8416
ข่าวสมาพันธ์ / Re: สรุปผลการประชุมสัมมนา ค่าตอบแทนที่เป็นธรรม และเหมาะสมกับภาระงาน 14 ตค 2554
« เมื่อ: 23 พฤศจิกายน 2011, 22:21:48 »
สรุปการพูดคุยจากวิทยากรและผู้เข้าประชุมสัมมนา...ค่าตอบแทนที่เป็นธรรมและเหมาะสมกับภาระงาน
ลักษณะการปฏิบัติงานของบุคลากรสาธารณสุข
• ให้บริการด้านสุขภาพตลอด 24 ชั่วโมง
• ทำงานภายใต้ระบบเครือข่าย ไม่อิงกับการแบ่งพื้นที่การปกครอง(จังหวัด อำเภอ ตำบล)
• การทำงานของแต่ละวิชาชีพมีความยากตามมาตรฐานวิชาชีพและมีความเป็นอิสระ
• บัญชีเงินเดือนขั้นต่ำ-ขั้นสูงของข้าราชการ กพ.เป็น 4 บัญชี ตามประเภทของตำแหน่ง เป็นการแบ่งแบบหยาบๆ ไม่สอดคล้องกับภาระงานและค่าของงาน
ดังนั้น หลักเกณฑ์และวิธีการแก้ปัญหาในหลายกรณีต้องต่างจากกระทรวงอื่นๆ
การแก้ปัญหาการขาดแคลนกำลังคน
• การขอกำหนดตำแหน่งเพิ่มใหม่จาก กพ.
• การต่ออายุราชการ
• เปลี่ยนตำแหน่งในสายงานอื่น ๆ เป็นตำแหน่งสำหรับบรรจุแพทย์ ทันตแพทย์
• ขอทบทวนหลักเกณฑ์การกำหนดตำแหน่งเป็นระดับสูงขึ้น โดยไม่ต้องใช้อัตราว่างมายุบรวม
• การจ้างนักเรียนทุนของกระทรวงสาธารณสุข เป็นลูกจ้างชั่วคราว
• แต่ยังขาดความมั่นคงในอาชีพ
• วางแผนการเพิ่มค่าตอบแทนให้บุคลากร
• ประกาศกระทรวง สธ. ฉบับ 4,6,7
การค่าตอบแทน ของคณะกรรมการพิจารณาทบทวนระบบการจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานในภาครัฐ ซึ่งกระทรวง สธ.แต่งตั้ง
1.จ่ายตามเงินเดือน และเงินประจำตำแหน่ง ซึ่งมีกฎหมายควบคุมอยู่
2.จ่ายตามระดับวิชาชีพและ พื้นที่พิเศษ
3.ค่าตอบแทนตามภาระงาน และผลการปฏิบัติงาน
ข้อเสนอแนะค่าตอบแทนที่เป็นธรรมและเหมาะสมกับภาระงาน
1.ความครอบคลุมบุคลากรทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
2.ลักษณะงาน ให้ครอบคลุมลักษณะงานทุกด้าน ทั้ง
- ด้านบริการ :ภาระงานมาก
- ด้านบริหาร : ผู้ที่มีตำแหน่งทางวิชาการต้องปฏิบัติหน้าที่ทางบริหาร: ค่าเบี้ยประชุม
- ด้านวิชาการ
3.พื้นที่ปฏิบัติงาน ต้องได้รับการพิจารณาที่แตกต่าง
- พื้นที่มีความเจริญ
- พื้นที่ปกติทั่วไป
- พื้นที่ทุรกันดาร
- พื้นที่เสี่ยงภัย
บุคลากรที่ปฏิบัติงานในเมืองมีความสะดวกสบายกว่าในชนบท ทุก รพ.ใช้เกณฑ์เดียวกัน ไม่ควรแบ่งว่าเป็น รพท/รพศ หรือ รพช.
