แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - story

หน้า: 1 ... 439 440 [441] 442 443 ... 651
6601
 1. ผบ.เหล่าทัพ เมินคลิปเสียง ประสานเสียง “ยิ่งลักษณ์” ให้โอกาส “ยุทธศักดิ์” ทำงาน ด้าน “สนธิ” เชื่อ “ประยุทธ์” ขายตัวรับใช้ “ทักษิณ” แล้ว!

       ความคืบหน้ากรณีเว็บไซต์ ASTVผู้จัดการออนไลน์และเว็บไซต์ยูทูบ ได้เผยแพร่คลิปเสียงการสนทนาของชาย 2 คน จากแดนไกล ที่เสียงคล้าย พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคำพิพากษาจำคุก 2 ปีคดีซื้อที่รัชดาฯ ซึ่งในคลิป ทั้งสองมีการวางแผนในการพา พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศ ด้วยการออกกฎหมายนิรโทษกรรม โดยตอนแรกจะทำทีออกเป็น พ.ร.บ. แต่เมื่อเข้าที่ประชุมความมั่นคงฯ จะให้ที่ประชุมเสนอรัฐบาลให้ออกเป็น พ.ร.ก.โดยอ้างเหตุผลเพื่อป้องกันเหตุวุ่นวาย นอกจากนี้ในคลิป ชายทั้งสองคนยังพูดถึงการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร โดยระบุว่าใครเหมาะสมกับตำแหน่งอะไร ไม่เท่านั้น ชายที่เสียงคล้าย พล.อ.ยุทธศักดิ์ ยังบอกชายที่เสียงคล้าย พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยว่า ได้บอกกับ ผบ.สส. และ ผบ.ทบ. แล้วว่า ถ้าอยากมีงานทำหลังเกษียณในปี 2557 ให้รีบแสดงฝีมือให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เห็น ซึ่ง ผบ.สส. และ ผบ.ทบ.ก็ตกปากรับคำ
       
       อย่างไรก็ตาม หลังคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรากฏว่า ตอนแรก พล.อ.ยุทธศักดิ์ ปฏิเสธว่าไม่ได้เดินทางไปพบหรือโทรศัพท์พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่อย่างใด พร้อมอ้างว่า อาจเป็นฝีมือของผู้ที่ผิดหวังจากตำแหน่งใน ครม.ชุดใหม่ที่พยายามใส่ร้ายตนก็เป็นได้ แต่ตอนหลังเมื่อผู้สื่อข่าวพยายามถามเรื่องนี้อีก พล.อ.ยุทธศักดิ์ กลับพยายามหลบเลี่ยงและหนีนักข่าวตลอด ขณะที่ ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล หรือผู้กองปูเค็ม อดีตนายทหารกองทัพภาคที่ 3 ซึ่งเป็น 1 ในแกนนำคนไทยหัวใจรักชาติ ได้นำพระแก้วมรกตจำลองมาท้าให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ สาบานว่าไม่ใช่บุคคลในคลิป แต่ไม่ได้รับการตอบรับจาก พล.อ.ยุทธศักดิ์แต่อย่างใด ร.อ.ทรงกลด ยังได้เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบคลิปเสียงดังกล่าวด้วย และว่า หากเป็นเรื่องจริง ถือว่าการกระทำของ พล.อ.ยุทธศักดิ์ เข้าข่ายผิดประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ.2551 ทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติยศของกองทัพ ต้องยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่ง
       
       ทั้งนี้ มีรายงานว่า พล.อ.ยุทธศักดิ์ ค่อนข้างเครียดหลังคลิปเสียงถูกเผยแพร่ ถึงกับพูดเปรยๆ กับคนใกล้ชิดว่า อยากจะขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่เห็นด้วย
       
       ขณะที่ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เนื้อหาและบุคคลในคลิปเสียงอย่างกว้างขวาง พร้อมเรียกร้องให้มีการชี้แจงและตรวจสอบ โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ชี้ว่า สิ่งที่พูดกันในคลิปเป็นเรื่องน่ากลัว แสดงให้เห็นถึงความพยายามใช้อำนาจทางการเมืองตอบโจทย์ตัวเองเรื่องการพ้นผิดจากกฎหมาย เรื่องธุรกิจ และพยายามยึดครองกลไกต่างๆ และพูดถึงองค์กรที่เกี่ยวข้องกับสถาบันอย่างไม่เหมาะสม ถือเป็นความพยายามใช้อำนาจในทางที่ผิด นายกฯ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลต้องค้นหาความจริงและยืนยันว่า การพูดคุยตามคลิปนี้จะไม่เกิดขึ้น
       
       ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บอกเพียงว่า คลิปดังกล่าว ไม่มีใครยืนยันในรายละเอียด ต้องรอให้มีการตรวจสอบก่อน ขณะที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก โดยยอมรับว่า เสียงในคลิปเป็นเสียง พ.ต.ท.ทักษิณจริง แต่เชื่อว่าน่าจะมีการตัดต่อเพื่อบิดเบือนเนื้อหาสาระ และว่า จะนำคลิปเสียงดังกล่าวไปให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ฟังที่กรุงปักกิ่งในวันที่ 11 ก.ค.
       
       ส่วนท่าทีของผู้บัญชาการเหล่าทัพต่อคลิปเสียงนั้น พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ ซึ่งถูกชายเสียงคล้าย พล.อ.ยุทธศักดิ์ พาดพิงถึงในคลิปว่า ต้องคุม “ประจิน” ไว้ เพื่อไปบีบ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก องคมนตรี ให้มีท่าทีอ่อนลง พูดถึงคลิปเสียงดังกล่าวว่า ตนยังไม่เข้าใจว่าหมายความว่าอย่างไร ต้องรอการพิสูจน์ว่าคลิปดังกล่าวเป็นของจริงหรือไม่ ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางกองทัพรับได้หรือไม่ หาก พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศและหยุดเล่นการเมือง พล.อ.อ.ประจิน บอกว่า ต้องดูหลักการ 2 ด้าน 1.เราต้องการให้คนในประเทศมีความรักและสามัคคี 2.เราต้องการให้กฎหมายเป็นกฎหมาย เมื่อถามต่อว่า พล.อ.ยุทธศักดิ์ จำเป็นต้องลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อคลิปเสียงหรือไม่ พล.อ.อ.ประจิน ไม่ขอแสดงความเห็น พร้อมบอกว่า ต้องรอปรึกษาผู้บัญชาการเหล่าทัพก่อน
       
       ทั้งนี้ มีรายงานว่า พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด จะเปิดแถลงท่าทีต่อเรื่องคลิปเสียงในวันที่ 12 ก.ค. แต่ก่อนจะถึงวันดังกล่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เดินทางเข้ารับตำแหน่งที่กระทรวงฯ เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 ก.ค. โดยมีผู้บัญชาการเหล่าทัพให้การต้อนรับ พร้อมจัดพิธีสวนสนามของกองทหารเกียรติยศ 3 เหล่าทัพ ขณะเดียวกัน ได้มีมวลชนกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติและกลุ่มกลุ่มเสื้อหลากสีหลายร้อยคนมาชุมนุมต่อต้านการเข้ารับตำแหน่งของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ท่ามกลางทหารและตำรวจ 9 กองร้อยที่มาดูแลรักษาความปลอดภัย เป็นที่น่าสังเกตว่า ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล หรือผู้กองปูเค็ม ได้พยายามนอนขวางบนพื้นถนน เพื่อขัดขวางขบวนรถ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่จะเข้ากระทรวงฯ ด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวไปควบคุมไว้ที่ สน.พระราชวัง
       
       ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้แถลงหลังประชุมร่วมกับ ผบ.เหล่าทัพ โดยยืนยันว่า จะร่วมกับกองทัพปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่น ช่วยสนับสนุนงานของกระทรวงกลาโหมให้เดินไปอย่างราบรื่น และว่า รัฐบาลยินดีจะดูแลสร้างขวัญและกำลังใจแก่กำลังพลทุกระดับชั้นของกองทัพ พร้อมย้ำ ในการปรับย้ายทหารประจำปี จะไม่มีการล้วงลูกโผทหาร ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ยุทธศักดิ์ ยังเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่อไปหรือไม่หลังเกิดกรณีคลิปเสียง น.ส.ยิ่งลักษณ์ บอกว่า การทำงานต้องพิสูจน์กันที่ผลงาน ไม่สามารถบอกได้ว่าเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม เป็นที่น่าสังเกตว่า การแถลงข่าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลาง ผบ.เหล่าทัพยืนเป็นฉากหลัง
       
       ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พูดถึงเรื่องคลิปเสียง โดยยืนยันว่า ในการประชุมร่วมกับนายกฯ ไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ พร้อมย้ำ ผบ.เหล่าทัพไม่หวั่นไหวต่ออะไรทั้งสิ้น “วันนี้ผมยังมอง พล.อ.ยุทธศักดิ์ และท่านยังมองผมดีอยู่ คนเราต้องให้โอกาสทำงานและแสดงความรู้สึกร่วมกัน ถ้าเราสะกิดและเกากันอยู่ ไม่เกิดประโยชน์อะไร และเสียเวลากับคำถามที่ตอบยาก”
       
       ขณะที่ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด แม้ไม่ได้เปิดแถลงเรื่องคลิปเสียงเมื่อวันที่ 12 ก.ค. แต่ก็ได้ให้สัมภาษณ์ โดยยืนยันว่า ไม่ได้ใส่ใจเรื่องคลิปเสียง และว่า ถึงเขามาพูดต่อหน้าหรือฟังกับหูเอง ก็ไม่โกรธ และไม่สน เพราะทำตามหน้าที่ของตัวเอง เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงจุดยืนของกองทัพกรณีพา พ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้าน พล.อ.ธนศักดิ์ บอกว่า กองทัพไม่ใช่กระทรวงยุติธรรม และไม่ใช่ตำรวจ มันไม่เกี่ยวข้องกัน
       
       ด้านนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้แฉเรื่องคลิปเสียงดังกล่าวผ่านรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” โดยเชื่อว่า พล.อ.ยุทธศักดิ์เป็นคนที่อัดคลิปดังกล่าวเอง แต่หลุดออกมาได้อย่างไรไม่รู้ พร้อมแฉว่า พล.อ.ยุทธศักดิ์ เคยช่วย พ.ต.ท.ทักษิณมาแล้วครั้งหนึ่ง ก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษาจำคุกคดีซื้อที่รัชดาฯ โดย พล.อ.ยุทธศักดิ์ ในฐานะประธานโอลิมปิกไทย ได้เชิญ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปร่วมพิธีเปิดโอลิมปิกที่จีน พ.ต.ท.ทักษิณจึงเอาหนังสือนี้ไปขอให้ศาลอนุญาตเดินทางออกนอกประเทศ พอไปแล้ว ก็ไม่กลับมาเลย นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม พล.อ.ยุทธศักดิ์ ได้เป็นรัฐมนตรีมาตลอด ขณะเดียวกัน พล.อ.ยุทธศักดิ์ ก็เป็นคนสนิท พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พล.อ.ยุทธศักดิ์ จึงคิดว่าตัวเองน่าจะเป็นสะพานเชื่อมระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับวัง และ พล.อ.เปรม ได้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ จึงอาจจะต้องการเอาคลิปเสียงนี้ไปคุยกับ พล.อ.เปรม เพื่อพิสูจน์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พูดจริง
       
       นายสนธิ ยังเชื่อด้วยว่า ขณะนี้ส่วนหัวของกองทัพลงมาจนถึงระดับแม่ทัพภาค ถูกซื้อหมดแล้ว เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณคุมสภา ตำรวจ และอัยการได้แล้ว และกำลังรุกศาลอยู่ เหลืออย่างเดียวคือทหาร ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ มีบทเรียนจาก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ปฏิวัติ เพราะจะถูก พ.ต.ท.ทักษิณย้าย ดังนั้นครั้งนี้นอกจาก พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่ย้าย พล.อ.ประยุทธ์แล้ว ยังทุ่มงบประมาณซื้ออาวุธให้มหาศาล ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่า ไว้ใจไอ้ตู่มาก นายสนธิ เชื่อว่า เป็นเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ได้เจอ พ.ต.ท.ทักษิณเรียบร้อยแล้วที่สหรัฐอเมริกา และต้องมีข้อตกลงอะไรบางอย่าง ไม่เช่นนั้นไม่มีวันที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะพูดว่าไว้ใจ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนที่ขี้ระแวงมาก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่เข้าใจเลยเหรอ คุณสติปัญญามีน้อยมากจนคุณไม่เข้าใจเหรอว่า ไอ้คลิปนี้คือการแทรกแซงการทำงานของรัฐบาล อันนี้ผิดกฎหมายหรือเปล่า ผิดกฎหมายชัดเจน ทักษิณคือใคร ทักษิณคืออาชญากร เป็นนักโทษชาย แล้วมาก้าวกายตั้งโน่นตั้งนี่ แล้วยังเล่าอย่างภาคภูมิภูมิใจนะว่าเมียของ พล.ร.อ.อมรเทพ พาผัวไปเจอ แล้ว พล.ร.อ.อมรเทพ อยากจะเป็นผู้บัญชาการทหารเรือใจแทบขาด จะไปพบนักโทษชายทักษิณ วันนี้เนี่ย ผมคิดว่าเราเสียตำรวจไปทั้งกรม ยังพอที่จะทำใจได้ เพราะเรายังรักษาทหารได้ วันนี้ทหารเป็นตำรวจแล้วเหรอ ใครอยากได้ตำแหน่งต้องไปหาทักษิณทุกคนเหรอ และอีกหน่อยไอ้พวกผู้บัญชาการกองพล ไอ้พวกรอง ผบ.ทบ. เสธ.ทบ. คนจะขึ้นแม่ทัพภาค ไม่ต้องแห่ไปหาทักษิณกันหมดเหรอ”
       
       นายสนธิ ยังพูดถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า ใครยุให้ปฏิวัติ ถ้าประเทศเสียหายต้องร่วมรับผิดชอบด้วยว่า “คุณบอกว่าใครยุให้ปฏิวัติ ถ้าชาติเสียหายต้องรับผิดชอบ ผมจะบอกให้ ถ้าชาติฉิบหาย ถ้าชาติเจ๊ง เพราะยัยปูคนนี้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คุณก็ต้องรับผิดชอบเช่นกัน เพราะฉะนั้นประยุทธ์จะถูกตราหน้าลงไปในอนาคต เมื่อชาติล่มสลาย วันนี้ใกล้แล้วนะ รัฐบาลชุดนี้ไม่มีทางออกเรื่องเศรษฐกิจ มันตันไปหมดแล้ว ฝีแตกหมดแล้ว เพราะฉะนั้นผมจะบอกพี่น้องที่ฟังรายการนี่อยู่ให้พูดกันต่อๆ ไปว่า นายประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องรับผิดชอบร่วมกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ทำให้ชาติฉิบหาย ชัดเจนไหม”
       
       นายสนธิ ทิ้งท้ายด้วยว่า ภาพรวมของคลิปเสียงดังกล่าว เป็นบทสรุปถึงการล่มสลายของชาติ และว่า การตัดสินใจเผยแพร่คลิปเสียงครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจทำงานเพื่อชาติจริงๆ เพราะรู้ว่าหลังจากนี้ต้องมีการวางแผนที่จะทำร้ายหรือฆ่าตน ซึ่งถ้าเกิดขึ้นจริง ก็ขอให้รู้ว่าเป็นฝีมือของพวกทหาร เป็นฝีมือของคนซึ่งเดือดร้อนจากการพูดความจริงของตน
       
       2. พิธีกร “คนค้นคน” ขอโทษโพสต์ข้าวมีสารพิษ ยัน แค่อุบัติเหตุ ไม่เกี่ยวการเมือง ด้านสมาคมข้าวถุง-เอกชนรุมฟ้อง!

       เมื่อวันที่ 10 ก.ค. นายสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ หรือ เช็ค ผู้ดำเนินรายการ “คนค้นคน” และผู้บริหารบริษัท ทีวีบูรพา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า โรงสีข้าวที่กำลังเตรียมส่งข้าวออกจำหน่าย ที่มาจากโรงสีรายใหญ่ในภาคอีสาน และเป็นโรงงานของ ส.ส.เพื่อไทย มีสารพิษตกค้างไม่สามารถละลายในน้ำได้ แถมทำให้หนูตายใน 5 นาที พร้อมระบุไม่ควรซื้อข้าวหอมปทุมธานีทุกยี่ห้อ ซึ่งถูกจำหน่ายในนาม ข้าวหอมปทุมธานี และสต๊อกต่อไปคือข้าวเสาไห้ ยี่ห้อ “เบญจรงค์” ข้าว “ตราฉัตร” เพราะเป็นสต๊อกจากต้นปีที่แล้วนำมาจัดจำหน่าย ทั้งนี้ หลังข้อความดังกล่าวถูกโพสต์ได้ไม่นาน ก็มีการลบไป กระทั่งมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ถูกอำนาจรัฐบล็อกเพจ
       
       อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ข้อความดังกล่าวจะถูกลบ ได้มีการแชร์ข้อความดังกล่าวต่อไปเป็นจำนวนมาก ร้อนถึงนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ต้องรีบออกมาปฏิเสธว่า ข้อความดังกล่าวไม่จริง เป็นการสร้างข่าวของผู้ไม่หวังดี เป็นเรื่องที่ทำลายระบบข้าวสาร การค้าและประเทศชาติ “หากใครมีหลักฐาน ควรออกมาระบุว่า พื้นที่ใด ยี่ห้ออะไร จะเข้าไปตรวจสอบ ไม่ใช่แค่มีปัญหาไม่ถึง 1% จะทำให้ที่เหลือเกือบ 100% เสียหาย เบื้องต้นยืนยันว่า ข้าวไทยมีคุณภาพ ที่เป็นปัญหาอาจมีเพียงบางจุดเท่านั้น”
       
       ด้าน นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) แถลงยืนยันว่า จากการตรวจสอบข้าวถุง ยังไม่พบสารเคมีตกค้างเกินมาตรฐานขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ(เอฟเอโอ) และเมื่อนำข้าวสารไปซาวกับน้ำ สารเคมีก็ละลายหายไปถึงร้อยละ 20 เมื่อหุง สารตกค้างก็จะถูกความร้อนทำลายหายไปอีกร้อยละ 80 จึงเหลือสารตกค้างน้อยมาก ไม่เป็นอันตราย ที่อ้างว่ามีหนูตายจากการกินข้าวนั้น ไม่น่าจะเป็นไปได้
       
       ขณะที่ผู้ค้าข้าวที่ถูกพาดพิงถึงในโพสต์ข้อความของนายสุทธิพงษ์ต่างไม่พอใจเป็นอย่างมาก และพร้อมใจกันเข้าแจ้งความดำเนินคดีนายสุทธิพงศ์ในหลายจังหวัด ได้แก่ เครือเจริญโภคภัณฑ์(ซีพี) ผู้ผลิตข้าวถุงตราฉัตร แจ้งความดำเนินคดีนายสุทธิพงษ์ ที่ สน.ห้วยขวาง ข้อหาหมิ่นประมาท ,บริษัท อินเตอร์ ไรซ์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายข้าวเบญจรงค์ แจ้งความดำเนินคดีนายสุทธิพงษ์ ข้อหาหมิ่นประมาทและกระทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ที่ สภ.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ ,โรงสีข้าวทรัพย์อนันต์ แจ้งความดำเนินคดีนายสุทธิพงษ์ ที่ สภ.เมืองสุรินทร์ ฐานทำให้ธุรกิจเสียหายและเสียชื่อเสียง
       
       ด้านสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย ก็เตรียมยื่นฟ้องนายสุทธิพงษ์ ฐานหมิ่นประมาท สร้างความเสียหายต่อระบบค้าข้าวถุงทั้งระบบในเร็วๆ นี้ ไม่เท่านั้นนายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งให้ฝ่ายกฎหมายหาทางเอาผิดนายสุทธิพงษ์เช่นกัน ฐานปล่อยข่าวสร้างความสับสนและตื่นตระหนกแก่ประชาชน
       
       ขณะที่นายสุทธิพงษ์ ได้เปิดแถลง(11 ก.ค.) ชี้แจงถึงการโพสต์ข้อความข้าวมีสารพิษว่า ข้อความดังกล่าวถูกส่งต่อกันมาทางโซเชียลเน็ดเวิร์กระยะหนึ่งแล้ว ตนเพียงก๊อปปี้และโพสต์ตามเท่านั้น ซึ่งทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์ เพราะห่วงเรื่องความปลอดภัยของผู้บริโภค และว่า การโพสต์ดังกล่าวทำผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยระหว่างแก้ไขคำผิด นิ้วเกิดไปโดนปุ่มโพสต์ ข้อความจึงถูกส่งไปทันที ทั้งที่ยังเขียนข้อความไม่หมด ด้วยความไม่สบายใจจึงรีบลบข้อความอย่างเร็วที่สุด แต่ก็มีคนนำสิ่งที่โพสต์ไปขยายผล ทั้งตัดทอนและต่อเติมความเห็น ทำให้เจตนารมณ์ถูกเบี่ยงเบน ยืนยันว่าไม่มีเจตนาเกี่ยวกับการเมือง “ผมต้องรับผิดชอบต่อการลุกลามบานปลายขนาดนี้ ผมมีความไม่สบายใจอย่างยิ่ง หลังจากนี้จะไปขอพบผู้ประกอบการ เพื่อชี้แจงให้เข้าใจถึงเจตนาของผม ถึงตอนนี้ผมพร้อมมากกว่าขอโทษอีก ผมมีความบริสุทธิ์ใจ สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอุบัติเหตุจริงๆ”
       
       3. ไทย-บีอาร์เอ็น บรรลุข้อตกลงร่วม ถอนทหาร-หยุดยิง 40 วันเดือนรอมฎอน!

       เมื่อวันที่ 12 ก.ค. สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ได้บรรลุข้อตกลงร่วมกับกลุ่มแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติ(บีอาร์เอ็น) ในการยุติความรุนแรงใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยในช่วงเดือนรอมฎอน ตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.-18 ส.ค.2556 รวมเวลา 40 วัน ประกอบด้วย จ.ปัตตานี ,นราธิวาส ,ยะลา และ 5 อำเภอใน จ.สงขลา ได้แก่ อ.นาทวี ,อ.สะเดา ,อ.จะนะ ,อ.เทพา และ อ.สะบ้าย้อย
       
       ทั้งนี้ ข้อตกลงร่วมระบุว่า ในช่วงเดือนรอมฎอนนี้ ฝ่ายไทยจะงดใช้มาตรการรุนแรงในการป้องกันการก่ออาชญากรรมในพื้นที่ภาคใต้ ขณะที่ฝ่ายบีอาร์เอ็นจะพยายามไม่ก่อความรุนแรง ไม่สร้างความเสียหายให้กับทรัพย์สินของทางราชการและประชาชน และระหว่างนี้ ทั้งสองฝ่ายจะทำงานอย่างหนัก เพื่อรับประกันว่า เดือนรอมฎอนจะปลอดจากความรุนแรง เพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของทั้งสองฝ่ายที่จะหาทางแก้ปัญหาร่วมกัน โดยยึดมั่นหลักการเจรจาสันติภาพว่าเป็นแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับสันติสุขที่ถาวรและยั่งยืนในพื้นที่ภาคใต้ หากฝ่ายใดละเมิด ขัดขวาง หรือทำลายข้อตกลงร่วม จะถือว่าเป็นฝ่ายที่ไม่ฝักใฝ่สันติและไม่เคารพต่อความมุ่งมาดปรารถนาของประชาชนชาวไทย
       
       เป็นที่น่าสังเกตว่า ผู้ที่แถลงข้อตกลงร่วมนี้ ก็คือ ดาโตะ เสรี อาห์หมัด ซัมซามิน ฮาซิม ผู้แทนของรัฐบาลมาเลเซีย โดยแถลงที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย พร้อมชี้ว่า คำมั่นสัญญาของกลุ่มบีอาร์เอ็นที่จะลดความรุนแรงช่วงเดือนรอมฎอนนี้ จะเป็นบททดสอบใหญ่ที่สุดว่า การเจรจาสันติภาพกับรัฐบาลไทยจะส่งผลออกมาเป็นรูปธรรมหรือไม่
       
       ด้าน พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เผยว่า ข้อแลกเปลี่ยนที่ฝ่ายไทยให้กับบีอาร์เอ็นในการลดเหตุรุนแรงก็คือ มาตรการปิดล้อมตรวจค้นจะบรรเทาลง จะมีการถอนชุดปฏิบัติการทหารในหมู่บ้านชุดเล็กๆ ออกมา แล้วให้อาสาสมัครรักษาดินแดน(อส.) และตำรวจเข้าไปดูแลแทน เพราะฝ่ายบีอาร์เอ็นไม่อยากเห็นภาพทหารอยู่เต็มพื้นที่ จนทำให้บรรยากาศในเดือนรอมฎอนดูเคร่งเครียด
       
       ทั้งนี้ ก่อนหน้าการแถลงข้อตกลงร่วมในการยุติเหตุรุนแรงช่วงเดือนรอมฎอน ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ได้เกิดเหตุระเบิดริมทางรถไฟบริเวณ หมู่ 1 ต.บาลอ อ.รามัน จ.ยะลา ส่งผลให้จ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บ 8 นาย ซึ่ง พล.ท.ภราดร บอกว่า กลุ่มบีอาร์เอ็นยอมรับว่าเหตุดังกล่าวเป็นฝีมือของทางกลุ่ม ซึ่งเป็นเรื่องเข้าใจได้ เพราะในกลุ่ม ก็มีคนส่วนน้อยที่คิดต่าง และว่า สถิติการก่อเหตุช่วงเดือนรอมฎอนในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา เกิดเหตุร้อยกว่าครั้งตลอด ดังนั้นหลังบรรลุข้อตกลงร่วม ต้องเฝ้าดูว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไป จะเกิดเหตุรุนแรงหรือไม่
       
       4. คณะสงฆ์ศรีสะเกษ มีมติให้ “เณรคำ” ขาดจากความเป็นพระแล้ว เหตุอาบัติปาราชิกจากการเสพเมถุน!

       เมื่อวันที่ 13 ก.ค. พระครูสิริวินัยวัฒน์ เจ้าคณะอำเภอเมืองศรีสะเกษ ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนอธิกรณ์พระวิรพล สุขผล หรือหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ได้เรียกประชุมคณะกรรมการสอบสวนทั้งคณะ เพื่อพิจารณาอธิกรณ์หลวงปู่เณรคำ ซึ่งถูกกล่าวหาว่า กระทำผิดพระธรรมวินัยในเรื่องการเสพเมถุน การฟอกเงิน และฉ้อโกงประชาชน
       
       ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นการประชุม ได้มีการเปิดแถลงข่าว โดยพระครูวัชรสิทธิคุณ เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการสอบสวน บอกว่า ที่ประชุมได้พิจารณากรณีที่โจทก์ คือ “น.ส. เอ” ได้กล่าวหาจำเลย คือพระวิรพลว่า ได้มีการคบหากันจนมีเพศสัมพันธ์ด้วยกันและมีบุตร 1 คน เมื่อที่ประชุมพิจารณาพยานหลักฐานทั้งจากฝ่ายบ้านเมือง กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) และสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดศรีสะเกษแล้ว ถือว่าจำเลยได้กระทำละเมิดต่อพระธรรมวินัย ซึ่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ถ้าภิกษุรูปใดเสพเมถุนธรรม ถือว่า พระภิกษุรูปนั้นต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นพระภิกษุทันที คณะกรรมการจึงมีมติเอกฉันท์ว่า ให้พระวิรพลขาดจากความเป็นพระภิกษุ ด้วยต้องอาบัติปาราชิกในการเสพเมถุนตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป “การที่พระได้ขาดจากความเป็นพระภิกษุสงฆ์แล้ว ถือว่าเป็นผู้ที่ไม่มีสมณะภาวะ ในส่วนของบ้านเมืองก็ดำเนินการไปตามกระบวนการ ในฝ่ายสงฆ์ศรีสะเกษถือว่าจบสิ้นกระบวนการ ซึ่งจะได้รายงานให้คณะสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ได้รับทราบตามลำดับต่อไป”
       
       ส่วนจะดำเนินการอย่างไรกับสำนักสงฆ์ขันติธรรมนั้น คณะสงฆ์ศรีสะเกษจะประชุมพิจารณากันอีกครั้ง โดยอาจจะให้มีการตั้งเป็นวัดให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งต้องตรวจสอบว่า ขณะนี้การดำเนินการตั้งวัดไปถึงขั้นตอนใดแล้ว

ASTVผู้จัดการออนไลน์    14 กรกฎาคม 2556

6602
 1. แฉคลิปเสียงคนแดนไกล วางแผนดัน กม.นิรโทษฯ เป็น พ.ร.ก.พาตัวเองกลับบ้านโดยเร็ว ด้าน “ยุทธศักดิ์” รีบปัดไม่ใช่คนในคลิป!

       เมื่อวันที่ 6 ก.ค. เว็บไซต์ยูทูบและ ASTVผู้จัดการออนไลน์ ได้เผยแพร่คลิปเสียงการสนทนาของชาย 2 คน จากแดนไกล เมื่อปลายเดือน มิ.ย.2556 โดยเนื้อหาครอบคลุมเรื่องราวความเป็นไปของบ้านเมืองและการเมืองไทยในขณะนี้ มีทั้งหมด 4 ตอน ความยาวตอนละ 5-8 นาที โดยผู้ที่เผยแพร่คลิปดังกล่าวในเว็บไซต์ยูทูบ ใช้ชื่อว่า “ไทยรักชาติ” พร้อมตั้งชื่อคลิปว่า เสียงการสนทนาของ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในการวางแผนกลับประเทศ
       
       ทั้งนี้ เนื้อหาในคลิปมีหลายประเด็นที่น่าสนใจ เช่น การที่ชายคนที่ 1 บอกกับชายคนที่ 2 ว่า จะทำภารกิจสำคัญในชีวิตด้วยการพาชายคนที่ 2 กลับประเทศให้สำเร็จ ด้วยการมุบมิบออกกฎหมายนิรโทษกรรม โดยตอนแรกจะทำเป็น พ.ร.บ. แล้วค่อยให้ที่ประชุมสภาความมั่นคงฯ อ้างความจำเป็นต้องเปลี่ยนเป็น พ.ร.ก. เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย พร้อมแสดงความมั่นใจว่า จะไม่มีใครต่อต้านกฎหมายดังกล่าวได้ เนื่องจากฝ่ายต่อต้านมีน้อย ถ้าเอาทหารอยู่ ทหารไม่เอากับฝ่ายต่อต้าน ทุกอย่างก็จบ “ชายคนที่ 2 - ในสภาความมั่นคง ก็ใช้วิธีเข้าไปเสร็จปุ๊บ เนี่ย หน้าตาเป็น พ.ร.บ. และก็ในสภากลาโหมก็ไม่ต้องออกข่าว แต่บอกให้รู้ว่า ถ้าเพื่อความรวดเร็ว และไม่วุ่นวาย น่าจะเป็น พ.ร.ก. อะไรอย่างนี้ พูดไว้ บันทึกไว้ พอไปถึงสภาความมั่นคงปั๊บ พอเข้าไป บอกว่าเสนอเป็น พ.ร.บ. หน้าตาเป็น พ.ร.บ. นะ แล้วสภาความมั่นคงก็บอกว่า ขอให้รัฐบาลเสนอออกเป็น พ.ร.ก. มันจะได้มีอะไรรองรับ ชายคนที่ 1- มันทำอะไรไม่ได้หรอกครับ ไอ้ฝ่ายต่อต้านวันนี้นะ ชายคนที่ 2 - นิดเดียวเอง เพียงแต่ว่าสำคัญคือ ทหารไม่เอาด้วยก็จบ ชายคนที่ 1- ทหารไม่เอาด้วยจบ แต่ต้องเอาทหารก่อน ผมถึงบอกต้องเอาทหารก่อน”
       
       และอีกช่วงหนึ่งที่ทั้งคู่สนทนากันว่า “ชายคนที่ 2 - มันเป็นหน้าที่พี่นะ พี่เอาผมออกมา พี่ต้องเอาผมกลับ (หัวเราะ) ชายคนที่ 1 - ผมบอก ... โอ้โห! ตอนท่านพูดกับผม ผมบอก โอ้โห นี่หนูช่วยราชสีห์แล้วนะ ผมดีใจนะ ดีใจจังได้ช่วยราชสีห์สักครั้งหนึ่ง ชายคนที่ 2 - เอาออกไป ต้องเอากลับมาให้ได้ ชายคนที่ 1 - ต้องเอากลับมา แหม เป็นครั้งสุดท้ายแล้วครับ ครั้งสุดท้ายในชีวิต ในประวัติ เป็นประวัติชีวิตเลย เพราะว่าหลังจากนี้ไปก็ ไม่เป็นไรต่อละ พอละ แต่ต้องทำให้ได้สักที มันเป็นความภูมิใจนะครับ ของชีวิตของคนเรา”
       
       นอกจากนี้ ในคลิป ชายทั้งคู่ยังพูดถึงการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร ซึ่งชายคนที่ 1 บอกว่า จะบอกผู้บัญชาการทหารสูงสุด(ผบ.สส.) และผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ว่าจะแต่งตั้งโยกย้ายใครต้องปรึกษานายกรัฐมนตรีก่อน นอกจากนี้ยังมีบางช่วงบางตอนที่ชายคนที่ 1 บอกกับชายคนที่ 2 ด้วยว่า เดี๋ยวนี้ ผบ.สส.รู้สึกดีกับนายกฯ แล้ว “ชายคนที่ 1- ผบ.สูงสุดก็สารภาพตรงๆ กับนายกฯ ว่ายังมีอะไรบางอย่างที่ยังค้างใจอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ผมสนับสนุนหมดทุกเรื่อง ผมก็ชื่นใจ พา ผบ.สูงสุดมาพบกับนายกฯ ได้เรื่องนี้ด้วย”
       
       เป็นที่น่าสังเกตว่า หลังคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรากฏว่า พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รีบออกมาปฏิเสธว่า ไม่เคยบินไปพบหรือโทรศัพท์พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ประเทศสิงคโปร์ตามที่มีการเผยแพร่คลิปเสียงทางเว็บไซต์ยูทูบแต่อย่างใด พร้อมอ้างว่า อาจเป็นฝีมือของผู้ที่ผิดหวังจากตำแหน่งใน ครม.ชุดใหม่ที่พยายามใส่ร้ายตนก็เป็นได้ กำลังให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบรายละเอียด พล.อ.ยุทธศักดิ์ ยังปฏิเสธด้วยว่า นายกฯ ไม่ได้วางแผนจะแทรกแซงหรือล้วงโผการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปีแต่อย่างใด
       
       2. รัฐบาล กลับลำคืนราคารับจำนำข้าวที่ 15,000 ด้าน ปชป.ซัด ไม้หลักปักขี้เลน-หวังผลการเมืองมากกว่าวินัยการคลัง!

น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัด ก.คลัง ในฐานะ ปธ.คณะอนุ กก.ปิดบัญชีฯ ถูกรัฐบาลตั้ง คกก.สอบกรณีระบุว่าการรับจำนำข้าวมีการทุจริตทุกขั้นตอน ซึ่งเจ้าตัวปฏิเสธว่าไม่ได้พูดอย่างนั้น

       ความคืบหน้ากรณีชาวนาไม่พอใจที่รัฐบาลปรับลดราคารับจำนำข้าวจากตันละ 15,000 บาท เหลือ 12,000 บาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย.2556 เป็นต้นไป พร้อมขู่ หากรัฐบาลไม่ทบทวน ชาวนา 26 จังหวัดจะเคลื่อนไหวใหญ่ ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โยนให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.) เป็นผู้ชี้ขาดในวันที่ 1 ก.ค.นั้น ตอนแรกมีข่าวว่า ที่ประชุม กขช.จะมีมติยืนรับจำนำข้าวที่ราคาตันละ 12,000 บาท เพราะต้องรักษาวินัยทางการเงินการคลัง แต่ผิดคาด เพราะที่ประชุม กขช. ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะประธาน กขช. ไม่ยอมเข้าประชุม แต่มอบให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมแทน ได้มีมติให้คงราคารับจำข้าวเปลือก 100% ความชื้น 15% ที่ 15,000 บาทต่อตัน ส่วนข้าวชนิดอื่นก็ให้คงราคาเดิมก่อนหน้านี้เช่นกัน โดยจำกัดวงเงินไม่เกิน 5 แสนบาทต่อครัวเรือน และราคาดังกล่าวจะสิ้นสุดในวันที่ 15 ก.ย.2556 ส่วนภาคใต้จะสิ้นสุดในวันที่ 30 พ.ย.2556
       
       ทั้งนี้ นายกิตติรัตน์ พูดถึงสาเหตุที่ กขช.มีมติคงราคาเดิมรับจำนำข้าวที่ตันละ 15,000 บาทว่า เนื่องจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า ยอดการขึ้นทะเบียนเกษตรกรจนถึงวันที่ 30 มิ.ย.2556 มีเพียง 2 แสนกว่าราย มีปริมาณข้าวในโครงการอีก 2.9 ล้านตัน ซึ่งถือว่ายังอยู่ในกรอบที่รัฐบาลสามารถดูแลได้ ประกอบกับกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ มีวิธีระบายข้าวในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ โดยเพิ่มช่องทางระบายแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี และมีการเห็นชอบให้ขายข้าวเป็นการทั่วไปให้แก่ผู้ประกอบการในประเทศเพื่อส่งออกต่างประเทศหรือจำหน่ายในประเทศ ทั้งข้าวหอมมะลิ ข้าวเหนียว และข้าวขาว รวมทั้งขายข้าวเปลือกให้แก่ผู้ประกอบการที่จะส่งออกข้าวนึ่งด้วย
       
       ส่วนจะทำอย่างไรกับเกษตรกรที่นำข้าวมาจำนำในช่วงที่ราคาปรับลดลงเหลือตันละ 12,000 บาทนั้น นายกิตติรัตน์ บอกว่า ทาง กขช.จะมีมติช่วยเหลือย้อนหลังให้แก่เกษตรกรดังกล่าว ซึ่งคาดว่ามีจำนวนน้อยมาก เพราะส่วนใหญ่รอมติ กขช.ในวันที่ 1 ก.ค.
       
