แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - story

หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 534
46
สภาพัฒน์ จับตา 3 โรคร้าย คนไทยเสี่ยงเป็นซึมเศร้า-มะเร็งเต้านม-มะเร็งปอด พบชาว กทม.ป่วยเยอะสุด

เมื่อวันที่ 4 มีนาคม นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ รายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 4/2566 และภาพรวมปี 2566 ว่า ปัญหาด้านสุขภาพและการเจ็บป่วยไตรมาส 4/2566 การเจ็บป่วยด้วยโรคเฝ้าระวังมีจำนวนผู้ป่วย 3.4 แสนคน เพิ่มขึ้น 170% จากการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่และโรคไข้เลือดออก ดังนั้น จะมีการดูแลด้านการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหามากขึ้น สำหรับภาพรวมปี 2566 มีผู้ป่วยด้วยโรคเฝ้าระวังรวม 999,243 ราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 116.7% และจำนวนผู้ป่วยสูงสุดคือโรคไข้หวัดใหญ่

นายดนุชากล่าวว่า ขณะที่ส่วนที่ต้องให้ความสำคัญมากขึ้นคือสุขภาพจิตของคนไทย โดยไตรมาส 4/2566 คนไทยป่วยเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2565 จาก 12.92% เป็น 17.36% และภาพรวมปี 2566 เพิ่มสูงขึ้นจาก 12.81% ในปี 2565 เป็น 29.87% โดยมีปัญหาความเสี่ยงซึมเศร้ามากที่สุด

ดังนั้น เรื่องนี้ต้องให้ความสำคัญในการเฝ้าระวังการใช้ความรุนแรงของผู้ป่วยจิตเวช เพราะมีความเสี่ยงสูงในการก่อความรุนแรงในกลุ่มผู้ป่วยจิตเวช โดยปี 2566 ผู้ป่วยจิตเวชมีความเสี่ยงสูงต่อการก่อความรุนแรงจำนวน 9,639 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2565 อยู่ที่ 46.4%
นายดนุชากล่าวว่า ขณะเดียวกัน โรคมะเร็งเต้านมพบมากเป็นอันดับ 1 ของมะเร็งในผู้หญิงไทย ปี 2566 ผู้หญิงไทยป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านมจำนวน 40,297 ราย เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นเดียวกับจำนวนผู้เสียชีวิต ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ การถ่ายทอดทางพันธุกรรม ภาวะอ้วน การดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ และการไม่ออกกำลังกาย ดังนั้น ควรตรวจเต้านมด้วยตัวเองเป็นประจำ และหากพบในระยะแรกเริ่มมีโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้สูงถึง 95%

และปัญหาฝุ่น PM2.5 ต่อสุขภาพของประชาชน ปี 2566 คนไทยมีผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ 10.5 ล้านราย โรคที่พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นสูงสุดคือ โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง เพิ่มขึ้น 39.1% ซึ่งพบมากที่สุดในจังหวัดนครราชสีมา แล้วรองลงมาคือ โรคมะเร็งปอด ที่เพิ่มขึ้น 19.7% พบผู้ป่วยมากสุดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ ปี 2567 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-13 กุมภาพันธ์ พบผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศแล้ว 9.1 แสนราย

“ทางรัฐบาลมีมาตรการจะช่วยเหลือ เช่น การลดการเผา โดยเฉพาะการประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้าน หากดูภาพถ่ายดาวเทียม จุดความร้อนส่วนใหญ่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน แต่ในไทยเผาน้อยลงจากปีก่อนหน้า และต้องมีการดำเนินต่อเนื่องเพื่อลดปัญหานี้” นายดนุชากล่าว

นายดนุชากล่าวว่า สำหรับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ในไตรมาส 4/2566 การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่เพิ่มขึ้น 2.8% โดยการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น 4.9% ขณะที่การบริโภคบุหรี่ลดลง 0.7% สำหรับภาพรวมปี 2566 การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่เพิ่มขึ้น 2.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการฟื้นตัวของการบริโภคและการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ

“นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่ต้องติดตามและให้ความสำคัญคือ การปรับปรุงโครงสร้างภาษีสรรพสามิตในกิจการบันเทิงหรือหย่อนใจ ที่อาจดึงดูดให้มีการเปิดสถานบันเทิงเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้นักดื่มมีโอกาสเข้าถึงได้ง่ายขึ้นและการสูบบุหรี่ส่งผลต่อภูมิคุ้มกันและเพิ่มโอกาสการติดเชื้อ” นายดนุชากล่าว

มติชน
4 มีนาคม 2567

47
เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวที่ทำเอาชาวเน็ตต่างสนใจอย่างมาก เมื่อคุณครูสาวท่านหนึ่งได้ออกมาโพสต์ภาพการบ้านของนักเรียน เห็นคำตอบแต่ละข้อน้ำตาตกใน ดิ่งขั้นสุด ชาวเน็ตแห่เห็นใจทั้งโซเชียล โดยคุณครูท่านนี้ได้เผยหัวเรื่องในโพสต์ว่า 

"ใครอ่อนไหวเรื่องสิทธิเด็กเลื่อนผ่านไปค่ะ ไม่ต้องแวะ" และรายละเอียดทั้งหมดว่า ...แค่อยากบอกความรู้สึกในมุมของครูผู้สอนบ้าง เมื่อเจอครูใจดี ควรเกรงใจ ไม่ใช่มักง่ายจะทำอะไรก็ได้ แล้วคิดว่ายังไงครูก็ให้ผ่านอยู่แล้ว

(....เขียนคำตอบแบบอ่านไม่ออก เหมือนสักแต่ว่าเขียนส่งๆไป ไม่ตั้งใจเขียน....)
   
  ใครเคยเรียนกับครูจะรู้ว่าครูสุชญาไม่ใช่คนเรื่องมาก แต่แบบนี้มันเกินจะรับไหว รู้มั้ยว่าสิ่งที่นักเรียนบางคนทำ (ย้ำว่าบางคน) มันบั่นทอนความเป็นครูมากแค่ไหน นอกจากไม่ใฝ่รู้ใฝ่เรียน ไม่คิด ไม่อ่าน ไม่มีความเพียรแล้ว ระเบียบวินัยก็ไม่ผ่าน ความรับผิดชอบก็ไม่มี มารยาทก็ติดลบ แบบนี้จะเรียกตัวเองว่านักเรียน ได้ยังไง

ในฐานะครูคนหนึ่ง ครูได้ทำหน้าที่ของครูอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่มันคงไม่มากพอที่จะขัดเกลาบางคนให้ฉลาดหลักแหลมได้ แม้แต่ตัวเธอเองเธอยังไม่รัก ไม่พยายามทำเพื่อตัวเอง อย่างอื่นก็คงไม่ต้องพูดถึง

ขอเป็นอีกหนึ่งเสียงสนับสนุนให้โรงเรียนประกาศนโยบาย #เรียนซ้ำชั้น สักทีเถอะ อย่าปล่อยให้เด็กพูดต่อหน้าครูว่า “ไม่ทำ ไม่ส่ง เพราะยังไงก็ผ่านอยู่แล้ว” คนเป็นครูน้ำตาตกใน ดิ่งขั้นสุด ไฟมอดดับลงทุกวันเกาให้ถูกที่คัน ไม่ใช่สรรหาแต่คำมาบั่นทอนครูผู้สอน #ผู้ปกครองร้องเรียน บ้างหละ #ครูไม่ใส่ใจ บ้างหละ #ครูไม่ติดตามเด็ก บ้างหละ ยกเด็กขึ้นหิ้ง แล้วเหยียบครูให้จมดิน#การศึกษาไทย

Thainewsonline
4มีค2567

48
เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ มส.5 แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน วูบเส้นเลือดในสมองแตก ขณะดับไฟป่าในอ.แม่สะเรียง ล่าสุดอาการยังน่าห่วง นอนไอซียู

เมื่อวันที่ 4 มี.ค.67 นายเกษม คำมา ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 สาขาแม่ฮ่องสอน เดินทางเข้าเยี่ยม นายทวีศิลป์ กุณะ พนักงานจ้างเหมารายปี TOR ปฏิบัติหน้าที่ เจ้าหน้าที่ตรวจป่า ที่เข้ารับการรักษาตัวที่ โรงพยาบาลประสาทเชียงใหม่ หลังจากเกิดวูบเนื่องจากเส้นเลือดในสมองแตก ขณะทำการดับไฟป่าในพื้นที่รับผิดชอบเมื่อค่ำวานที่ผ่านมา ล่าสุด อาการตอนนี้ยังอยู่ในห้อง ICUภาพรวมดีขึ้น ต้องอยู่ห้อง ICU ประมาณ 3 วัน และย้ายพักฟื้นต่อในห้องปกติ

จากรายงาน จุดความร้อนประจำวันที่ 3 มีนาคม 2567 (เมื่อวานนี้) จำนวน 90 จุด, จุดความร้อนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 3 มีนาคม 2567 จำนวน 1,153 จุด สูงสุดที่อำเภอปาย จำนวน 646 จุด โดยเกิดขึ้นสูงสุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 760 จุด ส่งผลให้คุณภาพอากาศ ค่า PM 2.5 สถานีอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เท่ากับ 52.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐานเกิน 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ),

ค่า PM2.5 สถานีอำเภอแม่สะเรียง เท่ากับ 34.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐานเกิน 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง), ค่า PM2.5 สถานีอำเภอปาย เท่ากับ 68.2 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐานเกิน 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ)

สถานการณ์ไฟป่าของแม่ฮ่องสอน โดยรวมยังถือว่าไม่ลดลงและมีจุดไฟป่าเกิดขึ้นทุกวันต่อเนื่องมานับเดือนแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่พยายามประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ยุติการลอบเผาป่าหรือหาของป่า แต่ไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จเท่าใดนัก ทุกหน่วยงานต้องออกไปดับไฟป่าตลอดเวลา

ทั้งนี้ไฟป่าที่ตรวจพบจากดาวเทียมจะง่ายเข้าไปควบคุมไฟ เนื่องจากทราบพิกัดที่ชัดเจน แต่ไฟป่าที่เกิดและดาวเทียมยังไม่ตรวจพบ (วงรอบโคจรยังมาไม่ถึง) จุดไฟป่าพวกนี้จะไม่ค่อยมีใครพบเห็น ยกเว้นเป็นเวลากลางคืนที่จะเห็นแสงไฟลุกโชนบริเวณเทือกเขาต่างๆ แต่ก็เข้าไปดับยากเนื่องจากเป็นเทือกเขาสูงชัน