4. ค่าตอบแทนพื้นฐาน
- เงินเดือน ตามระบบบัญชีเงินเดือน
ข้าราชการพลเรือน (กพ.) เหมาะสม หรือไม่
- เงินประจำตำแหน่ง
ทางวิชาการ
ทางบริหาร
5.สวัสดิการภาครัฐ (ค่าตอบแทนที่ไม่ใช่เงิน)
- ค่าการศึกษาของบุตร : English program
- ค่ารักษาพยาบาล : ค่าตรวจคลินิกพิเศษนอกเวลา
6.ค่าตอบแทนที่สร้างแรงจูงใจ
เบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย :ประกาศ ฉบับ 4 , 6
7.ค่าตอบแทนตามราคาตลาด
ไม่ทำเวชปฏิบัติส่วนตัว ควรเป็นตามกลไกตลาด
แพทย์เขตเมืองมีโอกาสได้รายได้สูงจากการทำเวชปฏิบัติ หากไม่ทำเวชปฏิบัติส่วนตัวควรจะได้รับค่าตอบแทน (ในการไม่ทำเวชปฏิบัติส่วนตัว) สูงกว่าในชนบท
8.ค่าตอบแทนตามความยากง่าย /ปริมาณงาน
8.1 เงินค่าตอบแทนผู้ปฏิบัติงานในรพศ./รพท. (ฉบับ 7 + ค่า K)
8.2 P4P รูปแบบเดียวกัน ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค สถานพยาบาลที่อยู่ห่างไกลและมีปริมาณงานน้อย (ไม่ใช่อยากทำงานน้อย) ต้องไม่ได้รับผลกระทบจากค่าตอบแทนตามปริมาณงานจนทำให้ค่าตอบแทนโดยรวมต่ำ (โดยได้รับค่าตอบแทนตามพื้นที่ อย่างเหมาะสม)
การจ่ายค่าตอบแทนตามภาระงาน รพ.ศูนย์/รพ.ทั่วไป
1.ค่าตอบแทนผู้ปฏิบัติงานในรพศ./รพท. ฉบับที่ 7
มีการประกาศใช้แล้วแต่ยังไม่เต็มรูปแบบ
-ค่าตอบแทนพื้นฐาน (Flate rate) บุคลากรที่ไม่ต้องรับผิดชอบดูแลรักษาผู้ป่วย
-ค่าตอบแทนพื้นฐาน + (ค่าตอบแทนพื้นฐาน x ค่าตอบแทนผันแปร) บุคลากรที่มีความรับผิดชอบมากกว่า ข้าราชการปกติ
ข้อดีของการคิดค่าตอบแทนผู้ปฏิบัติงานในรพศ./รพท.
-ทำได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก
-เป็นที่ยอมรับของผู้ปฏิบัติงาน(ไม่สร้างความขัดแย้งในแต่ละสาขา วิชาชีพ)
-ไม่เป็นการเพิ่มภาระงานให้บุคลากรสาธารณสุข
-เป็นการสร้างขวัญและกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงานโดยไม่อิงระบบค่าตอบแทนของเอกชน(เช่น doctor fee)
ข้อเสียของการคิดค่าตอบแทนผู้ปฏิบัติงานในรพศ./รพท.
-ไม่สะท้อนถึงภาระงานอย่างแท้จริง
-ขาดการประเมินคุณภาพของการปฏิบัติงาน
-ผู้บริหารไม่สามารถกำหนดทิศทางการปฏิบัติงานของบุคคลากรในหน่วยงานได้
2.ค่าตอบแทนตามผลการปฏิบัติงาน (P4P) ของแพทย์
มีรูปแบบข้อเสนอจาก
- ชมรม รพศ./รพท.
- สมาพันธ์แพทย์ รพศ./รพท.
- มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
- กรมการแพทย์ (รพ.เด็ก)
P4P ของสมาพันธ์แพทย์ รพศ./รพท.