       เป็นที่น่าสังเกตว่า หลังรู้ผลมติ กขช. ว่าจะรับจำนำข้าวที่ราคาตันละ 15,000 บาทเหมือนเดิม ปรากฏว่า นายวิเชียร พวงลำเจียก นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย รีบออกมาแสดงความดีใจ พร้อมประกาศว่า “ชาวนาจะสนับสนุนพรรคเพื่อไทย(พท.) ต่อไป เพราะที่ผ่านมามีแต่ พท.เท่านั้นที่กล้าลงมาช่วยเหลือชาวนาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ไม่เกรงกลัวว่าจะถูกพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามจ้องเล่นงาน...”
       
       ทั้งนี้ ที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ได้มีมติเห็นชอบมติของ กขช.ที่ให้กลับมารับจำนำข้าวที่ตันละ 15,000 บาทเหมือนเดิมจนถึงวันที่ 15 ก.ย. ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า รัฐบาลกลับไปกลับมา ไม่มีจุดยืน กลัวม็อบชาวนา โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ชี้ว่า ที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์โครงการรับจำนำข้าว เหตุผลไม่ได้อยู่ที่ราคา แต่อยู่ที่การทุจริต ที่เงินไม่ตกถึงมือชาวนาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย และการบริหารจัดการของรัฐบาลก็ไม่สามารถเอาคนผิดมาลงโทษได้ “ที่รัฐบาลกลับมาให้ราคารับจำนำข้าวที่ 15,000 บาทต่อตันเท่าเดิม เป็นพฤติกรรมแบบไม้หลักปักขี้เลน ไม่มีความชัดเจนในการบริหารประเทศ เอาตัวรอดไปวันๆ สะท้อนว่ารัฐบาลห่วงประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าวินัยทางการตลัง และโครงการนี้คงขาดทุนย่อยยับเหมือนเดิม แม้จะเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แต่คงเป็นแพะตัวใหม่เท่านั้น”
       
       วันเดียวกัน(2 ก.ค.) คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การพาณิชย์ และอุตสาหกรรม วุฒิสภา ได้มีการประชุมพิจารณาเรื่องโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล โดยมีการเชิญ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว เข้าชี้แจงตัวเลขขาดทุนในโครงการฯ ซึ่ง น.ส.สุภา บอกว่า การรับจำนำข้าวสามารถเกิดการทุจริตได้ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจดทะเบียนเกษตรกร การนำข้าวเปลือกมาเวียนในโครงการ ส่วนตัวเลขขาดทุนของโครงการรับจำนำข้าวใน 3 ฤดูกาลผลิต คือ ฤดูกาลผลิต 2554/2555 ,ฤดูกาลผลิต 2555 และฤดูกาลผลิต 2555/2556 น.ส.สุภา บอกว่า เบื้องต้นตัวเลขขาดทุน 220,968 ล้านบาท
       
       เป็นที่น่าสังเกตว่า หลังมีข่าวว่า น.ส.สุภาระบุว่าการรับจำนำข้าวมีการทุจริตทุกขั้นตอน ปรากฏว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้พูดเหมือนท้าให้ น.ส.สุภา นำหลักฐานมายืนยันว่ามีการทุจริตทุกจุดจริง พร้อมจะดำเนินคดีและตรวจสอบทั้งหมด
       
       ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ติง น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า ไม่ควรพูดท้าทายผู้ใต้บังคับบัญชา เพราะที่ผ่านมา น.ส.สุภาได้ส่งรายงานปัญหาโครงการรับจำนำข้าวให้นายกฯ ไปนานแล้ว “อยากถามว่า นายกฯ จะมาเรียกหาใบเสร็จจากคนอื่นทำไม ทั้งที่ตัวเองมีหน้าที่ปราบปรามการทุจริตด้วย จึงคิดว่าเป็นการเบี่ยงประเด็น เพื่อให้ น.ส.สุภา เงียบ”
       
       ขณะที่นายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ก็ได้ออกมาเตือน น.ส.สุภา ทำนองว่าอย่าพูดเกินหน้าที่ โดยบอกว่า น.ส.สุภาทำหน้าที่อะไร มีหน้าปิดบัญชีก็ปิดไป และชี้แจงในส่วนที่ปิดบัญชีเท่านั้น
       
       ด้าน น.ส.สุภา ได้ออกมาชี้แจงว่า ข่าวลงเกินจริงมาก ตนไม่ได้พูดว่าการรับจำนำข้าวมีการทุจริตทุกขั้นตอน แต่มีคำถามที่ค่อนข้างตอบยากจาก กมธ.เศรษฐกิจฯ ว่า ขั้นตอนไหนที่คิดว่าโกงที่สุด ซึ่งได้ตอบไปว่า ตอบไม่ได้ แต่กระบวนการทำงานที่วิเคราะห์จากพฤติการณ์ของคน ขั้นตอนการขึ้นทะเบียน ขั้นตอนการจำนำ การเก็บรักษาและการขายนั้นมีโอกาสและความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการทุจริตได้ “เราไม่ได้เข้าไปตรวจสอบว่า ทุจริตได้หรือไม่ ข่าวที่ออกมาเป็นตุเป็นตะ ถ้ามานั่งฟังแต่ต้นจนจบก็จะรู้ว่า เกือบ 2 ชั่วโมงของการชี้แจงมีที่มาที่ไปอย่างไร ขอยืนยันว่าเป็นกลางมาตลอด ซึ่งขั้นตอนต่างๆ ที่พูดถึง ได้เสนอปิดความเสี่ยงเหล่านั้นไปในรายงานคณะกรรมการปิดบัญชีที่เสนอต่อนายกรัฐมนตรีแล้ว”
       
       อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนรัฐบาลจะไม่ยอมจบ โดยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ออกมาบอก(5 ก.ค.)ว่า นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง ได้ลงนามคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณี น.ส.สุภา ไปให้ข้อมูลต่อ กมธ.เศรษฐกิจฯ และมีสื่อมวลชนนำไปเสนอว่ามีการทุจริตจำนำข้าวทุกขั้นตอน ว่าเนื้อหาที่แท้จริงเป็นอย่างไร ทั้งนี้ นายกิตติรัตน์ อ้างว่า การตั้งคณะกรรมการสอบ ไม่ใช่สอบสวน น.ส.สุภา แต่เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย รวมทั้งเพื่อตัว น.ส.สุภาเองด้วย เพราะเป็นข้าราชการต้องระมัดระวังการให้ความคิดเห็น
       
       ขณะที่นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณี น.ส.สุภา ยืนยันว่า เป็นเพียงการสอบข้อเท็จจริง ไม่ใช่การสอบวินัย จึงไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร หากพบว่าสิ่งที่ น.ส.สุภา ชี้แจง ไม่ตรงกับที่สื่อมวลชนเสนอข่าว ก็จะให้ น.ส.สุภาแถลงข่าวอีกครั้ง
       
       ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา ในฐานะรองประธานคณะกรรมการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ข้องใจที่กระทรวงการคลังตั้งคณะกรรมการสอบ น.ส.สุภา จึงเตรียมเชิญนายกิตติรัตน์ และผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบถามถึงเหตุผลการตั้งคณะกรรมการสอบดังกล่าวในเร็วๆ นี้
       
       3. “สุดารัตน์” รอด “ป.ป.ช.” มีมติเอกฉันท์ ยกคำร้องคดีจัดซื้อคอมพ์ ขณะที่เจ้าตัว ดีใจ สังคมได้รู้ไม่ใช่ทุจริต!

       เมื่อวันที่ 2 ก.ค. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ได้ประชุมเพื่อลงมติกรณีมีการกล่าวหาคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กับพวกรวม 16 คน ว่ากระทำการทุจริตในโครงการประกวดราคาจัดซื้อและติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์เพื่อการบริหารข้อมูลข่าวสารด้านการเงิน การคลัง และข้อมูลโรงพยาบาล จำนวน 818 แห่งทั่วประเทศ มูลค่า 821 ล้านบาท ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เมื่อปี 2547
       
       ทั้งนี้ หลังประชุม นายกล้านรงค์ จันทิก โฆษกและกรรมการ ป.ป.ช. แถลงว่า ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ 8 เสียง ให้ยกคำร้องในประเด็นที่ว่านักการเมือง ซึ่งประกอบด้วย คุณหญิงสุดารัตน์ ,นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ,นายอุดมเดช รัตนเสถียร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีพฤติกรรมข่มขืนใจและบีบบังคับให้ข้าราชการประจำกลั่นแกล้งบริษัท กิจการร่วมค้า พีสแควร์ ไทยคอม ซึ่งเป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด ไม่ให้เป็นผู้ชนะการประกวดราคาหรือไม่ ซึ่งจากการไต่สวนพยานบุคคลและเอกสาร ป.ป.ช.เห็นว่า ข้อเท็จจริงไม่มีน้ำหนักที่ฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวทั้งสามได้กระทำการตามที่มีการกล่าวหาร้องเรียน สำหรับกรรมการ ป.ป.ช.ที่ไม่ได้ร่วมลงมติด้วย คือ นายภักดี โพธิศิริ ที่ขอถอนตัว เนื่องจากเป็นคู่กรณี เพราะถูกคุณหญิงสุดารัตน์ยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่ง
       
       นอกจากนี้ ป.ป.ช.ยังมีมติ 5 ต่อ 3 ยกคำร้องเกี่ยวกับการสั่งยกเลิกผลการประกวดราคาของคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา เนื่องจากเห็นว่าการยกเลิกสามารถทำได้ และชอบด้วยระเบียบแล้ว จึงไม่มีมูลความผิด สำหรับนายวิชัย เทียนถาวร ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะผู้อนุมัติยกเลิกการประกวดราคานั้น ที่ประชุม ป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์ให้ยกคำร้องเช่นกัน ส่วนกรณีนายพิพัฒน์ ยิ่งเสรี รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงการประกวดราคาซื้อและติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์,นายจรัล ตฤณวุฒิพงษ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และรักษาราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนายบุญเลิศ ลิ้มทองกุล ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขนั้น ที่ประชุม ป.ป.ช.มีมติให้เลื่อนการพิจารณาไปในการประชุมครั้งหน้า
       
       ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวถึงมติ ป.ป.ช.ที่ยกคำร้องตนและผู้เกี่ยวข้องว่า “อยากให้สังคมเข้าใจว่าการกระทำของพวกเราไม่ใช่ทุจริต ที่ผ่านมาสังคมเข้าใจผิดคิดว่าทุจริตจัดซื้อคอมพิวเตอร์ ทั้งๆ ที่พวกเราไปยกเลิกการจัดซื้อ ทำให้ไม่สบายใจ ส่วนตัวแล้วเมื่อผลปรากฏออกมา ก็ไม่อาฆาต แต่มีคุณหมอบางคนยื่นเรื่องฟ้องเอาผิดกับผู้ใช้เอกสารเท็จและใช้พยานเท็จในการกล่าวหา โดย 1 คดี ศาลได้พิพากษาตัดสินไปแล้วว่า จำเลยมีความผิด ให้จำคุก ส่วนอีก 2 คดีอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งคงต้องหารือกันว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร ทั้งหมดนี้ ดิฉันอยากให้เป็นบรรทัดฐานสำหรับข้าราชการที่ทำงานเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนว่า พวกเขาควรจะได้รับความเป็นธรรม”
       
       เป็นที่น่าสังเกตว่า คดีนี้ มีการเลื่อนลงมติมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งเดิมกำหนดว่าจะลงมติตั้งแต่วันที่ 18 มิ.ย. แต่เนื่องจากมีการขอคำสั่งจากศาลอาญาและศาลปกครอง กรณีบุคคลในกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นผู้ที่ถูกกล่าวหามีการฟ้องร้องกันว่า ต่างฝ่ายต่างให้การเท็จต่อ ป.ป.ช.มาประกอบการพิจารณา ประกอบกับยังมี 2-3 ประเด็นที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วยังไม่ได้ข้อยุติ จึงเลื่อนไปเป็นวันที่ 20 มิ.ย.
       
       แต่ที่ประชุมวันที่ 20 มิ.ย. ก็ยังไม่มีมติ ด้วยเหตุผลเดิม คือ ป.ป.ช.ยังมีหลายประเด็นที่ยังไม่ได้ข้อยุติ จึงเลื่อนไปเป็นวันที่ 25 มิ.ย. จากนั้นที่ประชุมวันที่ 25 มิ.ย. ก็ยังไม่มีมติอีก เนื่องจากนายประสาท พงษ์ศิวาภัย 1 ในกรรมการ ป.ป.ช.ป่วยเป็นโรคนิ่ว ต้องเข้ารับการผ่าตัดกะทันหัน จึงเลื่อนการพิจารณามาเป็นวันที่ 2 ก.ค. กระทั่งมีมติยกคำร้องในที่สุด
       
       4. แพทย์นิติเวช เผยผลตรวจศพ “เอกยุทธ” พบบาดแผลถูกสังหารด้วยเทคนิค “ท่าพิเศษ” ไม่ใช่รัดคอ ด้าน “ทนายสุวัตร” ชี้ ต้องเป็นฝีมือตำรวจหรือทหาร!

       เมื่อวันที่ 1 ก.ค. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) ได้เชิญผู้เกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดัง และเจ้าของเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ เข้าให้ข้อมูล โดยมี นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เป็นประธาน สำหรับผู้เข้าชี้แจง ประกอบด้วย พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานสอบสวน ,พ.ต.อ.สง่า กรรภิรมย์ ผกก.สส.บก.น.4 ,พ.ต.อ.ณัฐฏ์ บุรณศิริ เจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานกลาง และ พ.ต.ท.ปิยพงษ์ สาครเย็น แพทย์ผู้ผ่าชันสูตรศพนายเอกยุทธ
       
        เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อ กสม.ให้ พ.ต.ท.ปิยพงษ์ อธิบายถึงการตายของนายเอกยุทธ ปรากฏว่า พล.ต.ต.อนุชัย ได้พูดเหมือนดักคอว่า “คดีนี้อยู่ระหว่างสอบสวน ผู้ต้องหามีสิทธิที่จะต่อสู้คดี ผมว่าเราเคลียร์เฉพาะอะไรที่พอชี้แจงได้ อะไรที่เป็นหลักฐานสำคัญที่จะต้องไปเปิดเผยต่อศาล พวกนั้นไม่จำเป็น ให้สรุปว่าเราทำงานด้วยความโปร่งใสหรือไม่...”
       
        สำหรับการให้ข้อมูลของ พ.ต.ท.ปิยพงษ์ มีหลายตอนที่น่าสนใจ เช่น มีการบอกว่า ต้องแยกการตายของนายเอกยุทธออกเป็น 2 ส่วน คือ สาเหตุการตาย และกระบวนการเสียชีวิต ซึ่งชัดเจนว่าสาเหตุการตายคือขาดอากาศหายใจ แต่กระบวนการเสียชีวิต พบการบีบร่วมกับการอุดกั้นการหายใจส่วนนอก เมื่อ กสม.ถามว่า การบีบรัด คนร้ายใช้เชือกหรือมือ พ.ต.ท.ปิยพงษ์ บอกว่า “รายงานการตรวจศพของผม รายนี้ไม่ได้ตายด้วยการรัดคอ”
       
        ทั้งนี้ การให้ข้อมูลของ พ.ต.ท.ปิยพงษ์ ไม่เพียงขัดแย้งโดยสิ้นเชิงกับคำให้การของ 2 ผู้ต้องหา คือ นายสันติภาพ เพ็งด้วง หรือ บอล และนายสุรพงษ์ พิมพิสาร หรือ เบิ้ม ที่ซัดทอดกันไปมา โดยนายบอลอ้างว่านายเบิ้มใช้เชือกผูกรองเท้ารัดคอนายเอกยุทธจนถึงแก่ความตาย ขณะที่นายเบิ้มยอมรับว่า ใช้เชือกผูกรองเท้ารัดคอนายเอกยุทธจริง แต่รัดคอหลังจากที่นายบอลกระทืบนายเอกยุทธจนเสียชีวิตแล้ว
       
        พ.ต.ท.ปิยพงษ์ ยังเผยบาดแผลที่พบหลังตรวจศพนายเอกยุทธ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่า นายเอกยุทธไม่ได้เสียชีวิตด้วยการบีบคอหรือรัดคอ แต่เสียชีวิตด้วยเทคนิคท่าพิเศษ โดยบอกว่า บาดแผลภายนอกมี 8 แห่ง 1.แผลบวมฟกช้ำบริเวณส้นเท้าซ้าย 2.แผลถลอกกดทับบริเวณข้อมือทั้งสองข้าง 3.แผลฟกช้ำบริเวณหัวไหล่ขวาและบ่า 4.แผลฟกช้ำบริเวณใต้สะบักหลังซ้าย 5.แผลฟกช้ำบริเวณหลังเอวขวา 6.แผลฉีกขาดหนังถลกบริเวณส้นเท้าซ้ายด้านนอก 7.แผลฟกช้ำบริเวณปลายจมูก 8.แผลถลอกกดทับเป็นแนวยาวผ่านปากพาดไปคอด้านหลังทั้งสองข้าง และเหนือคางไปคอด้านหลังซ้าย “มันมีบาดแผลที่คอด้านขวา ที่โคนลิ้นด้านขวา มีเทคนิคท่าพิเศษ เป็นการกระทำจากด้านหลัง”
       
        เมื่อ กสม.ซักถามต่อว่า “ท่าพิเศษ” คืออะไร พ.ต.ท.ปิยพงษ์ ขยายความว่า “เป็นท่าพิเศษที่ทำมาจากข้างหลังทางขวา ระหว่างที่คนร้ายลงมือฆ่า ผู้ตายยังมีสติอยู่ แต่ถูกพันธนาการที่มือและข้อมือไว้ทางด้านหลัง เห็นได้จากผลการตรวจศพข้อ 3-5 ที่มีแรงทำมาจากด้านหลังขวา และมีการกดโดยใช้แกนในตำแหน่งโคนลิ้นขวา เป็นเหตุให้ศพปราฏรอยโคนลิ้นขวาฟกช้ำ ยืนยันว่าไม่ใช่บีบ ผมไม่ได้ใช้คำว่ากุญแจมือ แต่ใช้คำว่ามีการพันธนาการที่มือและข้อมือ การทำไม่ได้มาจากด้านหน้าแน่นอน และยังพบบาดแผลฟกช้ำจากจมูก มีการใช้มืออุดกั้น”
       
        เป็นที่น่าสังเกตว่า หลังแพทย์ที่ผ่าศพนายเอกยุทธออกมาเผยหลักฐานว่านายเอกยุทธตายด้วยเทคนิคท่าพิเศษไม่ใช่การรัดคอหรือบีบคอตามที่ 2 ผู้ต้องหาให้การก่อนหน้านี้ ปรากฏว่า นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความนายเอกยุทธ ได้ออกมาชี้ว่า คนที่มีความรู้ความสามารถในการฆ่าคนด้วยท่าพิเศษ ต้องเป็นตำรวจหรือไม่ก็ทหาร ซึ่งตนยืนยันตั้งแต่ต้นแล้วว่า ลำพังนายบอลกับนายเบิ้มแค่สองคนไม่สามารถฆ่านายเอกยุทธได้แน่
       
       ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รีบออกมาอ้างว่า การให้ข้อมูลคดีการเสียชีวิตของนายเอกยุทธเป็นไปตามที่สถาบันนิติเวชวิทยาได้ให้ข้อมูลก่อนหน้านี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงแต่อย่างใด และว่า ผลการชันสูตร ระบุแค่สาเหตุการตาย ไม่ได้ชี้ว่าใครเป็นผู้ทำ พร้อมย้ำ ผลการชันสูตรศพจะถูกนำไปประกอบสำนวนคดี และไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะอาจส่งผลต่อรูปคดี
       
       ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 5 ก.ค. คณะอนุกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการสื่อสารมวลชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธาน ได้ประชุมติดตามความคืบหน้าคดีฆาตกรรมนายเอกยุทธ โดยเชิญหลายฝ่ายมาให้ข้อมูล เช่น นพ.สมบูรณ์ คุโรปกรณ์พงษ์ รองผู้อำนวยการด้านบริหารปฐมภูมิและทุติยภูมิ โรงพยาบาลพัทลุง ซึ่งได้ชี้แจงผลการชันสูตรพลิกศพนายเอกยุทธ โดยยืนยันว่า ไม่พบร่องรอยของการถูกรัดคอ และถูกมัดมือมัดเท้า มีเพียงรอยช้ำขนาดเท่าเหรียญบาทที่บริเวณคอ ซึ่งเป็นลักษณะการถูกกระแทกหรือกดเท่านั้น และรอยยุบบริเวณศีรษะไม่มีรอยแตก สำหรับสาเหตุการเสียชีวิต คาดว่าเกิดจากการที่สมองขาดอากาศ
       
       ด้าน พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้ตรวจราชการสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม และอดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งเข้าให้ข้อมูลเช่นกัน ได้ตั้งข้อสังเกตว่า มีการตั้งประเด็นในคดีนี้น้อยเกินไป ,มีการใช้รถคันเกิดเหตุไปทำภารกิจอื่นและจำลองแผนคำรับสารภาพแทนการตรวจหาร่องรอยคนร้าย นอกจากนี้ยังเห็นว่าแพทย์ที่เข้าไปชันสูตรศพในพื้นที่ ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ เพราะมีผู้กำกับในที่เกิดเหตุ และว่า ขณะนี้ไม่มีความคืบหน้าที่จะเร่งติดตามทรัพย์สินของนายเอกยุทธที่หายไปกลับคืน
       
       พญ.คุณหญิงพรทิพย์ ยังบอกด้วยว่า หากรัฐบาลยังไม่สามารถสร้างความโปร่งใสในการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ ก็จะมีเหยื่อในคดีแบบนี้เกิดขึ้นอีกจำนวนมาก และไม่มีหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเข้ามาคานอำนาจได้
       
       ขณะที่นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความนายเอกยุทธ ก็ตั้งข้อสังเกตเช่นกันโดยเชื่อว่า การเสียชีวิตของนายเอกยุทธมีสาเหตุมาจากประเด็นทางการเมืองมากกว่าประสงค์ต่อทรัพย์ตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามเร่งปิดคดี เนื่องจากคนร้ายหวังเพียงข้อมูลในฮาร์ดดิสก์เท่านั้น และก่อนจะเสียชีวิต นายเอกยุทธเคยระบุว่า หากต้องเสียชีวิตก็มีเพียงประเด็นเดียว คือความขัดแย้งกับผู้มีอำนาจทางการเมืองเท่านั้น

ASTVผู้จัดการออนไลน์    7 กรกฎาคม 2556

6603
1. โปรดเกล้าฯ ครม. ยิ่งลักษณ์ 5 แล้ว “ปู” ควบกลาโหม ด้าน “เฉลิม” ฟิวส์ขาด ซัด “ทวี” ฟ้องทักษิณจนหลุดเก้าอี้ ขณะที่ “บุญทรง” สังเวยจำนำข้าวตามคาด!

       หลังมีข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตัดสินใจปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) ครั้งใหญ่ เพื่อดึงภาพลักษณ์รัฐบาลไม่ให้ตกต่ำไปมากกว่านี้ โดยเฉพาะจากปัญหาการขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าว 2.6 แสนล้านบาท โดยมีรายงานว่า ได้มีการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่แล้วเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ปรากฏว่า ล่าสุด วันนี้(30 มิ.ย.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่แล้ว
       
       สำหรับรายชื่อรัฐมนตรีใหม่ ประกอบด้วย นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อีกตำแหน่งหนึ่ง ,พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม , นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ,พล.ต.อ. ประชา พรหมนอก พ้นจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นรองนายกรัฐมนตรี , นายชัยเกษม นิติสิริ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
       
       นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา พ้นจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นรองนายกรัฐมนตรีตำแหน่งเดียว ,นายจาตุรนต์ ฉายแสง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ , ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง พ้นจากรองนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ,นายสันติ พร้อมพัฒน์ พ้นจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ,นางปวีณา หงสกุล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
       
       นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อีกตำแหน่งหนึ่ง ,นายพีรพันธุ์ พาลุสุข เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ,นายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม , นางเบญจา หลุยเจริญ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ,นายพ้อง ชีวานันท์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ,นายยรรยง พวงราช เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ,นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ,นายสรวงศ์ เทียนทอง เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
       
       สำหรับรัฐมนตรีที่หลุดจากตำแหน่งเลย ประกอบด้วย น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี , พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ,นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ,นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ,นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม , นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ,พล.ต.ท. ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ,นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ,นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ,นายชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายฐานิสร์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
       
       ทั้งนี้ รัฐมนตรีใหม่บางคนเป็นผู้ที่ถูกมองว่าเคยทำงานรับใช้ระบอบทักษิณ จึงได้รับการปูนบำเหน็จในครั้งนี้ เช่น นายชัยเกษม นิติสิริ อดีตอัยการสูงสุด โดยได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และนางเบญจา หลุยเจริญ อดีตอธิบดีกรมศุลกากร เป็นข้าราชการที่ถูกมองว่า มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบ้านจันทร์ส่องหล้า และเคยเป็นข่าวฮือฮาสมัยเป็นอดีตรองอธิบดีกรมสรรพากรที่ตอบข้อหารือคดีซื้อขายหุ้นชินคอร์ปของนายพานทองแท้ และนางพิณทองทา ชินวัตรว่า ไม่ต้องเสียภาษี
       
       เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะนำรัฐมนตรีใหม่เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณที่โรงพยาบาลศิริราช ได้มีการนัดรัฐมนตรีถ่ายรูปหมู่ร่วมกันที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ปรากฏว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ซึ่งถูกโยกพ้นตำแหน่งรองนายกฯ ที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ไม่ได้มาร่วมถ่ายรูปด้วยแต่อย่างใด เมื่อรัฐมนตรีบางคนสอบถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ถึงเรื่องนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ บอกว่า ร.ต.อ.เฉลิม ไปรอที่โรงพยาบาลศิริราชแล้ว
       
       อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ร.ต.อ.เฉลิม ออกอาการไม่พอใจที่รู้ว่าถูกโยกพ้นรองนายกฯ ไปคุมกระทรวงแรงงาน โดยได้ออกมาซัดว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ที่ทำให้ตนถูกโยกย้ายครั้งนี้ “ไอ้ทวี มันเอาความเท็จไปฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ และยิ่งลักษณ์ จนเป็นที่มาของการปรับ ครม.ให้ผมออกจากเก้าอี้ แล้วเอา พล.ต.อ.ประชา มาแทน เพราะไอ้ทวี เป็นคนไปฟ้องว่า ไอ้เฉลิมเป็นคนตั้งบ่อน ตำรวจก็ไม่พอใจ นักข่าวที่สนิทกันก็มาถาม ผมก็ไม่แก้ตัว แต่ให้มึงไปถาม ผบ.ตร.ถาม ผบช.น. หรือ ผบก.ภ.จว.ว่า ผมเปิดบ่อนจริงหรือไม่ ผมขอสาปแช่งเลยว่า ใครเอาเรื่องนี้มาใส่ร้ายผม ขอให้มันฉิบหายเจ็ดชั่วโคตร”
       
       2. ศาล ปค. เบรกแผนจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน ชี้ รบ.ละเลยหน้าที่ - สั่งทำประชาพิจารณ์ ปชช.-ผู้มีส่วนได้เสียก่อน ด้าน ปชป. เล็งยื่นถอดถอน ครม.ทั้งคณะ!

นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ยื่น ป.ป.ช.สอบ น.ส.ยิ่งลักษณ์-นายปลอดประสพ-นายธงทอง ฐานละเว้นไม่จัดทำประชาพิจารณ์แผนแม่บทโครงการน้ำ(28 มิ.ย.)

       เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ศาลปกครองกลางได้นัดพิพากษากรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน และชาวบ้านรวม 45 คน ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ,คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำ(กยน.) ,คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ(กนอช.) และคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย(กบอ.) เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-4 กรณีเป็นเจ้าหน้าที่รัฐและหน่วยงานทางปกครองกระทำการโดยมิชอบ จากกรณีจัดทำแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำโดยไม่ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอน นอกจากนี้ยังใช้อำนาจทางปกครองของฝ่ายบริหารผ่านคณะรัฐมนตรี(ครม.) เร่งรีบออก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อวางระบบการบริหารจัดการน้ำ และสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ.2555 จำนวน 3.5 แสนล้านบาท มาบังคับใช้ทันที โดยไม่มีความจำเป็นและไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะออก พ.ร.ก. เพราะยังไม่ทราบเลยว่าจะมีรายละเอียดของโครงการหรือกิจกรรมใดเกิดขึ้นได้จริงบ้าง แต่กลับเร่งรีบออกกฎหมายกู้เงิน 3.5 แสนล้าน
       
       ด้านศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ฟ้องทั้ง 45 คนมีสิทธิฟ้องคดี ทั้งนี้ คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า การจัดทำแผนแม่บทฯ ของ กยน.ผู้ถูกฟ้องที่ 2 เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นการละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ ซึ่งศาลเห็นว่า รายละเอียดของแผนที่จะดำเนินการ อาจมีผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้างหลายพื้นที่ รวมทั้งมีการใช้อำนาจทางปกครองเพื่อดำเนินการตามแผนแม่บท ที่มีลักษณะจะเป็นการเปลี่ยนแปลงผังเมือง และกำหนดเขตการใช้ประโยชน์ที่ดิน ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 57 วรรค 2 แต่นายกฯ และ กยน.ไม่ได้ดำเนินการหรือมีแผนที่จะจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างทั่วถึงก่อนการจัดทำแผนแม่บทฯ แต่อย่างใด จึงเห็นว่า ผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 ละเลยต่อหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องปฏิบัติ
       
       ส่วนผู้ถูกฟ้องที่ 1-4 ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติในการจะดำเนินการตามแผนแม่บทฯ หรือไม่ ศาลเห็นว่า ถ้าดำเนินการตามทีโออาร์โครงการเพื่อออกแบบและก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน และระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศ จะต้องใช้พื้นที่ป่าไม้และที่ดินของประชาชน ดังนั้นอาจก่อผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง
       
       ส่วนกรณีที่ทีโออาร์กำหนดให้เอกชนผู้รับจ้าง ทำหน้าที่ศึกษาและจัดให้มีการรับฟังความเห็นของประชาชนนั้น ศาลเห็นว่า ผลอาจเบี่ยงเบนหรือไม่ตรงความเป็นจริง เพราะเอกชนเป็นผู้ได้ทำสัญญารับจ้างออกแบบและก่อสร้างกับรัฐไปแล้ว ย่อมจะคำนึงถึงผลกำไรสูงสุดเป็นสำคัญ จึงอาจพยายามให้ผลการศึกษาออกมาในลักษณะให้มีการก่อสร้าง ซึ่งจะทำให้ไม่เป็นที่มั่นใจในความถูกต้องและความน่าเชื่อถือ ทั้งยังไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 วรรค 2 ที่กำหนดให้มีการศึกษาผลกระทบคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน รวมทั้งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียก่อน ซึ่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ.2548 ก็กำหนดให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานรัฐซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ ที่ต้องจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน จึงถือว่าผู้ถูกฟ้องทั้ง 4 ละเลยต่อหน้าที่อย่างแน่แท้ จึงพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องทั้ง 4 ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 57 วรรค 2 และ 67 วรรค 2 ด้วยการนำแผนแม่บทไปดำเนินการจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างทั่วถึง รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียก่อนจะดำเนินการจ้างออกแบบและก่อสร้างในแต่ละแผนงาน(โมดูล)
       
       ทั้งนี้ หลังศาลปกครองมีคำพิพากาษาดังกล่าว นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ได้เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ขอให้ตรวจสอบการกระทำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ,นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี และประธาน กบอ. และนายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพราะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อย่างชัดเจน จึงขอให้ ป.ป.ช.ไต่สวน และยื่นต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
       
       ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาดักคอรัฐบาลว่า ไม่ว่าจะอุทธรณ์หรือไม่อุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองก็ตาม ยังไม่ควรลงนามสัญญาจ้างบริษัทเอกชนมาดำเนินโครงการบริหารจัดการน้ำ เพราะหากมีปัญหาข้อกฎหมายในภายหลัง อาจต้องชดเชยความเสียหาย ส่วน พ.ร.ก.กู้เงิน 3.5 แสนล้านเพื่อดำเนินโครงการบริหารจัดการน้ำ ที่กำหนดว่ารัฐบาลต้องเซ็นสัญญากู้เงินภายในวันที่ 30 มิ.ย. นายอภิสิทธิ์ ชี้ว่า เมื่อรัฐบาลยังไม่พร้อม ก็ไม่ควรเร่งกู้เงินมากองไว้ เพราะสามารถเสนอขอใช้งบประมาณตามปกติได้ พร้อมย้ำว่า เมื่อคำสั่งศาลปกครองออกมาเช่นนี้ พรรคจะยื่นถอดถอนคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ เนื่องจากทำผิดกฎหมาย
       
       เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้นายอภิสิทธิ์จะดักคอรัฐบาลไว้ แต่กระทรวงการคลังก็ไม่สน โดยนายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง ได้เดินหน้าเซ็นสัญญาเงินกู้โครงการบริหารจัดการน้ำกว่า 3.2 แสนล้าน กับ 4 ธนาคารแล้วเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ประกอบด้วย ธนาคารออมสิน ,ธนาคารกรุงไทย ,ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกสิกรไทย และว่า ก่อนหน้านี้ได้กู้ไว้ก่อนแล้วกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท รวมเป็น 349,999 ล้านบาท สามารถเบิกจ่ายได้ถึงปี 2561
       
       ทั้งนี้ นอกจากประเด็นศาลปกครองสั่งเบรกแผนแม่บทบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านของรัฐบาลแล้ว ยังมีความไม่ชอบมาพากลของบริษัท เค วอเตอร์ ซึ่งเป็น 1 ในบริษัทผู้ชนะประมูลโครงการน้ำ 3.5 แสนล้านใน 2 โมดูล วงเงิน 1.6 แสนล้านบาทด้วย ซึ่งนายยัม ฮคองเชิล ผู้อำนวยการสหพันธ์สิ่งแวดล้อมเกาหลีใต้ ได้ออกมาเผยกลางเวทีเสวนาเรื่องการจัดการน้ำ ของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ว่า เค วอเตอร์ มีประวัติไม่ดีนัก แม้บริษัทดังกล่าวจะเป็นรัฐวิสาหกิจ ที่รัฐบาลเกาหลีใต้ถือหุ้นมากถึง 99% แต่ผลงานการสร้างเขื่อนใน 4 แม่น้ำที่เกาหลีใต้ ได้ก่อหนี้สินสูงถึง 758% ขณะที่ความไม่โปร่งใสเรื่องการเงินของเค วอเตอร์ ก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินและ ป.ป.ช.ของเกาหลีใต้ นอกจากนี้เค วอเตอร์ ยังเข้าข่ายทำผิดกฎหมายสิ่งแวดล้อมด้วย เพราะการสร้างเขื่อนใน 4 แม่น้ำ ได้ทำให้สัตว์และพืชสำคัญเกิดความสียหายอย่างรุนแรง
       
       เป็นที่น่าสังเกตว่า หลัง ผอ.สหพันธ์สิ่งแวดล้อมเกาหลีใต้ ออกมาแฉประวัติฉาวของ เค วอเตอร์ ปรากฏว่า สื่อมวลชนบางสำนักได้เสนอข่าวดังกล่าว รวมทั้งรายการ “ฮาร์ดคอร์ข่าว” ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ที่ผลิตโดยบริษัท โพสต์ พับลิชชิ่ง จำกัด(มหาชน) ได้นำเสนอสกู๊ปข่าวเกี่ยวกับ เค วอเตอร์ เช่นกันเมื่อเย็นวันที่ 26 มิ.ย. แต่ปรากฏว่า ทันทีที่เริ่มเข้าเนื้อหาสกู๊ป ทางช่อง 5 ก็ตัดสัญญาณรายการดังกล่าว แล้วตัดเข้าโฆษณาทันที
       
       ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวของผู้บริหารช่อง 5 ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก ว่าทำเพื่อเอาใจนักการเมืองหรือมีใบสั่งจากนักการเมือง กระทั่ง พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ได้ออกมาชี้แจงโดยอ้างว่า ข่าวดังกล่าวเกิดความผิดพลาด เมื่อเนื้อหายังไม่ชัดเจน สถานีจะไม่ให้ออกอากาศ เพราะหากนำเสนอไม่ตรงกับข้อเท็จจริง อาจถูกฟ้องร้องได้ ถือเป็นการป้องกันไว้ก่อน
       
       เป็นที่น่าสังเกตว่า นอกจากความน่ากังขาในศักยภาพและสถานะของบริษัท เค วอเตอร์แล้ว ยังมีภาพชวนให้สงสัยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคำพิพากษาจำคุก 2 ปีคดีซื้อที่รัชดาฯ อาจเป็นผู้อยู่เบื้องหลังที่ทำให้ เค วอเตอร์ ชนะประมูลโครงการบริหารจัดการน้ำ 1.6 แสนล้าน โดยเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. มีการแพร่ภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ ถ่ายรูปร่วมกับทีมผู้บริหารบริษัท เค วอเตอร์ พร้อมมีป้ายข้อความยินดีต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณที่หน้าตึกอย่างเป็นทางการ
       
       ด้านผู้บริหารบริษัท เค วอเตอร์ ได้ควงเอกอัครราชทูตเกาหลีประจำประเทศไทย นายชอน แจ มัน เปิดแถลงข่าวเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. โดยยืนยันศักยภาพและฐานะการเงินของเค วอเตอร์ ว่าไม่ได้เป็นอย่างที่นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมของเกาหลีใต้ระบุ พร้อมเผยว่า บริษัทได้ฟ้องร้องกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่ทำให้บริษัทเสื่อมเสียชื่อเสียงต่อศาลเกาหลีแล้ว ส่วนในไทยกำลังดำเนินการอยู่
       
       3. ผลตรวจสต๊อกข้าวทั่ว ปท. พบทั้งข้าวขาด-ข้าวเกิน สะพัด! สหรัฐฯ กักข้าวไทย หลังมีข่าวใช้ยาฆ่าแมลงรมข้าว ด้าน รบ.รีบปฏิเสธ!