4 มี.ค.67
ข่าวสด

49
อุทาหรณ์! ชายอังกฤษดับ หลังทานวิตามินดีปริมาณสูง นาน 9 เดือน ทำเป็นพิษต่อร่างกายจนเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงาน กรณีทางการแพทย์ที่อาจเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวันของผู้ที่รักสุขภาพ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกำลังส่งสัญญาณเตือนเรื่องการทานอาหารเสริม หลังจากชายคนหนึ่งเพิ่งเสียชีวิตจากการกินวิตามินดีเกินขนาด

เดวิด มิทเชนเนอร์วัย 89 ปี เสียชีวิตในย่านชานเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ หลังจากรับประทานอาหารเสริมวิตามินดีในปริมาณสูงเป็นเวลาเก้าเดือน ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต การทดสอบพบว่าระดับวิตามินดีในร่างกายอยู่ที่ 380 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่ห้องปฏิบัติการบันทึกไว้ได้

การไต่สวนคดีการเสียชีวิตของนายเดวิดที่โรงพยาบาลอีสต์เซอร์เรย์พบว่า เดวิดเสียชีวิตด้วยอาการวิตามินดีเป็นพิษต่อ แคลเซียมในเลือดสูง รวมถึงภาวะหัวใจล้มเหลว ไตวาย และโรคหัวใจขาดเลือด ซึ่งเลือดไม่สามารถไหลเวียนไปยังอวัยวะได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกต่อไป
ดังนั้นสมาชิกของชุมชนการแพทย์ในท้องถิ่นกำลังถือโอกาสเตือนสาธารณชนถึงความเสี่ยงของการรับประทานอาหารเสริมทั่วไป

“ไม่มีคำเตือนบนหรือในบรรจุภัณฑ์ที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือผลข้างเคียงของการรับประทานอาหารเสริมวิตามินดี” เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพ โจนาธาน สตีเวนส์ เขียนในรายงานอย่างเป็นทางการ

ในแง่ของปริมาณการทานวิตามินดี ปริมาณที่แนะนำคือ 600 IU (15 ไมโครกรัม) สำหรับผู้ใหญ่ ซึ่งไม่ควรรับประทานวิตามินดี มากกว่า 100 ไมโครกรัม (4,000 IU) ต่อวัน เพราะอาจทำให้แคลเซียมในเลือดสูงและเป็นอันตรายต่อร่างกาย พร้อทั้งการรับประทานวิตามินดี 60,000 IU ขึ้นไปต่อวันเป็นเวลาหลายเดือนอาจทำให้เกิดการใช้ยาเกินขนาดได้

4 มีค 2567
ข่าวสด

50
อุทยานฯ เขาแหลม ประกาศปิดน้ำตกเกริงกระเวีย ชั่วคราว ปมน้ำน้อยเพราะปัญหาภัยแล้ง

เมื่อวันที่ 1 มีนาคม นายอภิสิทธิ สมบัติมาศ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า ด้วยอุทยานแห่งชาติเขาแหลมมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติจำนวนหลายแห่ง ซึ่ง น้ำตกเกริงกระเวีย ตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 323 (ทองผาภูมิ-สังขละบุรี) หลักกิโลเมตรที่ 232 ท้องที่หมู่ 4 ต.ปรังเผล อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ที่ผ่านมาน้ำตกเกริงกระเวียเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมและใช้บริการเป็นจำนวนมาก

แต่จากสถานการณ์ปัญหาภัยแล้งในปัจจุบันส่งผลให้ปริมาณน้ำในน้ำตกเกริงกระเวียมีปริมาณน้อย ไม่เพียงพอต่อการประกอบกิจกรรมต่างๆ ของนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาใช้บริการและพักผ่อนหย่อนใจ อาจส่งผลกระทบต่อความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวได้

ดังนั้น อุทยานแห่งชาติเขาแหลมพิจารณาแล้ว เพื่อเป็นการรักษาสภาพธรรมชาติ ระบบนิเวศทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเพื่อการบริการด้านการท่องเที่ยว จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 ประกอบระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชว่าด้วยการเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2563 ข้อ 3

จึงประกาศปิดแหล่งท่องเที่ยวน้ำตกเกริงกระเวีย ในอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ

แต่หากนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปที่ผ่านมาต้องการหยุดรถเพื่อพักผ่อนให้หายเพลียจากการขับรถระยะไกล ยังสามารถเข้ามาใช้บริการซื้อน้ำ หรือกาแฟ หรือนั่งเล่นที่ร้านสวัสดิการอุทยานแห่งชาติเขาแหลมและลานจอดรถบริเวณน้ำตกเกริงกระเวียได้ตามปกติ

© Matichon
1 มีนาคม 2567

51
สาวเตือนอุทาหรณ์ รพ.จ่ายยาผิด แม่กินมา 2 เดือนเพิ่งรู้ เอะใจทำไมแผงยาไม่เหมือนเดิม

วันที่ 2 มี.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีหญิงรายหนึ่งโพสต์เตือนภัยไว้เป็นอุทาหรณ์ลงในกลุ่ม “พวกเราคือผู้บริโภค” หลังโรงพยาบาลจ่ายยาผิดมาให้แม่กิน แต่เพิ่งรู้หลังผ่านมาแล้ว 2 เดือน โดยเธอเล่าว่า

โพสต์นี้…อยากฝากถึงทุกคนเลยค่ะ ซึ่งไม่คิดว่าจะเจอกับตัว นั่นคือการจ่ายยาผิดให้คนไข้ และความสะเพร่าของตัวเอง คุณแม่เป็นโรคเบาหวานค่ะ ซึ่งหน้าซองยาระบุไว้ชัดเจนว่า “ยาลดน้ำตาล” กินติดต่อกันมา 2 เดือน..คือเดือนมกรา-กุมภา

รอบล่าสุดไปหาหมอตามนัดเมื่อวาน ได้ยามาใหม่ เพิ่งสังเกตดูว่าทำไมแผงยาถึงไม่เหมือนเดิม เลยกลับไปถามหมอดู สรุป ได้ยาผิด แม่กินยาผิดมา 2 เดือน #ฝากพี่ๆ เช็คให้ละเอียดก่อนกินยาทุกตัวด้วยนะคะ #ปล.แม่ไม่มีอาการข้างเคียง หรือผิดปกติใดๆ นะคะ

พร้อมกับโพสต์ภาพเปรียบเทียบแผงยาที่ได้ครั้งก่อนกับแผงยาที่เพิ่งได้มาใหม่ โดยตัวยาคั้งก่อนเป็นยารักษาโรคเก๊าท์ นอกจากนี้ยังมีหลายคนแนะนำว่าควรเอาเรื่อง เพราะอาจจะเกิดอันตราย หรือผลข้างเคียงได้

ยาที่ต้องกิน   Glipizide 
ยาที่ให้ผิด    Colchicine

2 มี.ค. 2567
ข่าวสดออนไลน์

52
สามีภรรยาขี่ จยย.ตามหาลูกชาย โดนจับเสพยาบ้าต้องมารายงานตัวที่ศาลอุดรธานี หายสาบสูญไป 5 เดือน พร้อมอธิษฐาน “อุ๋งอิ๋ง เพชรบ้านแพง” ถ้าวาจาศักดิ์สิทธิ์จริง ขอให้เห็นลูก ก่อนพบนั่งในวัด ดีใจจนร้องไห้ แต่ลูกชายกลายเป็นคนเสียสติ จำใครไม่ได้แม้แต่พ่อแม่ตัวเอง

เวลา 12.30 น. วันที่ 2 มีนาคม 2567 ร.ต.อ.ถิรโยธิน ทรัพย์สินธ์ รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งจากนายธนิต สุคำภา 41 ปี นางสุภาวรรณ วงวิพา อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25 หมู่ 7 ต.บ้านชัย อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี มาตามหานายโชคชัย สุคำภา หรือหนึ่ง อายุ 24 ปี ลูกชาย ซึ่งเดินทางมารายงานตัวที่ศาลจังหวัดอุดรธานี ข้อหา เสพยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566 แต่หายตัวไป ไม่กลับบ้าน จึงได้ขี่รถจักรยานยนต์จากบ้านมาตามหาลูก และพบลูกอยู่ที่หน้าโบสถ์วัดมัชฌิมาวาส เขตเทศบาลนครอุดรธานี แต่ลูกจำพ่อแม่ไม่ได้ เหมือนคนเสียสติ จึงมาขอความช่วยเหลือตำรวจช่วยนำตัวไปรักษา

จากนั้น ร.ต.อ.ถิรโยธิน นำกำลังสายตรวจ 191 ไปที่หน้าโบสถ์วัดมัชฌิมาวาส แต่ไม่พบนายโชคชัย จึงได้ออกตามหา พบนายโชคชัยแต่งกายมอมแมม เดินถือถุงเก็บขวดพลาติกอยู่ถนนอุดรดุษฎี หน้าวงเวียนหอนาฬิกา จึงเข้าไปสอบถามแต่นายโชคชัยบอกว่าจำไม่ได้ ซึ่งนายโชคชัยบอกว่าทั้งสองคนไม่ใช่พ่อแม่ พอพ่อแม่ชวนกลับบ้านก็ไม่ยอมกลับ ด่าว่าพ่อแม่และตำรวจ พยายามวิ่งลงถนน ตำรวจ 4 นายตัดสินใจเข้าไปล็อกตัวขึ้นท้ายกระบะรถตราโล่เพื่อนำตัวไปบำบัดรักษา แต่นายโชคชัยก็พยายามขัดขืนพุ่งลงถนน เมื่อนายธนิต พ่อ ขึ้นไปนั่งบนท้ายกระบะด้วย นายโชคชัยก็ด่าทอและพยายามพุ่งจะเข้าทำร้าย สุดท้ายต้องให้นายธนิต มาขี่รถจักรยานยนต์ตามไปที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี

นายธนิต เล่าว่า ก่อนหายตัว ลูกชายโดนจับข้อหาเสพยาบ้า ศาลอุดรธานีให้มารายงานตัววันที่ 20 กันยายน 2566 ตนให้เงินลูกชาย 200 บาทเป็นค่าเดินทางมา จากนั้นลูกก็ไม่กลับบ้านอีกเลย เดือนแรกนึกว่าตำรวจจับตัวไว้ แต่พอผ่านเข้าเดือนที่ 2-3 ตนก็เห็นว่าผิดปกติ เพราะติดต่อไม่ได้ จึงได้ออกตามหาสถานที่ลูกเคยไปแต่ก็ไม่พบ ล่าสุดลงในเพจข่าวต่างๆ ซึ่งมีคนพบลูกชายเดินอยู่ห้างสรรพสินค้า แต่พอเรียกชื่อก็ไม่ขานตอบ วันนี้จึงชวนภรรยามาตามหาในเขตเทศบาลนครอุดรธานี โดยตามหาที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ แต่ไม่พบ จากนั้นก็เข้าไปในวัดมัชฌิมาวาส และพบลูกชายนั่งอยู่ศาลาหน้าโบสถ์ ตนและภรรยาดีใจจนร้องไห้ แต่ลูกจำพวกตนไม่ได้ ไม่ยอมรับว่าเป็นพ่อแม่ อาจจะเพราะเสพยา ก่อนหน้านี้ลูกชายหน้าตาดี เป็นคนขยัน ช่วยงานพ่อแม่ ไม่ก้าวร้าว ช่วงโควิดไปคบกับเพื่อนไม่ดี ชวนไปเสพยาบ้า หลังจากนั้นก็มีพฤติกรรมก้าวร้าว ไล่ตีพ่อแม่

“พอเห็นลูกก็ดีใจ ซึ่งไม่ได้บนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหน เพียงแต่เห็นในเพจหมอลำอุ๋งอิ๋ง เพชรบ้านแพง ว่าอธิษฐานขอกับอุ๋งอิ๋งจะได้ตามนั้น ขณะที่ขับรถมาก็ได้พูดขึ้นลอยๆ ว่า ถ้าอุ๋งอิ๋งวาจาศักดิ์สิทธิ์จริง ก็ขอให้พบลูกชาย ถ้าพบจะยอมรับนับถือ พูดเล่นๆ ซึ่งภรรยาก็ได้ยิน ส่วนตัวไม่เคยดูหมอลำสาวน้อยเพชรบ้านแพง ไม่ได้รู้จักอุ๋งอิ๋งเป็นการส่วนตัว เห็นคนอื่นพูดก็เลยลอง และก็พบลูกจริงๆ”

ส่วนนางสุภาวรรณ เล่าว่า สามีชอบ “อุ๋งอิ๋ง เพชรบ้านแพง” ขณะขี่รถจากบ้านเข้ามาตัวเมืองอุดรธานี สามีได้พูดว่า “น้องอุ๋งอิ๋งเอ๊ย ถ้าปาฏิหาริย์มีจริง ถ้าอิหล่าช่วยพ่อได้จริงๆ อิหล่าก็ให้พ่อตามหาอ้ายหนึ่งเจอ นายโชคชัย สุคำภา ส่วนตนบอกว่าไม่เชื่อว่าอุ๋งอิ๋งจะช่วยได้ ถ้าเจอจริงๆ ถึงจะเชื่อ” แต่พอขี่ผ่านวัดมัชฌิมาวาส อะไรมาดลใจไม่รู้ เลี้ยวเข้าไปในวัดเพื่อไปหาลูก และก็ไปพบลูกนั่งอยู่ศาลาหน้าโบสถ์ แต่ลูกจำพ่อแม่ไม่ได้ ต่อต้าน จนตนร้องไห้ ชวนลูกกลับบ้าน ลูกก็ไม่ยอมกลับ แถมถามย้อนคืนว่า “มาตามหากูทำไม กูไม่ใช่ลูกมึง มึงเป็นบ้าเหรอ กูว่ากูบ้าแล้ว มึงยังบ้ากว่ากูอีก อย่ามาร้องไห้ใส่กู” จึงบอกว่าแม่คิดถึงจึงมาตามหา ก่อนหน้านี้ลูกต่อต้านพ่อแม่ แต่ก็ยังจำพ่อแม่ได้ แต่ครั้งนี้ร้ายแรง จำพ่อแม่ไม่ได้เลย

2 มีค 2567
ไทยรัฐ

53
องค์การอนามัยโลก (WHO) และกลุ่มนักวิจัยระหว่างประเทศเปิดเผยผลการศึกษาชิ้นใหม่ที่อาศัยเก็บรวบรวมข้อมูลผู้คนมากกว่า 220 ล้านคนในกว่า 190 ประเทศ และมีการประมาณการว่า อัตราการเกิดโรคอ้วนในผู้ใหญ่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในช่วงปี 1990-2022 และเพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าตัวในเด็กและวัยรุ่นที่มีอายุระหว่าง 5-19 ปี

ขณะที่จากการวิเคราะห์พบว่า ในช่วงเวลาเดียวกันพบสัดส่วนของผู้ที่น้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐานในเด็กผู้หญิง เด็กผู้ชายและผู้ใหญ่ต่างลดลงราว 1 ใน 5 และ 1 ใน 3 ตามลำดับ

ทั้งนี้จากผลการศึกษาพบว่า โรคอ้วนได้เกิดขึ้นในผู้คนจำนวนมาก และพบบ่อยกว่าคนที่มีน้ำหนักน้อยกว่ามาตรฐานในประเทศส่วนใหญ่ รวมถึงประเทศที่มีรายได้น้อย และปานกลางที่เคยต่อสู้กับภาวะการขาดสารอาหารมาก่อนด้วย
ฟรานเซสโก แบรนกา ผู้อำนวยการฝ่ายโภชนาการขององค์การอนามัยโลก กล่าวว่าโรคอ้วน หรือโรคที่มีน้ำหนักตัวน้อยเกินไปถือเป็นภาระสองเท่าของภาวะทุพโภชนาการขณะที่ในอดีตเราอาจคิดว่าภาวะโรคอ้วนเป็นปัญหาของคนมีฐานะเท่านั้น แต่ปัจจุบันโรคอ้วนกลายเป็นปัญหาระดับโลกไปแล้ว

"อัตราโรคอ้วนได้เพิ่มขึ้นทุกประเทศ หรือเกือบทุกประเทศในโลก มีเพียงไม่กี่ประเทศเท่านั้นที่สามารถรักษาอัตราโรคอ้วนไว้ได้ที่ระดับเดียวกับเมื่อ 30 ปีก่อน แต่โดยทั่วไปแล้วมีการเพิ่มขึ้นอย่างมากในประเทศที่มีรายได้สูง และในประเทศที่มีรายได้น้อย ดังนั้นเราจึงเห็นการเพิ่มขึ้นอย่างมากของอัตราโรคอ้วนในแอฟริกาเหนือ ตะวันออกกลาง อเมริกาใต้ และในหมู่เกาะแปซิฟิก" แบรนกากล่าว

ผู้อำนวยการฝ่ายโภชนาการขององค์การอนามัยโลก  ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้น เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลง 2 อย่าง คือ ระบบอาหาร ณ ปัจจุบันที่มีอาหารแปรูรูป หรืออาหารที่มีการใช้ไขมัน น้ำตาล และเกลือสูง มากขึ้น และอาหารเหล่านี้มีราคาถูกลงมาก  และการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการออกกำลังกาย ของผู้คน

สำหรับคนที่ประสบปัญหาเป็นโรคอ้วนเสี่ยงต่อการเสียชีวิตและความพิการก่อนวัยอันควร เนื่องจากโรคดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และไตในระยะเริ่มแรก และปัญหาสุขภาพร้ายแรงอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนการมีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานอย่างรุนแรงอาจส่งผลเสียต่อพัฒนาการของเด็ก และภาวะที่รุนแรงที่สุดอาจทำให้ผู้คนอดอยากจนเสียชีวิตได้

PPTVHD36
2มีค2567

54
ท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาดแพร่กระจายทั่วโลก คำแนะนำเรื่อง ล้างมือ บ่อย ๆ เป็นสิ่งสำคัญที่ควรจะปฏิบัติอยู่เสมอเพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อ เมื่อลองย้อนดูประวัติศาสตร์ก่อนที่การล้างมือจะกลายมาเป็นเรื่องสำคัญอันเป็นที่ยอมรับในระดับสากลอย่างเช่นทุกวันนี้ ความจำเป็นและประโยชน์ของการล้างมือ เคยเป็นประเด็นที่ถูกโต้เถียงกันอย่างมากสำหรับวงการแพทย์

กว่าที่การล้างมือจะเป็นที่ยอมรับก็ใช้เวลาในการพิสูจน์อยู่ไม่น้อย หากย้อนเวลากลับไปในอดีต จะพบว่า “การล้างมือ” เคยเป็นพิธีกรรมที่ผู้คนในยุคกลางยึดถือปฏิบัติ รวมถึงยังเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการแสดงสถานะทางชนชั้นอีกด้วย

ผู้คนจำนวนไม่น้อยในยุคกลางได้รับการปลูกฝังและให้ความสำคัญเรื่องมารยาทและความสะอาดบนโต๊ะอาหาร เห็นได้จากภาพวาดในยุคกลางที่มักจะแสดงให้เห็นเหยือกน้ำ อ่างน้ำ และผ้าสำหรับเช็ดมืออยู่เสมอ

สิ่งเหล่านี้เป็นหลักฐานหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า ผู้คนรู้จักระเบียบมารยาท อย่างไรก็ตาม เดิมทีแล้ว สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นไปเพื่อสุขอนามัยที่ดีเป็นอันดับแรก เนื่องจากมันเริ่มต้นมาจากเรื่องของมารยาทและความสุภาพเป็นหลัก นอกจากนี้ ยังเป็นพิธีปฏิบัติที่แสดงถึงฐานะและอำนาจของแต่ละบุคคล

บทความของ Sarah Durn ในเว็บไซต์ของ National Geographic ที่อธิบายเรื่องชนชั้นสูงในยุคกลางใช้การล้างมือเป็นสัญญะในการแสดงสถานะทางอำนาจ Sarah เล่าถึงมารยาทและข้อปฏิบัติบนโต๊ะอาหารไว้ว่า ในยุคกลาง เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารจำพวกมีด ช้อน และส้อม เป็นของหายาก ผู้คนทั่วไปส่วนใหญ่มักรับประทานอาหารด้วยมือ