-เปรียบเทียบภาระงานด้านบริการของแพทย์ภาครัฐกับเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาเดียวกัน โดยใช้คู่มือค่าธรรมเนียมแพทย์ พ.ศ.2549 ของแพทยสภา
-นับภาระงานการบริการผู้ป่วยทั้งในและนอกเวลาราชการ ที่ไม่ได้มีการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนอื่น
-หักออกด้วยเงินเดือน
-จะได้ภาระงานของแพทย์ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่เกินเงินเดือน เมื่อเปรียบเทียบกับแพทย์เอกชนที่มีความเชียวชาญในสาขาเดียวกัน
-ภาระงานของแพทย์ทุกสาขา นำมารวมกัน เปรียบเทียบกับเงินงบประมาณที่รัฐมอบให้ เพื่อคำนวณเป็นจำนวนเงินค่าตอบแทนต่อคน
ข้อดีของการคิดค่าตอบแทนตามภาระงาน
• ผู้รับบริการ
– ได้รับบริการดีขึ้น มีเสียงชม
• เจ้าหน้าที่
– กระตือรือร้นในการทำงาน
– ให้ความร่วมมือกับกิจกรรมของ รพ.มากขึ้น
• โรงพยาบาล
– ได้ข้อมูลผลงานที่ใกล้เคียงกับที่ปฏิบัติจริง
– ปริมาณผลงานเพิ่มมากขึ้น
– ปรับโครงสร้าง กระจายงานได้
ความกังวลใจของการคิดค่าตอบแทนตามภาระงาน
- การให้เงินตามภาระงานทำให้จริยธรรมเสีย เกิดการนัดตรวจผู้ป่วยซ้ำบ่อยว่ามาตรฐาน มีการให้นอนโรงพยาบาลหรือผ่าตัดโดยไม่มีความจำเป็น เพื่อให้ดูเหมือนว่ามีภาระงานมากขึ้น
- เพิ่มงาน การเก็บข้อมูล และการตรวจสอบข้อมูล
- การคิดผลงาน ตนเองมากกว่าที่ทำจริง
ข้อเสนอแนะ สิ่งที่ต้องทำต่อไปหลังมีการจ่ายค่าตอบแทนตามความยากง่าย /ปริมาณงาน
• การสำรวจความพึงพอใจของผู้รับบริการเพื่อเปรียบเทียบก่อนและหลังการทำโครงการ
• การสำรวจความพึงพอใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่หลังการทำโครงการ
• การประเมินผลด้านคุณภาพของงาน
...
ลักษณะการปฏิบัติงานของบุคลากรสาธารณสุข
• ให้บริการด้านสุขภาพตลอด 24 ชั่วโมง
• ทำงานภายใต้ระบบเครือข่าย ไม่อิงกับการแบ่งพื้นที่การปกครอง(จังหวัด อำเภอ ตำบล)
• การทำงานของแต่ละวิชาชีพมีความยากตามมาตรฐานวิชาชีพและมีความเป็นอิสระ
• บัญชีเงินเดือนขั้นต่ำ-ขั้นสูงของข้าราชการ กพ.เป็น 4 บัญชี ตามประเภทของตำแหน่ง เป็นการแบ่งแบบหยาบๆ ไม่สอดคล้องกับภาระงานและค่าของงาน
ดังนั้น หลักเกณฑ์และวิธีการแก้ปัญหาในหลายกรณีต้องต่างจากกระทรวงอื่นๆ
การแก้ปัญหาการขาดแคลนกำลังคน
• การขอกำหนดตำแหน่งเพิ่มใหม่จาก กพ.