เปิดเอกสารข้าวเหนียวไทยโดนกักที่นิวยอร์ก เพราะปนเปื้อนยาฆ่าแมลงตั้งแต่ พ.ค. 56 จน USFDA ออกเอกสารแจ้งเตือน ล่าสุดผู้นำเข้าที่แอลเอเผย ข้าวสารไทยโดนกักอีกเกือบ 20 ตู้

       เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ชุดปฏิบัติการตำรวจร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงมหาดไทย ได้ออกตรวจสอบปริมาณข้าวคงเหลือขององค์การคลังสินค้า(อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร(อตก.) ในโกดังและโรงสีทั่วประเทศจำนวน 2,071 แห่งตามโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล สำหรับการตรวจสอบปริมาณข้าวครั้งนี้มีขึ้นหลังนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อ้างว่า ตัวเลขขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าวของคณะกรรมการปิดบัญชีฯ สูงกว่าตัวเลขขาดทุนของกระทรวงพาณิชย์ เนื่องจากคณะกรรมการปิดบัญชีฯ ไม่ได้นำปริมาณข้าวเปลือกในสต๊อกที่อยู่ระหว่างการสี มาคำนวณด้วยจำนวน 2.59 ล้านตัน ดังนั้นจึงต้องมีการตรวจสอบว่า ข้าว 2.59 ล้านตันดังกล่าวมีอยู่ในสต๊อกจริง
       
       วันต่อมา(28 มิ.ย.) พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงผลการตรวจสอบว่า เบื้องต้นพบความผิดปกติของปริมาณข้าวสารไม่ตรงกับบัญชีที่แจ้งไว้ 26 แห่ง มีทั้งข้าวขาดและข้าวเกิน ส่วนใหญ่เป็นข้าวเกิน รวมทั้งหมดที่เกินจากบัญชี 3-4 หมื่นตัน ซึ่งแต่ละโรงสียอมรับว่า ที่เกิน เพราะ อคส.สั่งให้สี แต่สีไม่ทัน ทำให้ข้าวตกค้าง ส่วนข้าวที่ขาด รวมทั้งหมดกว่า 300 ตัน อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะได้ตัวเลขที่ชัดเจนของข้าวขาด-ข้าวเกินในวันที่ 1 ก.ค.
       
       เป็นที่น่าสังเกตว่า จากการตรวจสอบ พบข้าวหายในหลายจังหวัด เช่น ที่ จ.เพชรบูรณ์ พบข้าวหายไปจากโรงสีเกษตรผลเจริญ จำนวน 4,200 ตัน มูลค่า 135 ล้านบาท ,ที่ จ.เชียงราย พบข้าวหายไปจากโรงสี ที พี เอ็น ไรซ์มิล จำกัด จำนวนกว่า 1,000 ตัน ,ที่ จ.ชัยภูมิ พบข้าวหายไปจากโรงสีข้าวนพภร จำนวน 750 ตัน โดยพบว่ามีการขนข้าวออกจากโรงสีไปสวมสิทธิ ,ที่ จ.พิษณุโลก พบข้าวหายไปจากโกดังเซ็นเตอร์ไรน์ จำนวนกว่า 6.6 หมื่นกระสอบ ฯลฯ
       
       ส่วนความคืบหน้ากรณีชาวนาไม่พอใจที่รัฐบาลปรับลดราคารับจำนำข้าวจากตันละ 15,000 บาท เหลือ 12,000 บาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย. ปรากฏว่า ชาวนาหลายกลุ่มได้มายื่นหนังสือต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อให้ทบทวนการลดราคารับจำนำข้าว เพราะทำให้ชาวนาเดือดร้อนและขาดทุน ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ บอกว่า ข้อเสนอของชาวนาต้องให้ทางคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.) เป็นผู้พิจารณา โดยมีกำหนดประชุมวันที่ 1 ก.ค. ด้านนายพรม บุญมาช่วย ประธานสภาเกษตรกร จ.สุพรรณบุรี บอกว่า ชาวนา 26 จังหวัดภาคกลาง มีมติว่า จะรอคำตอบจากรัฐบาลจนถึงสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ หากรัฐบาลไม่ทบทวน ชาวนา 26 จังหวัดจะเคลื่อนไหวแน่นอน แต่ยังไม่บอกว่าจะเคลื่อนไหวอย่างไร
       
       เป็นที่น่าสังเกตว่า นอกจากปัญหาข้าวขาด-ข้าวเกินในโรงสีและโกดังทั่วประเทศแล้ว ยังมีปัญหาใหม่เกิดขึ้นอีก โดยเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐอเมริกา(USFDA) ได้แจ้งให้ท่าเรือและผู้นำเข้าทุกรายทั่วสหรัฐฯ กักข้าวที่นำเข้าจากไทยทุกตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อตรวจสอบคุณภาพให้ละเอียดก่อน หลังมีข่าวในไทยว่า ข้าวในสต๊อกของรัฐบาลไทยมีการรมยาฆ่าแมลงในปริมาณมาก จนอาจเสี่ยงต่อความปลอดภัยของผู้บริโภค รวมทั้งมีมอดและเชื้อราด้วย
       
       ทั้งนี้ หลังมีข่าวดังกล่าว ทั้งรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรีบออกมาปฏิเสธเป็นการใหญ่ โดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ บอกว่า ได้มีการสอบถามบริษัทผู้นำเข้าข้าวไทยแล้ว ยืนยันว่าไม่มีการห้ามนำเข้าหรือกักกันข้าวไทย และไม่มีสัญญาณว่าจะประกาศแจ้งเตือนใดใดออกมา ขณะที่ นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ของไทย ได้แถลงผลการตรวจคุณภาพข้าวบรรจุถุง โดยยืนยันว่า ไม่พบการใช้สารเคมีในการรมข้าวเกินมาตรฐานที่กำหนดแต่อย่างใด
       
       อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. แหล่งข่าวจากวงการผู้ส่งออกข้าวไปสหรัฐฯ และนำเข้าข้าวในสหรัฐฯ ได้นำเอกสารที่ข้าวไทยถูก USFDA กักกันที่มลรัฐนิวยอร์กออกมาเปิดเผย โดยข้าวที่ถูกกักกันคือ ข้าวเหนียวและข้าวเหนียวดำจำนวนหลายล็อต ด้วยเหตุผลว่าข้าวที่นำเข้าจากไทยดังกล่าวมีการปนเปื้อนยาฆ่าแมลง แหล่งข่าวยังเผยด้วยว่า “เดือน พ.ค.-มิ.ย.(2556) ข้าวเหนียวกับข้าวเหนียวดำจากไทยโดนกักที่นิวยอร์ก เจ้าหน้าที่ไทยยังไม่รู้เรื่องเลย ล่าสุดที่ลอสแองเจลิส ข้าวสารจากไทยก็โดนไปแล้ว 4 ตั๋ว เกือบ 20 ตู้แล้ว ก็ยังไม่รู้เรื่องเลย เจ้าหน้าที่ใน USFDA เตือนแล้วยังไม่ไปตรวจสอบให้ดี...”
       
       4. ตร. ไขข้อสงสัย 13 ประเด็น เตรียมสรุปคดีเอกยุทธใน 1 เดือน ด้าน “ทนายสุวัตร” เผย พบเบอร์โทรศัพท์ใหม่ของผู้ต้องหาแล้ว!

       เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้เรียกประชุมชุดคลี่คลายคดีอุ้มฆ่านายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดัง เพื่อสรุปข้อสงสัยทั้ง 13 ประเด็นที่นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความนายเอกยุทธ และคณะกรรมาธิการตำรวจตั้งข้อสังเกตโดยไม่เชื่อว่านายสันติภาพ เพ็งด้วง หรือ บอล และนายสุทธิพงษ์ พิมพิสาร หรือ เบิ้ม วางแผนอุ้มฆ่านายเอกยุทธ เพื่อชิงทรัพย์
       
        ทั้งนี้ หลังประชุม พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เผยข้อสรุปเพื่อคลี่คลายข้อสงสัยว่า บางประเด็นเป็นความลับในสำนวน จึงไม่สามารถเปิดเผยได้ จึงขอชี้แจงบางประเด็นเท่านั้น เช่น การนำรถโฟล์กที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ไปทำแผน ยืนยันว่า หลังเกิดเหตุ กองพิสูจน์หลักฐานได้นำรถไปตรวจพิสูจน์แล้ว การเอารถไปทำแผน จึงไม่มีผลทำให้หลักฐานต่างๆ หมดไป
       
        ขณะที่ พ.ต.อ.ณัฏฐ์ บุรณศิริ นวท.(สบ 4) กลุ่มงานตรวจสถานที่เกิดเหตุ เสริมว่า ผลตรวจเบื้องต้นไม่พบดีเอ็นเอหรือลายนิ้วมือของบุคคลอื่นที่รถโฟล์ก นอกจากของกลุ่มผู้ต้องหา ส่วนประเด็นที่ว่า หลังออกจากร้านครัวกระแต น่าจะมีบุคคลอื่นช่วยล็อคตัวนายเอกยุทธขณะอยู่ในรถ ไม่น่าจะมีเพียงนายบอลและนายเบิ้ม เพราะหากมีแค่ 2 คน นายเอกยุทธน่าจะแย่งปืนหรือหนีลงจากรถนั้น พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 ชี้แจงว่า ขณะเกิดเหตุนายบอลจอดรถข้างทางย่านถนนลาดพร้าว จากนั้นใช้ปืนหันไปจี้นายเอกยุทธ แล้วต่อรองว่าต้องการทรัพย์ ขอให้นายเอกยุทธอย่าขัดขืน ซึ่งนายเอกยุทธยินยอม จากนั้นให้นายเอกยุทธหันหลังและเอามือไพล่หลังไว้ ก่อนจะมีการปีนจากห้องคนขับเพื่อนำกุญแจมือไปล็อก จึงเป็นเหตุผลทำให้นายเอกยุทธไม่ได้แย่งปืน
       
       ด้าน พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผู้บังคับการกองปราบปราม พูดถึงแรงจูงใจของผู้ต้องหาที่ฆ่านายเอกยุทธเพื่อชิงทรัพย์ว่า เนื่องจากบอลเป็นเด็กแว้นมาก่อน มีนิสัยก้าวร้าว ก่อคดีวิ่งราวทรัพย์และกรรโชกทรัพย์ ก่อนเข้าสู่วงการคนขับรถและเป็นพนักงานขับรถของผู้บริหารบริษัท นอกจากนี้ยังพบว่านายบอลทำความผิดโดยประสงค์ต่อทรัพย์มาหลายครั้งแล้ว
       
        ขณะที่ พล.ต.ต.พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ พูดถึงประเด็นลูกอัณฑะนายเอกยุทธบวมว่า น่าจะเกิดจากการเน่า เพราะขณะตรวจสอบ นายเอกยุทธเสียชีวิตมาประมาณ 5 วันแล้ว ส่วนใบหน้านายเอกยุทธ พบบาดแผลแค่รอยช้ำที่ปลายจมูกนิดหน่อย ไม่น่าจะเกิดจากการทำร้าย
       
        ด้าน พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พูดถึงสำนวนคดีนายเอกยุทธว่า คงจะสรุปคดีได้ภายใน 1 เดือน หากมีพยานหลักฐานอื่นๆ ก็สามารถนำมาประกอบสำนวนได้ภายในอายุความ 20 ปี
       
        วันเดียวกัน(26 มิ.ย.) นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความนายเอกยุทธ ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เพื่อรับฟังคำชี้แจงข้อสงสัย 13 ประเด็น หลังฟังคำชี้แจง นายสุวัตร บอกว่า พอใจคำชี้แจงของตำรวจ แต่ยังมีหลายประเด็นที่ทำใจให้เชื่อไม่ได้ เช่น ประเด็นฮาร์ดดิสก์กล้องวงจรปิดที่บ้านนายเอกยุทธ ซึ่งผู้ต้องหาบอกว่าเอาไปทุบจนแหลกละเอียดและนำซากไปโปรยทิ้ง ส่วนเสื้อผ้าก็บอกว่าฉีกเป็นชิ้นๆ และนำไปโปรยทิ้ง รวมทั้งกระเป๋าหลุยส์วิตตอง ที่บอกว่านำไปหั่นเป็นชิ้นๆ แล้วเอาไปทำลาย และกรณีที่ผู้ต้องหานำรถโฟล์กไปล้างในราคา 4,900 บาท
       
        นายสุวัตร ยังเผยด้วยว่า ได้พบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหมายเลขโทรศัพท์ ซึ่งเป็นเบอร์ใหม่ที่นายบอลใช้สื่อสาร เบื้องต้นพบว่าเบอร์นี้ถูกเริ่มใช้บริเวณร้านครัวกระแต จึงจะเสนอให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบการใช้งานเบอร์ดังกล่าวตั้งแต่ช่วงก่อนวันที่ 6 มิ.ย.และหลังวันที่ 8 มิ.ย. ที่นายเอกยุทธเสียชีวิต ว่าติดต่อกับใครบ้าง
       
        ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ได้มีการประกอบพิธีฌาปนกิจศพนายเอกยุทธที่วัดลาดพร้าว โดยมีเพียงครอบครัว ญาติ และเพื่อนนายเอกยุทธมาร่วมงานประมาณ 200 คน ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

ASTVผู้จัดการออนไลน์    1 กรกฎาคม 2556

6604
1. รัฐบาล ถอย ลดราคาจำนำข้าวเหลือตันละ 12,000 บ. อ้างเพื่อรักษาวินัยการคลัง ด้านชาวนา ไม่พอใจ ขู่ประท้วง!

       ความคืบหน้าโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล หลังพรรคประชาธิปัตย์ออกมาแฉว่า โครงการดังกล่าวขาดทุนกว่า 2.6 แสนล้านบาท ขณะที่ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำสินค้าเกษตร ก็เคยออกมาเผยว่า ตัวเลขขาดทุนของโครงการรับจำนำข้าวไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาท แต่ฝ่ายรัฐบาลพยายามปฏิเสธว่า ตัวเลขขาดทุนไม่ใช่ 2.6 แสนล้าน แต่เท่าไหร่ยังบอกไม่ได้ ต้องรอผลสรุปของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.)
       
       ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้รวบรวมข้อมูลโครงการจำนำข้าว ออกมาเผยว่า คณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯ กับกระทรวงพาณิชย์มีวิธีการคำนวณต่างกัน ทำให้ตัวเลขขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าวออกมาไม่เหมือนกัน โดยคณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯ บอกว่า โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2554/55 และโครงการรับจำนำข้าวนาปรัง 2555 ตัวเลขขาดทุนรวม 2 โครงการอยู่ที่ 136,908 ล้านบาท แต่กระทรวงพาณิชย์ บอกว่าตัวเลขขาดทุนอยู่ที่ 49,908 ล้านบาท นายวราเทพ ยังชี้ด้วยว่า เมื่อนำตัวเลขขาดทุนของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯ ที่ระบุว่า 2 โครงการขาดทุน 1.3 แสนล้านบาท มาบวกกับตัวเลขขาดทุนของโครงการจำนำข้าวปี 2555/56 ซึ่งอยู่ที่ 5.4 หมื่นล้านบาท เท่ากับว่าโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลขาดทุนแค่ 1.9 แสนล้านบาทเท่านั้น ไม่ใช่ 2.6 แสนล้านบาท
       
       ด้านนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธาน กขช.อ้างว่า เหตุที่คณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯ คำนวณตัวเลขขาดทุนโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลออกมาสูง เพราะไม่ได้นำปริมาณข้าวเปลือกในสต๊อกที่อยู่ระหว่างแปรสภาพมาคำนวณด้วยจำนวน 2.59 ล้านตัน ซึ่งในส่วนนี้คิดเป็นต้นทุนประมาณ 6.4 หมื่นล้านบาท
       
       อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า คณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯ มีมติไม่รับตัวเลขข้าวเปลือก 2.5 ล้านตันดังกล่าว เนื่องจากต้องรอตรวจสต๊อกสินค้าว่ามีอยู่จริง อีกทั้งในการลงบันทึกของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯ จะยึดปริมาณสต๊อกข้าวสารเป็นหลัก ไม่ใช่ข้าวเปลือกที่อยู่ระหว่างการสี
       
       ด้านคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.) ได้รับทราบผลขาดทุนของโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลปี 2554/55 วงเงิน 1.36 แสนล้านบาทแล้ว ส่วนตัวเลขข้าวที่อยู่ระหว่างแปรสภาพเป็นข้าวสาร 2.5 ล้านตันนั้น ได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบสต๊อกดังกล่าว รวมทั้งให้คณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯ ทำการปิดบัญชีทุกๆ 3 เดือน
       
       ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้มีการตั้งคณะตรวจสอบคุณภาพข้าวหรือเซอร์เวย์เยอร์ ขึ้นมาอีกทีมหนึ่งเพื่อตรวจสอบทุกโกดัง โดยในทีมเซอร์เวย์เยอร์ต้องมีทีมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าตรวจสอบด้วย ก่อนกลับมารายงาน ครม.
       
       ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เผยหลังประชุมคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อมูลปริมาณข้าวคงเหลือในโครงการรับจำนำข้าวเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ว่า ที่ประชุมมีมติลงพื้นที่ตรวจสอบโรงสีและโกดังกลางพร้อมกันทั่วประเทศในวันเสาร์ที่ 29 มิ.ย. โดยตั้งชื่อปฏิบัติการครั้งนี้ว่า “เปิดทุกโกดัง ดูทุกคลังสินค้า ผ่าทุกโรงสี” คาดว่า ช่วงเย็นวันที่ 29 มิ.ย. จะได้ข้อสรุปเรื่องปริมาณข้าวทั้งหมด ผู้สื่อข่าวถามว่า การแจ้งกำหนดการตรวจพื้นที่ก่อนลงพื้นที่จริง 1 สัปดาห์ จะทำให้โรงสีขนข้าวเข้าโกดังก่อนหรือไม่ นายณัฐวุฒิ อ้างว่า โรงสีไม่สามารถขนข้าวเข้าโกดังได้ เพราะมีตำรวจตรวจความเคลื่อนไหวตลอดเวลา หากพบการขนย้ายข้าวผิดปกติ จะตรวจสอบทันที
       
       ขณะที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งข้อสังเกตว่า หากมีข้าวสารในสต๊อกอีก 2.5 ล้านตันจริง รัฐบาลจะขาดทุนในรอบที่สาม 6 หมื่นล้านบาท หากรวมทั้ง 3 รอบ คือ รอบที่ 1 ขาดทุน 4.3 หมื่นล้าน รอบที่ 2 ขาดทุน 9.3 หมื่นล้าน และรอบที่ 3 ขาดทุน 6 หมื่นล้าน รวมแล้วจะได้ตัวเลขขาดทุนไม่น้อยกว่า 2.4 แสนล้าน ยังไม่รวมค่าบริหารจัดการ ค่าข้าวเสื่อมสภาพ และอื่นๆ อีก 20% ที่ต้องเพิ่มเข้าไป หรือประมาณ 4 หมื่นล้านบาท
       
       ทั้งนี้ หลังจำนนต่อตัวเลขขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าว ปรากฏว่า ที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 18-19 มิ.ย. ได้มีมติเห็นชอบให้ปรับราคารับจำนำข้าวข้าวเปลือกเจ้า 100% ของโครงการรับจำนำข้าวข้าวเปลือกปีการผลิต 2555/56 ครั้งที่ 1 และ 2 จากตันละ 15,000 บาท เหลือตันละ 12,000 บาท ส่วนข้าวเปลือกชนิดอื่นๆ ปรับลดราคาลงจากเดิม 20% โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย.นี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังมีการจำกัดวงเงินรับจำนำข้าวของเกษตรกรแต่ละครัวเรือน จากเดิมที่ไม่จำกัดวงเงิน เป็นไม่เกินครัวเรือนละ 5 แสนบาทต่อปี โดยให้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.เป็นต้นไป สำหรับกรอบวงเงินที่ใช้ในการรับจำนำข้าวเปลือกนั้น ยังอยู่ที่ไม่เกิน 5 แสนล้านบาท
       
       สำหรับเหตุผลที่รัฐบาลใช้ประกอบการปรับลดราคารับจำนำข้าวครั้งนี้ ก็คือ เพื่อรักษาวินัยการเงินการคลัง ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกโดยรวมมีความผันผวน และอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทแข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ตาม การปรับลดราคารับจำนำข้าว ก็ส่งผลให้ชาวนาในหลายจังหวัดไม่พอใจ และเตรียมเคลื่อนไหว โดยนายสมยงค์ สร้อยทอง แกนนำชาวนา อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก บอกว่า ขณะนี้แกนนำชาวนา 22 จังหวัดภาคกลางได้นัดรวมตัวกัน เพื่อไปพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 24 มิ.ย.นี้ โดยจะขอให้คงราคาจำนำข้าวไว้ที่ 15,000 บาท/ตัน ไปจนถึงวันที่ 15 ก.ย. เพราะฤดูนาปรัง เช่าที่นาแพงมาก ค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าน้ำมัน ทุกอย่างแพงหมด ถ้ารัฐบาลต้องการให้ราคาจำนำข้าวอยู่ที่ตันละ 12,000 บาท ควรรอให้ถึงฤดูนาปี ชาวนาจะได้เจรจากับเจ้าของที่นา เพื่อจะได้ขาดทุนไม่มาก
       
       ขณะที่สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ได้จับมือกับสมาคมส่งเสริมชาวนาและข้าวไทย และสภาเกษตรกร เตรียมเดินทางมายื่นหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในวันที่ 25 มิ.ย. ให้รัฐบาลรับจำนำข้าวตันละ 15,000 บาท ไปจนสิ้นฤดูกาลในวันที่ 15 ก.ย.เช่นกัน และว่า หากรัฐบาลไม่สนองตอบข้อเรียกร้องภายใน 1 สัปดาห์ ชาวนาทั่วประเทศอาจนำรถเกี่ยวข้าว รถไถ รถอีแต๋นเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยต่อไป
       
       2. “อี้” คว้าชัยเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ดอนเมือง ด้าน ปชป.เฮ ชนะในรอบ 37 ปี ขณะที่ “แซม” ร้องคัดค้านการเลือกตั้งแล้ว!

       เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้จัดให้มีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขต 12 (เขตดอนเมือง) แทนนายการุณ โหสกุล ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งตัดสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี ฐานปราศรัยหาเสียงด้วยข้อความอันเป็นเท็จใส่ร้ายนายแทนคุณ จิตต์อิสระ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 12 พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) เมื่อปี 2554 ทั้งนี้ ประชาชนเขตดอนเมืองได้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งกันอย่างคึกคัก
       
       หลังปิดหีบเลือกตั้งในเวลา 15.00น. กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งกลาง ได้นับคะแนนในส่วนของผู้ที่มาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. จำนวน 168 ใบ ซึ่งปรากฏว่า นายแทนคุณ ผู้สมัครเบอร์ 8 พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 102 คะแนน ขณะที่นายยุรนันท์ ภมรมนตรี ผู้สมัครเบอร์ 9 พรรคเพื่อไทย ได้ 59 คะแนน ส่วนที่เหลือเป็นของผู้สมัครรายอื่นๆ
       
       สำหรับผลการนับคะแนนโดยรวมนั้น หลังจากชัดเจนว่า นายแทนคุณคะแนนทิ้งห่างนายยุรนันท์ ปรากฏว่า นายยุรนันท์และแกนนำพรรคเพื่อไทย ได้เปิดแถลงยอมรับความพ่ายแพ้การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ พร้อมขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่ไว้วางใจและขอโทษที่ความพยายามของตนไปไม่ถึงฝั่ง นอกจากนี้ยังแสดงความยินดีกับนายแทนคุณด้วย นายยุรนันท์ ยังประเมินสาเหตุที่ตนแพ้เลือกตั้งครั้งนี้ด้วยว่า “คงผิดที่ผมคนเดียวมากกว่า และเวลาของเราน้อย เพราะตั้งแต่ได้เบอร์ 9 ผู้สมัครมีเวลาเพียง 18 วันในการหาเสียง ถือว่ามีเวลาน้อยมาก... หากมีเวลามากกว่านี้ เชื่อว่าคะแนนที่หายไป 2,000 คะแนน น่าจะไม่ใช่ปัญหา”
       
       ด้านพรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธาน ส.ส.กทม. ได้เปิดแถลงพร้อมด้วยนายแทนคุณ โดยขอบคุณพี่น้องชาวดอนเมืองที่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง และว่า ชัยชนะครั้งนี้เป็นผลจากการทำงานหนักมาตลอด 2 ปีของนายแทนคุณ ซึ่งพรรคจะนำการทำงานของนายแทนคุณไปเป็นแบบอย่างในการทำงานในพื้นที่ที่พรรคยังไม่มี ส.ส.
       
       ขณะที่นายแทนคุณ ยืนยันว่า จะตั้งใจทำงานเพื่อตอบแทนประชาชนชาวดอนเมือง ซึ่งพรรคไม่มี ส.ส.ในพื้นที่นี้ตั้งแต่ปี 2519 เป็นเวลากว่า 37 ปีแล้ว พร้อมขอบคุณนายยุรนันท์และพรรคเพื่อไทยที่ให้บทเรียนตนทุกอย่าง “ขอยืนยันว่าจะทำงานแก้ไขปัญหาปากท้อง รวมทั้งเรื่องโครงสร้างพลังงาน กองทุนบำนาญ และการทำงานร่วมกับ กทม.อย่างไร้รอยต่อ และพร้อมรับข้อเสนอดีๆ จากทุกฝ่าย โดยเฉพาะผู้สมัครคู่แข่ง หากเป็นประโยชน์ต่อคนดอนเมือง”
       
       ทั้งนี้ วันต่อมา(17 มิ.ย.) แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ นำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค พร้อมด้วยนายแทนคุณ ได้ขึ้นรถขบวนแห่ขอบคุณชาวดอนเมือง ซึ่งได้รับการตอบรับจากประชาชนจำนวนมาก
       
       ด้านนายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง ได้แถลงผลการเลือกตั้ง ส.ส.กทม.เขต 12 ว่า ลำดับที่ 1 คือ นายแทนคุณได้ 32,710 คะแนน ลำดับที่ 2 คือ นายยุรนันท์ ได้ 30,624 คะแนน สำหรับผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งมีจำนวน 66,373 คน จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 108,495 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 61.18 ซึ่งเป็นสถิติที่สูงมากสำหรับการเลือกตั้งซ่อม นายประพันธ์ ยังบอกด้วยว่า หากไม่มีเรื่องร้องเรียนการเลือกตั้ง กกต.สามารถประกาศรับรองผลการเลือกตั้งได้ภายใน 7 วัน แต่ถ้ามีการร้องคัดค้าน กกต.ต้องไต่สวนให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน หากไม่เสร็จ จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไปก่อน
       
       เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้พรรคเพื่อไทยและนายยุรนันท์จะแถลงยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ แต่ในที่สุด ก็ได้มีการร้องคัดค้านการเลือกตั้ง โดยอ้างว่านายแทนคุณหาเสียงโดยมีการเสนอและสัญญาว่าจะให้ประโยชน์หรือทรัพย์สินใน 2 ชุมชนของเขตดอนเมือง คือ ชุมชนร่มไทรงามและชุมชนพัฒนาตลาดกลาง ด้านนายสุพจน์ ไพบูลย์ ประธาน กกต.กทม.แถลงว่า จะส่งเรื่องให้คณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 20 วัน
       
       ทั้งนี้ หลังพ่ายเลือกตั้งซ่อม รัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้ปลอบใจนายยุรนันท์ด้วยการตั้งให้เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แถมควบตำแหน่งโฆษกกระทรวงมหาดไทยอีกตำแหน่ง
       
       3. “ทนายสุวัตร” ยื่นถาม ผบช.น. 13 ข้อสงสัยคดีเอกยุทธ ด้าน “คำรณวิทย์” ขอเวลา 7 วัน ขณะที่ “สันธนะ” แฉ มีคนจ้างฆ่าเอกยุทธ!

       ความคืบหน้าคดีอุ้มฆ่านายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดัง หลังตำรวจจับผู้ต้องหาได้ 4 ราย คือ นายสันติภาพ หรือบอล เพ็งด้วง คนขับรถของนายเอกยุทธ ,นายสุทธิพงษ์ หรือเบิ้ม พิมพิสาร ,นายชวลิต หรือเชาว์ วุ่นชุม และนายทิวากร หรือทิว เกื้อทอง โดยตอนแรกนายสันติภาพอ้างว่านายเอกยุทธให้ขับรถลงใต้ ก่อนมีเพื่อนมารับที่ปราณบุรี เพื่อไปประเทศพม่า แต่ภายหลังสารภาพว่าเป็นคนฆ่านายเอกยุทธ เพื่อชิงทรัพย์และแค้นที่นายเอกยุทธไล่แฟนสาวออกจากงาน ขณะที่ตำรวจพยายามสรุปคดีว่าเป็นการฆ่าเพื่อชิงทรัพย์ แต่ทางญาติและนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความนายเอกยุทธ ยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะหลายอย่างยังมีพิรุธนั้น
       
       ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. นายสุวัตร ได้เข้าพบ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) เพื่อยื่นหนังสือตั้งข้อสงสัยการฆาตกรรมนายเอกยุทธ 13 ข้อ ประกอบด้วย

1.เรื่องมูลเหตุจูงใจ หากคนร้ายประสงค์ต่อทรัพย์ เหตุใดจึงนำสร้อยคอทองคำ พระสมเด็จเลี่ยมทอง และนาฬิกาโรเล็กซ์ของนายเอกยุทธไปทิ้งน้ำ

2.การลงมืออุ้มนายเอกยุทธ ไม่เชื่อว่านายบอลกับนายเบิ้ม จะลงมือกระทำได้โดยลำพัง น่าจะมีบุคคลอื่นร่วมด้วย เพราะนายบอลขับรถ ถือปืน และปีนข้ามจากฝั่งคนขับไปยังที่นั่งของนายเอกยุทธ นายเอกยุทธน่าจะแย่งปืนได้ เพราะเป็นคนเล่นปืนและรู้วิธีแย่งปืน หรือน่าจะเปิดประตูรถวิ่งหนี เมื่อนายเอกยุทธไม่ทำ น่าจะเป็นเพราะถูกล็อกตัวไว้โดยกลุ่มคนร้ายที่แฝงตัวอยู่หลังรถตู้
       
3.ระหว่างที่นายบอลรอนายเอกยุทธที่ร้านครัวกระแต ภาพจากกล้องวงจรปิดพบนายบอลพูดโทรศัพท์มือถือตลอดเวลา ซึ่งโทรศัพท์เครื่องนี้หายไป จึงขอให้สืบหาโทรศัพท์เครื่องนี้และตรวจดูว่านายบอลคุยกับใครบ้าง

4.จากคำรับสารภาพของนายบอลในครั้งแรก อ้างว่าได้รับการติดต่อจากนายเปี๊ยก ซึ่งเป็นคนที่เอากุญแจมือและโทรศัพท์มือถือมาให้นายบอลใช้งานในการอุ้มฆ่านายเอกยุทธ จึงอยากรู้ว่านายเปี๊ยกเป็นใคร มีตัวตนจริงหรือไม่

5.ฮาร์ดดิสก์กล้องวงจรปิดในบ้านนายเอกยุทธ น่าจะเป็นคำตอบได้ว่าคนร้ายมีกี่คน มีใครบ้าง อีกทั้งฮาร์ดดิสก์นี้มีระบบเชื่อมต่อทางอินเตอร์เน็ต สามารถดูผ่านโทรศัพท์มือถือหรือไอแพดของนายเอกยุทธได้ ขอให้ตรวจบริษัทที่ให้บริการกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้ที่บ้านนายเอกยุทธด้วย

6. คำให้การของนายบอลกับนายเบิ้มขัดกันหลายประการ เช่น นายเบิ้มบอกว่า เมื่อฆ่านายเอกยุทธแล้ว นำศพมุ่งหน้าไป จ.พัทลุง ระหว่างทางได้แวะพักที่บ้านควนหนองหงส์ จ.นครศรีธรรมราช แต่นายบอลให้การว่าระหว่างทางไม่มีการหยุดพัก จึงขอให้ตำรวจตรวจสอบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นของใคร มีการทำลายฮาร์ดดิสก์กล้องวงจรปิดหรือไม่ และมีการฝังสร้อยคอ นาฬิกานายเอกยุทธหรือไม่
       
7.เนื่องจากนายบอลและนายเอกยุทธมีรูปร่างใกล้เคียงกัน ญาติจึงไม่เชื่อว่าลำพังตัวต่อตัว นายบอลจะบีบคอนายเอกยุทธถึงแก่ความตายได้ จึงขอให้หากล้องวงจรปิดที่อยู่ในละแวกลาดกระบัง และหาคนขับรถ 10 ล้อที่วิ่งผ่านขณะที่นายเอกยุทธหนีออกจากรถเพื่อขอความช่วยเหลือ

8.นายเบิ้มให้การว่าไปช่วยนายบอลขนศพนายเอกยุทธขึ้นรถ และบอกว่าสภาพศพนายเอกยุทธตาถลน ลิ้นจุกปาก ขอให้สอบปากคำเพิ่มว่า หน้าตานายเอกยุทธมีการถูกทุบทำร้ายหรือไม่ มีบาดแผลที่จุดใดบ้าง

9.บุคคลใดนำกระเป๋ายี่ห้อหลุยส์ วิตตอง ที่ใส่เอกสารของนายเอกยุทธไป ซึ่งนายเบิ้มอ้างว่ากระเป๋าอยู่ที่นายบอล ขอให้ตรวจสอบมีการนำไปที่พัทลุงด้วยหรือไม่ หรือนำไปเก็บไว้ที่บ้านพักควนหนองหงส์ จ.นครศรีธรรมราช

10. ประเด็นเรื่องลูกอัณฑะของนายเอกยุทธ ที่มีการบวม เกิดจากธรรมชาติการตายหรือไม่ หรือถูกบีบเพื่อทำร้าย ขอให้แพทย์ตรวจสอบด้วย