การล้างสิ่งสกปรกในแต่ละวันจึงเป็นเรื่องจำเป็น รวมถึงยังเป็นการแสดงความสุภาพ และความเคารพต่อผู้อื่น ดังข้อความที่ปรากฏใน Les Contenances de Table ซึ่งเขียนเกี่ยวกับมารยาทบนโต๊ะอาหารในศตวรรษที่ 13 ไว้ว่า “จงดูแลนิ้วและเล็บของคุณให้สะอาดเป็นอย่างดี”

ในบทความนี้ยังอ้างถึง Amanda Mikolic ผู้ช่วยภัณฑารักษ์ประจำฝ่ายศิลปะยุคกลางแห่งพิพิธภัณฑ์ศิลปะคลีฟแลนด์ (Cleveland) ในรัฐโอไฮโอ ซึ่งเธออธิบายเกี่ยวกับพิธีปฏิบัติก่อนรับประทานอาหารสำหรับชนชั้นสูงไว้ว่า ในบรรดาขุนนางหรือเหล่านักบวชจะมีการล้างหน้าเพิ่มขึ้นมานอกเหนือจากการล้างมือ
หากเป็นพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับกษัตริย์ พิธีปฏิบัติจะยิ่งซับซ้อนและประณีตมากเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกออกแบบมาอย่างละเอียด เพื่อแสดงถึงอำนาจและสถานะทางชนชั้นระหว่างบุคคลในยุคกลาง

โดยเฉพาะสำหรับบรรดาแขกของกษัตริย์ในยุคกลาง พวกเขาจะได้รับการต้อนรับด้วยบทเพลงอันไพเราะจากเหล่านักดนตรี จากนั้น พวกเขาจะถูกนำไปยังในห้องน้ำที่ประกอบไปด้วย “อ่างน้ำอันหรูหรา … ผ้าขนหนูสีขาวสะอาด และน้ำปรุงกลิ่นหอม” โดยแขกผู้มาเยือนจะทำความสะอาดมือของตน และที่สำคัญต้องคอยระวังไม่ให้ผ้าขนหนูสกปรก

นอกจากนี้แล้ว ผู้หญิงจะต้อง ล้างมือ มาก่อนที่จะมาถึง เพื่อให้แน่ใจว่า “เมื่อเอาผ้าขาวมาเช็ดมือ จะไม่มีเศษดินหรือคราบสกปรก [เปื้อนผ้าขาว] ซึ่งเป็นการพิสูจน์ถึงความบริสุทธิ์ของสุภาพสตรี”

จากนั้น เมื่อบรรดาแขกของกษัตริย์ได้เข้าไปนั่งในห้องโถงใหญ่เรียบร้อยแล้ว กษัตริย์จึงจะเข้าไป โดยบรรดาแขกผู้มาเยือนจะลุกขึ้นยืน ขณะที่กษัตริย์กำลังล้างทำความสะอาดพระหัตถ์ และเมื่อกษัตริย์ล้างพระหัตถ์เป็นที่เรียบร้อย ทุกคนจึงจะนั่งลง

สถานะทางอำนาจและชนชั้นที่ถูกแสดงออกผ่านพิธีปฏิบัตินี้ ยังควบคู่ไปกับข้าวของเครื่องใช้อันหรูหรา ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกันสำหรับชนชั้นสูงไม่ว่าจะเป็น สบู่ หรือ ภาชนะสำหรับ ล้างมือ

ในยุคกลาง เรียกได้ว่าเป็นยุคเปลี่ยนผ่านจากสบู่ประเภทที่ผลิตจากไขมันของสัตว์ที่นิยมเมื่อศตวรรษก่อน ๆ มาเป็น สบู่อเลปโป (Aleppo) ซึ่งถือว่าเป็นของที่มีราคาและดูมีคลาสสำหรับผู้คนในยุคกลาง

อเลปโป เป็นสบู่ที่ผลิตจากน้ำมันมะกอกและน้ำมันลอเรล ซึ่งถูกนำเข้ามายังยุโรปโดยชาวแซ็กซอน และจากนั้นไม่นาน ผู้คนทั่วยุโรปจึงเริ่มคิดค้นวิธีการทำสบู่อเลปโปด้วยสูตรของตนเอง โดยใช้น้ำมันมะกอกที่มีอยู่ตามท้องถิ่นของตน

นอกจากสบู่อเลปโปที่ดูดีมีคลาสแล้ว ความมั่งคั่งของเหล่าชนชั้นสูงยังถูกแสดงออกผ่านภาชนะที่หรูหราในครัวเรือน เช่น Aquamaniles (เหยือกน้ำ) และ Lavabos (ลักษณะคล้ายกาน้ำที่ถูกแขวนไว้) ภาชนะเหล่านี้จะบรรจุน้ำปรุงกลิ่นหอมที่ใช้สำหรับล้างมือไว้ และคนรับใช้จะมีหน้าที่เทน้ำปรุงกลิ่นหอมลงฝ่าบนมือของผู้รับประทานอาหาร

ภาชนะเหล่านี้มีล้ำค่ามากจน Jeanne d’Évreux ราชินีแห่งฝรั่งเศสและพระชายาของพระเจ้าชาร์ลที่ 4 ทรงนำ Aquamaniles มาใช้เป็นเครื่องประดับบนโต๊ะอาหารอันทรงคุณค่าของพระองค์

ประเพณีเหล่านี้อยู่คู่กับชาวยุโรปเรื่อยมาจนถึงศตวรรษที่ 18 เมื่อช้อนและส้อมเริ่มมีบทบาทบนโต๊ะอาหารมากขึ้น การล้างมือจึงเริ่มเป็นสิ่งไม่จำเป็น และจึงหลุดออกจากพิธีปฏิบัติบนโต๊ะอาหารในที่สุด โดย Mikolic ได้กล่าวว่า

“พิธีกรรมเกี่ยวกับการล้างมือเริ่มจางหายไปเมื่อเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร [ช้อน ส้อม ฯลฯ] เริ่มมีบทบาทมากขึ้น และแต่ละครัวเรือนเริ่มมีเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารสำหรับบรรดาแขกเหรื่อ”

รวมถึง “เมื่อคุณสามารถรับประทานอาหารได้ในขณะที่ยังสวมถุงมืออยู่” Mikolic กล่าว

นอกจากนี้ ในศตวรรษที่ 18 ยังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับการล้างมือ จากที่ก่อนหน้านี้เป็นเพียงพิธีปฏิบัติที่เกี่ยวกับมายาทและความสุภาพ จนเมื่อเกิดการตั้งข้อสันนิษฐานทางการแพทย์เกี่ยวกับการล้างมือโดย Ignaz Semmelweis นายแพทย์ชาวฮังการีประจำโรงพยาบาล Vienna General Hospital ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแพทย์ขนาดใหญ่ มีแบ่งแผนกตั้งครรภ์และคลอดบุตรออกเป็นสองวอร์ด คือ วอร์ดแรกสำหรับแพทย์และนักเรียน และอีกวอร์ดหนึ่งสำหรับพยาบาลผดุงครรภ์

Semmelweis ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับอัตราการเสียชีวิตหลังคลอดของมารดาในวอร์ดสำหรับแพทย์และนักเรียนที่สูงถึง 98.4 ต่อ 1,000 ซึ่งเกิดจากไข้หลังคลอด

Semmelweis พยายามตั้งข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิตหลังคลอดและพิสูจน์ข้อสันนิษฐานต่าง ๆ จนในปีค.ศ. 1847 Jakob Kolletschka เพื่อนร่วมงานของ Semmelweis ก็ทำให้เขาพบข้อมูลสำคัญ เมื่อ Kolletschka ได้กรีดนิ้วของเขาบนมีดผ่าตัดระหว่างการชันสูตรพลิกศพ และเกิดการติดเชื้อที่ทำให้เขาเสียชีวิต

Semmelweis สงสัยว่าอาจมีการติดเชื้อประเภทเดียวกันนี้ในแผนกสูติกรรมของแพทย์หรือไม่

แม้ว่าข้อสันนิษฐานของ Semmelweis จะยังไม่ถูกต้องเสียทีเดียว แต่การปฏิบัติต่อทฤษฎีของเขานั้นค่อนข้างเป็นไปในทิศทางที่เข้าท่าแล้ว เขาเริ่มสั่งให้แพทย์ในวอร์ดล้างมือด้วยปูนคลอรีนทุกครั้งหลังจากการชันสูตรพลิกศพ

จนในที่สุด ระหว่างปี ค.ศ. 1848 ถึง 1859 อัตราการเสียชีวิตของมารดาในวอร์ดสำหรับแพทย์ก็ลดลง เหลือระดับเดียวกับวอร์ดพยาบาลผดุงครรภ์ แต่ถึงแม้ว่า Semmelweis จะพยายามโน้มน้าวให้ผู้คนในวงการแพทย์ยอมรับในข้อปฏิบัติของเขา แต่ก็ใช่ว่าทุกคนทำตามข้อปฏิบัตินี้ง่าย ๆ ข้อปฏิบัติของเขาถูกปฏิเสธและไม่เป็นที่ยอมรับตลอดในช่วงชีวิตของเขา

กระนั้นก็ตาม Semmelweis ไม่ใช่คนเดียวที่พยายามต่อสู้เพื่อข้อเสนอนี้ ยังมีนายแพทย์ชาวอเมริกัน โอลิเวอร์ เวนเดลล์ โฮล์มส์ (Oliver Wendell Holmes) ซึ่งได้ตีพิมพ์บทความไว้ในในปี ค.ศ. 1843 โดยเสนอว่า มือที่ไม่สะอาดเป็นสาเหตุให้เกิดไข้หลังคลอดได้ แม้แต่ ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล (Florence Nightingale) พยาบาลชาวอังกฤษซึ่งถือเป็นผู้ก่อตั้งการพยาบาลสมัยใหม่ ยังได้เขียนไว้ในหนังสือ Notes on Nursing ที่เผยแพร่ในปีค.ศ. 1860 ว่า “พยาบาลทุกคนควรหมั่นล้างมืออยู่เป็นประจำในระหว่างวัน”

ถึงที่สุดแล้ว วงการแพทย์ก็ยังไม่สามารถเข้าใจในประโยชน์และความสำคัญของการล้างมือได้จริง ๆ จนกระทั่งมีการตีความทฤษฎีที่เกี่ยวกับเชื้อโรคและแบคทีเรีย ซึ่งเป็นทฤษฎีที่ว่าด้วยเรื่องการติดเชื้อจากจุลินทรีย์ที่ไม่อาจเห็นได้ด้วยตา