• การต่ออายุราชการ
• เปลี่ยนตำแหน่งในสายงานอื่น ๆ เป็นตำแหน่งสำหรับบรรจุแพทย์ ทันตแพทย์
• ขอทบทวนหลักเกณฑ์การกำหนดตำแหน่งเป็นระดับสูงขึ้น โดยไม่ต้องใช้อัตราว่างมายุบรวม
• การจ้างนักเรียนทุนของกระทรวงสาธารณสุข เป็นลูกจ้างชั่วคราว
• แต่ยังขาดความมั่นคงในอาชีพ
• วางแผนการเพิ่มค่าตอบแทนให้บุคลากร
• ประกาศกระทรวง สธ. ฉบับ 4,6,7
การค่าตอบแทน ของคณะกรรมการพิจารณาทบทวนระบบการจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานในภาครัฐ ซึ่งกระทรวง สธ.แต่งตั้ง
1.จ่ายตามเงินเดือน และเงินประจำตำแหน่ง ซึ่งมีกฎหมายควบคุมอยู่
2.จ่ายตามระดับวิชาชีพและ พื้นที่พิเศษ
3.ค่าตอบแทนตามภาระงาน และผลการปฏิบัติงาน
ข้อเสนอแนะค่าตอบแทนที่เป็นธรรมและเหมาะสมกับภาระงาน
1.ความครอบคลุมบุคลากรทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
2.ลักษณะงาน ให้ครอบคลุมลักษณะงานทุกด้าน ทั้ง
- ด้านบริการ :ภาระงานมาก
- ด้านบริหาร : ผู้ที่มีตำแหน่งทางวิชาการต้องปฏิบัติหน้าที่ทางบริหาร: ค่าเบี้ยประชุม
- ด้านวิชาการ
3.พื้นที่ปฏิบัติงาน ต้องได้รับการพิจารณาที่แตกต่าง
- พื้นที่มีความเจริญ
- พื้นที่ปกติทั่วไป
- พื้นที่ทุรกันดาร
- พื้นที่เสี่ยงภัย
บุคลากรที่ปฏิบัติงานในเมืองมีความสะดวกสบายกว่าในชนบท ทุก รพ.ใช้เกณฑ์เดียวกัน ไม่ควรแบ่งว่าเป็น รพท/รพศ หรือ รพช.
4. ค่าตอบแทนพื้นฐาน
- เงินเดือน ตามระบบบัญชีเงินเดือน
ข้าราชการพลเรือน (กพ.) เหมาะสม หรือไม่
- เงินประจำตำแหน่ง
ทางวิชาการ
ทางบริหาร
5.สวัสดิการภาครัฐ (ค่าตอบแทนที่ไม่ใช่เงิน)
- ค่าการศึกษาของบุตร : English program
- ค่ารักษาพยาบาล : ค่าตรวจคลินิกพิเศษนอกเวลา
6.ค่าตอบแทนที่สร้างแรงจูงใจ
เบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย :ประกาศ ฉบับ 4 , 6
7.ค่าตอบแทนตามราคาตลาด
ไม่ทำเวชปฏิบัติส่วนตัว ควรเป็นตามกลไกตลาด
แพทย์เขตเมืองมีโอกาสได้รายได้สูงจากการทำเวชปฏิบัติ หากไม่ทำเวชปฏิบัติส่วนตัวควรจะได้รับค่าตอบแทน (ในการไม่ทำเวชปฏิบัติส่วนตัว) สูงกว่าในชนบท
8.ค่าตอบแทนตามความยากง่าย /ปริมาณงาน
8.1 เงินค่าตอบแทนผู้ปฏิบัติงานในรพศ./รพท. (ฉบับ 7 + ค่า K)
8.2 P4P รูปแบบเดียวกัน ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค สถานพยาบาลที่อยู่ห่างไกลและมีปริมาณงานน้อย (ไม่ใช่อยากทำงานน้อย) ต้องไม่ได้รับผลกระทบจากค่าตอบแทนตามปริมาณงานจนทำให้ค่าตอบแทนโดยรวมต่ำ (โดยได้รับค่าตอบแทนตามพื้นที่ อย่างเหมาะสม)
การจ่ายค่าตอบแทนตามภาระงาน รพ.ศูนย์/รพ.ทั่วไป
1.ค่าตอบแทนผู้ปฏิบัติงานในรพศ./รพท. ฉบับที่ 7
มีการประกาศใช้แล้วแต่ยังไม่เต็มรูปแบบ
-ค่าตอบแทนพื้นฐาน (Flate rate) บุคลากรที่ไม่ต้องรับผิดชอบดูแลรักษาผู้ป่วย
-ค่าตอบแทนพื้นฐาน + (ค่าตอบแทนพื้นฐาน x ค่าตอบแทนผันแปร) บุคลากรที่มีความรับผิดชอบมากกว่า ข้าราชการปกติ
ข้อดีของการคิดค่าตอบแทนผู้ปฏิบัติงานในรพศ./รพท.