11.กรณีมีกลุ่มชายต้องสงสัยอยู่บริเวณปาก ซ.ประดิพัทธ์ 17 หน้าโรงแรมประดิพัทธ์ ในวันที่นายเอกยุทธหายตัวไปเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ขอให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดของร้านแลกเปลี่ยนเงินตราที่อยู่ตรงข้ามกันด้วย

12.ขอให้ตรวจรถตู้โฟล์กของกลางให้ละเอียดอีกครั้งว่า นอกจากนายเบิ้ม นายบอล และนายเอกยุทธแล้ว พบลายนิ้วมือแฝงหรือดีเอ็นเอของบุคคลอื่นอีกหรือไม่ และ

13. ประเด็นเสื้อผ้าของนายเอกยุทธที่นายบอลอ้างว่าทำลายไปแล้ว ขอให้ตำรวจหาเสื้อผ้าดังกล่าว เพราะหากได้มาและตรวจดีเอ็นเอจากน้ำลาย เหงื่อ หรือเลือด จะทำให้รู้ว่ามีผู้ใดร่วมกันทำร้ายนายเอกยุทธ
       
       ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ บอกว่า เห็นด้วยกับข้อสงสัยที่นายสุวัตรนำมามอบให้ ซึ่งมีบางข้อที่ตำรวจก็สงสัยเช่นกัน แต่บางเรื่องต้องรอผลพิสูจน์จากแพทย์ และว่า จะทำเรื่องขอตัวผู้ต้องหาออกมาเพื่อสอบปากคำเพิ่มให้ครบตามประเด็นที่ตั้งข้อสงสัย 13 ข้อ คาดว่าจะใช้เวลาตรวจสอบไม่เกิน 1 สัปดาห์ จะมีความคืบหน้า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ยังพูดเหมือนโยนความผิดให้ญาตินายเอกยุทธด้วยว่า ถ้าญาติแจ้งความเร็วกว่านี้ นายเอกยุทธไม่เสียชีวิตแน่นอน
       
       ทั้งนี้ วันเดียวกัน(18 มิ.ย.) พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผู้กำกับการ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ได้เข้าพบ พ.ต.อ.ชัยน์วัฒน์ อรัญวัฒน์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 เพื่อมอบหลักฐานตั๋วเครื่องบินสำหรับใช้ประกอบการสืบสวนคดีฆาตกรรมนายเอกยุทธ โดย พ.ต.ท.สันธนะ เล่าว่า ตนได้พบกับนายเอกยุทธโดยบังเอิญบนเครื่องบินสายการบินคาเธ่ย์ แอร์ไลน์ เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ขณะเดินทางกลับมาประเทศไทย จึงมีโอกาสพูดคุยกัน ซึ่งตนรู้จักนายเอกยุทธมานานกว่า 30 ปี และว่า ระหว่างสนทนา นายเอกยุทธบอกว่า มีกลุ่มบุคคลที่มุ่งหมายจะเอาชีวิต ซึ่งต่อมานายเอกยุทธก็เสียชีวิต “ผมอยากยืนยันว่า การตายของนายเอกยุทธเป็นคดีฆาตกรรมที่มีการจ้างวานฆ่า โดยมีกลุ่มองค์กรอาชญากรรมรับจ้างฆ่า สั่งการลงมาเป็นทอดๆ หากสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังปล่อยให้องค์กรนี้ยังคงอยู่ ทุกคนในประเทศจะไม่สามารถมีชีวิตที่ปลอดภัยได้”
       
       พ.ต.ท.สันธนะ ยังบอกด้วยว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองโดยตรง แต่เป็นคนใกล้ชิดกับนักการเมืองระดับชาติ มีมูลเหตุมาจากความแค้นส่วนตัว และน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งที่นายเอกยุทธเขียนไว้ในสื่อออนไลน์ อีกทั้งการตายที่เปลือยกายก็เป็นการทำตามคำสั่ง เพื่อเป็นการประจานเนื่องจากความแค้นส่วนตัว
       
       ด้านคณะกรรมาธิการ(กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร มีข้อสงสัยเกี่ยวกับคดีอุ้มฆ่านายเอกยุทธ จึงได้เชิญ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ท.คำรณวิทย์ มาให้ข้อมูลเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. สำหรับข้อสงสัยของ กมธ.การตำรวจ ได้แก่ ทำไมต้องรีบสรุปว่าคดีนี้เป็นคดีชิงทรัพย์ , ทำไมข้อมูลที่แถลงแต่ละครั้งไม่ตรงกัน ,ทำไมให้ความสำคัญกับคำให้การของผู้ต้องหาเป็นหลัก ทั้งที่โดยหลักกฎหมาย คำให้การรับสารภาพ ไม่สามารถรับฟังเพื่อเป็นประจักษ์พยานในการลงโทษได้ และทำไมไม่ให้หน่วยงานอื่น เช่น กองปราบปราม และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้ามาร่วมสอบสวน
       
       ทั้งนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ไม่ได้เข้าให้ข้อมูลต่อ กมธ.การตำรวจ คาดว่า ให้ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นตัวแทน ขณะที่นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความนายเอกยุทธ ก็เข้าให้ข้อมูลต่อ กมธ.เช่นกัน โดยนายสุวัตร ยืนยันว่า ไม่เชื่อว่านายบอลจะมีศักยภาพทำร้ายนายเอกยุทธได้ จึงพุ่งประเด็นไปที่เรื่องการเมือง เพราะก่อนหายตัวไป นายเอกยุทธได้โพสต์ข้อความถึงนายกรัฐมนตรี จึงคิดว่าการเสียชีวิตเกี่ยวข้องกับอำนาจรัฐ นายสุวัตร ยังเผยด้วยว่า นายเอกยุทธได้บอกให้ตนทราบก่อนหน้านี้ 1 เดือนว่า ถ้าถูกอุ้มหายก็ให้รู้ว่าเป็นฝีมือใคร จึงเชื่อว่าคนวางแผนอุ้มฆ่านายเอกยุทธมีการวางแผน 2 ชั้น
       
       ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ย้ำว่า ขอเวลา 7 วัน จะทำความจริงให้กระจ่างทุกประเด็น และว่า คดีนี้เป็นคดีที่ใช้งบประมาณมากที่สุดในประวัติศาสตร์คดีหนึ่ง เพราะใช้กำลังตำรวจจำนวนมาก รวมทั้งใช้เฮลิคอปเตอร์ตามหาตัวนายเอกยุทธ
       
       ด้านนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย ในฐานะรองประธาน กมธ.การตำรวจ บอกว่า การที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ระบุว่า จะทำให้ข้อสงสัยของนายสุวัตร 13 ข้อมีความคลี่คลายภายใน 7 วันนั้น ทำให้เชื่อว่า ในวันที่ 6 นับจากนี้ นายบอลจะผูกคอตายในคุก เพราะกุมความลับมากเกินไป แต่ไม่ใช่ว่าเพราะตำรวจทำ
       
       4. ตร. รวบมือบึ้มซอยรามฯ แล้วที่นราธิวาส สารภาพเคยก่อเหตุบึ้มสนามบินนราฯ ด้าน ผบ.ตร.- ผบ.ทบ. รีบปัดเอี่ยวโจรใต้!

       เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. พล.ต.ต.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศชต.) ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เข้าควบคุมตัวนายอิดริส สะตาปอ อายุ 24 ปี ขณะพักอยู่ในบ้านพักเลขที่ 18 บ้านฮูแตทูวอ หมู่ 4 ต.โคกเคียน อ.เมืองนราธิวาส จ.นราธิวาส ผู้ต้องสงสัยในคดีวางระเบิดแผงค้าบริเวณปากซอยรามคำแหง 43/1 จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 คนเมื่อวันที่ 26 พ.ค.
       
        ทั้งนี้ ตอนแรกมีข่าวว่า นายอิดริสเป็น 1 ในโจรใต้ที่เคยร่วมก่อเหตุวางระเบิดสนามบินนราธิวาส รวมทั้งฆ่าและเผาพระวัดพรหมประสิทธิ์ จ.ปัตตานี รวม 3 รูป
       
        อย่างไรก็ตาม หลังมีข่าวดังกล่าว ปรากฏว่า ทั้งตำรวจและทหารชั้นผู้ใหญ่ต่างออกมาปฏิเสธว่า ผู้ต้องสงสัยระเบิดแผงค้าปากซอยรามฯ ไม่เกี่ยวโยงโจรใต้ โดย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่า นายอิดริสเป็น 1 ในผู้ต้องหา 4 ราย ซึ่งทั้งหมดเป็นคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า นายอิดริสไม่ได้อยู่ในกลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็น หรืออาร์เคเคใหม่ รวมถึงเครือข่ายกลุ่มก่อเหตุไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ “เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่า ถูกชักชวนจากเพื่อนให้มาร่วมขบวนการ มีหน้าที่ประกอบระเบิดและวางระเบิด”
       
       ขณะที่ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แถลงปฏิเสธอีกครั้งว่า นายอิดริสไม่เกี่ยวโยงโจรใต้ ส่วนกรณีที่มีข่าวว่านายอิดริสเป็นผู้ร่วมก่อเหตุระเบิดสนามบิน จ.นราธิวาสนั้น พล.ต.ต.ปิยะ บอกว่า เป็นเพียงแค่คำให้การของผู้ต้องหาเท่านั้น ซึ่งอาจจะต้องการเพิ่มความสำคัญให้ตนเอง
       
       ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ก็ยืนยันเช่นกันว่า จากการตรวจสอบของทหารไม่ปรากฏชื่อนายอิดริสอยู่ในทำเนียบผู้ก่อเหตุไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้แต่อย่างใด


ASTVผู้จัดการออนไลน์    23 มิถุนายน 2556

6605
 1. “เอกยุทธ อัญชันบุตร” ถูกคนขับรถอุ้มฆ่า ด้าน “เฉลิม-ตำรวจ” รีบสรุป คดีชิงทรัพย์ ขณะที่ “สนธิ-โสภณ” เชื่อ ฝีมือรัฐบาล-สีกากี”!

       เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 8 มิ.ย. นางสุภากร แหวนหล่อ พี่สาวนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดัง เจ้าของเว็บไซต์ไทยอินไซด์เดอร์ ได้เข้าแจ้งความต่อตำรวจ สน.วังทองหลาง ว่า นายเอกยุทธหายตัวไปพร้อมกับคนขับรถ และติดต่อทางโทรศัพท์ไม่ได้ ทั้งนี้ หลังสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง ได้ความว่า นายเอกยุทธพร้อมคนขับรถ ไปรับประทานอาหารที่ร้านครัวกระแต ย่านสะพานควายเมื่อเย็นวันที่ 6 มิ.ย. ก่อนจะออกจากร้านในช่วงดึก ต่อมา เช้าวันรุ่งขึ้น(7 มิ.ย.) นายเอกยุทธได้โทรศัพท์หาพี่สาวให้เสมียนนำสมุดเช็คไปให้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งระหว่างที่เสมียนนำสมุดเช็คไปให้ที่สนามบิน ก็ไม่เห็นนายเอกยุทธ มีเพียงนายสันติภาพ เพ็งด้วง คนขับรถของนายเอกยุทธเป็นผู้มารับเช็ค ก่อนนำไปให้นายเอกยุทธเซ็นที่รถตู้โฟล์กสีดำ ทะเบียน ฮพ 9304 กรุงเทพมหานคร ของนายเอกยุทธ โดยบอกให้เสมียนรอ 45 นาที เมื่อนายเอกยุทธเซ็นเช็คแล้ว นายสันติภาพจึงนำเช็คมาให้เสมียนเพื่อไปขึ้นเงิน ก่อนนัดเจอกันอีกครั้งที่สนามบินในช่วงบ่าย ซึ่งระหว่างที่เสมียนนำเงินมาให้ที่สนามบิน ก็ไม่เห็นนายเอกยุทธแต่อย่างใด เพราะคนที่มารับเงินคือนายสันติภาพ มีรายงานด้วยว่า เช็ค 3 ใบ 2 ธนาคารที่นายเอกยุทธเซ็นใบละล้านกว่า รวม 5 ล้านบาท มีการเขียน พ.ศ.ผิด 1 ใบ เป็น พ.ศ.2553 เจ้าหน้าที่ธนาคารจึงโทรศัพท์กลับไปหานายเอกยุทธเพื่อให้ยืนยัน ก่อนจะออกเงินให้
       
        ทั้งนี้ นอกจากพี่สาวนายเอกยุทธ จะเข้าแจ้งความต่อตำรวจ สน.วังทองหลางแล้ว นางอรุณี สุนทรภัทร น้องสาวนายเอกยุทธ ก็ได้เข้าแจ้งความต่อตำรวจกองปราบปรามด้วย โดยการแจ้งความมีขึ้นหลังจากตรวจสอบบ้านนายเอกยุทธแล้วพบว่า ประตูหลังบ้านเปิดอยู่ ขณะที่เซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดภายในบ้านถูกถอดออกไป
       
        ด้านนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ในฐานะทนายความของนายเอกยุทธ พูดถึงสาเหตุการหายตัวไปของนายเอกยุทธว่า น่าจะมีหลายสาเหตุ โดยก่อนหน้านี้นายเอกยุทธได้ไล่พนักงานของบริษัทออกไป 3 คน เนื่องจากจับได้ว่าร่วมกันยักยอกเงินบริษัทไปกว่า 1 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีความขัดแย้งระหว่างนายเอกยุทธกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ตำรวจได้มีหมายเรียกนายเอกยุทธเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน คดีที่ พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้การเท็จ กรณีทะเลาะวิวาทในร้านอาหารคาราโอเกะซิตี้ ย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา เมื่อเดือน ธ.ค.2555
       
        เป็นที่น่าสังเกตว่า หลังญาติแจ้งความได้ 2 วัน(10 มิ.ย.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ได้ออกมาเผยว่า พบตัวนายสันติภาพแล้ว อยู่ระหว่างนำตัวมาสอบปากคำที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) แต่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กลับพูดไปอีกทาง โดยบอกว่า ยังไม่พบตัวนายสันติภาพแต่อย่างใด พร้อมเผยว่า คนขับรถของนายเอกยุทธเป็นชาว จ.พัทลุง และเคยถูกดำเนินคดีวิ่งราวทรัพย์ แต่อัยการสั่งไม่ฟ้อง และอยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีข้อหากรรโชกทรัพย์
       
        ด้าน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์อีกครั้งในวันเดียวกัน โดยบอกว่า พบรถและคนขับรถนายเอกยุทธแล้ว อยู่ระหว่างสอบสวน แต่ยังไม่เจอตัวนายเอกยุทธ โดยเบื้องต้นมุ่งประเด็นปมธุรกิจและเรื่องส่วนตัว แต่ให้น้ำหนักเรื่องธุรกิจมากกว่า เพราะก่อนหายตัว นายเอกยุทธเบิกเงิน 5 ล้านบาท
       
        ขณะที่นายก้องการุณ ศรีประสาน อายุ 33 ปี ลูกชายนายเอกยุทธ พูดถึงการหายตัวไปของนายเอกยุทธว่า ไม่แน่ใจว่าจะเป็นเรื่องคนขับรถกับแฟนสาวที่ถูกไล่ออกเพราะยักยอกเงินไปกว่าล้านบาทหรือไม่ แต่เซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดที่ถูกถอดออกไป ต้องเป็นคนภายในเท่านั้นที่รู้
       
        วันต่อมา(11 มิ.ย.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ได้นำตัวนายสันติภาพ เพ็งด้วง หรือบอล อายุ 25 ปี คนขับรถของนายเอกยุทธมาเปิดแถลง พร้อมด้วยของกลางเงินสด 65,000 บาท และทรัพย์สินบางส่วนของนายเอกยุทธ เช่น แหวนทองคำขาว โดยบอกว่า ตำรวจได้ตัวนายสันติภาพเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ขณะขับรถย้อนกลับมากรุงเทพฯ ด้านนายสันติภาพ เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยอ้างว่า หลังออกจากร้านครัวกระแตเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 6 มิ.ย. ได้มุ่งหน้ากลับบ้านย่านทาวน์อินทาวน์ จากนั้นนายเอกยุทธให้ช่วยถอดกล้องวงจรปิด ต่อมาวันรุ่งขึ้น ได้สั่งให้ขับรถไปสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อรับสมุดเช็คจากหลานนายเอกยุทธ ก่อนเซ็นและส่งคืนไป จากนั้นในช่วงบ่าย นายเอกยุทธสั่งให้ขับรถมารับเอกสารจากคนชื่ออิงค์ที่สนามบินอีกครั้ง เป็นถุงเอกสาร ไม่รู้ว่าข้างในเป็นเงิน ต่อมานายเอกยุทธได้ให้ตนขับรถลงใต้เมื่อเวลา 03.00น.วันที่ 8 มิ.ย. ซึ่งเมื่อขับถึงปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้มีรถเก๋ง 2 คันมาจอดด้านหลังเพื่อรับนายเอกยุทธ โดยได้ยินนายเอกยุทธพูดโทรศัพท์ว่าให้รออยู่ที่พม่า จากนั้นตนได้ขับรถไป จ.พัทลุง กะจะเอารถไปโชว์เพื่อน แต่ไม่เจอใคร จึงขับเข้ากรุงเทพฯ แต่เมื่อถึงสมุทรสงคราม รถเกิดยางแตก และเจอเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้เชิญมาสอบปากคำ
       
        ทั้งนี้ หลังตำรวจนำนายสันติภาพมาเปิดแถลงข่าว ปรากฏว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี รีบออกมาฟันธงว่า การหายตัวไปของนายเอกยุทธ เจ้าหน้าที่รัฐไม่เกี่ยวข้อง และไม่ได้เป็นการสร้างสถานการณ์ของนายเอกยุทธ พร้อมเชื่อว่านายเอกยุทธถูกฆาตกรรมชิงทรัพย์ เพราะเบิกเงินไป 5 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินจำนวนมาก แล้วออกไปกับคนขับรถ “ผมไม่เชื่อคนขับ เหตุผลไม่เพียงพอ ผมเชื่อว่าถูกฆาตกรรม ถ้าคนขับรถลงมือเอง เชื่อว่าตายแล้ว”
       
        เป็นที่น่าสังเกตว่า หลังนายสันติภาพอ้างว่านายเอกยุทธไปพม่า ปรากฏว่า ยังไม่ทันข้ามวัน นายสันติภาพก็รับสารภาพว่าได้ร่วมกับพวกก่อเหตุฆ่านายเอกยุทธ เพื่อชิงทรัพย์ รวมทั้งโกรธแค้นที่นายเอกยุทธไล่แฟนสาวออกจากงาน เมื่อสบโอกาสพานายเอกยุทธไปกินข้าวที่ร้านครัวกระแต จึงขับรถออกไปรับเพื่อน คือนายสุทธิพงศ์ หรือเบิ้ม พิมพิสาร ให้แอบอยู่ในรถ แล้วมารอนายเอกยุทธเหมือนเดิม เมื่อรับนายเอกยุทธออกจากร้านอาหาร จึงใช้ปืนของนายเอกยุทธจี้นายเอกยุทธ พร้อมใส่กุญแจมือ จากนั้นขับรถกลับไปที่บ้านนายเอกยุทธและถอดเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิด ก่อนพาไปขังที่บ้านพี่สาวตนที่ย่านลาดกระบัง พอรุ่งเช้าก็นำตัวนายเอกยุทธไปสนามบิน เพื่อบังคับให้เซ็นเช็ค 5 ล้านบาท เมื่อได้เงินเรียบร้อย จึงนำตัวนายเอกยุทธเตรียมลงใต้ แต่ระหว่างกลับรถบริเวณสะพานข้ามคลองลำมะขาม ถนนฉลองกรุง 3 เวลาประมาณ 19.00น. นายเอกยุทธได้เปิดประตูรถวิ่งหนีทั้งที่ถูกล็อคด้วยกุญแจมือ นายสันติภาพและนายสุทธิพงศ์จึงช่วยกันนำตัวกลับมาขึ้นรถ ก่อนบีบคอและใช้เชือกผูกรองเท้าของนายสุทธิพงศ์รัดคอจนนายเอกยุทธเสียชีวิต จากนั้นได้ขับรถลงใต้ไปที่ จ.พัทลุง โดยติดต่อเพื่อนอีก 2 คนเพื่อมาช่วยฝังศพนายเอกยุทธ คือนายชวลิต วุ่นชุม และนายทิวากร เกื้อทอง สำหรับจุดที่ฝังศพคือบริเวณเขาจิงโจ้
       
        หลังตำรวจนำผู้ต้องหาไปชี้จุดฝังศพบริเวณเขาจิงโจ้ ปรากฏว่า พบศพนายเอกยุทธในสภาพเปลือย ซึ่งผู้ต้องหาบอกว่าเพื่อทำลายหลักฐานที่อาจติดอยู่ที่เสื้อผ้า ส่วนที่ลำคอมีรอยช้ำคล้ายถูกบีบคอ สันนิษฐานว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 4-5 วัน ก่อนนำศพไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวชฯ ซึ่งภายหลังมีการแถลงผลว่า สาเหตุการเสียชีวิตของนายเอกยุทธเนื่องจากขาดอากาศหายใจ แต่ยืนยันไม่ได้ว่าเกิดจากการบีบคอหรือรัดคอ เนื่องจากศพมีสภาพเปลี่ยนแปลงไปมาก ด้านญาติได้เข้ารับศพนายเอกยุทธเพื่อนำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดลาดพร้าวเป็นเวลา 7 วัน ก่อนจะทำพิธีฌาปณกิจต่อไป
       
        สำหรับเงิน 5 ล้านที่นายสันติภาพนำไปนั้น ได้ฝากไว้ที่พ่อ คือ จ.ส.อ.อิทธิพล เพ็งด้วง เป็นทหารสังกัด ช.พัน 401 ค่ายอภัยบริรักษ์ จ.พัทลุง จำนวน 2 ล้าน ส่วนที่เหลือ พ่อนำไปฝากไว้กับนายสมนึก บัวพัว ลุงของนายสันติภาพ ที่ จ.สงขลา
       
        เป็นที่น่าสังเกตว่า นายสันติภาพกับนายสุทธิพงศ์ยังซัดทอดกันไปมาในประเด็นใครเป็นคนฆ่านายเอกยุทธ โดยนายสันติภาพอ้างว่า นายสุทธิพงศ์ใช้เชือกรองเท้ารัดคอจนเสียชีวิต ขณะที่นายสุทธิพงศ์อ้างว่า นายสันติภาพบีบคอนายเอกยุทธจนเสียชีวิตแล้ว จึงให้ตนใช้เชือกรองเท้ารัดคอไว้อีกครั้ง
       
        ด้านตำรวจได้แจ้งข้อหาผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ฐานร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธ จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ,ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ,ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดหรือไม่กระทำการใด ,ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวให้ปราศจากเสรีภาพจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย พร้อมกันนี้ยังแจ้งข้อหาพ่อแม่ของนายสันติภาพ ฐานรับของโจรด้วย
       
        ขณะที่นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความนายเอกยุทธ ซึ่งได้มีโอกาสร่วมสอบผู้ต้องหาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เผยว่า ยังมีหลายประเด็นที่น่าสงสัย เช่น ฮาร์ดดิสก์จากกล้องวงจรปิดที่หายไป และหากผู้ต้องหาต้องการชิงทรัพย์ เหตุใดจึงนำทรัพย์สินส่วนตัวของนายเอกยุทธไปโยนทิ้ง ทั้งนี้ นายสุวัตร ยังไม่ขอพูดกรณีที่เคยระบุว่าการอุ้มฆ่านายเอกยุทธอาจเกี่ยวข้องกับ เสธ.คนดัง โดยบอกว่าขอรวบรวมหลักฐานให้ชัดเจนก่อน ส่วนกรณีที่นายเอกยุทธมีคดีฟ้องร้อง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ฐานหมิ่นประมาทนั้น ญาติได้มอบหมายให้ทนายถอนฟ้องแล้ว
       
        ด้านนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มองว่า การอุ้มฆ่านายเอกยุทธ เป็นไปได้ที่จะมาจากฝ่ายรัฐบาล แต่ไม่รู้ว่าฝีมือใคร เพราะนายเอกยุทธสู้กับ พ.ต.ท.ทักษิณและเป็นศัตรูกับรัฐบาลชุดนี้ และยังเล่นงาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรื่อง ว.5 โฟร์ซีซันส์ ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์อาจจะไม่กล้าพูด แต่คนรอบตัวอาจจะโกรธแทน และเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณต้องโกรธแทนน้องสาวแน่ นายสนธิ ยังเชื่อด้วยว่า นายบอลกับนายเบิ้มไม่ใช่คนฆ่านายเอกยุทธ ต้องมีอีกทีมเป็นคนฆ่า ทีมซึ่งตำรวจต้องการปกปิด พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า นายบอลมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์มาก นักข่าวบอกว่า เวลาอยู่ที่ บช.น. จู่ๆ นายบอลก็ขอคุยกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ 2 คนในห้อง ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติของอาชญากร แถมตอนที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์พานายบอลออกมาแถลงข่าว ยังเดินจูงมือนายบอล เหมือนต้องการให้กำลังใจ
       
        ขณะที่นายโสภณ องค์การณ์ ผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์เอเอสทีวี และคอลัมนิสต์ในเครือเอเอสทีวีผู้จัดการ เผยว่า ในวงการตำรวจพูดกันว่า อาชญากรรมในลักษณะอุ้มฆ่านายเอกยุทธนี้ ตำรวจเท่านั้นที่จะทำได้ การถอดเสื้อผ้าทิ้งก่อนฝังศพ ก็คือแนวคิดทางตำรวจที่ต้องการปกปิดร่องรอยอาชญากรรม และว่า งานนี้ คนในวงการใต้ดินพูดกันว่า เงินมาจากทางเหนือ ผู้ที่มีเครือข่ายจัดการหาทีมมา และหามาได้ 3 คน ให้มีคนเก็บและคนกวาด เขารู้กันหมดว่าใครเป็นคนสั่ง ใครเป็นคนรับงาน และทีมนี้มาจากไหน งานนี้ไม่ใช่ เสธ. แต่เป็นนักการเมืองกับสีกากี ส่วนพวกทีมท้องถิ่นอย่างพวกนายบอล เป็นเพียงตัวประกอบเพื่อให้ดูว่าเป็นการชิงทรัพย์ แต่ตัวจริงเป็นมือระดับพระกาฬ ปกติทีมนี้ทำงานแล้วเอาเข้าเตาเผาแถวปากช่องโคราช ไม่มาทิ้งอย่างนี้ ที่มาทิ้งก็เพื่อเปิดโอกาสให้เห็นว่าเป็นการปล้นทรัพย์ธรรมดา จะได้ปิดคดีเร็วๆ
       
       2. ศาลฎีกา พิพากษากลับยกฟ้อง “พล.ต.อ.วาสนา-ปริญญา” คดีจัดเลือกตั้งมิชอบเอื้อ ทรท. ชี้ โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง!

       เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ศาลอาญา ได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีที่นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) , พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธาน กกต. ,นายปริญญา นาคฉัตรีย์ ,นายวีระชัย แนวบุญเนียร ,พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ กรรมการ กกต.และ พล.ต.ต.เอกชัย วารุณประภา อดีตเลขาธิการ กกต. เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2541 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว. พ.ศ.2541 จากกรณีจัดการเลือกตั้งเมื่อปี 2549 เอื้อประโยชน์ให้พรรคไทยรักไทย(ทรท.)
       
        คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 3-5 เม.ย.2549 จำเลยทั้งหมดได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่และใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่รอบ 2 ใน 38 เขต 15 จังหวัดเมื่อวันที่ 23 เม.ย.2549 โดยเปิดรับสมัครใหม่ทั้งที่ไม่มีอำนาจ และอนุญาตให้ผู้สมัครเวียนเทียนลงสมัครข้ามเขตได้ เพื่อช่วยให้ผู้สมัครพรรคไทยรักไทยมีคู่แข่ง จะได้เลี่ยงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้ว่าต้องได้คะแนน 20% ซึ่งการจัดเลือกตั้งโดยเพิ่มเงื่อนไขเช่นนี้ ทำให้การเลือกตั้งใหม่ไม่เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำความผิดที่ร้ายแรงเป็นปฏิปักษ์และเป็นภัยต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 101 ,108 ,157 ขณะที่จำเลยให้การปฏิเสธ
       
        ทั้งนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ก.ค.2549 ให้จำคุก พล.ต.อ.วาสนา ,นายปริญญา และนายวีระชัย จำเลยที่ 2-4 คนละ 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา และให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี สำหรับจำเลยที่ 1 และ 6 ศาลยกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 5 พล.อ.จารุภัทร นั้น ได้ลาออกจาก กกต.ไปก่อน โจทก์จึงถอนฟ้อง
       
       ด้านจำเลยที่ 2-4 ได้ยื่นอุทธรณ์ พร้อมขอให้มีการลดหย่อนโทษ โดยอ้างว่า จำเลยได้ประกอบคุณงามความดีมา ได้รับราชการด้วยความวิริยะอุตสาหะ อีกทั้งได้ดำรงตำแหน่งสำคัญมาก่อน แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การที่จำเลยมีประสบการณ์เคยดำรงตำแหน่งสำคัญมาก่อน จนมีคุณสมบัติตามวัตถุประสงค์ของรัฐธรรมนูญได้เป็น กกต. แต่กลับไม่ได้ใช้ประสบการณ์สร้างความสุขและช่วยระงับวิกฤตที่เกิดขึ้นในชาติบ้านเมือง และใช้อำนาจหน้าที่เพื่อสร้างวิกฤตให้ใหญ่มากยิ่งขึ้น พฤติการณ์ของจำเลยทั้งสามจึงไม่มีเหตุให้ลดโทษตามที่ขอ ศาลอุทธรณ์จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 24 เม.ย.2551 จากนั้น พล.ต.อ.วาสนา ,นายปริญญา และนายวีระชัย ได้สู้ต่อในชั้นฎีกา ซึ่งในเวลาต่อมา นายวีระชัย ได้เสียชีวิตลง
       
        เป็นที่น่าสังเกตว่า ศาลฎีกาใช้เวลาพิจารณาคดีนี้นานกว่า 5 ปี โดยพิพากษากลับยกฟ้อง พล.ต.อ.วาสนาและนายปริญญา เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่า นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีสิทธิฟ้องอดีต กกต. เนื่องจากนายถาวรไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง พร้อมระบุว่า การกระทำของ กกต.จะเป็นความผิดตามมาตรา 24 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วย กกต.ก็ต่อเมื่อเป็นการกระทำต่อผู้สมัครหรือพรรคการเมือง ส่วนที่นายถาวรเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งใน จ.สงขลา เขตเลือกตั้งที่ 6 และเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์นั้น ศาลชี้ว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ส่งผู้ใดลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนั้น นายถาวรจึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง ศาลยังย้ำด้วยว่า กฎหมายไม่ได้บัญญัติให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเป็นผู้เสียหายโดยตรง เพราะหากบัญญัติเช่นนั้น แล้วมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนมากต่างใช้สิทธิฟ้องร้อง จะเกิดความไม่เป็นธรรมต่อ กกต. ดังจะเห็นได้จากกรณีที่ศาลอุทธรณ์เคยพิพากษายกฟ้องคดีที่ นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กับพวกรวม 9 คน เคยยื่นฟ้อง พล.ต.อ.วาสนา และนายปริญญาว่ากระทำผิด พ.ร.บ.กกต. เนื่องจากเห็นว่า นพ.นิรันดร์กับพวกไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง การกระทำของ กกต.จะเป็นความผิดก็ต่อเมื่อเป็นการกระทำผิดต่อรัฐเท่านั้น
       
        หลังฟังคำพิพากษา พล.ต.อ.วาสนา และนายปริญญา ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ โดย พล.ต.อ.วาสนา กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า รู้สึกเฉยๆ และหลังจากนี้จะกลับไปอยู่บ้านพักที่ต่างจังหวัด
       
       3. ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนจำคุก “ดา ตอร์ปิโด” 15 ปี คดีหมิ่นเบื้องสูง!

       เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ศาลอาญาได้นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ ดา ตอร์ปิโด กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์และพระราชินี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุก 3-15 ปี
       
        คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างเดือน ม.ค.-มิ.ย.2551 จำเลยได้ปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียงบนเวทีเสียงประชาชน ณ ท้องสนามหลวง ท่ามกลางประชาชนที่มาฟังจำนวนหลายคน โดยจำเลยได้พูดจาบจ้วงล่วงเกิน เปรียบเทียบและเปรียบเปรย หมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ และทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง โดยเจตนาจะทำให้ประชาชนไม่เคารพและเสื่อมศรัทธา
       
        ทั้งนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2554 ให้จำคุกจำเลย 3 กระทงๆ ละ 5 ปี รวม 15 ปี เนื่องจากพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม 3 นาย ที่เป็นสายสืบฟังการปราศรัยพบว่าจำเลยกล่าวข้อความดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ จึงบันทึกเสียงลงแผ่นซีดี พยานหลักฐานโจทก์จึงรับฟังได้ว่า จำเลยพูดจาบจ้วง ดูหมิ่นสถาบัน เป็นการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งต่อมา จำเลยยื่นอุทธรณ์
       
        ขณะที่ศาลอุทธรณ์ พิจารณาแล้วเห็นว่า พฤติการณ์ของจำเลยทำให้สถาบันเสื่อมเสียชื่อเสียง เกียรติยศ จึงเห็นสมควรลงโทษสถานหนักเพื่อไม่ให้บุคคลอื่นกระทำเป็นเยี่ยงอย่าง โดยเห็นว่าที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
       
       4. ชาวพุทธช็อก “พระมิตซูโอะ” สึกแล้ว กลับญี่ปุ่นทันที ขณะที่แม่ชีเผย สุขภาพไม่ดี พร้อมปรารภอยากกลับไปตอบแทนแผ่นดินเกิด!

       เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. มีข่าวแพร่สะพัดว่า พระมิตซูโอะ คเวสโก อายุ 63 ปี เจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี พระชื่อดัง ลูกศิษย์พระโพธิญาณเถร(หลวงปู่ชา สุภัทโท) วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี ได้ลาสิกขาแล้วเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ที่วัดชนะสงคราม กทม. และเดินทางกลับประเทศญี่ปุ่นแล้ว
       
        ทั้งนี้ วันเดียวกัน ทางมูลนิธิมายา โคตมี วัดสุนันทวนาราม ซึ่งริเริ่มก่อตั้งโดยพระมิตซูโอะ ได้ออกมายอมรับว่า พระมิตซูโอะได้ลาสิกขาจริง แต่ไม่ทราบว่าเมื่อไหร่ และที่วัดใด โดยทางมูลนิธิจะประชุมและเผยความชัดเจนในวันที่ 11 มิ.ย.
       
        เป็นที่น่าสังเกตว่า ข่าวพระมิตซูโอะลาสิกขา ได้สร้างความประหลาดใจแก่ประชาชนเป็นอันมาก โดยนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ยอมรับว่า หลังทราบข่าวรู้สึกตกใจมาก เพราะพระอาจารย์มิตซูโอะอุปสมบทมานานหลายสิบปีแล้ว และได้ทำคุณประโยชน์ต่อวงการพระพุทธศาสนามากมาย
       
        ขณะที่แม่ชีพิณพรรณ เนียมมุณี ซึ่งปฏิบัติธรรมที่วัดนี้มานานกว่า 8 ปี ยอมรับว่า ตกใจมากที่ทราบว่าพระมิตซูโอะลาสิกขา และไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเหตุใด ทราบเพียงว่าพระอาจารย์มิตซูโอะมีปัญหาสุขภาพมานานกว่า 2 ปีแล้ว ป่วยเป็นโรคเบาหวาน สุขภาพจึงไม่ค่อยแข็งแรงและเหนื่อยมาก เพราะรับกิจนิมนต์เกือบทุกวัน “ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งน่าจะมาจากพระอาจารย์มิตซูโอะเคยพูดกับญาติโยมว่า ท่านเป็นคนญี่ปุ่น อยากตอบแทนแผ่นดินเกิด หากมีโอกาสก็อยากจะกลับไปช่วยเหลือคนญี่ปุ่นบ้าง เพราะคนญี่ปุ่นขณะนี้ยังมีคนที่ทุกข์และลำบากมากเช่นกัน”
       
        วันต่อมา(11 มิ.ย.) แม่ชีพิณพรรณ เผยอีกครั้งว่า นางลัดดา สุวรรณกุล อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งเป็นจิตอาสาที่มาช่วยงานมูลนิธิในวัด ได้รับโทรศัพท์จากอดีตพระมิตซูโอะซึ่งโทรทางไกลจากญี่ปุ่นแจ้งว่า แม้ไม่ได้อยู่ในสมณเพศแล้ว แต่ยังยืนยันจะเดินหน้าเผยแผ่วิปัสสนากรรมฐานต่อไป โดยจะร่วมกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิในประเทศญี่ปุ่นเปิดคอร์สฝึกอบรมวิปัสสนากรรมฐานให้แก่ชาวญี่ปุ่นและคนไทยในญี่ปุ่นในเดือน ก.ย.นี้
       
        ด้านนายยงยุทธ ยุงรัมย์ เจ้าหน้าที่มูลนิธิมายา โคตมี เผยว่า มูลนิธิจะสานต่อโครงการต่างๆ ที่อดีตพระมิตซูโอะเริ่มไว้ต่อไป ส่วนที่มีผู้ตั้งข้อสงสัยเรื่องเงินบัญชีของวัด ยืนยันว่าการเบิกจ่ายทำในนามนิติบุคคล ต้องมีกรรมการเซ็นชื่อมากกว่า 1 คน พระมิตซูโอะรูปเดียวจะทำอะไรไม่ได้ จึงอยากให้ประชาชนเข้าใจตรงกัน สำหรับพระที่จะมาทำหน้าที่เจ้าอาวาสแทนนั้น ทางมูลนิธิต้องปรึกษาทางวัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี ว่าจะให้พระรูปใดที่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งแทน เพราะวัดสุนันทวนารามเป็นวัดสาขาของวัดหนองป่าพง

ASTVผู้จัดการออนไลน์    16 มิถุนายน 2556

6606
1. รัฐบาล ผวามูดี้ส์ลดเครดิต รีบอ้าง จำนำข้าวเจ๊งไม่ถึง 2.6 แสนล้าน แต่ตอบไม่ได้ขาดทุนเท่าไหร่ ด้าน “สนธิ” ชี้ ขาดทุนจริงกว่า 3 แสนล้าน!