ทฤษฎีดังกล่าวได้รับการยอมรับและเป็นที่ประจักษ์ เมื่อโจเซฟ ลิสเตอร์ (Joseph Lister) ศัลยแพทย์ชาวอังกฤษ สามารถทำให้อัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยลดลงเป็นอย่างมาก โดยการผลักดันให้ศัลยแพทย์หมั่นล้างมือและฆ่าเชื้อเครื่องมือต่าง ๆ ที่ใช้กับผู้ป่วย การล้างมือจึงกลายเป็นเรื่องของสุขอนามัยที่จำเป็นต่อสุขภาพจากนั้นมาจนถึงทุกวันนี้

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 7 กรกฎาคม 2564
เว็บไซต์ศิลปวัฒนธรรม

2 มีค 2567

55
“จุลพันธ์” แจง ที่ราชพัสดุ ไม่เคยเรียกสิทธิการเช่าคืน ชี้ ระบบสิทธิการเช่า 3 ปี เพื่อไม่ให้ประชาชนเสียค่าธรรมเนียมมาก ยันสืบทอดถึงทายาทได้ ด้าน “ชนินทร์” อัด “พิธา” จะให้นำที่ดินของรัฐมาออกเป็นโฉนดหมดไม่ได้

เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 2 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่หนองวัวซอ รับฟังปัญหาที่ดินของประชาชน แล้วพูดถึงการให้สิทธิในการเช่าที่ดิน 3 ปีไม่ถือเป็นกรรมสิทธิ์ ทำให้ไม่มีความมั่นคงในชีวิตนั้น ล่าสุดนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความผ่าน x ชี้แจงเรื่องดังกล่าวว่า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับนโยบายมอบสิทธิการเช่าที่ดินสำหรับอยู่อาศัยและทำกินในการดูแลของกรมธนารักษ์ ผมขออนุญาตเพิ่มเติมรายละเอียดสิทธิประโยชน์ในการเข้าสู่ระบบเช่าของกรมธนารักษ์ดังนี้ครับ

พื้นที่ราชพัสดุถูกจัดสรรให้พี่น้องประชาชนได้ใช้ประโยชน์อย่างต่อเนื่องและยังไม่เคยเรียกคืนสิทธิการเช่า เว้นพื้นที่ติดภารกิจสำคัญทางราชการ เช่น ภารกิจทางทหารที่อาจเป็นอันตรายต่อประชาชน ก็จะไม่สามารถให้เช่าได้

ระบบสิทธิการเช่า 3 ปี เป็นการปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ หากจัดให้เช่ามากกว่าสามปี เช่น 30 ปี จะมีการต่ออายุสัญญาเช่าอย่างต่อเนื่องคราวละ 3 ปี เพื่อไม่ให้ประชาชนต้องเสียค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิการเช่าจำนวนมาก (ในกรณีเช่าคราวละเกิน 3 ปี)

สิทธิในการเช่าที่ดินราชพัสดุสามารถสืบทอดไปยังทายาทได้ ตั้งแต่ดำเนินการมารัฐยังไม่เคยเรียกคืนสิทธิการเช่า

มีอัตราค่าเช่าที่ต่ำ ดังนี้

สำหรับการเช่าเพื่ออยู่อาศัย เนื้อที่เช่าทั้งหมดไม่เกิน 100 ตารางวา คิดอัตรา 25 สตางค์/ตารางวา/เดือน เกินกว่า 100 ตารางวา คิดอัตราค่าเช่า 50 สตางค์/ตารางวา/เดือน
หากเช่าเพื่อการเกษตร เนื้อที่เช่าทั้งหมดไม่เกิน 50 ไร่ คิดอัตราค่าเช่า 20 บาท/ไร่/ปี เกินกว่า 50 ไร่ คิดอัตราค่าเช่า 30 บาท/ไร่/ปี กรมธนารักษ์จะยกเว้นค่าธรรมเนียมแรกเข้าทั้งหมด ยกเว้นค่าธรรมเนียมในการรังวัดทั้งหมด และเรียกเก็บหลักประกันสัญญาเช่าเท่ากับอัตราค่าเช่าเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น

ผู้เช่าจะได้รับการอำนวยความสะดวกและการดูแลจากรัฐในฐานะที่ดินเช่า มีการจัดการสาธารณูปโภคเพื่ออำนวยความสะดวก เช่น ไฟฟ้า น้ำประปา การขอทะเบียนบ้าน และการช่วยบรรเทาความเสียหายเมื่อเกิดเหตุอุบัติภัยต่างๆ เนื่องจากเป็นพื้นที่ในการกำกับดูแลของรัฐโดยตรง

ผู้เช่าสามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น เพราะสิทธิการเช่าที่ดินราชพัสดุสามารถนำไปเป็นหลักประกันเพื่อขอสินเชื่อจากธนาคารที่ดำเนินการโดยรัฐได้ เมื่อทำสัญญาเช่าที่ดิน จะมีการยกเว้นค่าเสียหายฐานบุกรุกที่ดินราชพัสดุให้ผู้ได้สิทธิเช่า เป็นการแก้ปัญหาข้อพิพาทระหว่างรัฐและประชาชนอย่างยั่งยืน

ด้านนายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่าน X ตอบโต้นายพิธา เช่นเดียวกัน ว่า คุณพิธาต้องเข้าใจว่า สิทธิทำกิน มีหลายประเภท จะคาดหวังให้นำที่ดินของรัฐมาออกเป็นโฉนดทั้งหมดไม่ได้ครับ

ทั้งนี้ที่ดินหนองวัวซอ ที่รัฐบาลส่งมอบ 9,000 ไร่ ให้ประชาชน ถึงแม้จะไม่ใช่ ‘กรรมสิทธิ์ขาด’ แต่ก็เป็น ‘สิทธิการเช่า’ ที่พี่น้องประชาชนได้ประโยชน์มากขึ้นแน่นอน ทั้งนี้การจะวิพากษ์วิจารณ์ต้องเข้าใจก่อนว่า ที่ดินหนองวัวซอ เป็นที่ดินธนารักษ์ (ของรัฐ) มาอยู่แล้ว แต่มีกองทัพเข้าไปใช้งาน

สิ่งที่รัฐบาลทำ คือเจรจาดึงสิทธิบนที่ดินกลับมา แล้วมาออกเอกสารสิทธิการเช่าให้ประชาชน มีที่ดินทำกิน “แบบถูกต้องตามกฎหมาย” ไม่ต้องบุกรุก ไม่ต้องมีข้อพิพาท

การเช่าจากรัฐครั้งนี้ เป็นการเช่า 3 ปี ต่อ 3 ปี ไปเรื่อยๆ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน และค่าเช่าถูกมากกกก

(จะให้โอนกรรมสิทธิ์ของรัฐให้เป็นที่ดินประชาชนโดยขาดไปเลย ก็อาจจะยังไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมในกรณีนี้)

สิทธิการเช่านี้ ใช้เป็นหลักทรัพย์ขอสินเชื่อได้ อาจจะไม่มากเท่ากรรมสิทธิ์ขาด แต่ก็เป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงทุนของประชาชน


ไทยรัฐ
2 มีนาคม 2567

56
ศิริราชมอบรางวัลแพทย์ดีเด่นในชนบทประจำปี 2565 ให้แก่ "นพ.เพียรศักดิ์ แซ่หว่อง" แพทย์ชำนาญการ รพ.สรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ริเริ่มโครงการต่อลมหายใจ กองทุนช่วยเหลือเด็กป่วย สู่การส่งผู้ป่วยเด็กกลับบ้านพร้อมเครื่องช่วยหายใจ วางแนวคิดก่อตั้ง รพ.เด็กสรรพสิทธิประสงค์แห่งแรกของเขตสุขภาพที่ 10

เมื่อวันที่ 1 มี.ค. ศ.นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล เป็นประธานงานแถลงข่าว “ประกาศผลพร้อมมอบรางวัลแพทย์ดีเด่นในชนบท ประจำปี 2565” พร้อม ผศ. นพ.สมุทร จงวิศาล ประธานคณะกรรมการคัดเลือกแพทย์ดีเด่นในชนบทโดย ศ.นพ.อภิชาตระบุว่า แพทย์ดีเด่นในชนบท ประจำปี 2565 คณะกรรมการฯ ได้คัดเลือกให้ นพ.เพียรศักดิ์ แซ่หว่อง นายแพทย์ชำนาญการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี เป็นผู้ได้รับรางวัลแพทย์ดีเด่นในชนบทของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ประจำปี 2565

ผศ.นพ.สมุทร กล่าวถึงการคัดเลือกแพทย์ดีเด่นในชนบท ว่า คณะกรรมการฯ มีการพิจารณาคุณสมบัติหลายประการ ประกอบด้วย การให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุข การบริหาร มนุษยสัมพันธ์ ความเสียสละ ความใฝ่รู้ในวิชาการ ความเป็นผู้นำที่ดี และมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม รวมทั้งระยะเวลาในการปฏิบัติงานทางการแพทย์ในชนบทติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี และไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นศิษย์เก่าแพทย์ศิริราช

สำหรับปี 2565 ได้มีการเสนอชื่อแพทย์ที่ปฏิบัติงานในชนบท ให้คณะกรรมการฯ พิจารณา จำนวน 11 คน จากนั้นจึงเดินทางไปเยี่ยมชมการปฏิบัติงาน โดยมีการสัมภาษณ์แพทย์ ผู้ร่วมงาน และผู้มารับบริการ ตลอดจนเยี่ยมชมผลงานและโรงพยาบาล ซึ่งเป็นการพิจารณาขั้นสุดท้าย เพื่อคัดเลือกแพทย์ที่มีความเหมาะสมที่สุด นอกจากนี้ยังนำผลงานแพทย์ที่เคยตรวจเยี่ยมและสัมภาษณ์เมื่อปีก่อนมาพิจารณาด้วย คณะกรรมการฯ สามารถคัดเลือกแพทย์ดีเด่นในชนบท ประจำปี 2565 ที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ อีกทั้งยังเป็นผู้อุทิศตนปฏิบัติราชการในจังหวัดห่างไกล รวมทั้งปรับแนวทางการดูแลผู้ป่วยในความเชี่ยวชาญอย่างครอบคลุมถึงครอบครัวและชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม นับเป็นการประยุกต์ใช้ความรู้ ความชำนาญ ให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการและทรัพยากรสุขภาพ เพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยและครอบครัวอย่างสุดความสามารถ มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาองค์กรและชุมชนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่บุคลากรและประชาชนในท้องถิ่นและพื้นที่ใกล้เคียงอย่างยั่งยืน เป็นแบบอย่างและเป็นแรงบันดาลใจที่ดีของการทำงานอย่างมีความสุขในทุกระดับการบริการสาธารณสุข