-ทำได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก
-เป็นที่ยอมรับของผู้ปฏิบัติงาน(ไม่สร้างความขัดแย้งในแต่ละสาขา วิชาชีพ)
-ไม่เป็นการเพิ่มภาระงานให้บุคลากรสาธารณสุข
-เป็นการสร้างขวัญและกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงานโดยไม่อิงระบบค่าตอบแทนของเอกชน(เช่น doctor fee)
ข้อเสียของการคิดค่าตอบแทนผู้ปฏิบัติงานในรพศ./รพท.
-ไม่สะท้อนถึงภาระงานอย่างแท้จริง
-ขาดการประเมินคุณภาพของการปฏิบัติงาน
-ผู้บริหารไม่สามารถกำหนดทิศทางการปฏิบัติงานของบุคคลากรในหน่วยงานได้
2.ค่าตอบแทนตามผลการปฏิบัติงาน (P4P) ของแพทย์
มีรูปแบบข้อเสนอจาก
- ชมรม รพศ./รพท.
- สมาพันธ์แพทย์ รพศ./รพท.
- มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
- กรมการแพทย์ (รพ.เด็ก)
P4P ของสมาพันธ์แพทย์ รพศ./รพท.
-เปรียบเทียบภาระงานด้านบริการของแพทย์ภาครัฐกับเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาเดียวกัน โดยใช้คู่มือค่าธรรมเนียมแพทย์ พ.ศ.2549 ของแพทยสภา
-นับภาระงานการบริการผู้ป่วยทั้งในและนอกเวลาราชการ ที่ไม่ได้มีการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนอื่น
-หักออกด้วยเงินเดือน
-จะได้ภาระงานของแพทย์ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่เกินเงินเดือน เมื่อเปรียบเทียบกับแพทย์เอกชนที่มีความเชียวชาญในสาขาเดียวกัน
-ภาระงานของแพทย์ทุกสาขา นำมารวมกัน เปรียบเทียบกับเงินงบประมาณที่รัฐมอบให้ เพื่อคำนวณเป็นจำนวนเงินค่าตอบแทนต่อคน
ข้อดีของการคิดค่าตอบแทนตามภาระงาน
• ผู้รับบริการ
– ได้รับบริการดีขึ้น มีเสียงชม
• เจ้าหน้าที่
– กระตือรือร้นในการทำงาน
– ให้ความร่วมมือกับกิจกรรมของ รพ.มากขึ้น
• โรงพยาบาล
– ได้ข้อมูลผลงานที่ใกล้เคียงกับที่ปฏิบัติจริง
– ปริมาณผลงานเพิ่มมากขึ้น
– ปรับโครงสร้าง กระจายงานได้
ความกังวลใจของการคิดค่าตอบแทนตามภาระงาน
- การให้เงินตามภาระงานทำให้จริยธรรมเสีย เกิดการนัดตรวจผู้ป่วยซ้ำบ่อยว่ามาตรฐาน มีการให้นอนโรงพยาบาลหรือผ่าตัดโดยไม่มีความจำเป็น เพื่อให้ดูเหมือนว่ามีภาระงานมากขึ้น
- เพิ่มงาน การเก็บข้อมูล และการตรวจสอบข้อมูล
- การคิดผลงาน ตนเองมากกว่าที่ทำจริง
ข้อเสนอแนะ สิ่งที่ต้องทำต่อไปหลังมีการจ่ายค่าตอบแทนตามความยากง่าย /ปริมาณงาน
• การสำรวจความพึงพอใจของผู้รับบริการเพื่อเปรียบเทียบก่อนและหลังการทำโครงการ
• การสำรวจความพึงพอใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่หลังการทำโครงการ
• การประเมินผลด้านคุณภาพของงาน
...