       หลัง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายแฉทุจริตโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ กลางที่ประชุมสภาฯ โดยชี้ว่า โครงการรับจำนำข้าวขาดทุนแล้วกว่า 2.6 แสนล้านบาท รวมทั้งมีคนที่มีอำนาจเหนือรัฐมนตรีในกระทรวงพาณิชย์เป็นจอมบงการฟันหัวคิวในโครงการรับจำนำข้าว คือ พ.ต.นพ.วีรวุฒิ วัจนะพุกกะ ซึ่งเป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และเป็นคณะกรรมการนโยบายจำนำข้าวทั้งในยุคที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
       
        ปรากฏว่า พ.ต.นพ.วีรวุฒิ ได้ออกมายืนยันว่า ไม่มีการแอบขายข้าวให้โรงสีโชควรลักษณ์รุ่งเรืองกิจในราคาต่ำ เพื่อไปขายต่อแบบฟันกำไรอย่างที่พรรคประชาธิปัตย์กล่าวหา พร้อมท้าเดิมพันตำแหน่งกับ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นผู้อภิปรายแฉตนด้วย “ผมขอท้าเดิมพันตำแหน่งกับ นพ.วรงค์ หากไม่ใช่การแอบขาย ขอให้ นพ.วรงค์ลาออกจากตำแหน่ง หากพบว่ามีการแอบขายจริง ก็พร้อมจะลาออกจากตำแหน่งเลขานุการ รมว.พาณิชย์ทันที และเห็นว่า นพ.วรงค์ควรเป็นเลขานุการเงามากกว่า รมว.พาณิชย์เงา”
       
        ด้าน นพ.วรงค์ ได้ออกมาสวนกลับโดยบอก ไม่ให้ราคา พ.ต.นพ.วีรวุฒิ เพราะออกมาแก้ตัวน้ำขุ่นๆ และว่า สิ่งที่ พ.ต.นพ.วีรวุฒิต้องทำคือ เตรียมข้อมูลไปชี้แจงต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) และอาจถึงขั้นต้องเตรียมติดคุกหรือไม่ “ผู้ต้องหามักจะปฏิเสธ แล้วโยนความผิดให้คนอื่น อีกอย่างฐานะของผมกับ พ.ต.นพ.วีรวุฒิ ก็ต่างกัน ถือว่าเป็นคนละระดับ ผมเป็น ส.ส. ต้องเป็นนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มาท้าเดิมพันกันถึงจะสมศักดิ์ศรี”
       
        ทั้งนี้ ปัญหาทุจริตจำนำข้าวที่พรรคประชาธิปัตย์แฉว่าขาดทุนกว่า 2.6 แสนล้าน เริ่มสั่นคลอนรัฐบาล เมื่อมีข่าวว่า สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ หรือมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ได้ออกบทวิเคราะห์ทำนองอาจทบทวนลดเครดิตของประเทศไทยลง เนื่องจากความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว ร้อนถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องเรียกประชุมรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านเศรษฐกิจเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ไปสรุปตัวเลขการขาดทุนของโครงการรับจำนำข้าว แล้วกลับมารายงานภายในวันที่ 6 มิ.ย. เพื่อสรุปตัวเลขที่แท้จริง และชี้แจงให้สาธารณชนรับทราบ ก่อนส่งข้อมูลให้มูดี้ส์ต่อไป
       
        ด้านนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้แสดงความมั่นใจว่า ตัวเลขขาดทุนของโครงการรับจำนำข้าวไม่น่าจะเกินตัวเลขขาดทุนจากการประกันรายได้ของรัฐบาลก่อน พร้อมย้ำว่า การใช้เงินในโครงการรับจำนำข้าวก็อยู่ในกรอบ 5 แสนล้าน โดยมาจากเงินกู้ 4.1 แสนล้าน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) 9 หมื่นล้าน “ผมไม่มั่นใจตัวเลขที่ว่าจำนำข้าวขาดทุน 2.6 แสนล้านบาท เพราะยังไม่มีการตรวจสอบตัวเลขอย่างเป็นทางการ ต้องรอการสรุปของคณะกรรมการนโยบายข้าว จึงถือว่าเป็นตัวเลขทางการ”
       
        เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กจี้ให้รัฐบาลเปิดข้อมูลการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าว เพราะยิ่งปกปิดข้อมูล จะยิ่งทำให้มูดี้ส์คาดเดาไปในทางเลวร้ายที่สุดไว้ก่อน พร้อมย้ำว่า ไม่เห็นด้วยกับการปกปิดข้อมูล เพราะเป็นการใช้เงินของประชาชน ประชาชนจึงควรมีสิทธิได้ข้อมูลอย่างครบถ้วน
       
        ด้าน น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ได้ออกมาเปิดเผยอีกครั้ง หลังจากที่เคยเปิดเผยมาครั้งหนึ่งแล้วว่าโครงการรับจำนำข้าวขาดทุน 2.6 แสนล้านกระทั่งถูกสั่งย้ายไม่ให้ดูแลการปิดบัญชี โดยครั้งนี้ น.ส.สุภา เผยว่า ได้จัดส่งข้อมูลการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์แล้ว ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะชี้แจงต่อสาธารณชนเมื่อใด พร้อมยืนยัน การประเมินผลการดำเนินโครงการดังกล่าว ใช้ข้อมูลจากองค์การคลังสินค้า(อคส.) และองค์การตลาดเพื่อการเกษตร(อ.ต.ก.) ทั้งภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงสต๊อกข้าว โดยใช้การบันทึกราคาตามราคาตลาด ไม่ใช่การประเมินราคาระบายข้าวเองและไม่ใช่ราคารับจำนำ “ผลขาดทุนจากการปิดบัญชีที่เสนอไปให้นายกรัฐมนตรีนั้น ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่มากกว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการคำนวณบนพื้นฐานข้อมูลที่ปรากฏจริง ไม่ได้ต้องการมีปัญหากับใคร หรือทำร้ายประเทศชาติ แต่ต้องการให้นายกฯ รับทราบความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง”
       
        ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เปิดแถลงพร้อมกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งทั้ง 3 คนพยายามย้ำว่า โครงการรับจำนำข้าวมีประโยชน์ต่อชาวนา ทำให้ชาวนามีรายได้สูงขึ้น ช่วยให้เศรษฐกิจปีที่ผ่านมาเติบโตได้เกือบ 1% ทำให้จีดีพีเพิ่มจาก 5% เป็น 6% เมื่อปีที่แล้ว ส่วนตัวเลขขาดทุน 2.6 แสนล้านบาทนั้น นายบุญทรง ยืนยันว่าไม่จริง แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าขาดทุนไปเท่าไหร่ เมื่อผู้สื่อข่าวรุมถามว่า จริงๆ แล้วขาดทุนเท่าไหร่กันแน่ เพราะอธิบายมา 3 คนแล้วยังไม่ชัดเจนว่าโครงการรับจำนำข้าวขาดทุนหรือไม่ขาดทุน นายบุญทรงจึงขอให้ผู้สื่อข่าวใจเย็นๆ พร้อมอ้างว่า ยังไม่ปิดโครงการ จึงบอกไม่ได้ว่าขาดทุนเท่าไหร่กันแน่ เพราะข้าวที่รับจำนำมา ต้องใช้เวลาขายอีก 2-3 ปี จึงจะขายหมด
       
        ด้านนายวิชัย ศรีประเสริฐ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เชื่อว่า โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลต้องขาดทุนมากกว่า 2 แสนล้านบาทแน่นอน เนื่องจากราคาซื้อข้าวมากกว่าราคาขาย พร้อมเผยว่า ขณะนี้การส่งออกข้าวของไทยลดลง จากที่เคยส่งออกถึง 10 ล้านตัน แต่ปีที่ผ่านมาเหลือส่งออกเพียง 7 ล้านตัน และคาดว่าปีนี้จะอยู่ที่แค่ 6 ล้านตัน เนื่องจากผู้ประกอบการไม่มีข้าวที่จะส่งออก
       
        ด้านนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ออกมาแฉเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลว่า ผิดพลาดมาตั้งแต่ต้น เพราะต้องการหาเสียง แต่เผอิญมีพ่อค้าหัวใสไปเจรจากับคนที่อยู่เมืองนอกว่าให้รับอย่างนี้ แล้วจะแบ่งผลประโยชน์ให้ คนที่อยู่เมืองนอกก็เห็นว่าได้ทั้งคะแนนเสียงและเงิน ก็เลยสั่งน้องสาวตั้งโครงการรับจำนำข้าว พอมีโครงการ ก็เลยเกิดคนตระกูลเดียวกับที่เคยเสียชื่อเรื่องลำไย เห็นเข้าก็ตาโต มาร่วมหากินกับข้าวด้วย เลยโกงกันอย่างหนัก สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้คือ ถ้าไม่ใช่โรงสีของพวกตัวเองจะไม่รับจำนำ “งานนี้ผมบอกเลยถ้าคุณตั้งกรรมการสอบสวนที่ไม่เข้าข้างใคร 1.ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ไม่ต้องติดตะราง 2.นักการเมืองไม่ต้องติดตะราง 3.ครม.ทั้งชุดตัองติดตะราง 4.ยิ่งลักษณ์แฟนของโสภณ องค์การณ์ก็ต้องติดตะรางเช่นกัน เพราะเป็นประธานนโยบายข้าว เพราะฉะนั้นสิ่งที่สุภาเสนอตัวเลขมาไม่ผิด มูดี้ส์พูดก็ไม่ผิด ตัวเลข 260,000 ล้าน ยังต่ำกว่าความเป็นจริง อาจมากกว่านี้อีกเยอะ มันต้อง 300,000 กว่าล้าน”
       
       2. ลูกชาย “เผดิมชัย” ปัดเอี่ยวรถหรูไฟไหม้ ด้าน “บอย ปกรณ์-ชรัส” รีบเคลียร์ตัวเองเช่นกัน หลังครอบครองรถต้องสงสัยติดบัญชีดีเอสไอ!

       ความคืบหน้ากรณีเกิดไฟไหม้รถหรู 6 คันระหว่างอยู่บนรถเทรลเลอร์ ขณะขับอยู่บนถนนมิตรภาพ ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เพื่อนำไปส่งที่ จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ได้ให้เจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบรถหรูทั้ง 6 คัน ซึ่งพบว่า เลขตัวถังรถยนต์ยี่ห้อลัมโบร์กีนี สีขาว ที่ไฟไหม้ เป็นรถที่ตรงกับบัญชีรถยนต์ต้องสงสัยในจำนวน 5,000 คัน ที่ดีเอสไอมีข้อมูลว่าเป็นรถที่นำเข้าอย่างผิดกฎหมาย โดยใช้วิธีหลบเลี่ยงภาษีด้วยการสำแดงเท็จ นายธาริตจึงลงนามคำสั่งให้ดีเอสไอรับกรณีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร ซึ่งมีความซับซ้อนและเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายขบวนการ
       
        ทั้งนี้ มีข่าวว่า รถ 1 ใน 6 คันที่ไฟไหม้ ที่หมายเลขทะเบียน ฌล 6217 เป็นรถของ พ.ต.สุขชาติ สะสมทรัพย์ บุตรชายนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ซึ่งนายเผดิมชัย ยอมรับว่า บุตรชายเคยซื้อรถมือสองทะเบียนดังกล่าวจริง แต่ไม่ถูกใจทะเบียน จึงขอออกทะเบียนใหม่ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับซากรถที่ไฟไหม้
       
        ขณะที่ พ.ต.สุขชาติ บุตรชายนายเผดิมชัย ได้เข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนดีเอสไอเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. โดยนำเอกสารการจดทะเบียนรถและการเสียภาษีรถที่ใช้ในปัจจุบันมาแสดง เพื่อยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับรถที่ไฟไหม้ พร้อมย้ำว่า รถลัมโบร์กีนีที่ตนใช้คือ รุ่นกัลลาโด้ ราคา 13 ล้านบาท ส่วนรถที่ไฟไหม้ รุ่นมาเซราโก้ ราคากว่า 20 ล้านบาท
       
        ด้าน พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผู้บัญชาการสำนักปฏิบัติพิเศษภาค ดีเอสไอ เผยว่า หลังจากพิจารณาเอกสารหลักฐานแล้ว เชื่อว่า พ.ต.สุขชาติ ไม่เกี่ยวข้องกับรถที่ไฟไหม้
       
        เป็นที่น่าสังเกตว่า นอกจากลูกชายนักการเมืองจะมีชื่อเข้าไปเกี่ยวโยงกับรถหรูที่ไฟไหม้แล้ว ปรากฏว่ายังมีคนดังอีกหลายวงการรีบออกมาเคลียร์ตัวเองเช่นกัน หลังครอบครองรถหรูที่ต้องสงสัยติดอยู่ในบัญชีของดีเอสไอ ได้แก่ พระเอกชื่อดัง “บอย” ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่า รถทะเบียน ฌฬ 167 เป็นรถเก่าอายุประมาณ 20 ปีแล้ว ซื้อมาเมื่อ 1-2 ปีก่อน ในราคาเกือบ 6 แสนบาท แม้จะเป็นรถนำเข้า แต่มั่นใจว่าไม่มีปัญหา และพร้อมตอบคำถาม หากดีเอสไอเรียกไปสอบ
       
        ด้านนายชรัส เฟื่องอารมณ์ นักร้องชื่อดัง ซึ่งเป็นเจ้าของรถเบนซ์ทะเบียน กย 6519 ที่ถูกระบุว่าเข้าข่ายต้องสงสัยนำเข้าผิดกฎหมาย ก็ยืนยันว่า รถคันดังกล่าวไม่ใช่ของตน แต่ยอมรับว่ามีรถเบนซ์อยู่คันหนึ่ง เป็นรถมือสองจากญี่ปุ่นที่ถอดชิ้นส่วนเข้ามาประกอบในไทย ซื้อมาเมื่อปีก่อน ราคาประมาณ 1 ล้านบาท ยืนยันว่าซื้อถูกต้องตามกฎหมาย และยินดีถ้าดีเอสไอจะเรียกไปสอบ
       
        ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุไฟไหม้รถหรู 6 คันดังกล่าว นายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ได้สั่งย้ายนายดนัย โคตรอาษา ขนส่งจังหวัดศรีสะเกษ และนายณัฏฐ์พัชร์ จันทะ หัวหน้าตรวจสภาพรถยนต์ขนส่งจังหวัดศรีสะเกษ ให้มาช่วยราชการที่กรมการขนส่งทางบก เนื่องจากพบหลักฐานว่า ไม่ได้ดำเนินการตามระเบียบของกรมฯ ในการตรวจสภาพและรับจดทะเบียนรถ
       
        ด้านนายดนัย บอกว่า พร้อมปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้บังคับบัญชาเห็นสมควร แต่ยืนยัน ตนปฏิบัติราชการมานานกว่า 30 ปี ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย แม้ว่าจะเหลืออายุราชการอีกเพียง 4 เดือนก็ตาม
       
        ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ได้ขอหมายศาลไปตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัย 4 จุดในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ที่เกี่ยวข้องกับรถหรูยี่ห้อลัมโบร์กีนี สีขาว ที่ไฟไหม้ โดยจุดแรกเป็นบ้านและบริษัทของนางพรพิมล เคหะฐาน กรรมการผู้จัดการบริษัท ธรรมะ มอเตอร์ ริช จำกัด ย่านหนองจอก จุดที่ 2 บริษัท เจเอ็มดับบลิว มอเตอร์ส จำกัด ในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง จุดที่ 3 บริษัท ทีเอเอ็น เอ็กซ์เพรส จำกัด ในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง และจุดที่ 4 บริษัท พอใจ ออโตพาร์ท จำกัด ย่านโชคชัย 4 ซึ่งระหว่างตรวจค้น นางพรพิมล ปฏิเสธว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนรถหรูยี่ห้อลัมโบร์กีนีที่ไฟไหม้ แต่ยอมรับว่ามีคนชื่อ “เป๋” นำเอกสารมาติดต่อขอให้จดทะเบียนให้ แต่ได้ปฏิเสธไป เพราะบริษัทไม่มีศักยภาพพอที่จะจดทะเบียนให้
       
        ด้านนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เผยว่า “การตรวจค้นทำให้ยืนยันข้อเท็จจริงว่า รถจดประกอบนั้น ทุกอย่างถูกประกอบด้วยกระดาษ นอกจากนี้ยังพบเอกสารเป็นรายการสั่งซื้อรถหรูอีกหลายรายการ ซึ่งดีเอสไอจะขยายผลต่อไป”
       
        ขณะที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เผยว่า เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ตนได้ลงนามประกาศกฎกระทรวงคมนาคมงดรับจดทะเบียนรถที่ประกอบจากชิ้นส่วนของรถที่ใช้แล้วนำเข้าจากต่างประเทศ และว่า หลังจากนี้จะให้เวลารถจดประกอบที่ยังไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอน ดำเนินการให้ถูกต้องภายใน 1 ปี ส่วนรถติดก๊าซที่ไม่ต้องผ่านการทดสอบมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จะต้องดำเนินการจดทะเบียนให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน หากพ้นกำหนดแล้ว กรมการขนส่งทางบกจะไม่รับจดทะเบียนรถจดประกอบอีกต่อไป
       
       3. “กำนันแดง” คนดังเมืองจันท์ ถูกมือปืนบุกยิงถล่มถึงบ้านดับ – “จ่ายักษ์” 1 ใน 3 คนร้ายเคยเป็นการ์ด นปช. ด้าน ปชป. จี้ ตร.นำตัวสอบ หวั่นเอี่ยว 6 ศพวัดปทุมฯ !

       เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. เวลา 08.00น. ได้เกิดเหตุคนร้าย 3 คน ใช้รถเก๋งสีบรอนซ์เทา ไม่ทราบยี่ห้อและเลขทะเบียน ไปจอดหน้าบ้านนายบุญจริง พินิจ หรือกำนันแดง กำนันตำบลแก่งหางแมว จ.จันทบุรี จากนั้นคนร้ายได้ลงจากรถ ก่อนใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.กระหน่ำยิงใส่ร่างกำนันแดงที่นั่งอยู่หน้าบ้านพัก รวม 6 นัด ก่อนขึ้นรถหลบหนี
       
        ขณะที่ญาติได้นำตัวกำนันแดงส่งโรงพยาบาล แต่เจ้าตัวทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตระหว่างทาง ด้านตำรวจ สภ.แก่งหางแมว หลังรับแจ้ง ได้รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมกระจายกำลังออกติดตามคนร้าย กระทั่งพบรถคนร้ายเกิดอุบัติเหตุแหกโค้งตกลงข้างทาง ในที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิต 1 ราย คือนายไฉน ประมุสุกะ เป็นชาว จ.พระนครศรีอยุธยา ในตัวพบบัตรระบุเป็นสมาชิก อปพร.เขตบางรัก กทม. ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 2 ราย คือนายธนวิทย์ สีไหล พักอยู่ย่านหนองแขม กทม. และนายศรชัย ศรีดี เป็นชาว จ.สกลนคร ซึ่งทั้งสองได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ขณะที่ตำรวจได้อายัดตัวทั้งสองเรียบร้อยแล้ว
       
       สำหรับชนวนสังหารกำนันแดงนั้น แหล่งข่าวจากพนักงานสอบสวน เผยว่า ผู้ต้องหาที่บาดเจ็บสารภาพว่า รับงานจ้างยิงกำนันแดง โดยชนวนสังหารมาจากปมการเมือง คาดว่าอาจเกี่ยวพันกรณีกำนันแดงไปรับงานเป็นหัวคะแนนและดูแลคุ้มครองผู้สมัครตำแหน่งนายก อบต.แห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ท่าใหม่ ซึ่งกำหนดเลือกตั้งในวันที่ 9 มิ.ย.
       
        ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายศรชัย ศรีดี 1 ในคนร้าย มีชื่อเล่นว่า ยักษ์ ตำรวจพบประวัติว่า เมื่อ 2 ปีก่อนเคยเป็นการ์ดให้กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) นอกจากนี้ยังเคยนำอาวุธปืนยิงถล่มวัดพระแก้วด้วย
       
        ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ได้เปิดแถลงแฉว่า นายศรชัย เป็นอดีตทหารพรานค่ายปักธงชัย และเป็นการ์ดให้กลุ่ม นปช.ในเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อปี 2552-2553 นอกจากนี้ยังมีหมายจับคดีครอบครองอาวุธสงครามและขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่โรงแรมเอสซีปาร์ค อีกทั้งยังมีความใกล้ชิดกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. เพราะนายจตุพรเคยประกันตัวนายศรชัยในเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อปี 2552 นายชวนนท์ ยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลและตำรวจนำตัวนายศรชัยมาสอบเพิ่มด้วย เพราะอาจรู้เห็นเหตุการณ์ยิง 6 ศพที่วัดปทุมวนาราม
       
        ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ยืนยันว่า ไม่ได้มีความสัมพันธ์ส่วนตัวอะไรกับนายศรชัย แต่ยอมรับว่า เคยพานายศรชัยเข้ามอบตัวก่อนมีเหตุการณ์สงกรานต์เลือดในปี 2553 พร้อมย้ำว่า นายศรชัยไม่เกี่ยวข้องอะไรกับกรณี 6 ศพวัดปทุมฯ
       
        ด้านนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา เรียกร้องให้ดีเอสไอหรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งขอให้ศาลสั่งอายัดตัวนายศรชัย เพราะมีหมายจับของศาลในคดีเกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ที่สำคัญมีภาพทางสื่อมวลชนด้วยว่า นายศรชัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการครอบครองอาวุธสงครามภายในสถานีรถไฟฟ้าระหว่างการชุมนุมของคนเสื้อแดง นอกจากนี้นายศรชัยยังช่วยให้นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำ นปช.หลบหนีการจับกุมที่โรงแรมเอสซีปาร์ค
       
        เป็นที่น่าสังเกตว่า นายศรชัย ให้การกับตำรวจโดยอ้างว่า ตนไม่ใช่มือยิงกำนันแดง ตนแค่ร่วมเดินทางมากับกลุ่มของ 2 มือปืนเท่านั้น พร้อมซัดทอดว่า มือยิงคือนายไฉน ที่เสียชีวิตหลังรถเกิดอุบัติเหตุ ด้านตำรวจ สภ.แก่งหางแมว ได้ขอศาลฝากขังนายศรชัยและนายธนวิทย์ เป็นเวลา 12 วัน ระหว่างวันที่ 5-12 มิ.ย. เนื่องจากทั้งสองบาดเจ็บสาหัส ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ โดยพักรักษาตัวอยู่ในห้องผู้ป่วยพิเศษ โรงพยาบาลพระปกเกล้า
       
        ส่วนที่มีข่าวลือว่า นายธนวิทย์และนายศรชัย ได้ยื่นขอประกันตัวออกไปแล้วเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.นั้น พ.ต.อ.โสภณ ศิริมาจันทร์ ผู้กำกับการ สภ.แก่งหางแมว ยืนยันว่าไม่จริง แต่ยอมรับว่า หากมีการยื่นขอประกันตัว ก็เป็นสิทธิ เพราะผู้ต้องหาให้การภาคเสธ และขึ้นอยู่กับศาลจะพิจารณา โดยพนักงานสอบสวนจะไม่คัดค้านการประกันตัว
       
       4. “ชัย ราชวัตร” เลื่อนให้ปากคำคดีหมิ่น “ยิ่งลักษณ์” ด้านตำรวจขู่ออกหมายจับ ขณะที่เจ้าตัว ยันไม่ตาขาวหนีคดี พร้อมแย้ม อาจเลิกเขียนการ์ตูน!

       เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. เว็บไซต์สำนักข่าวโพสต์ทูเดย์ ได้นำเสนอรายงานพิเศษ เรื่อง ปากคำ “ชัย ราชวัตร” กับ “ภารกิจสุดท้าย” โดยสัมภาษณ์นายสมชัย กตัญญุตานันท์ หรือ ชัย ราชวัตร คอลัมนิสต์การ์ตูน หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ซึ่งระบุว่า ตนอาจจะยุติการเขียนการ์ตูนให้กับหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เนื่องจากอายุมากขึ้น และเรื่องไม่สนุกเหมือนเดิม “ผมลากสังขารมานานเต็มที และก็ 72 อายุมากแล้วด้วย ...และมันก็ไม่สนุกเหมือนเดิมแล้ว ที่ผ่านมาโรงพิมพ์ก็ต่ออายุให้เราเรื่อยๆ ปกติไทยรัฐเขาเกษียณอายุ 60 ตอนนี้ต่ออายุมา 72 แล้ว ไหนยังต้องคอยหลบภัยจากเรื่องการเมืองนี่มันไม่สนุกหรอก ผมคงหาทางลงที่มันค่อยๆ ลง แต่ไม่ใช่ปุ่บปับ โดดลงจากเวทีเลย”
       
       ทั้งนี้ นายสมชัย ยอมรับว่า สมัยก่อนตนถูกคุกคามถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็ไม่ถึงกับถูกฟ้องร้อง พร้อม
       เผยว่า ช่วงที่เขียนงานยากที่สุด มี 3 ช่วง คือสมัยนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะชื่นชอบและศรัทธาจึงไม่อยากโจมตี ช่วงนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเห็นว่าเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต และยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากประชาชนและสื่อถูกแบ่งแยกออกเป็นสองขั้ว พอเขียนไม่ถูกใจคนกลุ่มหนึ่งก็จะมีคนมาต่อต้าน ทำให้นายทุนคิดมาก จึงต้องพยายามให้เบาลง “อย่างทุกวันนี้ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ คนจำนวนมากสนับสนุนอยู่ เขียนอะไรบางทีก็ต้องเบรกเหมือนกัน คือเขียนได้แต่ไม่เต็มที่ ในวงการสื่อด้วยกันก็ไม่ได้สามัคคีเป็นทิศทางเดียวกัน มันก็เลยยาก”
       
       นายสมชัย ยังยืนยันด้วยว่า ตนไม่เห็นว่าหนังสือพิมพ์จะต้องเป็นกลาง เพราะหน้าที่ของมันคือการชี้นำประชาชนให้รู้อะไรถูกผิดดีหรือชั่ว เปรียบเสมือนสุนัขเฝ้าบ้าน ถ้าไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์โดยอ้างว่าต้องเป็นกลาง ใครก็มาเป็นนักหนังสือพิมพ์ได้ ความเป็นกลางคือหลุมหลบภัยของคนขี้ขลาด “สิ่งหนึ่งผมขอบอกคนอ่านว่า ผมไม่เคยทรยศต่อคนอ่าน แล้วก็ไม่เคยทรยศต่อจุดยืนของตัวเอง และเมื่อไรวันไหนวางมือไปผมก็จะวางมือลักษณะนี้ ไม่ใช่วางมือไปเพราะเปลี่ยนจุดยืนตัวเอง ไม่เหมือนนักการเมืองบ้านเราเปลี่ยนแปลงตลอด ทุกวันนี้ไม่ได้โกงกินอย่างเดียว แต่มีลักษณะยึดครองประเทศไทยไปถาวรเลย ขนาดคิดจะเปลี่ยนแปลงระบบการปกครอง มันร้ายกาจกว่าเมื่อก่อนนี้เยอะ”
       
        ส่วนความคืบหน้ากรณีที่นายสมชัยถูก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ฟ้องฐานหมิ่นประมาท กรณีแสดงความคิดเห็นทางการเมืองผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า "โปรดเข้าใจ กะหรี่ไม่ใช่หญิงคนชั่ว กะหรี่แค่เร่ขายตัว แต่หญิงคนชั่วเที่ยวเร่ขายชาติ" ซึ่งพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต เห็นว่าคดีมีมูลและออกหมายเรียกนายสมชัยมาพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 5 มิ.ย.นั้น ปรากฏว่า นายสมชัยได้ขอเลื่อนการเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนออกไปก่อน เพื่อเตรียมข้อมูลหลักฐานและคำให้การที่จะใช้ต่อสู้คดี โดยจะเข้าให้ปากคำภายใน 30 วัน ด้าน พ.ต.อ.สุคุณ พรหมายน รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 บอกว่า หากนายสมชัยยังไม่เข้าพบพนักงานสอบสวนตามที่กำหนด จะมีการขออนุมัติหมายจับต่อไป
       
       ด้านนายสมชัย ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ถึงกรณีที่ตำรวจอาจออกหมายจับตน โดยยืนยันว่า อย่าหวังว่าจะมีวันนั้น คนๆ นี้ไม่ใช่คนตาขาวจนคิดหนีคดี


ASTVผู้จัดการออนไลน์    9 มิถุนายน 2556

6607
สลด ผอ.รพ.ประจำตำบล ขับกระบะขยี้ จักรยานยนต์ นศ.มรภ.ลำปาง ดับสยองคาที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอตรวจแอลกอฮอล์ หัวหมอจะไม่ยอม สุดท้ายเจอญาติผู้ตายกดดันเต็มโรงพักถึงยอมตรวจ พบพุ่ง 200 มิลลิกรัม...


ผอ.รพ.ส่งเสริมสุขภาพ ขับกระบะชนท้าย จยย. ขยี้นักศึกษา ม.ราชภัฏ ดับคาที่ก่อนขับรถหนีแต่ไปไม่รอดชาวบ้านพลเมืองดีเห็นแจ้งตำรวจจับ แต่ขณะถูกคุมตัวไปสอบสวนไม่ยอมให้ตำรวจเป่า อ้างไม่เมาแต่ตำรวจไม่เชื่อ ชาวบ้านและญาติคนตายรู้ข่าวพากันเดินทางไปกดดันเต็มโรงพักร่วมร้อยคน พากันสงสารเด็กนิสัยดีและเรียนเก่ง สุดท้ายยอมให้เป่าเจอแอลกอฮอล์ เกือบ 200 มิลลิกรัม รับสารภาพเมา กลับจากงานเลี้ยง

เหตุ ผอ.รพ.ประจำตำบลขับปิกอัพขยี้นักศึกษาดับคาที่ รายนี้เปิดเผย ขึ้นเมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 16 ก.ค. ร.ต.ท.มานพ มิโนริ ร้อยเวรสอบสวน สภ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง รับแจ้งมีรถปิกอัพ ชนคนตายที่บริเวณถนนสายบ้านแม่ฮาว-ห้างฉัตร เขตท้องที่บ้านแม่ฮาว หมู่ 3 ต.ห้างฉัตร อ.ห้างฉัตร จึงเดินทางไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุอยู่หน้าโรงสีข้าวแสงรุ่งเรือง พบชาวบ้านจำนวนมากมุงดูสภาพศพ และกล่าวสาปแช่งต่างๆ นานากับคนขับรถปิกอัพที่หลบหนีไป ทราบชื่อผู้ตายต่อมา คือ นายศิวกร หรือ ไตเติล สายสุภา อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 190 ม.3 บ้านแม่ฮาว ต.ห้างฉัตร อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง และเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏจังหวัดลำปาง ชั้นปีที่ 2 เอกคอมพิวเตอร์-ธุรกิจ สภาพศพนอนคลุกฝุ่นในสภาพเลือดโชกทั่วตัวใกล้กันพบรถ จยย. ฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน ทะเบียน ขรพ 494 ลำปาง ล้มคว่ำอยู่ในสภาพพังเสียหายทั้งคัน

ส่วนคนขับรถคู่กรณี เป็นรถกระบะ ทะเบียน ลฐ 2415 กรุงเทพฯ หลังก่อเหตุสยองได้ขับรถหนีไป แต่ยางรถล้อหน้าระเบิดขับไปไม่ได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจและชาวบ้านร่วมกันล้อมเอาไว้ จึงควบคุมตัวไปสอบสวนต่อมาทราบชื่อว่านายณรงค์ฤทธิ์ ง้าวทาสม อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93 ม.7 ต.ห้างฉัตร อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง และเป็น ผอ.รพ.ส่งเสริมสุขภาพตำบลเวียงตาล บ้านห้วยเรียน ต.เวียงตาล อ.ห้างฉัตร ภายหลังถูกควบคุมตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำเครื่องเป่าตรวจหาสารแอลกอฮอล์ เนื่องจากพบสภาพไม่พร้อมที่จะขับรถยนต์ได้ แต่นายณรงค์ฤทธิ์ ยืนยันจะไม่ให้เป่า หลังจากชาวบ้านและญาติคนตายทราบข่าว ต่างพากันไม่พอใจเพราะสงสารคนตายและเดินทางมาที่ สภ.ห้างฉัตร ร่วม 100 คน เพื่อมากดดัน ต่อมาทาง พ.ต.ท. ดำเนิน กันอ่อง รอง ผกก.สส.สภ.ห้างฉัตร ออกมาเจรจากับชาวบ้านและยืนยันจะต้องตรวจสภาพร่างกายนายณรงค์ฤทธิ์ ตามระเบียบให้ได้ ภายหลังพอใจจึงพากันสลายตัวเดินทางไปที่บ้านศพเพื่อให้กำลังใจครอบครัวผู้สูญเสีย

ต่อมา พ.ต.ท.ดำเนิน กันอ่อง รอง ผกก.สส.กล่าวว่า ภายหลังยินยอมให้ตรวจด้วยการเป่า พบแอลกอฮอล์ในร่างกายของนายณรงค์ฤทธิ์ เกือบ 200 และรับสารภาพว่าก่อนเกิดเหตุได้กลับจากงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง จึงขับรถกลับบ้านแต่ระหว่างทางคนตายขี่รถ จยย.นำหน้าและตนเองขับพุ่งชนท้ายรถ จยย.ดังกล่าว จากนั้นจึงแจ้งข้อหาชนรถผู้อื่นจนเป็นเหตุให้มีคนตายและหนี และขับรถในสภาพร่างกายมีอาการเมาสุราต่อไป

ด้านนางดารณี สายสุภา อายุ 40 ปี มารดาของนายศิวกร กล่าวทั้งน้ำตา ว่า คนตายเป็นลูกคนโต ในจำนวนลูกชาย 2 คน นายศิวกร เป็นลูกกตัญญูกำพร้าพ่อ ว่างจากการเรียนก็จะออกมารับจ้างพิมพ์งานทั่วไป พอมีรายได้เป็นค่าอาหารไปเรียน อีกทั้งยังเรียนเก่ง เป็นความหวังของตัวเองในอนาคต เมื่อทราบข่าวถึงกับช็อก.

ไทยรัฐออนไลน์
โดย ทีมข่าวภูมิภาค  17 กรกฎาคม 2556

6608
ทนายความพาสาวพร้อมลูก ยื่นฟ้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัว ให้อดีตเณรคำ รับรองบุตร พร้อมเรียกค่าเลี้ยงดู 40 ล้านบาท ขณะที่สภามหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี นัดประชุม 26 ก.ค.ลงมติถอนปริญญากิตติมศักดิ์ "สมีคำ" เพราะทำเรื่องเสื่อมเสีย กระทบภาพลักษณ์มหาวิทยาลัย “ยรรยง” เล็งตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามการค้าข้าวเสื่อมคุณภาพ กอบกู้ชื่อเสียงข้าวไทย หลังถูกโจมตีหนัก...