ผศ.นพ.สมุทรกล่าวว่า นพ.เพียรศักดิ์ แซ่หว่อง เป็นแพทย์ที่มีความรู้ความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นด้านการครองตน การครองคน และการครองงาน ยึดถือการปฏิบัติงานบนปณิธานที่จะใช้ศักยภาพของตนเองให้เกิดประโยชน์สูงสุด จากผลงานของแพทย์ท่านนี้ที่ประจักษ์สู่สาธารณชน เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าท่านเป็นผู้ใช้ศาสตร์ทางการแพทย์และศิลปะในเสียงเพลง เพื่อการต่อลมหายใจให้ผู้ป่วยได้อย่างแท้จริง จนเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแค่ในหน่วยบริการสาธารณสุขเท่านั้น แต่ยังคงใส่ใจประชาชนทุกหมู่เหล่า ทุกสถานะ ทุกเชื้อชาติ อย่างเท่าเทียมกันตลอดมา ดังนั้น คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล จึงมีมติให้ นพ.เพียรศักดิ์ แซ่หว่อง เป็นผู้รับรางวัลแพทย์ดีเด่นในชนบท ประจำปี 2565 เพื่อเป็นเกียรติประวัติ เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่แพทย์ท่านอื่นสืบไป

สำหรับรางวัลแพทย์ดีเด่นในชนบท ประกอบด้วย โล่เกียรติยศและเงินรางวัลจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล จำนวน 200,000 บาท บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน 50,000 บาท และบริษัท เทอรูโม (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 20,000 บาท

ประวัติ นพ.เพียรศักดิ์ แซ่หว่อง เกิดวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2515 จบการศึกษาปริญญาแพทยศาสตร์บัณฑิต ปี 2540 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (วิทยาเขตหาดใหญ่) , วุฒิบัตรสาขากุมารเวชศาสตร์ ปี 2546 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และวุฒิบัตรสาขาโรคระบบหายใจเด็ก ปี 2548 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่วนประวัติการทำงาน ปี 2540 - 2541 ตำแหน่ง นายแพทย์ 4 รพ.ตาลสุม จ.อุบลราชธานี , ปี 2542-2548 ตำแหน่ง นายแพทย์ 5 - 6 รพ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ปี 2549 - ปัจจุบัน ตำแหน่ง นายแพทย์ 7 (ชำนาญการ) ด้านเวชกรรมสาขากุมารเวชกรรม รพ.สรรพสิทธิประสงค์

ผลงานดีเด่น ปี 2549 โครงการต่อลมหายใจ (Home Ventilator) และกองทุนช่วยเหลือเด็กป่วย โดยเป็นตันแบบและพัฒนางานไปสู่การเป็น Home Ventilator Center ในระดับภูมิภาค รวมถึงสร้างเครือข่ายความร่วมมือในระดับนานาชาติ สามารถส่งผู้ป่วยเด็กกลับบ้านพร้อมเครื่องช่วยหายใจได้เป็นรายแรกของ สปป.ลาว ในปี 2561 โดยปัจจุบันมีผู้ป่วยในโครงการต่อลมหายใจที่สามารถกลับบ้าน พร้อมเครื่องช่วยหายใจและอยู่ในความดูแลต่อเนื่องร่วมกับเครือข่ายทั่วประเทศ จำนวนมากที่สุดในไทย คือ 42 ราย

ปี 2563 วางแนวคิดและร่วมก่อตั้ง “รพ.เด็กสรรพสิทธิประสงค์” ซึ่งเป็นการพัฒนาพื้นที่การใช้งาน รพ.สนามเดิมของ รพ.สรรพสิทธิประสงค์ หลังจากการรองรับผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพื่อพัฒนาศักยภาพของบุคลากร และแก้ไขปัญหาความแออัดของหอผู้ป่วยเด็กใน รพ.ศูนย์ “รพ.เด็กสรรพสิทธิประสงค์” สามารถเปิดให้บริการเป็น รพ.เด็กแห่งแรกในเขตบริการสุขภาพที่ 10 และในระดับภูมิภาค ภายในไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ 2564

นพ.เพียรศักดิ์ แซ่หว่อง ได้รับการเรียกขานว่า “หมอนักร้อง” เนื่องจากได้ประพันธ์เพลง ขับร้อง และจัดคอนเสิร์ตการกุศลอยู่เสมอ เพื่อหาทุนช่วยเหลือผู้ป่วยและชุมชน นอกจากนี้ยังเป็นนักพูด นักเขียน นักกิจกรรม ในหัวข้อ “เรื่องเล่าเร้าพลัง (Empowerment)” และเขียนหนังสือ “หน้าต่างความดีงาม” เพื่อเผยแพร่มุมมอง และทัศนคติในการดำรงชีวิตอย่างมีคุณค่าต่อสังคม เพื่อหาทุนในการจัดกิจกรรม ได้แก่ ก่อตั้งหน่วยโรคระบบทางเดินหายใจเด็กและกองทุน โครงการมีชีวา

อีกทั้งยังเป็นแบบอย่างที่ดีและรักษาภาพลักษณ์ของทางราชการ โดยตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2559 จนถึงเดือนมีนาคม 2564 นพ.เพียรศักดิ์ แซ่หว่อง ได้รับเชิญจากหน่วยงานต่างๆ ให้เป็นวิทยากรในหน่วยงานภาครัฐและเอกชน จำนวน 215 ครั้ง ซึ่งมีผู้ฟังมากกว่า 50,000 คน รวมถึงเป็นผู้มีทักษะในการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ โดย ปี 2562 จ.อุบลราชธานีประสบอุทกภัย นพ.เพียรศักดิ์ แซ่หว่อง เสียสละโดยการลงพื้นที่ บริจาคเงินส่วนตัว และเครื่องอุปโภคบริโภค ภายหลังที่สถานการณ์คลี่คลายลง ได้จัดคอนเสิร์ตร่วมกับ ม.ราชภัฏอุบลราชธานีและเครือข่ายทางสังคม เพื่อขอบคุณทุกหน่วยงานที่เข้าช่วยเหลือ พร้อมทั้งเปิดช่องทางการสื่อสารผ่าน YouTube เพื่อเผยแพร่ภาพประกอบบทเพลง “ลมหายใจ” ปี 2563 ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 นพ.เพียรศักดิ์ แซ่หว่อง ได้เผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ผ่านสื่อออนไลน์ในท้องถิ่นอย่างสม่ำเสมอและเผยแพร่มิวสิกวิดีโอ ทาง YouTube นั่นคือ เพลง หมอขอร้อง “โคโรน่าออกไป” ซึ่งดัดแปลงจากเพลง “I will survive”

นอกจากนี้ นพ.เพียรศักดิ์ แซ่หว่อง ยังได้รับเกียรติจาก สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) หรือ HA Thailand ให้จัดแสดงมินิคอนเสิร์ต “นักรบเสื้อขาว เธอผู้ไม่ยอมแพ้” เพื่อให้กำลังใจแก่บุคลากรสาธารณสุข และอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ทั่วประเทศไทย ที่ได้ร่วมมือกันเพื่อต่อสู้กับเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ซึ่งมีผู้รับชมการถ่ายทอดสดมากกว่า 10,000 คน

สำหรับรางวัลแพทย์ดีเด่นในชนบท ก่อตั้งเมื่อปี 2516 เพื่อเชิดชูเกียรติแพทย์ผู้อุทิศตนปฏิบัติหน้าที่ในชนบท และมีส่วนสำคัญในการพัฒนาบริการทางการแพทย์และงานส่งเสริมสุขภาพในพื้นที่ให้เจริญก้าวหน้า เป็นแบบอย่างที่ดีแก่เพื่อนร่วมวิชาชีพและนักศึกษาแพทย์ โดยเฉพาะบัณฑิตแพทย์ที่ต้องออกไปปฏิบัติงานในชนบท ให้มีทัศนคติที่ดีและมองเห็นคุณค่าของการทำประโยชน์สูงสุดแก่ชุมชนและสังคมในชนบท

รางวัลนี้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยที่แพทย์ผู้รับรางวัลจะได้รับเกียรติให้แสดงปาฐกถาอุดม โปษะกฤษณะ เพื่อเป็นเกียรติและอนุสรณ์แด่ ศ.เกียรติคุณ นพ.อุดม โปษะกฤษณะ อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขท่านเป็น “ครูแพทย์” ที่สำคัญของศิริราช ที่มีความรู้อย่างกว้างขวางลึกซึ้งในวิทยาการหลายสาขา เป็นผู้ที่เอาใจใส่ ดูแล สนับสนุนและส่งเสริมการปฏิบัติงานของแพทย์ไทยในชนบทอย่างดีตลอดมา แม้ว่าท่านจะครบเกษียณอายุราชการแล้ว ท่านยังไปเยี่ยมเยียน เป็นกำลังใจ และเป็นที่ปรึกษาแก่แพทย์ที่ทำงานในชนบท โดยเฉพาะการถ่ายทอดความรู้ทักษะในการทำผ่าตัดต่าง ๆ ต่อมาเป็นเวลาหลายปี นามของท่านจึงสมควรปรากฏเพื่อเป็นตัวอย่างอันดีแก่บุคคลรุ่นหลังสืบไป โดยบรรดาศิษย์และญาติมิตรของท่านอาจารย์ได้ร่วมกันบริจาคเงินจำนวนหนึ่งก่อตั้ง “ทุนศาสตราจารย์นายแพทย์อุดม โปษะกฤษณะ” ใช้ดอกผลดำเนินงานเกี่ยวกับ “ปาฐกถาอุดม โปษะกฤษณะ” และเป็นรางวัลแก่แพทย์ดีเด่นในชนบท


2 มี.ค. 2567  ผู้จัดการออนไลน์

57
ปัจจุบัน “ขยะทะเล” เป็นปัญหาที่สร้างวิกฤติให้กับสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะขยะพลาสติกที่มักไม่ได้รับการจัดการ หรือทำลายให้ถูกต้องเหมาะสม ประมาณ 10 – 15% ของขยะพลาสติกทั้งหมด มีโอกาสไหลลงสู่ทะเลผ่านทางแม่น้ำลำคลอง ทำให้ขยะพลาสติกที่ตกค้างเหล่านี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อ ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึงสัตว์ทะเล

