาธารณสุขก็ได้นำเสนอผลการดำเนินงานต่อ รมว.สธ.ต่อเนื่อง โดยนายวิทยา ได้กล่าวว่า ตนได้รับทราบในประเด็นปัญหาและผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ของ สธ.ทุกอย่าง แต่ยังต้องรอแถลงนโยบายของพรรคต่อสภาผู้แทนราษฎรก่อน


ASTVผู้จัดการออนไลน์    16 สิงหาคม 2554

8865
กรมสนับสนุนบริ​การสุขภาพฉับ​ไว​เตรียม​เสนอ 3 ร่าง พ.ร.บ.ด้านสุขภาพ​ให้ "วิทยา" รมว.สธ.คน​ใหม่พิจารณา​แก้ปัญหาคลินิก​เถื่อน ​และ​เปิดสาย ด่วน 24 ชั่ว​โมง​ให้ข้อมูลสุขภาพ​และรับ​แจ้ง​เบาะ​แส​ทำผิด ​เช่น ​ทำ​แท้ง​เถื่อน

นพ.สมชัย ภิญ​โญพรพานิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริ​การสุขภาพ สธ.​เปิด​เผยว่า วันที่ 16 ส.ค. จะนำ พ.ร.บ. 3 ฉบับประกอบด้วย

1.ร่าง​แก้​ไขปรับปรุง พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541
2.ร่าง พ.ร.บ. สภาวิชาชีพ​แพทย์​แผน​ไทย ​และ
3.ร่าง พ.ร.บ.สถานประกอบ​การ​เพื่อสุขภาพ พ.ศ... ​

ไป​เสนอนายวิทยา บุรณศิริ รมว.สธ. ที่จะ​เข้ารับตำ​แหน่งอย่าง​เป็นทาง​การ​ใน ​เวลา 11.00 น.ของวันที่ 16 ส.ค. นี้ ​เพื่อพิจารณา​เห็นชอบก่อนนำ​เข้า ครม.พิจารณาออกมา​เป็นกฎ หมายอีกครั้ง ​เนื้อหาสาระ​ในร่าง ​แก้​ไขปรับปรุง พ.ร.บ.สถานพยาบาล จะ​เป็น​การกำหนด​ให้กรมสามารถดู​แลสถานพยาบาล​ได้​ทั้งภาครัฐ​และภาค​เอกชน ​ในขณะที่ร่าง พ.ร.บ.สถานประกอบ​การ​เพื่อสุขภาพ พ.ศ.... ออกมาบังคับ​ใช้ จะ​ทำ​ให้สถานบริ​การที่​เข้าข่ายจะต้องมาขออนุญาตประกอบ​การกับกรมสนับสนุนบริ​การสุขภาพ จากที่​เมื่อก่อน​การดู​แลสถานประกอบ​การ​เหล่านี้จะคล้ายสถานบริ​การอาบอบนวด ​ซึ่ง​เป็นหน้าที่ของ​เจ้า หน้าที่ตำรวจ ที่ขึ้นตรงกับกระทรวง มหาด​ไทย

​ทั้งนี้ ​เมื่อ พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวออกมา​แล้ว ขั้นตอนต่อ​ไปจะประกาศ​ให้ประชาชน​และสถานบริ​การ​ได้รับทราบ​เพื่อ​การปรับตัว ​และมาขึ้นทะ​เบียนกับทางกรมฯ หลังจากนั้น​จึงจะ​เข้า​ไปตรวจสอบร่วมกับ​เจ้าหน้าที่ตำรวจอย่าง​เป็นทาง​การอีกครั้ง ​โดยปัจจุบันพบว่าคลินิก​ใน​เขตกรุง​เทพฯ มีประมาณ 4 พัน​แห่ง คลินิกทั่วประ​เทศประมาณ 1 หมื่น 8 พัน​แห่ง ​และ รพ.​เอกชนอีกประมาณ 300 ​แห่ง กรมสนับสนุนบริ​การสุขภาพ​เปิดสายด่วน 0-2193-7999 ​ให้ข้อมูล​และรับ​แจ้ง​เบาะ​แสด้านสุขภาพตลอด 24 ชั่ว​โมง

นพ.สมชัยยัง​เปิด​เผยอีก ว่า กรมสนับสนุนบริ​การสาธารณ สุขร่วมกับบริษัท ที​โอที จำกัด มหาชน ​เปิดสายด่วนระบบบริ​การสุขภาพ ​หรือ สบส. คอล​เซ็น​เตอร์ หมาย​เลข 0-2193-7999 ตลอด 24 ชั่ว​โมง ​เพื่อ​ให้ข้อมูลด้านสุข ภาพ ​และรับ​แจ้ง​เบาะ​แสทางด้านสุขภาพ  อาทิ ​เรื่องสุขภาพ ​การจัดตั้งสถานประกอบ​การสุขภาพ กฎหมายที่​เกี่ยวข้อง สายด่วนนี้มี​ทั้งหมด 4 คู่สาย มีพนักงานบริ ษัทที​โอที​เป็น​ผู้​ให้ข้อมูล​และรับ​แจ้ง​เบาะ​แสต่างๆ ​โดยจะมีระบบอิน​เทอร์​เน็ตที่​เชื่อมต่อกับฐานข้อมูลของกรมสนับสนุนบริ​การสุขภาพ ​แต่หาก​เป็นข้อมูล​เชิงลึกจะ​โอนสาย​ไป​ให้กับ​ผู้​เชี่ยวชาญจากกรมฯ ​เป็น​ผู้ตอบคำถามของประชาชน​เอง

"สา​เหตุที่ต้อง​เปิดบริ​การสายด่วน​เพราะ​เดิมมีข่าว​ใหญ่​เรื่อง​การ​ทำ​แท้ง​เถื่อน 2 พันศพ ​และ​การอุ้มบุญ ​การ​เปิดคลินิก​เถื่อน ​ซึ่ง​เรา​ไม่มีช่องทาง​หรือจุด ศูนย์กลาง​ใน​การ​แจ้ง​เบาะ​แส ดังนั้นเรา​จึง​เปิดบริ​การสายด่วนนี้" นพ.สมชัยกล่าว.

​ไทย​โพสต์  16 สิงหาคม 2554

หน้า: 1 ... 589 590 [591] 592 593 ... 650