การเมือง

10.09 น. "อภิสิทธิ์" บี้ฝ่ายมั่นคงตอบให้ชัดปม พ.ร.ก.นิรโทษฯ โยงเรื่องมั่นคงหรือไม่ หวังสังคมคลายกังวล ขณะติงรัฐเร่งเคาะป่วนใต้ช่วงรอมฎอน เป็นเหตุส่วนตัว ชี้ไม่น่ารีบสรุป

10.41 น. "ยิ่งลักษณ์" ส่ง "นายพลถังเช่า" ร่วมประชุม GBC ที่ลาว 18 ก.ค.นี้ สนองนโยบายรัฐบาล เสริมความมั่นคง กระชับความสัมพันธ์ เน้นแก้ปัญหายาเสพติด สกัดกั้นและเสริมการลาดตระเวน ยันทั้งสองประเทศเป็นมิตรอยู่ย่างสันติ ด้านโฆษก กห.ยันไม่รู้ "ปู" ทานข้าว ผบ.เหล่าทัพ

12.56 น. นางพะเยาว์ ฮัคฮาด แม่น้องเกด รับรู้สึกแปลกใจท่าที แกนนำ นปช.ดาหน้าออกมาต้าน พ.ร.บ.นิรโทษฯ ฉบับ ปชช. ทั้งที่ความจริงแล้ว คนค้านน่าจะเป็นฝั่ง "ปชป.-ทหาร" มากกว่า ขณะยื่นร่าง พ.ร.บ.ฯ ต่อ "พงศ์เทพ" รองนายกฯ แล้ว เตรียมเดินสายขอเสียงสนับสนุน

13.00 น. พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกฯ ควง ฝ่ายความมั่นคง พบนายกฯ รายงานช่วง 'รอมฎอน' เหตุร้ายลดลงเห็นได้ชัด แต่ไม่ประมาท ย้ำ ถอนกำลังทหารทำไม่ได้ ปัด ไม่ได้ยกระดับให้ "บีอาร์เอ็น"

13.03 น. นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรมช.เกษตรและสหกรณ์ ยก ข่าวข้าวเน่าเป็น “อุทาหรณ์” วิจารณ์ ต้องคำนึงความเสียหายส่วนรวม

13.05 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าปชป.อัดรัฐ ไม่แจงปัญหา 'จำนำข้าว' เอาแต่แอบหลัง 'ชาวนา' ชี้ ขนาดสื่อฯ ต่างประเทศยังตั้งข้อสงสัย แต่รัฐบาลเพื่อไทย ก็ไม่สนใจตอบ

13.26 น. นายวรพล พรหมิกบุตร นักวิชาการเพื่อประชาธิปไตยและสันติวิธี ยื่นหนังสือขอให้ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยความคืบหน้า การแก้ไข รธน. ด้าน ส.ส.พรรค เชื่อ ไม่น่ามีปัญหา หลังเปิดสภาฯ 1 ส.ค.นี้

13.28 น. "เสื้อแดง" ขอเสียงหนุนนิรโทษฉบับประชาชน แม่น้องเกด อยากให้ "ยิ่งลักษณ์" พูดถึง จะได้รู้รับเรื่องแล้ว ขณะที่ "พงศ์เทพ" เห็นใจ "จตุพร" ขอถกนิรโทษก่อน

14.06 น. นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้า ปชป. โวย แถลงการณ์ 'มาเลย์' รวบ 'อ.สะเดา' จ.สงขลา เป็นพื้นที่เกิดความไม่สงบ ชี้ ข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น จี้ "ยิ่งลักษณ์-รัฐบาล" ต้องย้ำ จุดยืน ไม่ยอมรับแถลงการณ์ นิ่งเงียบไม่เป็นผลดี

14.38 น. เลขาฯ สมช.ย้ำ เดือนรอมฎอนไร้เหตุรุนแรง สัญญาณเชิงบวกแนวทางเจรจา ชี้ อ.สะเดา แค่จุดเฝ้าระวังเพราะคนพลุกพล่านช่วงรอมฎอน แนวโน้มดีขึ้น เชื่อเป็นเรื่องบุคคลมากกว่าสร้างสถานการณ์

14.42 น. วิปค้านฯ เฝ้ากฎหมายกู้ 2 ล้านล้านบาท แฉรัฐไม่ทำตาม รธน. ม.57,68 บี้ “นิคม” ชง ป.ป.ช.ถอดครม.ตามกรอบ แนะรัฐปลดฉนวนระเบิด ถอน ก.ม.นิรโทษฯ-ปรองดองออกไป

14.57 น. พท.ป้อง"บิ๊กแจ๊ด"ให้"ทักษิณ"ประดับยศให้ไม่เข้าข่ายทำผิดจริยธรรม อ้างการเดินทางไปหาผู้ใหญ่ที่เคารพเป็นธรรมเนียมวัฒนธรรมไทย ข้องใจผู้ตรวจการแผ่นดินเลือกปฏิบัติไม่เร่งสอบคดี"มาร์ค"

15.00 น. “เรืองไกร” จี้ส.ว.ส่งอัยการ-กฤษฎีกาตีความสถานะป.ป.ช. “ภักดี” ปมไม่แจ้งลาออกจากกรรมการบริษัทเอกชนใน 15 วันหลังรับการแต่งตั้งเป็น ป.ป.ช.

15.05 น. กกต.ประกาศรับรอง "อี้-แทนคุณ" นั่ง ส.ส.กทม.เขต 12 ดอนเมือง ชี้พิจารณาเรื่องร้องเรียนไม่เสร็จภายใน 30 วัน ลุยสอบต่อ หากพบฝ่าฝืน กม. ส่งศาลฎีกาพิจารณา

15.09 น. วิปฝ่ายค้านฯ เรียกร้อง "นายกฯ" สอบจริยธรรม ปมคลิปฉาวเสียงคล้าย "ยุทธศักดิ์-ทักษิณ" ชี้อย่าลอยตัวเหนือปัญหา เชื่อเข้าข่ายผิดจริยธรรมนักการเมือง ยันต้องให้ความชัดเจน

15.17 น. นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ จี้ นายกรัฐมนตรี ตะเพิด “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ออกจาก รมช.พาณิชย์ กรณี ตอบโต้พบ ข้าวเน่า จากร้าน"โชว์สวย"ที่กระบี่ ห่วงประมูลข้าวรัฐยกโกดัง ไม่โปร่งใส

15.25 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี อัด การเมืองเลอะเทอะ ลามเรื่องส่วนตัว ลั่น ไม่มีเหตุผล "ยุบสภา" ยัน ไม่คิดลง ส.ส.แบบ "เจ๊แเดง"

15.50 น. "มท.1" แย้ง "บีอาร์เอ็น" ประกาศรวม อ.สะเดา เข้าเป็นพื้นที่ความมั่นคง ยันเรื่องซีเรียสเพราะเป็นพื้นที่การค้า ด้าน "ผวจ.สงขลา" แจงคนสะเดาไม่พูด "มลายู" แถมการันตีดูแล ปชช.ปลอดภัยได้

16.12 น. ม็อบเกษตรกรกองทุนฟื้นฟูฯกว่าพันคน เดินเท้าขึ้นทางด่วนขั้น 2 หน้ากระทรวงการคลังไปยมราช มุ่งหน้าทำเนียบรัฐบาล เรียกร้องรัฐบาลแก้ไขปัญหาหนี้สิน ทำการจราจรบนทางด่วนติดขัดหนัก บก.จร. แนะหลีกเลี่ยงเส้นทางรวมถึงถ.พระราม 6

16.39 น. อธิบดี ปภ. แจงไม่เกี่ยวข้าวเสียทิ้งที่กระบี่ กำชับคัดกรองถุงยังชีพถี่ยิบ เตรียมพร้อม 24 ชั่วโมง รับมือพายุเข้า

17.05 น. โฆษกผู้นำฝ่ายค้าน ท้า นายกฯปู แน่จริง ฟ้องศาลฯ คนปูดข่าวข้าวเน่า เหตุทำชื่อเสียงประเทศเสียหาย เอาผิดตาม ก.ม.ทันที อย่าเอาแต่ขู่

17.29 น. "วรชัย" ระบุจ่อเสนอพรรคฯ ให้นำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม พิจารณาในสภาฯ ก่อนร่าง พ.ร.บ.งบ 57 และ ร่าง พ.ร.บ.กู้ 2 ล้านล้าน อ้างไม่ว่าเสนอร่างกฎหมายฉบับไหนก็เจอม็อบแนะวัดใจไปเลย เชื่อจากนี้อีก 2 เดือนสถานการณ์เปลี่ยน


บันเทิง

08.00 น. แฟนพันธุ์แท้ ซุปเปอร์ ดีว่า อันดับ 1 ของ โลก SARAH BRIGHTMAN ตบเท้า เข้าร่วมงานแถลงข่าวสุดยอดคอนเสิร์ต “SARAH BRIGHTMAN in CONCERT DREAMCHASER WORLD TOUR” ที่จะเกิดขึ้นในวันพุธที่ 31 ก.ค. เวลา 20.00 น. ณ ไบเทค บางนา ฮอลล์ 106 คอนเฟิร์มเป็นเสียงเดียว ไม่ควรพลาด

10.00 น. "ต่อ-ธนภพ" ปลื้มแฟนๆ ชอบซีรีส์ "ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น" ทางช่องจีเอ็มเอ็มวันเพียบ รับวางตัวลำบากขึ้นหลังเป็นที่รู้จัก แต่ยืนยันยังทำตัวปกติ ปัดแฟนสาวนิสิต มศว สั่งห้ามแชทในโซเชียลเน็ตเวิร์ก ไม่หวั่นข่าวกระทบความสัมพันธ์

10.00 น. เปลี่ยนลุค เป็นสาวห้าว ในละคร “ดาวเรือง” ทางช่อง 3 เล่นเอานางเอกสาว ญาญ่า–อุรัส ยา ถึงกับเครียด

12.00 น. รายการ "ดาราการ์ตูน" ทางช่อง 3 พุธนี้ "มิว-นิษฐา" เผยปลื้มพระเอกหนุ่มรุ่นพี่ "เคน-ธีรเดช" เพราะชอบฝีมือการแสดงและอยากร่วมงานกับเคน และ แอน ทองประสม ด้วย งานนี้แอนเลยจับมิวแปลงโฉมเป็น "นาริน" พร้อมเข้าสู่ละคร "สวรรค์เบี่ยง" ในโลกการ์ตูน

13.00 น. ช่วงนี้ ความรัก ของกัน-นภัทร อินทร์ ใจเอื้อ กับฉัตร-ปริยฉัตร จะดูราบเรียบ ไม่หวือหวา

14.00 น. "ฉัตร-ปริยฉัตร" รับกดดันเล่นละคร "วันนี้ที่รอคอย" ทางช่อง 7 แต่ปลื้มกระแสตอบรับดีมากจนหายกังวล เผยประทับใจทั้งนักแสดงและทีมงานที่ช่วยเหลือกันตลอด รับคนแซวเข้าฉากสวีต "อ๋อม-อรรคพันธ์" เยอะ ไม่หวั่นถูกจับเป็นคู่จิ้น

15.38 น. มุ่งมั่นทำงานเพลงมานาน รอมายาวนานถึง 20 ปี สำหรับวงฟุตบาท ทรีโอ เมื่อเพลง จดหมายถึงพ่อ คว้ารางวัลชมเชย ประเภทผู้ประพันธ์เพลงไทยสากล รางวัลเพชรในเพลง เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ  ของกรมศิลปากร โดยจะรับรางวัลในวันที่  29 กรกฎาคม นี้ที่ โรงละครแห่งชาติ  ซึ่งตรงกับวันภาษาไทยแห่งชาติ


ไลฟ์สไตล์

11.00 น. Nissan ค่ายผู้ผลิตยนตรกรรมชั้นนำจากแดนปลาดิบ โชว์รถต้นแบบแนวคิดแห่งอนาคตคันนี้ ออกมาในช่วงเดือน มี.ค. 2556 เป็นการส่งสัญญาณถึงกลุ่มลูกค้า เพื่อแสดงให้เห็นถึงรูปลักษณ์ของรถยนต์ที่จะออกขายในอีกไม่นานนับต่อจากนี้ นี่คือความกล้าหาญของแผนกออกแบบในบริษัท หลังจากโดนต่อว่าว่าสร้างแต่รถที่มีรูปทรงน่าเบื่อ

14.00 น. บริษัท Toyo Tires Thailand Co.,Ltd. (TTT) นำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะจากญี่ปุ่นให้ลูกค้าชาวไทยได้ สัมผัส เชื่อมโยงกลยุทธ์ในการเพิ่มยอดขายทั่วโลกของ Toyo Tires & Rubber สะท้อนความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยในฐานะเป็นตลาดที่สำคัญในเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ TTT พร้อมรุกสร้างแบรนด์ Toyo Tires ด้วยยางรถยนต์สมรรถนะสูงห้ารุ่นตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย

14.00 น. นวัตกรรมนำสมัยเอาใจคนสายตาผิดปกติ อาทิ สั้น ยาว เอียง ให้กลับมามีสายตาชัดเป๊ะ ด้วยการผ่าตัดรูปแบบใหม่ แผลผ่าตัดขนาดเล็ก แม่นยำ และปลอดภัยกว่า


วิทยาการ

06.30 น. เอเชียซอฟท์ จับมือ SOE เตรียมพร้อมให้บริการเกม DC UNIVERSE ONLINE ใน 8 ประเทศทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้เกมเมอร์ชาวไทยสัมผัสกับโลกแห่งจักรวาล ดีซี กับ ซุปเปอร์ฮีโร่ระดับตำนาน อาทิ แบทแมน ซุปเปอร์แมน และวันเดอร์วูแมน

14.00 น. เครื่องบินหุ่นยนต์แบบ “เอ็กซ์–47B” ถูกส่งทดลอง มาร่อนลงบนดาดฟ้า เรือรบ “ยอร์จ บุช” ของสหรัฐฯ ในมหาสมุทรแอตแลนติก ที่ลอยลำ อยู่นอกฝั่ง เมืองนอร์ โฟล์ก รัฐเวอร์จิเนีย

14.25 น. "คิงส์ตัน" เปิดตัวโซลูชั่นหน่วยความจำรุ่นล่าสุด สำหรับตลาดไมโครเซิร์ฟเวอร์ x86 และ ARM โดยเฉพาะ 1.35v ECC SO-DIMM และ Unregistered DIMM มีให้เลือกทั้งแบบ 1600MHz, 1333MHz และความจุ 8GB, 4GB

14.40 น. "ออราเคิล" เปิดตัว "Oracle Database 12c" ระบบฐานข้อมูลระบบแรกที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับคลาวด์ ที่ปรับปรุงคุณภาพและประสิทธิภาพของแอพพลิเคชั่นต่างๆ ประหยัดเวลา ลดความซับซ้อน ลดพื้นที่จัดเก็บข้อมูล ด้วยการรวมฐานข้อมูลหลายประเภทให้เป็นหนึ่งเดียว


เศรษฐกิจ

06.00 น. แฟรนไชส์ไทยสุดเจ๋ง สยายปีกทำธุรกิจในต่างประเทศแล้ว 16 ราย 28 ประเทศ เผยธุรกิจอาหาร ความงามและสปานำโด่ง พาณิชย์เล็งตลาดอาเซียนรองรับเปิดเออีซี ด้านกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมขานรับเปิดตัว “ไทยแลนด์ฟู้ดวัลเลย์” กำหนดศูนย์กลางวิจัยสร้างนวัตกรรมอาหาร 3 แห่งทั่วประเทศ

06.15 น.ชำแหละงบประมาณ 10 ปีมีแต่เปลือก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ประธานคณะกรรมการบริหารสถาบันอนาคตไทยศึกษา เปิดเผยว่า ได้จัดทำผลวิเคราะห์ “10 ปีงบประมาณไทยเราเรียนรู้อะไร” เพื่อให้ทราบว่างบที่ลงไปนั้นตอบโจทย์ประเทศและได้ผลลัพธ์คุ้มค่าหรือไม่

10.25 น.Success Story : ความฝัน ชีวิต ที่ลิขิตด้วยตัวเอง มีคนกล่าวไว้ เราสามารถแบ่งผู้คนได้เป็น 2 ประเภท หนึ่งคือคนที่ก้าวข้ามความสำเร็จ สองคือคนที่จมอยู่กับความล้มเหลว เมื่อพิจารณาคนทั้งสองประเภท พวกเขาล้วนมีความปรารถนาไม่ต่างกัน ทุกคนมี “ความฝัน” ที่อยากให้เป็นจริง ทุกคนมี “เป้าหมาย” ที่ต้องไปให้ถึง ทุกคนมี “ความสำเร็จ” ที่อยากไขว่คว้า อย่างไรก็ตามสิ่งที่แบ่งแยกพวกเขาให้ต่างกัน คือ ความกล้าที่จะคิดต่างและทำอย่างสร้างสรรค์ ตลอดจนความอดทน มุ่งมั่น ทำจนสำเร็จ

10.48 น."ยุคล ลิ้มแหลมทอง" รองนายกฯ และ รมว.เกษตรฯ เรียกกรมส่งเสริมสหกรณ์ หารือด่วนพรุุ่งนี้! กรณีปัญหาสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น ในขณะที่แหล่งข่าวจากกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ยืนยัน อำนาจดำเนินคดีตามกฎหมายขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์

12.39 น. มติกพช.ขึ้น LPG ครัวเรือนเดือนละ 50 สต./กก. มีผลตั้งแต่ 1 ก.ย.56  ด้าน เชลล์-เชฟรอน ขึ้นราคาเบนซิน-โซฮอล์อีก 50 สต./ลิตร มีผลแล้วเช้านี้ ดันราคาแก๊สโซฮอล์พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โซฮอล์ 95 แตะ 41.03 บาท/ลิตร

12.54 น. หุ้นไทยร่วงสวนทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดร่วง 9.50 จุด แตะ 1,445.90 จุด นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มแบงก์หลังประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/56

13.08 น. "กิตติรัตน์" เผยคณะผู้บริหารมูดี้ส์ กำชับรัฐบาลไทยดูแลการใช้งบประมาณ เสนอจัดสรรงบโครงการรับจำนำข้าวอย่างพอเหมาะพอดี ไม่สร้างภาระเกินไป ห่วงหนี้ครัวเรือนพุ่ง ฝากธนาคารพาณิชย์ช่วยดูแลปล่อยสินเชื่อ พร้อมปฏิเสธข่าวขึ้นภาษีดีเซล

14.00 น. "นิวัฒน์ธำรง" จี้ขรก.พาณิชย์ทำงานเป็นทีม เน้นโปร่งใส ไร้ทุจริต เร่งเดินหน้าจำนำข้าว ดูแลค่าครองชีพ ดันส่งออกให้ได้ตามเป้า พร้อมติดชิพบาร์โค้ดกระสอบข้าว ป้องกันทุจริต

14.30 น. “ยรรยง” เล็งตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามการค้าข้าวเสื่อมคุณภาพ กอบกู้ชื่อเสียงข้าวไทย หลังถูกโจมตีหนัก พร้อมวางแผนป้องกันปัญหาสินค้าเกษตรล้นตลาด-ราคาตก

15.00 น. ขนส่งเอาจริง เตือนรถบัสแต่งซิ่ง ติดไฟกะพริบ สติกเกอร์ อุปกรณ์เสริมต่างๆ จนสร้างความรำคาญ เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ โดนปรับ 5 หมื่น ขอแรงชาวบ้านสอดส่องถ่ายรูป-จดทะเบียนเอาผิด ไม่เว้นรถบ้าน-มอเตอร์ไชค์ติดซีนอนเถื่อน ไฟสี รบกวนคนอื่น

15.18 น. ม็อบเกษตรกรกองทุนฟื้นฟูฯ กว่าพันคน เดินเท้าขึ้นทางด่วนขั้น 2 หน้ากระทรวงการคลังไปยมราช มุ่งหน้าทำเนียบรัฐบาล เรียกร้องรัฐบาลแก้ไขปัญหาหนี้สิน ทำการจราจรบนทางด่วนติดขัดหนัก บก.จร. แนะหลีกเลี่ยงเส้นทางรวมถึงถนนพระราม 6

15.20 น. หอการค้าไทยหนุนรัฐลงทุน 2 ล้านล้าน ย้ำต้องโปร่งใส ดึงประชาชนมีส่วนร่วม ชี้รถไฟรางคู่ควรเร่งทำอันดับแรก ส่วนรถไฟความเร็วสูงต้องศึกษาความคุ้มค่าก่อน แนะตั้งองค์กรกลางตรวจสอบการใช้เงินนอกงบประมาณ เหตุหน่วยงานรัฐไม่ชำนาญและคล่องตัว

16.53 น. ปตท.-บางจาก ขึ้นราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน-โซฮอล์อีก 50 สตางค์/ลิตร E85 ปรับขึ้น 30 สตางค์/ลิตร คงดีเซล มีผลตีห้าพรุ่งนี้ โดยเป็นการปรับราคาครั้งที่ 4 ในรอบ 1 เดือน

17.12 น.แรงเทขายทำกำไรหุ้นกลุ่มแบงก์-ประกัน กดดันหุ้นปิดร่วง 3.95 จุด ปิดการซื้อขายที่ 1,451.45 จุด


การศึกษา

12.00 น. วารสาร “การ แพทย์ อังกฤษ” บอก ความ รู้ ให้ รู้ ว่า แรง บีบ มือ เมื่อเวลา จับ มือ ทักทาย กัน ก็ สามารถ บอก ให้ รู้ ได้ ว่า เจ้าตัว จะ มีอายุ ยืน ยาว ได้ แค่ไหน

14.36 น. นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์กว่า 22 ล้านบาท ร่วมสร้างอาคาร รพ.อุดรธานี ด้าน ผอ.รพ.อุดรธานีระบุพร้อมน้อมนำพระบรมราโชวาทไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดใน การดูแลชีวิตผู้ป่วยทุกคน

16.08 น. สกอ.เร่งหามาตรการ ตั้งศูนย์ล้อมคอกปราบวุฒิปลอม ชู มธ.-มสธ. เป็นต้นแบบปราบแก๊งมิจฉาชีพ รองเลขาธิการ กกอ. เผยออกข่าวมากไป จับได้แต่ปลาซิวปลาสร้อย สาวไม่ถึงต้นตอ


ทั่วไทย

06.15 น. กรมอุตุฯเผย ภาคเหนือ อีสาน และกรุงเทพฯ ปริมณฑล มีฝนร้อยละ 60 ส่วนภาคใต้ ฝั่งตะวันตก มีฝนร้อยละ 70 ของพื้นที่ ทะเลอันดามัน-อ่าวไทย คลื่นสูง 2-3 เมตร

08.14 น. ผู้รับเหมาขับกระบะตระเวนส่งคนงาน ก่อนซิ่งแหกโค้ง ตกหนองน้ำลึก 8 เมตรที่ฉวาง จมทั้งคนและรถ นักประดาน้ำเร่งงมค้นหาศพ ก่อนเจอผู้รับเหมาและคนงานอีก 1 คน ขาดอากาศหายใจเสียชีวิตอยู่ภายในรถ

09.42 น. หัวหน้านักบินฝนหลวงพ้อ นักบินขาดแคลนเหตุโดนเอกชนทุ่มซื้อตัว จนอาจมีผลกระทบต่อการทำงานช่วยเหลือประชาชน วอนภาครัฐเร่งดูแลเรื่องสวัสดิการ

10.04 น. คนร้ายซุ่มยิงชาวบ้าน ขณะออกไปหาอาหารมากินช่วงถือศีลอดเดือนรอมฎอน หนุ่มใหญ่วิ่งหนีเข้าบ้านพัก คนร้ายตามมากระหน่ำยิง 4 นัด นอนเสียชีวิตในบ้านพักหลัง ร.ร.ปอเนาะเมืองยะลา ขณะที่อีกเหตุ เกิดขึ้นที่บันนังสตา คนร้ายขี่ จยย.ประกบยิงชาวบ้านที่ออกไปกรีดยาง จนเสียชีวิตเช่นกัน

10.43 น. "เซียนพระ" ในจังหวัดตาก เศร้า เรื่องฉาว "สมีคำ" ทำวัตถุมงคลไร้ราคา สูญเงินนับแสน แห่นำออกจากแผงแล้ว บางรายถึงกับเอาไปโยนทิ้งท่อน้ำ

11.01 น. ตำรวจทางหลวงสกลนครสกัดจับขบวนการค้าสุนัขข้ามชาติ ได้ของกลางสุนัขกว่า 80 ตัว อัดแน่นท้ายรถกระบะ ขณะบางส่วนสิ้นใจตายไปแล้ว เร่งประสานด่านกักสัตว์นครพนมรับไปเยียวยา

11.41 น. เด็กหญิงวัย 13 เดินทางไปทำบุญที่วัดใน จ.ชัยภูมิ พร้อมมารดา แล้วถูก "ผีตะเคียน" เข้าสิง สั่งเจ้าอาวาสย้ายต้นตะเคียนที่อยู่บนศาลากลับไปไว้ที่เดิม พร้อมให้ช่วยนำเพื่อนตะเคียนอีกต้นขึ้นจากหนองน้ำ บอกจะให้โชคลาภ แล้วพาไปชี้จุดที่หนองน้ำ สุดอึ้ง! ชาวบ้านงมเจอต้นตะเคียนอีกต้นจริง ด้านมัคนายกวัดงง ยันเกิดที่หมู่บ้านนี้ตั้งแต่เด็ก แต่ไม่เคยรู้มาก่อน

11.51 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจเชียงใหม่จับกุม "หมอนวดชาย" หลังล่วงละเมิดทางเพศ "สาวยุ่น" ระหว่างนวดแผนโบราณด้วยน้ำมัน ผู้ต้องหารับอารมณ์ชั่ววูบ

11.53 น. "หลวงพ่อคูณ" อาการดีขึ้น แต่ยังเพลีย แพทย์เผยไม่มีไข้ 3 วันต่อเนื่อง แสดงว่าไม่ได้ติดเชื้อ หวั่นอากาศชื้นสูงช่วงนี้ ยังไม่พิจารณากลับวัด ห่วงท่านอายุ 90 ปีแล้ว

13.13 น. ทนายความพาสาวพร้อมลูกยื่นฟ้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัว ให้อดีตเณรคำรับรองบุตร พร้อมเรียกค่าเลี้ยงดู 40 ล้านบาท

14.20 น. เจ้าหน้าที่ สสจ.สตูล ลงพื้นที่ตรวจไทฟอยด์ระบาดในกลุ่ม "เงาะป่าซาไก" พื้นที่หมู่ 10 ต.ทุ่งหว้า อ.ทุ่งหว้า ยืนยันผลการตรวจ 40 รายไม่พบป่วย

14.55 น. สภามหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี นัดประชุม 26 ก.ค.ลงมติถอนปริญญากิตติมศักดิ์ "สมีคำ" เพราะทำเรื่องเสื่อมเสีย กระทบภาพลักษณ์มหาวิทยาลัย

15.42 น. คนร้ายรุมฆ่าโหดหนุ่มนิรนาม ไม้ตีหัว มีดแทงพรุนกลางหลัง 42 แผล นำศพไปโยนทิ้งริมถนนอำพรางคดี คาดคนร้ายมีไม่ต่ำกว่า 2 คน เร่งสอบสวนล่าตัวคนร้ายดำเนินคดี

16.49 น. ตำรวจหัวหมากนำตัว 2 ผู้ต้องหาบึมหน้ารามฯ ฝากขังครั้งแรกต่อศาลอาญา มีกำหนด 12 วัน หลังชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

17.34 น. ชาวกะหร่างบ้านโป่งลึก-บ้านบางกลอย ทำพิธีหว่านข้าวนาแรก เร่งปรับพื้นที่ปลูกข้าวไร่แบบขั้นบันไดเป็นครั้งแรก หวังมีโอกาสเข้าโครงการจำนำข้าว


ต่างประเทศ

12.41 น. ญาติสาวจีน เหยื่อไอโฟนช็อตดับ ขณะเสียบปลั๊กชาร์จคุยโทรศัพท์ ยืนยัน ใช้แต่ของแท้ ด้าน สื่ออังกฤษ โยง ผู้ตายอาจซื้อมาจากร้าน APPLE ปลอม

14.08 น. เม็กซิโกจับเจ้าพ่อยาเสพติดตัวเป้ง 'มิกูเอล แองเจิล เทรวิโน โมราเลส' ฉายา 'Z-40' ใกล้ชายแดนสหรัฐฯ

14.48 น. เจ้าหน้าที่ปานามาตรวจยึดอุปกรณ์ขีปนาวุธโสมแดงบนเรือจากคิวบา โดยไม่แจ้งว่ามีอาวุธบนเรือ

15.00 น. "ประธานาธิบดีเต็ง เส่ง" แห่งพม่า แถลงที่กรุงลอนดอน พร้อมปล่อยนักโทษการเมืองทั้งหมดสิ้นปีนี้ นับเป็นก้าวย่างสำคัญในการปฏิรูปพม่า


กีฬา

ฟุตบอล

09:15 น. "บางกอกกล๊าส เอฟซี" เซ็นสัญญาคว้าตัว "ลาซารัส คัมเบ คาอิมบี" หัวหอกดีกรีทีมชาตินามิเบีย ของทีมโอสถสภา เอ็ม 150 สระบุรี มาเสริมเขี้ยวเล็บในแนวรุกเรียบร้อยแล้ว ด้วยสัญญา 2 ปีครึ่ง เจ้าตัวสุดดีใจที่ย้ายมาร่วมทีมบีจี พร้อมตั้งเป้าพาทีมประสบความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ให้ได้

15:00 น. "สตีเวน เจอร์ราร์ด" กัปตันทีม เตรียมนำทัพหงส์แดง ลิเวอร์พูล ทำศึกอุ่นเครื่องรายการ 'LFC TOUR 2013'ใน 3 ประเทศ พร้อมประกาศ 28 นักเตะเรียบร้อยแล้ว ส่วน หลุยส์ ซัวเรซ, เซบาสเตียน โคอาเตส และเปเป เรนา จะตามมาสมทบภายหลัง

15:30 น. “เดอะตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน เรียกตัว “ลาซารัส คัมเบ คาอิมบี” หัวหอกตัวใหม่ของทีมบางกอกกล๊าส เอฟซี มาเสริมทีมสิงห์ ออลสตาร์ ในเกมที่จะพบกับทีมสิงโตน้ำเงิน เชลซี ในศึกฟุตบอลฉลองครบรอบ 80 ปี บุญรอดบริวเวอรี่ 17 ก.ค.นี้

16:15 น. "โชเซ มูรินโญ" ระบุ ลูกทีมเชลซียังมีอาการเหนื่อยล้า โดยเกมกับทีม "สิงห์ ออลสตาร์" 17 ก.ค.นี้ เตรียมจัดทีม 2 ชุด ลงเล่นในแต่ละครึ่ง ยกคู่แข่งได้เปรียบเรื่องสภาพความฟิต ขณะที่ "เดอะตุ๊ก" ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ยัน เน้นเล่นสนุก ไม่สนผลการแข่งขัน

17:30 น. เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา "ชาบี เอร์นันเดซ" กองกลางทีมชาติสเปน และทีมบาร์เซโลนา ได้จูงมือแฟนสาว "นูเรีย กูนิเยรา" เข้าพิธีแต่งงานอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางแขกรับเชิญจำนวนมาก ซึ่งรวมทั้งเพื่อนร่วมทีมบาร์ซาด้วย

เทนนิส

13:45 น. หลังจาก "แอนดี้ เมอร์เรย์" ผงาดคว้าแชมป์เทนนิสวิมเบิลดัน ในประเภทชายเดี่ยว มาครองได้เป็นสมัยแรก ทำให้ความฝันที่จะกวาดแชมป์แกรนด์สแลมให้ครบทั้ง 4 รายการ อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว

มวย

11:30 น. “เสี่ยฮุย” สุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์ ผู้จัดการ เตรียมจับ “ศรีสะเกษ ศ.รุ่งวิสัย” แชมป์โลกหนึ่งเดียวของไทยขึ้นอุ่นเครื่องกับ “โจอัน อิมพีเรียล” รองแชมป์ดาวรุ่งจากฟิลิปปินส์ ในวันที่ 19 ก.ค.ที่ลพบุรี เพื่อเรียกความมั่นใจก่อนที่จะขึ้นป้องกันแชมป์โลกไฟต์แรกในงานประชุมใหญ่สภามวยโลก ประจำปี 2556 เดือน พ.ย.ปีนี้ ท่ามกลางมวลสมาชิก 170 ประเทศ ที่มาร่วมในงาน

อื่นๆ

10:00 น. 9 จอมเตะชายหญิงทีมชาติไทย พร้อมทำ ศึกเทควันโดชิงแชมป์โลก 2013 วันที่ 16-22 ก.ค.นี้ ที่เม็กซิโก ซึ่งรายการนี้ จะมีนักกีฬากว่า 100 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วม ปรีชา ต่อตระกูล อุปนายกสมาคม มั่นใจไทยมีโอกาสคว้า 1 เหรียญทอง โดยที่มีลุ้นที่สุดคือ “เล็ก” ชนาธิป ซ้อนขำ รุ่น 49 กก. กับ “จูน” ภัคภา พงษ์พานิช รุ่น 57 กก.

10:30 น. “วอร์ม” อิศราภา อิ่มประเสริฐสุข คว้าเหรียญทอง ยิงเป้าบินประเภทสกีตหญิง รวมทั้งยังคว้าเหรียญเงินประเภททีม ร่วมกับ 2 พี่น้อง“น้ำหวาน” นัชญา สุทธิ์อาภรณ์ และ “แพร์” นัชชา สุทธิ์อาภรณ์ ในมหกรรมกีฬามหาวิทยาลัยโลก ครั้งที่ 27 ขณะที่เทนนิสหญิงคู่ของไทย “เพียซ” วรัชญา วงค์เทียนชัย กับ “นก” นพวรรณ เลิศชีวกานต์ ได้เหรียญเงิน รอบชิงฯ แพ้เจ้าภาพรัสเซีย 0-2 เซต

11:00 น. “เอก บุญสวัสดิ์” นักกีฬาโต้คลื่นทีมชาติไทย โชคร้าย ถูกโจรเมืองน้ำหอมยกเค้าอุปกรณ์การแข่งขันชุดใหญ่มูลค่ากว่าครึ่งล้าน หลังจบการแข่งขันรายการชิงแชมป์ยุโรป ที่ประเทศฝรั่งเศส เมื่อต้นเดือน ก.ค. ด้าน “เสี่ยติ๊ก” อิทธิพล คุณปลื้ม นายกสมาคมฯ ยังหวังว่าทางตำรวจฝรั่งเศสจะติดตามเอาของคืนมาให้ได้ แต่ก็ยังโชคดีที่ก่อนไปแข่งขัน สมาคมฯ ได้ทำประกันไว้แล้ว โดยตอนนี้ได้ทำเรื่องจัดซื้ออุปกรณ์การแข่งขันชุดใหม่หมดจากสิงคโปร์ เนื่องจากเขายังมีโปรแกรมเดินทางไปแข่งขันรายการทดสอบสนามที่สเปน ช่วงเดือน ก.ย.นี้

12:00 น. นายกสมาคมยิมนาสติกคนใหม่ "จิรเดช วรเพียรกุล" ลั่น สร้างศูนย์ฝึกเสร็จภายใน 3 ปี รองรับนักกีฬาจากอาเซียนด้วย ส่ง “รอยพิมพ์-ณัฐวุฒิ” แข่งเวิลด์เกมส์ อัดฉีดเหรียญเป็นแสน

ไทยรัฐออนไลน์

6609
"ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ผบ.ทบ.ลั่น พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เข้าสภากลาโหมไม่ได้ ไม่สน "บีอาร์เอ็น" เสนอหยุดยิง ด้านกอ.รมน.ผุดแผน"สันติสุข 4567" รับเดือนรอมฎอน ลั่นไม่ประมาทสั่งเพิ่ม รปภ.เน้นเชิงรับเข้มข้นพุ่งเป้าหมายสถานที่ราชการ "อัยการสูงสุด" ยอมรับหนักใจยกฟ้องคดีก่อการร้าย 60% ถูกยกฟ้องเหตุขาดพยานหลักฐาน จี้ตำรวจเร่งหาหลักฐาน อย่าปล่อยโจรลอยนวล...