ขยะพลาสติกเหล่านี้ล้วนเป็นอันตรายต่อการดำรงชีวิตของสัตว์ทะเลมากที่สุด โดยเฉพาะเต่าทะเล โลมา และวาฬ ส่งผลให้สัตว์เหล่านี้เสียชีวิตจากสาเหตุขยะพลาสติกเข้าไปอุดตันในกระเพาะอาหารทำให้ร่างกายของพวกมันทำงานไม่ได้ จนเสียชีวิตในที่สุด

นอกจากขยะพลาสติกจะมีผลกระทบต่อสัตว์น้ำแล้ว มนุษย์ก็อาจได้รับผลกระทบจากขยะทะเลด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อสัตว์น้ำกินเศษขยะหรือมีเศษขยะขนาดเล็ก ที่เรียกว่า “ไมโครพลาสติก” เข้าไปในร่างกาย เมื่อมนุษย์บริโภคสัตว์น้ำเป็นอาหาร ได้รับปริมาณไมโครพลาสติกที่มากขึ้นในทุกๆ วัน ก็อาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้  การติดตั้งทุ่นดักขยะ เพื่อลดปริมาณขยะที่ไหลลงสู่แม่น้ำท่าจีนและอ่าวไทย เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการแก้ปัญหาขยะในทะเล

ธ.กรุงเทพ ติดตั้งเครื่องมือดักขยะในทะเล
“กอบศักดิ์ ภูตระกูล” กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารได้เริ่มต้นดำเนินโครงการ ‘Bualuang Save the Earth : รักษ์ท่าจีน’ เพื่อร่วมดำเนินการแก้ไขปัญหาขยะในแม่น้ำท่าจีน ซึ่งเป็น 1 ใน 5 แม่น้ำสายหลักที่ไหลลงสู่ทะเลอ่าวไทย โดยในปัจจุบันได้เริ่มดำเนินงานในระยะที่ 1 อย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด ได้ร่วมกับหน่วยงานราชการท้องถิ่น ประชาชน และชุมชนในพื้นที่ ได้แก่ จังหวัดสมุทรสาคร ติดตั้งเครื่องมือดักขยะในพื้นที่นำร่องบริเวณคลองหลวงสหกรณ์ และคลองพิทยากรณ์ ตำบลโคกขาม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร หลังจากศึกษาข้อมูลและสำรวจพื้นที่ร่วมกันพบปัญหาขยะจำนวนมากที่ไหลจากชุมชนต่างๆ มารวมบริเวณนี้ก่อนจะถูกกระแสน้ำพัดพาออกปากแม่น้ำท่าจีนและอ่าวไทย

ดักขยะไหลลงแม่น้ำลำคลอง
เครื่องมือดักขยะที่ติดตั้งในครั้งนี้ประกอบด้วย 3 ประเภทเครื่องมือ ได้แก่ ทุ่นดักขยะ (Boom) ผลิตจากพลาสติก HDPE สีเหลือง ขนาด 0.35x0.50 เมตร พร้อมตาข่ายความยาว 15 เมตร และลึกลงไปจากผิวน้ำ 50 เซนติเมตร อายุการใช้งาน 5-7 ปี กระชังไม้ไผ่ดักขยะ เป็นโครงไม้ไผ่ติดอวน ขนาด 3x3 เมตร อายุใช้งาน 3-5 ปี และเครื่องมือดักขยะแบบปักหลัก เป็นโครงไม้ไผ่ผูกอวน ขนาด 5x10 เมตร อายุใช้งาน 3-5 ปี ซึ่งเครื่องมือทั้ง 3 ประเภทเหมาะสมกับสภาพกระแสน้ำ สามารถรองรับกระแสน้ำขึ้นน้ำลงได้ จะเป็นตัวช่วยดักขยะที่ไหลมาตามน้ำไม่ให้ไหลต่อลงสู่แม่น้ำท่าจีนและทะเลอ่าวไทย

ติดตั้ง “น้องจุด” หรือ ฉลามวาฬพี่ใหญ่แห่งท้องทะเล เป็นที่พักขยะแบบถาวร สำหรับพักขยะประเภทขวดพลาสติก ทั้งจากการดักจับบนผิวน้ำและเกิดขึ้นบนบก ซึ่งขวดพลาสติกเครื่องดื่มเป็นหนึ่งในขยะทะเลที่ถูกพบมากในประเทศไทย โดยจะตั้งวาง “น้องจุด” ไว้ 2 จุดในบริเวณลานวัดสหกรณ์โฆสิตาราม ซึ่งเป็นพื้นที่การจัดกิจกรรมและตลาดนัดเป็นประจำ

ทั้งนี้ อุปกรณ์ทุกประเภทดังกล่าวจะมีเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เข้ามาดูแลเป็นประจำ โดยตักขยะเพื่อนำไปคัดแยกและรีไซเคิล ส่วนขยะที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้แล้ว หรือขยะกำพร้า จะถูกส่งไปทำเชื้อเพลิงทดแทนให้เกิดประโยชน์ต่อไป

กอบศักดิ์ กล่าวว่านอกจากการติดตั้งเครื่องมือดักขยะแล้ว คณะทำงานยังได้เริ่มดำเนินงานตามแผนในระยะ 2 โดยจัดกิจกรรมร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อสร้างความตระหนักรู้และปลูกฝังในเรื่องการคัดแยกขยะในครัวเรือนให้แก่ชุมชน และโรงเรียนต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และต่อยอดสู่การเพิ่มมูลค่าและเป็นรายได้ให้แก่ครอบครัว

 “เมื่อชุมชนเริ่มมีองค์ความรู้และขยะที่คัดแยกออกมาได้มีปริมาณที่มากขึ้น ธนาคารจะเริ่มพัฒนาและต่อยอดสู่การก่อตั้งโครงการธนาคารขยะในชุมชนต้นแบบ ให้ประชาชนและบริษัทรับซื้อ เข้ามาแลกเปลี่ยนซื้อขายขยะในพื้นที่ เพื่อให้จัดการขยะได้อย่างครบวงจรและมีประสิทธิภาพและเกิดความยั่งยืน”

ทั้งนี้แม่น้ำท่าจีน เป็น 1 ใน 5 แม่น้ำสายสำคัญที่จะไหลลงสู่ทะเล และพบปัญหาขยะที่มีมากกว่า 14 ล้านชิ้น หรือประมาณ 148 ตันต่อปี เป็นเรื่องใหญ่มาก ต้องเร่งกำจัดขยะเหล่านี้ออกให้เร็วที่สุด ควบคู่กันก็คือ ต้องสกัดไม่ให้ขยะใหม่ไหลลงไปสร้างปัญหาเพิ่มขึ้น อันเป็นที่มาของการติดตั้งเครื่องมือดักขยะ  โดยจะมีการบันทึกข้อมูลเพื่อวัดปริมาณขยะแต่ละประเภทและวิเคราะห์ที่มาของขยะ เพื่อจะได้เข้าใจปัญหาอย่างชัดเจนและแก้ไขไปจนถึงต้นเหตุที่แท้จริงของปัญหา แก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความยั่งยืน

พิทักษ์ธรรมชาติและประชาชน
วสันต์ แก้วจุนันท์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ตำบลโคกขาม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร และผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ตำบลโคกขาม มากว่า 37 ปี กล่าวว่า การติดตั้งเครื่องมือดักขยะตามแผนงานโครงการ ‘Bualuang Save the Earth : รักษ์ท่าจีน’ จะช่วยแก้ไขปัญหาขยะที่จะไหลลงสู่ทะเลได้เป็นอย่างดีและเห็นผลเป็นรูปธรรมมากขึ้น

เนื่องจากในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา พื้นที่เมืองเริ่มขยายตัวมากขึ้น มีหมู่บ้านจัดสรรและโรงงานเพิ่มขึ้น ตามมาด้วยปัญหาขยะและน้ำเสียที่ไหลลงแม่น้ำลำคลอง กระทบต่อสภาพแวดล้อมทั้งส่งผลให้พื้นที่การทำประมงและพื้นที่ธรรมชาติถูกรุกล้ำมากขึ้น ชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งส่วนใหญ่ทำอาชีพประมงชายฝั่ง หรือการทำวังกุ้ง ก็ทำได้ลำบาก หาลูกกุ้งธรรมชาติได้ยากมากขึ้น หรือแม้แต่การลงเล่นน้ำในคลองก็ทำไม่ได้ เพราะน้ำไม่สะอาด

“หวังว่าการติดตั้งทุ่นดักขยะ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ช่วยดักขยะไม่ให้ไหลลงสู่ชายฝั่งและทะเล ที่เป็นหนึ่งในต้นเหตุสำคัญของปัญหา จากนั้นคงต้องช่วยกันฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและชายฝั่ง พวกลูกกุ้งธรรมชาติจะได้เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันเมื่อมีการส่งเสริมความรู้เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกในการดูแลสิ่งแวดล้อมให้กับเยาวชนอย่างต่อเนื่อง ก็เชื่อว่าเมื่อเด็กมีนิสัยที่ดีติดตัว ก็จะช่วยเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้นได้ในอนาคต” 

Bangkokbiznews
1 มีค 2567

58
สื่อนอกเกาะติดข่าว กรณีแพทย์หญิงชาวไทยเสียชีวิตจากการแพ้อาหารรุนแรง หลังทานข้าวที่ร้านอาหารในดิสนีย์เวิลด์ แม้ย้ำร้านหลายรอบ ด้านสามีไม่ทนยื่นฟ้องชดใช้

เว็บไซต์ต่างประเทศ รายงานว่า สามีของแพทย์หญิงชาวไทยในสหรัฐ ไม่ทนยื่นฟ้องดิสนีย์เวิลด์ หลังภรรยาเสียชีวิต เนื่องจากแพ้อาหารอย่างรุนแรง รวมทั้งกล่าวหาทั้งดิสนีย์รีสอร์ทและร้านอาหารที่ฟลอริดาประมาทเลินเล่อ ทั้งที่แจ้งร้านหลายรอบ เป็นเหตุให้ภรรยาถึงแก่ชีวิต

ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น เผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 66 ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในดิสนีย์ สปริงส์ เสิร์ฟอาหารที่มีสารก่อภูมิแพ้ให้กับ พญ.กนกพร วัย 42 ปี จากศูนย์การแพทย์แลนกอน มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ทั้งที่เธอและสามีได้ย้ำกับทางร้านมีอาการแพ้อาหารอย่างรุนแรง และไม่สามารถบริโภคอาหารที่มีสารก่อภูมิแพ้ได้

โดยทั้งคู่สั่ง ข้าวโพดทอด หอยเชลล์ บล็อคโคลี่ และหอมทอด และได้ถามย้ำกับพนักงานที่รับออเดอร์ว่ามีสารก่อภูมิแพ้ไหม และก็ได้รับคำตอบแบบเดิม แต่เมื่อมีอาหารบางจานที่มาเสิร์ฟโดยไม่มีธงจิ๋วปักอาหารว่าเป็น“เมนูปลอดสารภูมิแพ้” ทั้งพญ.และสามีได้ถามพนักงานอีกครั้ง แต่ก็ได้รับคำตอบแบบเดิมว่า ‘รับประทานได้’

ภายหลังไม่นาน พญ.กนกพร เริ่มมีอาการไม่สู้ดี เธอรู้ตัวว่ากำลังเกิดอาการแพ้อาหารอย่างรุนแรง  จึงหยิบเข็มฉีดยา แก้แพ้ ที่พกติดตัวมาด้วยฉีดเข้าร่างกาย แต่อาการไม่ดีขึ้น สุดท้ายเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในรัฐฟลอริดา ทางด้านผลชันสูตรของทางแพทย์พบระดับของนมและถั่วในร่างกายในปริมาณมาก

อย่างไรก็ตาม ด้านสามีของแพทย์หญิง ได้ยื่นฟ้องดิสนีย์เวิลด์เรียกร้องค่าเสียหายกว่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 1.7 ล้านบาท ภายใต้กฎหมาย Wrongful Death Act ของรัฐฟลอริดา

ขณะเดียวกัน ทาง Disney Parks and Resorts ในรัฐฟลอริดา ยังไม่ได้ให้ความเห็นใดๆ กับทางสื่อ โดยพนักงานที่ดิสนีย์รีสอร์ท ระบุว่า พนักงานทุกคนได้รับการฝึกฝนให้ใส่ใจเรื่องของการแพ้อาหารอย่างจริงจัง ตั้งแต่ก่อนข่าวการเสียชีวิตของพญ.กนกพร

นอกจากนี้ ทางผู้จัดการร้าน เผยว่า หลังเกิดเหตุสลดได้กำชับให้พนักงานใส่ใจดูแลลูกค้าที่แพ้อาหาร และให้กลับไปเช็กกับทางครัวทุกครั้งหากไม่แน่ใจว่าอาหารเหล่านี้มีสารก่อภูมิแพ้หรือไม่

ทั้งนี้ ตามข้อมูลระบุว่า พญ.กนกพร มีแรงบันดาลใจในการศึกษาด้านการแพทย์ เนื่องจากภาวะอาการแพ้ที่รุนแรงถึงชีวิตของเธอ และเป็นผู้ที่มีความระมัดระวังในการรับประทานอาหารนอกบ้านอย่างยิ่ง

ทั้งการแจ้งเตือนพนักงานเสิร์ฟเรื่องการแพ้อาหารของเธอทุกครั้ง รวมถึงการพกปากกา EpiPen หรือเครื่องฉีดอีพิเนฟรินอัตโนมัติ เพื่อรักษาอาการแพ้รุนแรงในกรณีฉุกเฉินอยู่ตลอดเวลา

1 มีค 2567
ข่าวสด

59
“วาการี” (Whakaari) หรือ “เกาะขาว” (White Island) คือภูเขาไฟที่ยังไม่ดับชื่อดังของนิวซีแลนด์ และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม แต่เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2019 เกิดเหตุสลด เมื่อภูเขาไฟเกิดระเบิดขณะที่มีนักท่องเที่ยวอยู่บนเกาะ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 22 ราย

ขณะเกิดเหตุ มีคนอยู่บนเกาะ 47 คน โดยผู้ที่รอดชีวิตมาได้นั้น หลายคนก็ถูกไฟไหม้หรือลวกอย่างรุนแรงจากก๊าซและเถ้าถ่านร้อน เหยื่อส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติจากประเทศต่าง ๆ เช่น ออสเตรเลีย สหรัฐฯ และมาเลเซีย

ล่าสุด ศาลนิวซีแลนด์พิพากษาสั่งให้บริษัททัวร์และผู้จัดการของเกาะขาว ต้องจ่ายเงินชดเชยให้กับผู้รอดชีวิตมากกว่า 10 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ (ราว 218 ล้านบาท) และปรับพวกเขาเป็นเงินอีก 2.6 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ (เกือบ 57 ล้านบาท)
ที่มีคำพิพากษาดังกล่าว เพราะศาลประเมินว่า บริษัททัวร์ White Island Tours, Volcanic Air Safaris, Kahu New Zealand และ Aerius พร้อมด้วยบริษัท Whakaari Management Ltd ซึ่งเป็นผู้จัดการเกาะ ไม่ได้รับประกันความปลอดภัยของผู้มาเยือนเกาะอย่างเพียงพอ

อีวานเจลอส โทมัส ผู้พิพากษาศาลแขวงโอ๊คแลนด์ กล่าวว่า Whakaari Management จะต้องจ่ายค่าชดเชย 4.88 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ ในขณะที่ White Island Tours จะต้องจ่ายเงิน 5 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ และ Volcanic Air Safaris 330,000 ดอลลาร์นิวซีแลนด์

โทมัสกล่าวว่า แม้ว่าบริษัททัวร์จะทำการประเมินความเสี่ยงแล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอ “บริษัททัวร์ให้บริการข้อมูลด้านความปลอดภัยแก่ลูกค้าที่เสียเงินไม่เพียงพอ โดยไม่ได้แจ้งให้ลูกค้าที่ชำระเงินทราบถึงอันตราย ความเสี่ยง และผลที่ตามมาของการเกิดภูเขาไฟปะทุอย่างเพียงพอ”

ทั้งนี้ บริษัททัวร์ระบุว่าพวกเขาไม่มีความสามารถในการจ่ายค่าปรับ และบริษัททั้ง 5 แห่งที่เกี่ยวข้องอยู่ในสถานะเลิกกิจการ มีสถานะทางการเงินที่อ่อนแอ หรือไม่มีทรัพย์สินเหลือแล้ว

เรียบเรียงจาก The Guardian

PPTVHD36
1 มีค 2567

60
สลด พยาบาลแม่ลูกอ่อน เพิ่งลาคลอดไม่กี่เดือน ขับเก๋งเสียหลักชนคนยืนโบกรถ ก่อนพุ่งอัดเสาป้ายตกร่องน้ำข้างทาง เสียชีวิตติดภายในรถ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 29 ก.พ.2567 ร.ต.ท.มารุต นิตย์จินต์ รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.เมืองจันทบุรี รับแจ้งเหตุรถเก๋งเฉี่ยวชนคนเดินเท้าริมถนน ส่วนรถเก๋งพุ่งตกร่องน้ำข้างทาง ริมถนนสุขุมวิท ขาเข้าเมือง ม.14 ต.คลองนารายณ์ อ.เมือง จ.จันทบุรี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมกู้ภัยสมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถาน จันทบุรี ทีมแพทย์ฉุกเฉิน รถอุปกรณ์ตัดถ่าง และกำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ

ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ บรรทุกท่อซีเมนต์ขนาดใหญ่ สภาพเสียหลักตกอยู่ในร่อง ขณะกำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังเร่งให้การช่วยเหลือนำร่างผู้บาดเจ็บ เบื้องต้นเป็นชายอายุประมาณ 50 ปี ขึ้นมาจากร่องน้ำข้างทาง สภาพขาด้านขวาผิดรูปมีอาการทางกระดูก รีบปฐมพยาบาลนำตัวส่งโรงพยาบาลพระปกเกล้าฯ

ห่างกันประมาณ 10 เมตร พบรถเก๋ง ยี่ห้อฟอร์ด ทะบียน กต852 จันทบุรี สภาพเสียหลักพุ่งชนหมุนฟาดกับเสาป้ายและโคนเสาไฟฟ้าแรงสูง พุ่งตกลงไปในร่องน้ำข้างทางพังเสียหาย ภายในรถพบผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 ราย สภาพถูกแรงอัดติดอยู่บนที่นั่งคนขับ
ต่อมาตำรวจได้ประสานกู้ภัยฯ ใช้เครื่องตัดถ่างงัดซากรถ ช่วยนำร่างผู้เสียชีวิตมาออกมาชันสูตร โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที จึงสามารถนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาได้สำเร็จ

จากการสอบสวน นายบี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ให้การว่า ขณะเกิดเหตุ ตนพร้อมกับชายผู้บาดเจ็บ กำลังช่วยยืนโบกรถให้สัญญาณจราจรรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ บรรทุกท่อซีเมนต์ ที่เสียหลักตกลงไปในร่อง

นายบี กล่าวต่อว่า ต่อมามีรถเก๋งสีดำที่ขับมาทางตรง เสียหลักพุ่งเฉี่ยวชนลุงที่ยืนโบกรถอยู่ท้ายบรรทุกพ่วง ก่อนเสียหลักชนเสาป้ายตกลงไปในร่องน้ำจนทำให้เสียชีวิตดังกล่าว

ส่วนผู้เสียชีวิตจากการตรวจสอบเอกสารพบบัตรประจำตัวข้าราชการพยาบาล คือ น.ส.เพ็ญพิชชา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี เป็นพยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ แผนกกุมารเวชกรรมโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง

ขณะผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ทราบข่าวเศร้าว่า น.ส.เพ็ญพิชชา เพิ่งจะลาคลอดลูกได้ไปเพียงไม่กี่เดือน ก่อนจะมาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต อย่างไรก็ตามสาเหตุยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนของตำรวจ

เบื้องต้นได้ตรวจสอบถ่ายภาพร่องรอยที่เกิดเหตุ พร้อมสอบปากคำพยานแวดล้อม บันทึกไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นได้ประสานกู้ภัยฯ นำร่างผู้เสียชีวิตส่งโรงพยาบาลพระปกเกล้า เพื่อให้แพทย์ชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนมอบให้ญาติรับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป

29 ก.พ.2567
ข่าวสด

หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 534