การเมือง

12.05 น. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ปัด ยังไม่เห็นหนังสือของผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้สอบจริยธรรม พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. กรณีบินไปให้ "ทักษิณ" ประดับยศที่ฮ่องกง

12.09 น. "ยิ่งลักษณ์" ขอความเป็นธรรม รับไม่สบายใจ หลังข่าวลือโหมตีข้าวไทยเน่า ขู่ไม่เลิกใช้กฎหมายแน่ ไม่ประมาท สั่งเจ้าหน้าที่เกาะติด "รอมฎอน"

12.22 น. หากไม่มีเสียงคลิปสนทนาของ "นายพลถังเช่า" พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯหลุดออกมา เชื่อว่าแผนการอันลึกล้ำที่ "หนูถังเช่า" จะช่วยนำ "ราชสีห์" กลับมาประเทศไทย อาจจะสำเร็จไปแล้วก็ได้...เพราะการใช้กลอุบายผ่านวิธีอันแยบยล ผ่านกระบวนการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรม โดยใช้ช่องทางวิธีพิเศษจาก "สภากลาโหม" เพื่อเป็นการลดขั้นตอนเสนอออกเป็น พ.ร.ก. ก่อนที่จะนำเข้ารัฐสภาเพื่อออกเป็น พ.ร.บ.ต่อไป

13.46 น. กอ.รมน.ผุดแผน"สันติสุข 4567"รับเดือนรอมฎอน ลั่นไม่ประมาทสั่งเพิ่ม รปภ.เน้นเชิงรับเข้มข้นพุ่งเป้าหมายสถานที่ราชการ "อัยการสูงสุด" ยอมรับหนักใจยกฟ้องคดีก่อการร้าย 60% ถูกยกฟ้องเหตุขาดพยานหลักฐาน จี้ตำรวจเร่งหาหลักฐาน อย่าปล่อยโจรลอยนวล

14.06 น. "ชวนนท์" ยันรัฐบาลสองมาตฐาน แฉ "ยิ่งลักษณ์" ให้เปิด 8 เรื่องให้ ปชช.ทราบ ทั้งเปิดเผยตัวเลขขาดทุน การสวมสิทธิ์ ข้าวเน่า น้ำ 3.5 แสนล้าน กู้เงิน 2 ล้านล้าน ออกหนังสือเดินทางให้ "แม้ว" คลิปเสียง รวมท้้งค่าครองชีพ

14.24 น. ''หมอวรงค์'' ควง ''บุญยอด'' บุก ตึกนารีสโมสร ทำเนียบฯ หวังพบทีมโฆษกรัฐ แต่สุดท้ายเก้อ เหตุไม่รู้ ทีมโทรโข่งรัฐ ร่วมขบวน "นกขมิ้นทัวร์" นัดอีก 17 ก.ค. เจอกัน พร้อมนำอุปกรณ์ เตรียมโชว์หยอดข้าวลงหลุม

16.00 น. นายกฯ ทัวร์ขมิ้นสักการะพระพุทธมงคล ขณะเจ้าอาวาสวัดพุทธมงคลให้พรพร้อมมอบพระพุทธรูปพระประธานกันทรวิชัยและภาพพระพุทธ ให้ด้วย

16.04 น. “นพดล” เผย “ทักษิณ” บินกัมพูชา ไร้นัยยะการเมืองแฝง ขณะพักอยู่จีนนาน แค่ไม่มีงานที่ยุโรป ปัดคิดใช้เป็นฐานเคลื่อนไหวทางการเมือง

16.10 น. ภาค ปชช. ปฏิรูปสลากยื่น กม. 2 ฉบับถึงวุฒิฯ จี้ปฏิรูปกองสลากเพื่อสังคม หวั่นเอื้อประโยชน์ให้คนบางกลุ่ม วอน รมช.คลัง ผลักดันกองทุนภาคประชาชน

16.50 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ลั่น พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เข้าสภากลาโหมไม่ได้ ไม่สน "บีอาร์เอ็น" เสนอหยุดยิง อ.สะเดา สั่ง กอ.รมน.แจง เป็นพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้อง

17.00 น. "มาร์ค"ท้า"ปู" ฟ้องปูดข่าวข้าวเน่า ยัน ข้อเท็จจริง ชี้ คนล้มข้าว คือรัฐบาล ลั่น ปิดปากไม่ได้ผล ต้องหยุดทำ บี้ พาณิชย์ แจงขายข้าวอย่าใช้จีทูจีบังหน้า หวัง ป.ป.ช.เร่งทำคดีเร็ว มัดรัฐแก้ปัญหาข้าวยกระบบ

17.11 น. “นพดล” ตีมึนไม่รู้คลิป “ทักษิณ-ยุทธศักดิ์” ตัดต่อช่วงไหน โยน “โอ๊ค” ชี้แจงรายละเอียดเอง อัดปชป.เลิกหมกมุ่นคลิปฉาว ติงอย่าคาดการณ์ล่วงหน้าเรื่องออกพ.ร.ก.นิรโทษกรรม อ้างนายใหญ่ไม่แจ้งความตร.สอบคลิปเสียง เพราะไม่ใช่เรื่องสำคัญ


บันเทิง

08.00 น. เชื่อแล้วว่าซีรีส์สุดฮิตเรื่อง ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น นี้ ดังทั่วบ้านทั่วเมืองจริงๆ ขนาดพระเอกมาดเซอร์อย่าง นายบอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ ยังติดตาม ถึงกับอินกับเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ อย่างล่าสุด มีกลุ่มแฟนคลับของหนุ่มบอย ได้ทำรูปตัดต่อส่งมาให้เจ้าตัว ซึ่งรูปนั้นเป็นรูปของไผ่กับสไปรท์ในเรื่องเดินจูงมือกัน แต่กลุ่มแฟนคลับของนายบอยได้ตัดต่อเอาหน้าของบอยมาใส่ เป็นรูปบอยเดินจูงมือกับสไปรท์แทน ซึ่งหลังจากที่เจ้าตัวเอารูปนี้ลงอินสตาแกรม ทำให้หลายคนชอบกันใหญ่

08.00 น. ตุ้ย–เกียรติกมล ล่าทา ร่วมเป็นตัวแทน โครงการ “หอมแผ่นดิน” ที่รายการ “ไนน์เอ็นเตอร์เทน” ร่วมกับ “ธ.ก.ส.” เปิดโอกาสให้เยาวชนไทย นักเรียน นิสิต นักศึกษา อายุไม่เกิน 25 ปี ส่งภาพถ่ายที่สะท้อนให้เห็นถึงความผูกพันของเกษตรกรต่อแผ่นดินไทย ชิงทุนการศึกษารวม 200,000 บาท เปิดรับผลงาน วันที่ 15 ก.ค.-31 ส.ค.

09.00 น. "พีช-พชร" รับจีบ "นท เดอะสตาร์" เผยฝ่ายหญิงเป็นสาวฮาร์ดคอร์ ประทับใจในความกวน แต่คิดบวกของอีกฝ่าย ย้ำยังไม่อยากเรียกแฟน กลัวรีบเร่งพัฒนาสัมพันธ์แล้วเลิกกัน ไม่เกร็งถูกจับตาเรื่องความรัก ไม่หวั่นแฟนคลับไม่เข้าใจ

10.00 น. ห่างหายจากวงการไปถึง 6 ปี กลับมาอีกทีกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะย้ายสังกัดมาอยู่ WE Records (วี เรคคอร์ด) หรือจะเหลือสมาชิกอยู่ 3 คน กวาง (นักร้องนำ), โอ่ง (กีตาร์) และ เก่ง (เบส) แต่ ABnormal (เอบีนอร์มอล) ก็ไม่ทำให้แฟนเพลงผิดหวัง แม้จะขอชิมลางกับเพลงละครมาก่อนถึง 3 เพลง  ซึ่งก็ได้กระแสตอบรับที่ดี ติดการจัดอันดับเพลงในหลายๆ ชาร์ท

10.00 น. กันตนา อิมพอร์ตเรียลิตี้เกมโชว์ระดับโลก “ดิ แอพเพรนทิส เอเชีย” มาลงช่อง 5 ทุกจันทร์-พฤหัสฯ 17.20 น. โดยให้ชื่อไทยว่า “เกมเฉือนคม” เริ่มวันจันทร์นี้ ซึ่งรายการนี้จะเป็นการคัดเลือกหนุ่มสาวไฟแรงจากหลายประเทศในเอเชียมาเข้าทำงานกับองค์กรระดับโลก โดยเริ่มด้วยสายการบินแอร์เอเชีย  ความสนุกอยู่ที่ทุกคนต้องงัดกลยุทธ์ชั้นเชิงมาแข่งขันกันนั่นเอง

11.00 น. "ปันปัน-สุทัตตา" แจงรูปคุยหนุ่มบนรถไฟใต้ดินสนิทสนมคือ "แพทริค-ชานน" ย้ำสัมพันธ์อีกฝ่ายแค่เพื่อนสมัยเด็ก เผยฝ่ายชายมีแฟนแล้ว ไม่หวั่นแฟนฝ่ายชายเข้าใจผิดเพราะรู้จักกัน ย้ำยังโสด ไม่มีเวลาให้ใคร

13.00 น. รายการ "3 แซบ" พุธนี้ ทางช่อง 3 ได้ 3 เซียนกอล์ฟ เจมส์ มาร์, หลุยส์ สก๊อต และลีเดีย ประชันฝีมือกันมันส์หยด ก่อนที่เจมส์จะเผยเรื่องรักว่าอกหักตลอด ส่วนหลุยส์และลีเดียเกทับกลับ คบแฟนมาตั้งนานรักยังหวานเว่อร์จนเจมส์อิจฉา

15.00 น. ช่วงนี้เห็น แพนเค้ก–เขมนิจ ควง สารวัตรหมี–พ.ต.ต.ศักดิ์สุนทร เปรมานนท์ ออกงานคู่กันบ่อยๆ ล่าสุดเจอทั้งคู่ในงานแถลงข่าวรายการ “ทอฟ้าผ้าไทย ซีซั่น 2” เลยถามว่า สารวัตรหมี ชินรึยัง? “ยังครับ (หัวเราะ)” มีคนติดต่อถ่ายแฟชั่นอีกมั้ย? แพนเค้ก “ตอนนี้ยังไม่มีนะคะ ต้องดูตามเวลาพี่หมีค่ะ ถ้าเวลาโอเคเราก็ยินดี

15.00 น. ทำเอาพระเอกคู่ขวัญ เจมส์ มาร์ งานเข้า! หลังเม้าท์ให้แซดว่านางเอกสาว มิ้นต์– ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง เป็นคนปล่อยข่าวว่า เจมส์ มาร์ เป็นเกย์ เจอ มิ้นต์ มาร่วมงาน กาวิสคอน ดูอัล แอคชั่น จัดงาน “ศูนย์กู้ภัยอาหารไม่ย่อยและกรดไหลย้อน” เลยถามว่าจริงรึเปล่า? “หนูงงและตกใจกับกระแสข่าวมาก เราทำงานด้วยกันมาตั้งนาน สนิทกันพอสมควร แต่เจมส์ไม่มาถามเรื่องนี้นะคะ ส่วนตัวก็รู้สึกไม่ดี ไม่ได้กลัวแฟนคลับของเจมส์ไม่เข้าใจนะคะ

17.00 น. ปิดฉากมาปุ๊บก็ชวนสยิวกับเลิฟซีนหวานของพระนาง ตูมตาม–ยุทธนา เจอสาว วิว– วรรณรท ปุ๊บก็หลงเสน่ห์ปั๊บในละคร “สุดสายป่าน” โดยเป็นฉากที่ ฐิติ (ตูมตาม) มาเที่ยวหัวหินและได้พบ กานดา-มณี (วิว) ก็เกิดตกหลุมรักอย่างจัง


ไลฟ์สไตล์

09.30 น. แมนฯ ยู มาเยือนไทยอีกครั้งเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับทุกครั้งที่มา ที่จะไม่เอาตัวจริงที่แฟนบอลอยากให้ลงมาวิ่งเล่นบอลให้ดูกันแบบจะจะ แต่อย่างมากแค่มาวิ่งข้างสนาม เรียกเสียงซี้ดปากคนดูเท่านั้น กลัวเจ็บบ้าง ไม่อยากเล่นบ้าง แค่โชว์ว่างั้น  แต่ที่แปลกกว่านั้น true visions ไปเอา Man U TV มาออกอากาศ อันนี้ต้องบอกกันให้เข้าใจว่า ตอนถ่ายทอดสด คนที่ดู True ไม่ได้ดูน่ะครับ อาจจะได้ยินเสียงอย่างเดียว ถ้าจะดูสดกันจริงๆ ก็ต้องที่ CTH เท่านั้น

11.00 น. ศูนย์ผู้แทนจำหน่าย Chevrolet แห่งแรกในพม่า จะเปิดทำการในช่วงไตรมาสที่สี่ของปี 2556 โดยรถChevrolet ที่จำหน่ายในพม่าจะนำเข้าจากศูนย์การผลิตจีเอ็มทั่วโลก เพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าชาวพม่า

14.00 น. แม้ฝนจะตก ฟ้าจะร้อง แต่ถ้าเรารู้จักดูแลสุขภาพเป็นอย่างดี ถึงอากาศจะเปลี่ยนแปลงแค่ไหนก็ไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป!!

14.10 น. อภิชัย ธรรมศิรารักษ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท TC Subaru Thailand ในฐานะผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ Subaru อย่างเป็นทางการ รุกตลาดประเทศไทยอย่างต่อเนื่องด้วยการเปิดตัวรถยนต์อเนกประสงค์ (SUV) รุ่นใหม่ ALL NEW SUBARU FORESTER 2.0XT เจเนอเรชั่น 4 ในงาน “Fast Auto Show Thailand 2013 โดยงานดังกล่าวจัดขึ้นที่ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคบางนา ระหว่างวันที่ 17-21 กรกฎาคม 2556

17.00 น. เป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่น่าเอาใจช่วยอย่างยิ่งกับกิจกรรมรวมพลคนรักมินิ ร่วมสร้างประวัติศาสตร์เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติ 81 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ


วิทยากร

14.00 น.โลกกภิวัฒน์  วัยรุ่นญี่ปุ่น ปัจจุบันนี้ นิยม แต่งตัวกันแปลกๆ อย่างแบบหนุุ่่มคนนี้ เล่นชุดสีทองเหลืองอร่าม ไปนั่งโชว์โฉม อยู่ในย่านช็อปปิ้งฮาราจูกุ ช่วงตอนปลาย สุดสัปดาห์

16.18 น.บอร์ด กสท. เคาะร่างประมูลทีวีธุรกิจ 24 ช่องแล้ว คาดต้นเดือน ส.ค.พร้อมออกหนังสือเชิญชวนเอกชนที่สนใจ เผยเพิ่มเกณฑ์ห้ามนอมินี ประมูลช่องข่าวและเอชดี ลดสัดส่วนการเสนอข่าวเหลือ 50% เพื่อความอยู่รอดทางธุรกิจ หวั่นซ้ำรอยไอทีวี

17.00 น.ดีแทค มั่นใจขยายสถานีฐาน 3จี ครบหมื่นแห่ง ครอบคลุมทั่วประเทศในเดือน ต.ค. เผยผลทดสอบสัญญาณมือถือในโครงการ 77/77 ดีแทค อินเทอร์เน็ต ฟอร์ ออล โรด ทริป ผ่านมาตรฐานทุกภาค

17.42 น. “สุภิญญา” สงวนความเห็นการปรับลดสัดส่วนข่าวช่องข่าวทีวีดิจิตอลจาก 75% ให้เหลือ 50% เผยยังไม่เห็นรายงานมูลค่าคลื่นฉบับเต็ม


เศรษฐกิจ

12.48 น.ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายในช่วงเช้าวันนี้ (15 ก.ค.) -3.38 จุด  ปิดที่ 1,4550.33 จุด มูลค่าการซื้อขาย 17,753.05 ล้านบาท

13.24 น."ธีระชัย" โพสต์ FB แฉทุจริตขายข้าวแบบจีทูจี หลีกเลี่ยงเปิดประมูลเปิดทางให้พรรคพวกในไทยซื้อ ไม่ใช่รัฐบาลต่างชาติ ดูได้จากข้อมูล ป.ป.ช. ที่ออกมาเผย มีการจ่ายเงินเพียงครั้งละ 8 หมื่นบาท ถือว่าพลิกแพลงพิสดาร ทำประเทศเสียหาย จี้ "ยรรยง" สะสาง ปิดช่องทุจริต

14.42 น. ”ณัฐวุฒิ" โต้ข้าวถุงเน่าเสียทิ้งริมถนนกระบี่ ไม่ใช่แบรนด์ร้านถูกใจ อัด "ชวนนท์" สร้างเรื่อง ไม่มีมูลความจริง เตือนอาจถูกผู้ผลิตข้าวฟ้องดำเนินคดี

14.31 น.ธ.ก.ส. หารือ สศค. และสมาคมประกันวินาศภัย วางแนวทางทำประกันภัยข้าวที่เข้าโครงการรับจำนำ รอบฤดูกาลผลิตปี 56/57 หวังลดค่าใช้จ่ายจากการสวมสิทธิ์จำนำข้าว แก้ปัญหาทุจริต

14.38 น. "ณัฐวุฒิ" เผยยอดธุรกิจตั้งใหม่มิ.ย.ขยับขึ้น 19% เจ๊งเพิ่ม 12% ขณะที่ธุรกิจส่งออก ปิดกิจการลดลงเหลือแค่ 34 ราย กังขาค้าสลากเพิ่มต่อเนื่อง ใช้ที่อยู่เดียวกันจัดตั้งซ้ำผิดปกติ หวั่นเกิดข้อได้เปรียบเสียเปรียบ ประสานกองสลากตรวจสอบ

16.10 น. ภาค ปชช. ปฏิรูปสลากยื่น กม. 2 ฉบับถึงวุฒิฯ จี้ปฏิรูปกองสลากเพื่อสังคม หวั่นเอื้อประโยชน์ให้คนบางกลุ่ม วอน รมช.คลัง ผลักดันกองทุนภาคประชาชน

16.27 น. ซีไอเอ็มบี ไทย คาดยอดปล่อยสินเชื่อปีนี้โตตามเป้าที่ตั้งไว้ 30,000-40,000 ล้านบาท ดีเดย์ 18 ก.ค.ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2 เชื่อดีกว่าไตรมาสแรกปีนี้และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน

17.20 น. หุ้นแกว่งตัวในกรอบแคบ ผันผวนตลอดวัน ปิดการซื้อขาย +1.69 จุด ที่ 1,455.40 จุด กดดันจากแรงเทขายหุ้นกลุ่มแบงก์


การศึกษา

10.00 น. สถานีเทคโนโลยีชีวเวชของสภาวิจัยแห่งชาติเมืองมักกะโรนี ศึกษาพบว่า ผู้สูงอายุคนที่เป็นโรคสันนิบาตลูกนก จะไม่ค่อยเป็นมะเร็งซ้ำอีกโรคหนึ่ง และในทำนองเดียวกัน คนที่เป็นมะเร็งอยู่แล้ว ก็จะไม่ค่อยเป็นโรคสันนิบาตลูกนก

12.00 น. นักวิทยาศาสตร์คณะการศึกษาสาธารณสุขและบริการมนุษย์ ของมหาวิทยาลัยเคนส์ สเตทแห่งสหรัฐฯ พบว่าผู้ที่ตัวติดอยู่กับการใช้โทรศัพท์มือถือมาก จะด้อยความแข็งแรงสมบูรณ์ของร่างกายลงไป

14.22 น. ทช.เผย "หญ้าทะเล" ถูกคุกคามหนัก เหลือแค่ทะเลตรัง-อ่าวพังงา-คุ้งกระเบน-เกาะกระดาด-เกาะหมาก-สมุย-เกาะพะงัน


ทั่วไทย

06.16 น. กรมอุตุฯ เผย ทั่วไทยมีฝนเพิ่มขึ้น ภาคเหนือ อีสาน ภาคกลาง และ กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนร้อยละ 40 ขณะที่ ภาคตะวันออก มีฝนร้อยละ 60 ส่วนภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนมากถึงร้อยละ 70 เตือนทะเลคลื่นสูง 2-3 เมตร แนะ ชาวเรืองดออกจากฝั่ง 2-3 วันนี้

08.22 น. แก๊งเด็กแว้น ถีบ จักรยานยนต์ นศ.วิศวะ คณะวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น ล้มคอเกี่ยวลวดสลิงยึดเสาไฟ ดับสยอง

09.21 น. พี่น้องชาวไทยมุสลิม จ.ยะลา ทยอยประกอบศาสนกิจที่มัสยิดอบูบักรออัซซิดดิกในเดือนรอมฎอน ด้านรองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ชี้เป็นสัญญาณดีไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น

10.12 น. คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิงหนุ่มวัยโจ๋ อายุเพียง 16 ปี 2 นัดซ้อน ดับข้างถนน ตำรวจมุ่งปมคู่อริลูกชายขาใหญ่ตามฆ่าล้างแค้น

10.52 น. "หลวงพ่อคูณ" ยังบ่นอยากกลับวัดบ้านไร่เหมือนเช่นทุกวัน แพทย์เผยหากพรุ่งนี้ไม่มีไข้ เล็งพิจารณากลับวัดปลายสัปดาห์นี้

12.27 น. "ดีเอสไอ" จ่อออกหมายจับ "สมีคำ" พุธนี้ ข้อหาผิด "พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์-พรากผู้เยาว์" จ่อโดนสั่ง "อายัดทรัพย์ฯ-ถอนพาสปอร์ต-วีซ่า" บีบกลับไทย พ่วงฟ้องศาลเยาวชนให้รับเด็ก 11 ขวบ เป็นลูก

12.56 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวน ขับรถยนต์ประกบกระบะชาวบ้าน ก่อนใช้ปืนยิงใส่คนขับและคนนั่งมาด้วย บาดเจ็บรวม 2 คน ตำรวจนราธิวาสคาดความขัดแย้งส่วนตัว มากกว่าสถานการณ์ความมั่นคง เนื่องจากถนนดังกล่าวไม่เคยเกิดคดีความมั่นคง

14.01 น. ชาวศรีสัชนาลัยแห่ขอโชคลาภ "ลูกทอง" แมวร้านผ้าทอ ที่ให้เลขเด็ดจนชาวบ้านถูกหวยไปหลายรายเมื่องวดก่อน เจ้าของเชื่อ เป็นแมวตัวเดิมที่เสียชีวิตแล้วกลับชาติมาเกิด หลังให้ถูกหวย 2 พันบาท

14.09 น. รถบรรทุกข้าวสารหนัก 18 ตัน ขับฝ่าสายฝน แหกโค้งตกดอย ที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ อัดก๊อบปี้ดับ 1 เจ็บ 2

14.29 น. ปภ.พังงา ประกาศเตือน 5 อำเภอ เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม ในพื้นที่ อ.คุระบุรี อ.ตะกั่วป่า อ.ตะกั่วทุ่ง อ.กะปง อ.ท้ายเหมือง ช่วง 2-3 วันนี้

14.43 น. แท็กซี่อดีตตำรวจอารักขาผู้ปกครองศาลเจ้าพ่อเสือ จอดรถขวางหน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ก่อนขึ้นไปยืนชูป้ายร้องเรียน ภรรยาเป็นแม่ค้าขายอาหาร ถูกเจ้าหน้าที่เทศกิจไล่ที่ทำกิน

14.46 น. ชาวนครสวรรค์ บุกยื่นหนังสือนายกฯ หนุนรัฐ สร้างอุโมงค์ข้ามแยก สะพาน 'เดชาติวงศ์' แก้ปัญหาจราจร ซัด พวกค้านเป็นปฏิปักษ์รัฐบาล

15.23 น. รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ชนประสานงาเก๋ง พยาบาลสาว มศว ดับคาที่ บริเวณถนนสายบ้านาร่อง–หินกอง จ.สระบุรี ส่วนคนขับรถพ่วง อาศัยจังหวะหลบหนีไปได้ เร่งล่าตัวดำเนินคดี

16.56 น. นางสาวตรีดาว อภัยวงศ์ โฆษกของกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ "มณฑลซางตง" สถาปนาความสัมพันธ์ร่วมฉันมิตร ต่อยอดเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

17.08 น. โจรใต้ไม่สนประกาศ BRN ดักยิงถล่ม ชรบ.บาดเจ็บสาหัส ในพื้นที่เปลี่ยวเขต อ.บันนังสตา จ.ยะลา ขณะขับขี่ จยย.ออกจากบ้านไปหาญาติ


ต่างประเทศ

08.53 น. ประธานาธิบดี บารัค โอบามา เรียกร้องให้ประชาชนชุมนุมอย่างสงบ หลังคณะลูกขุนตัดสินให้นายจอร์จ ซิมเมอร์แมน พ้นผิดในคดีใช้อาวุธปืนยิงวัยรุ่นผิวสีจนเสียชีวิต จนกลายเป็นประเด็นเหยียดเชื้อชาติมานานนับปี

14.13 น. นายกรัฐมนตรีแห่งสเปน ถูกบีบให้ลาออก ข้อหาพัวพันกับเงินบริจาคลับให้พรรคป๊อปปิวลาร์ของเขา ด้านหัวหน้าพรรคสังคมนิยมฝ่ายค้าน ประกาศตัดการติดต่อทั้งหมดกับนายราจอยและพรรคป๊อปปิวลาร์แล้ว

14.15 น. นักแข่งรถจักรยานชื่อดังชาวอเมริกัน วัย 44 ปี เสียชีวิตหลังพยายามขับรถมอเตอร์ไซค์ “ซูซูกิ ฮายาบูซา” ทำสถิติความเร็ว 482 กม./ชม. บนรันเวย์ของอดีตฐานทัพอากาศในเมืองไลม์สโตน รัฐเมน

14.38 น. อิตาลีรุมประณามรองประธานวุฒิสภาเหยียดเชื้อชาติ หลังเอ่ยถึง รมว.บูรณาการ หน้าเหมือนลิงอุรังอุตัง เจ้าตัวโร่ขอโทษ อ้างแค่ต้องการวิพากษ์นโยบาย

14.57 น. อิเหนาสลด! แฟนมวยจลาจลหลังไม่พอใจกรรมการตัดสินชิงแชมป์มวยท้องถิ่น เหยียบกันตาย 18 ศพ


กีฬา

ฟุตบอล

11.30 น.ประเดิมอุ่นเครื่องพ่ายเหมือนกัน สำหรับ ทัพเรือใบสีฟ้า "แมนเชสเตอร์ ซิตี้" โดนบุกไปแพ้ "ซูเปอร์สปอร์ต ยูไนเต็ด" 0-2 ขณะที่ทีมดัง อาร์เซนอล กับ ฟูแลม ออกไปคว้าชัยได้ทั้งคู่

12.00 น."เดอะ ตุ๊ก" ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน หัวหน้าผู้ฝึกสอน เชื่อมั่น "สิงห์ ออลสตาร์" จะสร้างประวัติศาสตร์ซ้ำรอย สามารถเก็บชัยจากการแข่งขันกับเชลซีได้ หลังจากพลิกล็อกโค่น แมนฯยู มาแล้วก่อนหน้านี้ ทางด้าน ขุนพล "สิงห์บลู" นำโดย โชเซ่ มูรินโญ จะนำลูกทีมเปิดคลีนิกฟุตบอลวันนี้ ที่ สนามซูเปอร์คิก ลาดพร้าว ให้กับเยาวชนไทย

14.30 น.สาวกเสือใต้เฮ!!! บาเยิร์น มิวนิค ทุ่มเงินกว่าพันล้านบาท คว้าตัว "เตียโก อัลกันตารา" กองกลางทีมชาติสเปน จากทีมบาร์เซโลนา เซ็นสัญญา 4 ปี เตรียมตรวจร่างกายเร็วๆ นี้

15.15 น.หลังจากพลาดท่าปราชัยให้กับทีมสิงห์ ออลสตาร์ 0-1 ในการลงอุ่นเครื่องนัดแรกของการเตรียมทีมสู้ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2013-14 ล่าสุด ทัพปิศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แชมป์พรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาลก่อน เดินทางถึงประเทศออสเตรเลีย เรียบร้อยแล้ว

16.15 น."ปารีส แซงต์ แชร์แมง" หวังดึง "บรานิสลาฟ อิวาโนวิช" กองหลังทีมเชลซี มาเสริมทีม ถ้า "เกรกอรี ฟาน เดอร์ วีล" ย้ายไปอยู่กับอินเตอร์ มิลาน

17.30 น.ชมคลิป "ติอาโก อัลคันทารา" กองกลางใหม่ป้ายแดงทีม "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิก ฉายแววดุดันตั้งแต่เด็ก หลังเล่นบอลกับน้องชาย "ราฟินญา" ก่อนไล่หวดฝ่ายหลังจนล้มกลิ้งร้องไห้เลยทีเดียว

เทนนิส

10.00 น.เทนนิสไทยเฮ! “ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์” ควักกว่า 5 ล้านบาท หนุนสร้างนักหวดเยาวชน พร้อมยกระดับโค้ชชาวไทยด้วยการจ้าง เอมิลิโอ ซานเชซ โค้ชชื่อดังจากสเปน เป็นหัวหน้าทีมติวเข้มและวางระบบการฝึกซ้อม พร้อมส่ง 4 เด็กไทยไปลับแร็กเกตถึงแดนกระทิงดุ ด้าน “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” เชื่อผลลัพธ์คุ้มค่าในหลายๆ ด้าน

มวย

11.00 น.ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานจัดการแข่งขัน "โอเล่ห์ดง ซีพีเฟรชมาร์ท" ป้องกันแชมป์โลกอินเตอร์รุ่นซุปเปอร์ฟลายเวท สภามวยโลก ครั้งที่ 7 กับ "โยบุ นาคากามา" ผู้ท้าชิงชาวญี่ปุ่น พร้อมมวยรอบมาราธอน "แสนชัย  พี.เค แสนชัยมวยไทยยิมส์" พบยอดมวยนานาชาติ 24 ก.ค.นี้ ที่เวทีมวยชั่วคราวสนามกีฬากลางพิษณุโลก ช่อง 7 สี ยิงสด

อื่นๆ

09.15 น.ทีมตบลูกยางสาวไทย พ่าย เจ้าภาพรัสเซีย 0-3 เซต ชวดเข้าชิงฯ วอลเลย์บอลหญิง กีฬามหาวิทยาลัยโลก ครั้งที่  27 ที่รัสเซีย หล่นลงไปลุ้นชิงเหรียญทองแดงกับโปแลนด์ ที่ตัดเชือกแพ้บราซิล 1-3 เซต ส่วน "ปราการ การดี" นักแม่นปืนหนุ่มไทย ได้แค่อันดับ 16 ปืนสั้นอัดลม 10 ม.ชาย ด้าน ม.สยาม ปลื้มผลงานของ “สอง” ทนงศักดิ์ แสนสมบูรณ์สุข ที่ได้เหรียญทองแบดมินตันชายเดี่ยวก่อนหน้านี้ เตรียมจัดงานเลี้ยงฉลอง และอัดฉีดเงินรางวัลให้ในฐานะที่สร้างชื่อให้สถาบันและประเทศชาติ

ไทยรัฐออนไลน์

6610


๙ กรกฎาคม ๒๕๕๖
สวัสดี เพื่อนแพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป ทุกท่าน

   หน้าฝนนี้ไข้เลือดออกระบาดหนัก ขอให้เพื่อนแพทย์ทุกท่านระวังสุขภาพลูกหลานในครอบครัว และเฝ้าระวังผู้ป่วยที่มารพ.ด้วยไข้สูงกันด้วย โดยเฉพาะผู้ใหญ่ ซึ่งมีโอกาสเสียชีวิตสูงกว่าเด็ก หวังว่าปีนี้วงการแพทย์คงไม่เป็นข่าวดังให้ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์ อย่างวงการศาสนา ทั้งพระสึกไปแต่งงาน และพระฉ้อโกงเงินประชาชน

        สมาพันธ์ฯขอแสดงความยินดีกับ นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข คนใหม่ แต่สมาพันธ์ฯ ก็รู้สึกเสียดาย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ซึ่งท่านได้ช่วยยับยั้งกฎหมายที่ไม่เหมาะสมต่อวงการแพทย์และกระทรวงสาธารณสุขหลายเรื่องด้วยกัน ตั้งแต่ท่านเป็นคณะกรรมาธิการสาธารณสุขสภาผู้แทนราษฎรในยุคที่พรรคประชาธิปัตย์ เป็นรัฐบาล จนกระทั่งท่านดำรงตำแหน่ง รมช. สธ. กฎหมายสำคัญที่เพื่อนแพทย์ทุกท่านคงจำกันได้คือ ร่างฯ พรบ. คุ้มครองผู้เสียหายฯ แม้แต่วันที่มีการประชุมสามัญประจำปี ๒๕๕๖ ของสมาพันธ์ฯ เมื่อ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ที่ผ่านมา ท่านก็ยังทำหน้าที่ประธาน คณะกรรมการร่างพ.ร.บ. คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พ.ศ. ...  ของกระทรวงสาธารณสุข(ซึ่งประชุมในวันเดียวกัน) ได้อย่างเหมาะสมเป็นที่ประจักษ์ต่อผู้เข้าร่วมประชุมสมาพันธ์ฯทุกคน จนผลการประชุมการร่างกม.นี้ ดำเนินไปเพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยอย่างแท้จริง สมาพันธ์ฯ หวังว่า นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว จะช่วยดูแล กม.ที่มีผลกระทบกับผู้ป่วยและวงการสาธารณสุขให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ป่วยและเป็นธรรมต่อผู้ให้การรักษาต่อไปในฐานะเลขาฯ กรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล)

   เมื่อปลายเดือนมิถุนายนนี้ NGO ยังไม่หยุดผลักดัน ร่างฯ พรบ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ ให้เข้าสภาผู้แทนฯโดยดำเนินการผ่าน สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้เร่งรัดกระทรวงสาธารณสุข จัดทำ ร่างฯ พรบ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ เพื่อที่สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จะนำกฎหมายนี้เข้าสู่สภาผู้แทนฯเอง แนวร่วมมือกฎหมาย ของสมาพันธ์ฯ จึงเข้าชี้แจงกับประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ถึงจำเป็นและความเหมาะสมในการดำเนินการร่างกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งท่านก็เข้าใจถึงเหตุผลดังกล่าว และมอบหน้าที่ให้กระทรวงสาธารณสุข จัดทำ ร่างฯ พรบ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ ตามวิธีปกติต่อไป ซึ่งถือเป็นผลงานของ นพ.วิสุทธิ ลัจฉเสวี และนพ.เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ มือกฎหมายของวงการแพทย์เรา

   แม้จะไม่ได้ยินข่าว สมาพันธ์ฯออกมาเรียกร้อง P4P อย่างชมรมแพทย์ชนบท แต่ พญ.ประชุมพร บูรณ์เจริญ ประธานสมาพันธ์ฯ ได้เข้าไปเป็นคณะกรรมการ P4P ของกระทรวง สธ. เพื่อกำหนดแนวทางเยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจาก P4P ในส่วนของ รพ.ศูนย์ และรพ.ทั่วไป เช่นเดียวกับ รพ.ชุมชน แต่ไม่แน่ใจว่า มีแนวทางแล้ว กระทรวง สธ. จะหาเงินมาจ่ายได้หรือไม่

                สมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป แห่งประเทศไทย

6611
 อาชีพในสายวิทยาศาสตร์ไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องทดลองแคบๆ เสมอไป ยังมีอีกหลายอาชีพที่คุณอาจไม่รู้ว่ามีอยู่ ดังเช่น 7 อาชีพที่ไลฟ์ไซน์ยกตัวอย่าง
       
       นักออกแบบพลุ
       เส้นแสงสีสวยๆ งามๆ ที่ระเบิดขึ้นหลังพลุแตกนั้น เป็นผลพวงจากการออกแบบของนักเคมี ซึ่งจะจะออกแบบด้วยองค์ความรู้ว่าสารเคมีใดจะปลดปล่อยสีสันสวยๆ ออกมาเมื่อได้รับความร้อน ตัวอย่างเช่น สารประกอบทองแดงจะเผาไหม้เป็นสีน้ำเงิน สารประกอบสตรอนเทียมจะให้สีแดงเข้ม และโซเดียมจะให้สีเหลืองจ้า เป็นต้น สารเคมีที่ให้สีสันเหล่านี้ทำปฏิกิริยาได้ง่าย และบางครั้งเป็นอันตรายด้วย ซึ่งไลฟ์ไซน์ระบุว่าการเป็นนักออกแบบพลุนั้นมักต้องการผู้มีความรู้ด้านเคมีระดับปริญญาโทขึ้นไป
       
       นักจิตวิทยาอวกาศ
       เป็นอาชีพที่มีหน้าที่ศึกษาว่ามนุษย์อวกาศรับมือกับสภาพในเที่ยวบินอวกาศและสภาพไร้น้ำหนักในอวกาศอย่างไร ทั้งนี้ งานของมนุษย์อวกาศนั้นเป็นงานที่ต่อเนื่องและมีความเข้มงวดสูง เที่ยวบินอวกาศจริงๆ ยังมีความรู้สึกพันธนาการทางกายภาพที่ไม่คุ้นเคย เช่น ภาวะไร้หนักและความเร่ง เป็นต้น
       
       นักจิตวิทยาจึงมีหน้าที่แนะนำแนวทางดีที่สุดสำหรับมนุษย์อวกาศในการควบคุมกายและใจ ซึ่งรวมถึงการพักผ่อน และอาชีพนี้จะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นเมื่อมีการเดินทางสู่วกาศเป็นระยะทางนานๆ เช่น ปฏิบัติการส่งมนุษย์ไปดาวอังคาร เป็นต้น
       
       นักเซ็กส์วิทยา
       ไลฟ์ไซน์อ้างความหมายเซ็กส์วิทยาจากพจนานุกรมออนไลน์เมอร์เรยม-เวบสเตอร์ (Merriam-Webster) เป็นการศึกษาในเรื่องเพศหรือปฏิสัมพันธ์ระหว่างเพศ โดยเฉพาะในความเป็นมนุษย์ ซึ่งงานด้านนี้มีขอบเขตที่กว้าง ต้องอาศัยทั้งศาสตร์ด้านชีววิทยา การแพทย์ จิตวิทยา สังคมวิทยา และศาสตร์ด้านอื่นๆ นักเซ็กส์วิทยาจะศึกษาทุกอย่างตั้งแต่ภาวะเจริญพันธุ์ แนวโน้มทางเพศ ไปจนถึงกลไกระหว่างมีเพศสัมพันธุ์ รวมถึงความผิดปกติของอวัยวะเพศ
       
       นักรีดพิษงู (Snake milker)
       นักรีดพิษงูซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสัตว์ที่มีหน้าที่รีดพิษจากงูพิษ ซึ่งพิษงูที่มีฤทธิ์ถึงตายนี้เป็นส่วนประกอบสำคัญของเซรุ่มแก้พิษงู และถูกใช้อย่างแพร่หลายทางการแพทย์ โดยนักรีดพิษงูจะรีดพิษออกจากเขี้ยวงูแล้วเก็บในรูปผงแห้งแช่แข็ง ซึ่งห้องปฏิบัติการวิจัยจะใช้เพื่อผลิตยาสำหรับลิ่มเลือด ป้องกันหัวใจวายและความดันสูง
       
       นักคูถวิยา (Scatologist)
       เป็นผู้ศึกษาในทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวมูลและสิ่งปฏิกูล ซึ่งการศึกษาศาสตร์ดังกล่าวจะให้ข้อมูลแก่นักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับถิ่นอาศัย สุขภาพโดยรวมและโรคที่ปรากฏ อีกทั้งองค์ประกอบในมูลสัตว์นั้นจะบ่งบอกถึงสิ่งที่สัตว์เหล่านั้นกิน และจะบอกได้ว่าสัตว์เหล่านั้นอยู่ที่ไหน เช่น แบคทีเรียในมูลสัตว์จะให้ตัวอย่างของแบคทีเรียในลำไส้สัตว์และช่วงเวลาที่สัตว์นั้นๆ ดำรงชีวิตอยู่ ซึ่งจะช่วยประเมินสุขภาพของสัตว์ได้
       
       การศึกษาเรื่องนี้ยังเป็นประโยชน์ต่อการรักษาทางการแพทย์ในคน ตัวอย่างเช่น การบำบัดโรคติดเชื้อในลำไส้ที่รักษาได้ยาก ด้วยการเติมแบคทีเรียจากอุจจาระที่ช่วยสร้างสุขภาพที่ดีให้แก่ผู่ป่วย เพื่อฟื้นคืนแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์เหล่านั้น
       
       นักหัวเราะบำบัด (Laughter therapist)
       การหัวเราะเป็นยาดีที่สุดหรืออย่างน้อยก็เป็นการบำบัดที่ดีที่สุด และยังพบอีกว่าการหัวเราะช่วยลดความเครียดและเสริมภูมิคุ้มกัน นักหัวเราะบำบัดจะทำให้ผู้ป่วยหัวเราะเบาๆ โดยไม่ใช้มุขตลกหรือเรื่องขำ แต่จะนำออกกำลังที่ช่วยให้ผู้ป่วยหัวเราะได้ลึกและเป็นสุขเหมือนที่เด็กทารกเป็น
       
       นักวิทยาศาสตร์ด้านการหมัก (Fermentation scientist)
       ทั้งเบียร์ ไวน์ ขนมปัง ชีส ของดองและโยเกิร์ต ล้วนอาศัยการหมักดอง โดยกระบวนการจะเกิดขึ้นจากยีสต์หรือแบคทีเรียเปลี่ยนน้ำตาลเป็นกรด ก๊าซหรือแอลกอฮอล์ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ด้านหมักจะศึกษาว่าจุลินทรีย์เหล่านั้นใช้ในกระบวนการหมักได้อย่างไร ซึ่งหลุยส์ ปาสเตอร์ (Louis Pasteur) คือนักวิทยาศาสตร์ทางด้านนี้คนแรก หลังจากที่เขาค้นพบว่ายีสต์ทำให้เกิดการหมักได้

ASTVผู้จัดการออนไลน์    5 กรกฎาคม 2556

6612
สธ.ผุดโปรเจกต์ “1 กรม 1 ป้องกันโกง” สั่งเลือกงานเสี่ยงทุจริตสูงและเกิดผลกระทบต่อประชาชนมาพัฒนาให้โปร่งใส เล็งเลือกการสร้างอาคาร รพ.มาดำเนินการ พร้อมทำคู่มือการจัดซื้อจัดจ้างให้เจ้าหน้าที่และประชาชน ป้องกันการโกง
       
       นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ในเรื่องการบริหารจัดการงบประมาณ ในปีนี้ตนได้จัดทำโครงการสร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติราชการ 1 กรม 1 ป้องกันโกง โดยให้ทุกกรมที่อยู่ในสังกัด คัดเลือกงานที่มีความเสี่ยงต่อการทุจริตและเกิดผลกระทบต่อการบริการประชาชนสูง มาพัฒนาให้เกิดความโปร่งใส และปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด และได้กำหนดเรื่องความโปร่งใสให้เป็นตัวชี้วัดในการปฏิบัติราชการในปี 2556 ของหน่วยงานส่วนกลางที่อยู่ในสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขทุกหน่วยด้วย
       
       นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า การสร้างความโปร่งใสดังกล่าว สธ.ได้วิเคราะห์และคัดเลือกกระบวนงานการจัดจ้างก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลมาดำเนินการ เนื่องจากมีความเสี่ยงเกิดการทุจริต ทั้งจากเจ้าหน้าที่ ผู้รับจ้าง และผู้ตรวจรับงาน ที่ผ่านมาพบว่าการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลบางแห่งไม่เป็นไปตามมาตรฐาน บางแห่งไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาครัฐ และกระทบต่อการบริการประชาชน ได้จัดทำเป็นคู่มือการปฏิบัติงานสำหรับการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลแจกให้ทุกจังหวัด และจัดอบรมชี้แจงทั้งระดับผู้บริหาร และผู้ปฏิบัติ ยึดเป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อให้ปราศจากปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน และจัดอบรมแก่เจ้าหน้าที่ ประชาชน และผู้ประกอบการ เพื่อส่งเสริมปลูกฝังค่านิยมความโปร่งใส ค่านิยมความเป็นเจ้าของให้ยึดหลักธรรมาภิบาลในการปฏิบัติงาน
       
       “นอกจากนี้ ยังจัดทำคู่มือประชาชนในการป้องกันการทุจริต และเปิดช่องทางรับแจ้งเบาะแสการทุจริตของหน่วยงานในสังกัด 3 ช่องทาง ได้แก่ 1.ทางโทรศัพท์หมายเลข 02 590 1314 และ 02 590 2876-7 2.ทางเว็บไซต์ ศูนย์ประสานราชการใสสะอาด www.moph.go.th/ops/opct และ 3.ตู้ไปรษณีย์ ปณ.9 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข เพื่อดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงและลงโทษผู้กระทำผิดตามกฎหมายต่อไป” รมว.สาธารณสุข กล่าว
       
       ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน รองปลัด สธ.กล่าวว่า ปี 2556 สธ.มีงบ 3 ก้อนเพื่อลงทุนด้านการก่อสร้างอาคารต่างๆ และการจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ที่จำเป็นให้โรงพยาบาลทุกระดับในสังกัดทั่วประเทศ ทั้งซื้อเพิ่มเติมและทดแทนของเก่า เพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาประชาชน ได้แก่ 1.โครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน หรืองบดีพีแอล จากสำนักงบประมาณ เพื่อจัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ 3,384 รายการ วงเงิน 3,231 ล้านกว่าบาท เช่น เครื่องช่วยหายใจ เครื่องเอกซเรย์ระบบดิจิตอล เครื่องมือผ่าตัด เป็นต้น โดยร้อยละ 80 ลงนามในสัญญาจ้างแล้ว ยังเหลืออีก 701 รายการ ได้กำชับให้ลงนามในสัญญาจ้างให้เรียบร้อยภายใน 15 สิงหาคมนี้ จะสามารถใช้บริการประชาชนได้ภายในปี 2556 นี้
       
       2.งบลงทุนสิ่งก่อสร้างภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 วงเงิน 6,483 ล้านบาท เร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกันยายน 2556 เช่น อาคารผู้ป่วย อาคารสนับสนุนอื่นๆ ของโรงพยาบาลทุกระดับ และ 3.งบค่าเสื่อมระดับประเทศ ที่ สปสช.จัดสรรให้แก่สถานบริการสาธารณสุข วงเงิน 382 ล้านกว่าบาท มีทั้งสิ่งก่อสร้างและอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ เช่น รถพยาบาลฉุกเฉิน เครื่องช่วยหายใจ เครื่องตรวจอวัยวะภายใน เครื่องดมยาสลบ เครื่องตรวจคลื่นหัวใจ เครื่องเอกซเรย์ เตียงผ่าตัดศัลยกรรม เป็นต้น ได้ย้ำให้ทุกจังหวัดจัดจ้างให้แล้วเสร็จภายใน 15 สิงหาคมนี้ โดยยึดตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด

ASTVผู้จัดการออนไลน์    5 กรกฎาคม 2556

6613
 “สุขุมพันธุ์” หน้าบาน กทม.เป็นที่หนึ่งเมืองน่าท่องเที่ยวที่สุดในโลก 4 ปีซ้อน พร้อมขอบคุณชาวกรุงที่ร่วมมือย้ำจะรักษามาตรฐานให้ดีและสูงขึ้นกว่าเดิม
       
       วันนี้ (5 ก.ค.) ที่ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงข่าวการรับรางวัล “กรุงเทพมหานครเมืองท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2556” “world’s Best City Award” ซึ่งได้รับรางวัลเมืองน่าท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งถือว่าเป็นครั้งที่ 5 ที่กรุงเทพฯได้รับรางวัล ด้วยคะแนนสูงสุด 90.40 จากนักท่องเที่ยวและผู้อ่าน เทรเวล แอนด์ เลชเชอร์ ขณะเดียวกัน กรุงเทพฯยังได้รับรางวัลเมืองอันดับ 1 ในเอเชียทุกๆ ปี
       
       จากที่กองบรรณาธิการนิตยสาร Travel&Leisure ได้จัดทำแบบสอบถามผู้อ่าน ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2555 - มีนาคม 2556 สำหรับการจัดอับดับ “world’s Best City Award” นักท่องเที่ยวได้ให้คะแนน 10 อันดับเมืองท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในโลก ดังนี้
1.กรุงเทพมหานคร คะแนนโหวต 90.40,
2 กรุงอิสตันบูล ตุรกี 89.96,
3 เมืองฟลอเรนซ์ อิตาลี 89.84,
4 เมืองเคปทาวน์ แอฟริกาใต้ 89.57,
5 กรุงเกียวโต ญี่ปุ่น 89.31,
6 กรุงโรม อิตาลี 89.09,
7 เมืองชาร์ลตัน เซาท์แคโรไลนา สหรัฐอเมริกา 88.65,
8 เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน 88.45,
9 กรุงปารีส ฝรั่งเศส 88.35 และ
10 เมืองเชียงใหม่ ประเทศไทย 88.15
       
       ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ปีนี้กรุงเทพมหานครได้รับรางวัลด้านการท่องเที่ยวหลายรางวัลด้วยกัน ประกอบด้วย รางวัลสุดยอดเมืองน่าเที่ยวของโลก ประจำปี 2556 (World’s Top Travel Hotapot) จากบัตรเครดิตมาสเตอร์การ์ด, รางวัลเมืองจุดหมายปลายทางยอดนิยมในทวีปเอเชีย จาก www.TripAdvisor.com และรางวัลเมืองท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในโลก (The World’s Best Award 2013) จากนักท่องเที่ยวและผู้อ่านนิตยสารเทรเวล แอนด์ เลชเชอร์ (Travel + Leisure) ซึ่งหมายความว่านักท่องเที่ยวมีความชื่นชอบกรุงเทพมหานคร และประเทศไทยอย่างแท้จริง โดยในช่วงที่ผ่านมากรุงเทพมหานครมุ่งส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวโดยดำเนินนโยบาย “กรุงเทพฯ เมืองยิ้ม” หรือ “Bangkok Smile” อันประกอบด้วย วัฒนธรรมประเพณีและอัธยาศัยไมตรีของผู้คน แม่น้ำเจ้าพระยา และลำคลองสายหลักต่างๆ อาหารไทยและตลาดสรรพสินค้า การแพทย์และสุขภาพแผนไทย ตลอดจนความคุ้มค่าของเงินตราที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจับจ่ายใช้สอย รวมทั้งหมด 5 ด้านหลักๆ โดยตนขอขอบคุณประชาชนและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่ร่วมกันดูแล ต้อนรับนักท่องเที่ยวจนทำให้ประเทศไทยและกรุงเทพฯเป็นเมืองน่าท่องเที่ยวในอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งหลังจากนี้คงต้องเป็นหน้าที่ของกรุงเทพฯและทุกภาคส่วนที่จะต้องรักษามาตรฐานด้านการท่องเที่ยว โดยเน้นให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัย ปลอดจากอาชญากรรม รวมถึงดูแลคุณภาพของอาหารด้วย
       
       “ทั้งนี้เมืองที่ยิ่งใหญ่ต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ เราจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้จุดอ่อนไปพร้อมๆ กัน กรุงเทพฯยังจำเป็นต้องได้รับการดูแลอีกหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องความสะอาด ผมอยากให้ชาว กทม.ร่วมกันรักษามาตราฐานไว้เช่นนี้ และอยากให้คุณภาพด้านการท่องเที่ยวสูงขึ้นตามลำดับ รวมทั้งมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น” ผู้ว่าฯ กทม.กล่าว

ASTVผู้จัดการออนไลน์    5 กรกฎาคม 2556

6614
น.พ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงนโยบายการบริหารจัดการงบประมาณ ว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ยึดตามยุทธศาสตร์และแผนงานเชิงรุกของรัฐบาลในการต่อต้านการทุจริต โดยเฉพาะเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างต้องมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยในปีนี้ได้จัดทำโครงการสร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติราชการ 1 กรม 1 ป้องกันโกง ได้กำหนดเรื่องความโปร่งใสให้เป็นตัวชี้วัดในการปฏิบัติราชการ ปี 2556 ของหน่วยงานส่วนกลางที่อยู่ในสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ทุกหน่วยด้วย
        ขณะเดียวกัน ได้จัดทำคู่มือประชาชนในการป้องกันการทุจริต และเปิดช่องทางรับแจ้งเบาะแสการทุจริตของหน่วยงานในสังกัด 3 ช่องทาง ได้แก่
1.ทางโทรศัพท์หมายเลข 02-590-1314 และ 02-590-2876-7
2. เว็บไซต์ศูนย์ประสานราชการใสสะอาด www.moph.go.th/ops/opct และ
3.ตู้ไปรษณีย์ ปณ.9 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข เพื่อดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงและลงโทษผู้กระทำผิดตามกฎหมายต่อไป

ASTVผู้จัดการออนไลน์    5 กรกฎาคม 2556

6615
เนื่องจากสองภาคแรกดูเหมือนผมจะตำหนิระบบเอาไว้เยอะ นะครับ ผมเองคิดว่าการที่เราเอาแต่ตำหนิผู้อื่นโดยบอกว่าไม่ดีอย่างนั้น ไม่ดีอย่างนี้ แต่บ่นเสร็จก็ไม่พูดอะไรต่อ ไม่แม้แต่แสดงความคิดเห็น หรือไม่แม้แต่ช่วยเสนอแนวทางแก้ไข ถ้าผมเป็นคนที่โดนตำหนิก็คงจะรู้สึกว่า เค้าผู้นั้นที่บ่นอยู่ มันเป็นใครนะ แล้วตัวมันเองดีแค่ไหนเหรอที่มาคอยตำหนิผู้อื่น ซึ่งผมเองพบว่าเดี๋ยวนี้สังคมไทยมีแต่คนพวกนี้เยอะมากครับ คนพวกที่ดีแต่ว่าคนอื่น แต่ไม่เคยคิดที่จะช่วยแก้ไข ไม่เคยช่วยแม้แต่จะหาทางออก สำหรับตัวผมเอง ผมถือคติที่ว่า เราไม่ควรทำตัวเองให้สูงขึ้น โดยการเหยียบย่ำคนอื่นให้ต่ำลง เพราะไม่อย่างงั้นสังคมไทยคงจะตกต่ำลงเรื่อย ๆ ครับเนื่องจากจะมีแต่คนที่คอยเหยียบย่ำผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา ผมก็เลยอยากจะนำเสนอแนวคิดของตัวผมเองเกี่ยวกับ ระบบสาธารณสุขของไทยให้ลองพิจารณากันดูครับ เผื่อว่าจะมีคนสนใจรับฟังและนำไปปรับปรุงระบบที่เป็นอยู่ให้มันดีขึ้นครับ

ประเด็นแรก เริ่มจากพื้นฐานของแนวคิดในการนำโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า มาใช้ในปี 2544 ครับ ผมเข้าใจดีครับว่าเงินงบประมาณหมด และต้องการจำกัดวงเงินไม่ให้บานปลาย คือเบิกจ่ายตามจริงมันเหมือนกับ เบิกได้ไม่อั้นน่ะครับ ถ้าขืนเป็นแบบนั้น รัฐบาลก็พังครับ แต่คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่ามันไม่เหมาะกับเรื่องสุขภาพและสาธารณสุขครับ เพราะอะไรรู้มั้ยครับ เพราะว่าวันพรุ่งนี้เราจะแก่กว่าวันนี้ นั่นคือร่างกายเราจะเสื่อมลงเรื่อย ๆ ทุกวันตามสัจจธรรมครับ ดังนั้นเมื่อ 12 ปีที่แล้วคนส่วนใหญ่มีสุขภาพที่แข็งแรงกว่าวันนี้ ความเจ็บป่วยก็จะน้อยกว่าวันนี้ ผลคือค่ารักษาพยาบาลเมื่อ 12 ปีก่อนย่อมต้องถูกกว่าวันนี้ แล้วท่านอัศวินดำทั้งหลายดัน(ทุรัง)มากำหนดเพดานหรือวงเงินให้เท่าเดิม ผมอยากทราบว่าใช้อะไรคิดครับ ใช้หัวคิดรึเปล่าครับหรือว่าใช้หัวแม่เท้าข้างซ้ายคิด นี่ยังไม่รวมภาวะเงินเฟ้อในแต่ละปี ยังไม่รวมค่าเครื่องมือแพทย์ ค่ายาตัวใหม่ ๆ ที่แพงขึ้นเรื่อย ๆ หรือแม้แต่ค่าเงินบาทที่ไม่แน่นอน เป็นผลที่ทำให้ประเทศไทย ต้องนำเข้ายาที่ราคาค่อนข้างสูง พูดง่าย ๆ คือ ถ้าใน 1 รอบนักษัตรที่แล้วตั้งวงเงินไว้ 60,000 ล้านบาท มาปัจจุบันหลังผ่านไป 12 ปี มันอาจจะต้องเป็น 90,000 ล้านด้วยซ้ำไปครับ ไม่ใช่ตั้งไว้เท่าเดิม แล้วอย่างนี้สาธารณสุขไทยจะพัฒนาได้อย่างไรครับ

ประเด็นที่สองเรื่องการกระจายเงินตามรายหัวประชากร ไม่ทราบว่าใช้ส่วนไหนคิดครับ ผมว่าคราวนี้ใช้หัวแม่เท้าข้างขวาคิดแหง ๆ ผมถามง่าย ๆ ว่า คนกรุงเทพ ที่ต้องใช้ชีวิตแบบเร่งรีบ แข่งกับเวลา สัมผัสกับมลพิษทางอากาศ เจอกับเรื่องเครียดในชีวิตแต่ละวัน กับ ชาวนา ชาวสวน ที่ทำไร่ ทำนา เดินออกกำลังกายทุกวัน ไม่ต้องเจอกับมลภาวะแบบคนกรุง ท่านคิดว่าจะเจ็บป่วยเท่ากันมั้ยครับ ถ้าคำตอบคือไม่เท่ากัน แล้วทำไมถึงใช้วิธีการกระจายเงินตามรายหัวเท่ากัน ทั้งประเทศล่ะครับ (ยังดีที่ปัจจุบัน สปสช. แบ่งเขตเฉพาะพื้นที่ส่วน กทม. เพิ่มขึ้น) เริ่มแนวคิดก็ดูไม่น่าจะเป็นไปได้แล้วครับ ในเมื่อปัจจุบันนี้ท่านมีข้อมูลการกระจายตัวของความเจ็บป่วยอยู่ในมือ เฉลี่ยตั้ง 12 ปีแล้ว ผมว่านำข้อมูลมาใช้เพื่อดูการกระจายตัวของความเจ็บป่วย และกำหนดวงเงินค่าใช้จ่ายในแต่ละพื้นที่ หรือแบ่งตามภาคดีมั้ยครับ

ประเด็นที่สาม ก่อนที่ท่านอัศวินดำจะคิดจำกัดงบโดยจ่ายให้ตามรายหัว ไม่ทราบว่าลืมคิดเรื่องนึงไปรึเปล่าครับ เรื่องที่ว่าก็คือ "ต้นทุนสุขภาพ" ครับ ลองคิดดูดี ๆ นะครับ คนไข้ 1 คน ป่วยด้วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ สุดท้ายต้องผ่าตัดเปลี่ยนเส้นเลือดหัวใจ มีค่าใช้จ่ายอย่างน้อยประมาณ 200,000 บาทต่อคน เค้าคงไม่ได้ป่วยในปี 2544 หรอกครับ เค้าป่วยมานานชาติเศษ ๆ แล้วครับ อาจจะตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว แต่ทันทีที่ท่านให้โอกาสรักษาฟรี คนส่วนใหญ่ที่มีต้นทุนสุขภาพไม่ค่อยดี (ติดลบเยอะเพราะมีโรคเรือรังอยู่เพียบ) ก็จะโผล่ขึ้นมาจากซอกหลืบที่ไหนก็ไม่รู้ครับ เพื่อมารับของฟรีตามนิสัยดั้งเดิม สุดท้ายวงเงินที่กำหนดให้ ในแต่ละปี ยังไงก็ไม่มีวันพอหรอกครับ ต่อให้เป็น 2 ล้านล้าน ที่จะกู้มาถลุงใหม่ก็ตาม เนื่องจากต้นทุนสุขภาพของคนกลุ่มนี้มันติดลบมากมายแทบไม่มีขีดจำกัด แล้วท่านคิดอย่างไรกับการจำกัดวงเงินตามรายหัวครับ ? ผมว่ามีทางออกสองทางนะครับ คือโรคเรื้อรังหรือโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง ท่านก็ควรจะปลดล็อคเรื่องของการเก็บเงินตาม DRG และยอมให้แต่ละโรงพยาบาลสามารถเรียกเก็บเงินกับท่านได้ตามจริงเถอะครับ วิธีนี้วงเงินของรัฐอาจบานปลาย แต่ผมว่านะครับ ถึงจะบานปลายแต่อย่างน้อยท่านต้องไม่ลืมว่าต้นทุนสุขถาพของประชาชนตั้นติดลบอยู่มากมายครับ ถ้าท่านรักษากลุ่มที่ติดลบได้ซัก 5 ปี ผมว่าต้นทุนสุขภาพคนไทยก็จะเริ่มดีขึ้นครับ หรือท่านจะไม่ทำอะไรเลยก็ได้ ต้นทุนสุขภาพก็จะดีขึ้นเช่นเดียวกัน เพราะคนที่ติดลบเยอะ ๆ ก็จะค่อย ๆ ตายไปจนหมดเนื่องจากไม่สามารถได้รับการรักษาอย่างเต็มประสิทธิภาพ เพราะถูกจำกัดวงเงินค่ารักษา หรือวิธีที่สองในการแก้ปัญหานี้คือ เพิ่มค่าหัวประชากรเข้าไปอีกครับ ผมว่าอีกสักเท่านึง คือรวมเป็น ซัก 120,000 ล้านบาท ก็อาจจะพอครอบคลุมในแต่ละปีได้ แต่ด้วยวิธีนี้ท่านก็จะเหลือเงินในคลังน้อยหน่อย เงินที่ท่านจะนำไปแบ่งกันใช้ก็จะต้องลดลง ท่านจะยอมมี้ยครับ ผมว่ายอมก็ดีนะครับ ถือว่าได้ทำบุญ

ประเด็นที่สี่ครับ ถ้าท่านไม่หาทางลดปัญหาต้นทุนสุขภาพ อีก 12 ปีข้างหน้าก็จะเจอปัญหาเดิมครับ คือคนเราแก่ขึ้นแถมเจ็บป่วยจากความเสื่อมมากขึ้นด้วย แล้วควรแก้ยังไงเหรอครับ ผมว่าไปส่งเสริมสุขภาพอย่างที่ทำนี่แหละครับ ดีแล้วเพียงแต่ทำให้มันจริงจังหน่อย ไม่ใช่ปล่อยให้กินเหล้า สูบบุหรี่กันตามใจชอบ ไม่ใช่ปล่อยให้กินตามใจปาก ถึงเวลาก็ให้ยาฟรีไม่จำกัด แบบนี้ประเทศชาติก็ล่มจมกีนพอดีครับ หัดสอนให้คนเค้าเข้าใจความสำคัญของการดูแลสุขภาพของตัวเองหน่อย ผมว่าถ้าทำได้ คนไทยทั้งประเทศจะมีสุขภาพที่ดีขึ้นอีกเยอะเลยครับ

ประเด็นที่ห้า ผมว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวกับจริยธรรมและคุณธรรม (ไม่ใช่ คุณ-น่ะ-ทำ ผมไม่ทำ) ของเหล่าท่านอัศวินดำทั้งหลายนะครับ ผมอยากพูดสั้น ๆ ว่า "เลิกซะทีได้มั้ยครับ ไอ้นโยบายประชานิยมเนี่ย" เสียดายที่ท่านมีอำนาจในการบริหารประเทศให้พัฒนาได้ ทั้ง ๆ ที่ท่านสามารถทำได้ทุกอย่าง แต่ท่านเลือกที่จะปกป้องเก้าอี้ของพวกท่านเอง เพื่อที่จะได้รับเลือกตั้งเข้ามารับใช้ประเทศชาติอีกในสมัยหน้า ผมว่าท่านห่วงพวกพ้องมากเกินไปครับ ผมมองว่าการบริหารประเทศจริง ๆ แล้วมันคือการเสียสละนะครับ บางครั้งท่านควรจะต้องทำในสิ่งที่ประชาชนไม่พอใจ เพื่อให้เค้าได้เรียนรู้ว่า ในชีวิตจริงไม่ได้มีคนคอยช่วยเหลือเค้าได้ตลอดเวลาเค้าต้องรู้จักหน้าที่ในการดูแลสุขภาพของตัวเองก่อนที่จะมาขอให้คนอื่นดูแลชีวิตของเค้านะครับ และอีกจุดประสงค์ของการบริหารประเทศ คือ บริหารให้ประเทศพัฒนาไปข้างหน้า ไม่ใช่กอบโกย ผลประโยชน์เข้าตัวท่านเองนะครับ ท่านอาจต้องยอมเป็นผู้ร้ายในบางครั้ง เพื่อให้ระบบมันพัฒนา งานนี้ผมว่าแถลงกับประชาชนไปเลยครับว่าท่านจำกัดวงเงินในด้านสาธารณสุข ตั้งแต่ 12 ปีที่แล้ว เนื่องจากท่านต้องใช้เงินทำอย่างอื่นหมด และก็เตือนประชาชนด้วยว่าถ้าพวกเค้าไม่ดูแลสุขภาพตัวเองซะบ้าง เวลาป่วยมาโรงพยาบาล ถ้าเค้าใช้สิทธิ์บัตรทอง ที่ไม่ใช่ เครดิตการ์ด เค้าจะได้รับการรักษาตามวงเงินที่ท่านกำหนดให้ แล้วก็ไม่ต้องใช้วิธีโยนความผิดมาให้พวกแพทย์อีกนะครับ ว่ารักษาไม่ดี พวกผมก็พยายามทำหน้าที่กันอย่างเต็มความสามารถกันอยู่แล้ว ที่จะรักษาคนไข้ภายใต้วงเงินที่จำกัดที่พวกท่านกำหนดไว้

ประเด็นที่หก ผมว่าเราควรเลือกระหว่างความถูกต้อง กับความพึงพอใจครับ เพราะความถูกต้องนั้นมักจะตามมาด้วยความไม่พอใจ การทำตามความถูกต้องจึงทำได้ยากกว่ามากมายนัก ผมหมายถึงเรื่องที่ประชาชนควรมีส่วนร่วมในการจ่ายค่ารักษาพยาบาลครับ พูดง่าย ๆ ก็คือ Co-payment นั่นแหละครับ เพราะความจริงก็คือ รัฐบาลไม่ได้มีเงินมากมายไม่จำกัด ในการรักษาคนไข้ ในเมื่อมีเงินจำกัด จึงไม่ควรปล่อยให้ประชาชนได้ใจ ทำร้ายตัวเองด้วยการกินเหล้า สูบบุหรี่ หรือแม้แต่กินตามใจปาก หรือทำตัวเลว ๆ แค่ไหนก็ได้ ยังไงซะตัวข้าก็ได้รับการรักษาฟรี ตัวอย่างจากข้าราชการก็มีให้เห็นแล้วนี่ครับ เบิกยาตัวเองไปให้คนข้างบ้านก็มี เบิกยาตัวเองหลาย ๆ โรงพยาบาลพร้อม ๆกันเพื่อเอาไปขายให้ร้านขายยาก็มี ท่านเห็นมั้ยครับว่า นิสัยของมนุษย์ก็คือ ยิ่งให้ ก็ยิ่งขอ ยิ่งไม่ให้ ก็ยิ่งเดินขบวน สุดท้ายก็ต้องให้ ผมว่ามันเหมือนการตามใจลูกมากเกินไป คนโบราณท่านอุตส่าห์สอนว่า "รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี" สุดท้ายเด็กมันก็จะเสียคนครับ โตขึ้นมามันก็จะมีความเห็นแก่ตัว ไม่รู้จักพอ เหมือนที่ท่านเคยเห็นผู้คนบางคนรอบตัวท่าน หรืออาจจะเป็นคนที่อยู่ในกระจกเงาที่บ้านท่านก็ได้ครับ แล้วพวกท่านอัศวินดำทั้งหลายที่มีอำนาจในการแก้ไขลูก ๆ ของท่านได้ ผมหมายถึงประชาชนนะครับ (ลูก ๆ ท่านจริง ๆ มันจะเป็นยังไง มันก็เป็นกรรมของท่านที่เลี้ยงดูมาครับ) ทำไมท่านไม่ทำสักทีล่ะครับ จะปล่อยไปถึงเมื่อไหร่ ถึงจะกล้าทำในสิ่งที่ควรทำ

ผมว่านโยบาย Co-payment จะทำให้คนไทยตระหนักว่า ถ้าชั้นกินเหล้า ถ้าชั้นสูบบุหรี่ มันจะทำให้ชั้นป่วย และเมื่อชั้นทำให้ตัวเองป่วย ขั้นก็ต้องจ่ายค่ารักษาตัวชั้นเอง ไม่มีใครมาคอยตามล้างตามเช็ดให้ชั้น ดังนั้น ถ้าชั้นไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ชั้นก็จะไม่ป่วยจากสาเหตุพวกนี้ ชั้นก็ไม่ตองเสียเงินของชั้นเอง ด้วยนโยบายแบบนี้ คนที่เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ก็จะต้อง ระวังสุขภาพตัวเองมากขึ้นครับ ผมเห็นมาจากคนไข้เบาหวานบางคนครับ ผมพูดว่า ถ้ากินตามใจปากแบบนี้ ปล่อยให้อ้วนแบบนี้ ครั้งหน้าลองจ่ายเงินเองดูมั้ยครับ จะได้รู้สำนึกซะบ้าง คิดแต่จะเอาเงินภาษีคนอื่น มาจ่ายค่ายาตัวเองทั้งชีวิตเหรอไงครับ หลังโดนด่าไปผมว่าเค้าคิดได้ครับ เริ่มคุมนำหนักได้ดีขึ้น แต่สุดท้ายก็ดีแตกอยู่ดี เพราะยังไงซะ " เค้าไม่ต้องจ่ายเงินให้กับความผิดของเค้านี่ครับ ความผิดที่ไม่รู้จักดูแลตัวเองไงครับ " ถ้าท่านคิดจะนำ Co-payment มาใช้จริงผมอยากเสนอว่าต้องแบ่งกลุ่มโรคครับ แบ่งง่าย ๆ เช่น กลุ่มโรคที่ทำตัวเองประชาชนต้องจ่ายเยอะหน่อยครับ กลุ่มโรคที่ไม่ได้เกิดจากการทำตัวเองก็ให้จ่ายน้อยหน่อย เพราะไม่ใช่ความผิดเค้า ยกตัวอย่าง เช่น คนที่เป็นโรคปอด เพราะสูบบุหรี่ ถ้ายังสูบบุหรี่คนไข้ต้อง co-pay ซัก 50 % แต่ถ้าเลิกบุหรี่ลดให้เหลือ 20 % หรือ คนไข้เบาหวานถ้ามาครั้งแรก อาจคิดแค่ 20 % แต่ถ้าปล่อยให้น้ำหนักขึ้น ต้องจ่ายเพิ่มเป็น 50 % เพราะไม่ควบคุมอาหาร หรือ คนไข้อุบัติเหตุจราจร เก็บแค่ 10 % แต่ถ้าอุบัติเหตุจากความประมาท ไม่ข้ามทางม้าลาย ไม่สวมหมวกกันน็อคก็ต้องจ่าย 50 % เป็นต้น

ผมมองว่าเราไม่ควรให้มี co-payment เท่ากันทุกโรคเพราะบางคนดูแลสุขภาพอย่างดี สุดท้ายก็เป็นมะเร็ง กลุ่มโรคพวกนี้ก็อย่าไปเก็บเค้าเยอะครับ คิดแบบการเก็บภาษีนั่นแหละครับ มีน้อยจ่ายน้อย มีมากจ่ายมาก แต่กรณีนี้คือ "ดูแลตัวเองน้อยจ่ายมาก ดูแลตัวเองมากจ่ายน้อย" ถ้าเป็นแบบนี้ รัฐบาลก็ไม่ต้องคอยมาโอบอุ้ม คนทั้งประเทศด้วยการดึงระดับมาตรฐานการรักษาให้ต่ำลงเท่า ๆ กัน แต่เป็นการยกมาตรฐานการรักษาให้ประชาชนได้รับการรักษาในแบบที่ควรจะเป็นนะครับ แต่ก็อีกนั่นแหละครับ รัฐบาลไหนจะยอมทำ เพราะบังเอิญเสียงส่วนใหญ่ที่ไม่เห็นด้วย ดันเป็นฐานเสียงของพวกท่านแถมซำร้ายกว่านั้นดันเป็นพวกที่กินเหล้าสูบบุหรี่และคอยแต่หวังจะพึ่งส่วนบุญจากคนอื่น ไม่อยากจะพูดว่าคนกลุ่มนี้แทบไม่ต้องเสียภาษีด้วยซ้ำ หรือเสียก็แค่ไม่กี่บาท แต่ค่ารักษาพยาบาลตกคนละหลายหมื่นบาทต่อปี แค่ทำให้เค้าคิดได้ว่าควรดูแลสุขภาพตัวเอง แค่นี้ผมว่าประเทศชาติก็จะมีเงินเหลือมากมายเอาไปพัฒนาในด้านอื่น ๆ แล้วครับ

ปล. ผมกำลังรออัศวินขาวตัวจริงที่ขี่ม้าขาว ไม่ใช่อัศวินดำขี่ม้าขาวที่มีแต่ความลับอันดำมืด จนไม่กล้าจะเปิดเผย ให้สาธารณชนได้รับรู้นะครับ

Ukris Utensute
4กค2556

หน้า: 1 ... 439 440 [441] 442 443 ... 651