แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - story

หน้า: 1 ... 7 8 [9] 10 11 ... 535
121
คนไทยเฮ! หลัง TasteAtlas จัดอันดับให้เมนู “พะแนง” ครองอันดับ 1 ของโลกในหมวดเมนูสตูว์ และเมนู “ข้าวซอย” ครองอันดับ 1 ของโลกในหมวดเมนูเส้น บอกเลยว่าอาหารไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก!

TasteAtlas เว็บไซต์รวบรวมสูตรอาหารและรีวิวจากนักวิจารณ์อาหารทั่วโลก ได้จัดอันดับ “Best Stew in the World in 2023” หรือสตูว์ที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2023 ซึ่งผลปรากฏออกมาว่าเมนู “พะแนง” ของไทย คว้าอันดับ 1 เมนูสตูว์ที่ดีที่สุดในโลกมาครองได้

นอกจากนั้นในการจัดอันดับ “Best Noodle Dish in the World in 2023" หรืออาหารเมนูเส้นที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2023 นั้น เมนู “ข้าวซอย” ของไทยก็ผงาดขึ้นครองแชมป์อันดับ 1 ในหมวดนี้ด้วยเช่นกัน

สำหรับ 5 อันดับแรกในหมวดสตูว์ที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2023 ได้แก่
1. พะแนง จากประเทศไทย
2. Indio viejo จากนิการากัว
3. Karē จากญี่ปุ่น
4. Legim จากเฮติ
5. Bò kho จากเวียดนาม

และ 5 อันดับแรกในหมวดเมนูเส้นที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2023 ได้แก่
1. ข้าวซอย จากประเทศไทย
2. Rechta จากแอลจีเรีย
3. Mee bandung จากมาเลเซีย
4. Tonkotsu ramen จากญี่ปุ่น
5. Ramen จากญี่ปุ่น

22 ธ.ค. 2566  ผู้จัดการออนไลน์

122
รวม 4 วันปีใหม่ เกิดอุบัติเหตุ 1,570 ครั้ง เจ็บ 1,574 ราย ดับ 190 ราย กทม.ตายสูงสึด 13 ราย กาญจนบุรีเกิดเหตุสูงสุด จังหวัดตายเป็นศูนย์มี 19 จังหวัด ศปถ.กำชับเรียกตรวจขับรถเร็ว - ง่วงหลับใน

เมื่อวันที่ 2 ม.ค.ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 ว่า วันที่ 1 ม.ค.2567 ซึ่งเป็นวันที่สี่ของการรณรงค์ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 419 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 422 คน ผู้เสียชีวิต 62 ราย สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 39.14 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 30.55 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 86.51 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 85.44 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 39.86 ถนนใน อบต./หมู่บ้านร้อยละ 33.17

ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 00.01 – 01.00 น. ร้อยละ 10.26 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุด อยู่ในช่วงอายุ 20 - 29 ปี ร้อยละ 17.36 จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,785 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 51,672 คน โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ และสงขลา (จังหวัดละ 15 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ (22 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (5 ราย)

สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 4 วัน (29 ธ.ค. 66 – 1 ม.ค. 67) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,570 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ รวม 1,574 คน ผู้เสียชีวิต รวม 190 ราย จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุดได้แก่ กาญจนบุรี (57 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ กาญจนบุรี (56 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (13 ราย) จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 19 จังหวัด

อย่างไรก็ตาม วันนี้ (2 ม.ค. 67) ประชาชนบางส่วนเดินทางถึงกรุงเทพมหานครและจังหวัดเขตเศรษฐกิจในภาคต่าง ๆ แล้ว บางส่วนยังอยู่ระหว่างการเดินทางกลับจากภูมิลำเนาและท่องเที่ยวเข้าสู่กรุงเทพมหานคร ทำให้ถนนสายหลักในบางจุดมีปริมาณการจราจรหนาแน่น ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจึงได้ประสานจังหวัดปรับแนวทางการดูแลความปลอดภัยให้สอดคล้องกับการเดินทางและปัจจัยเสี่ยง โดยสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการในจุดตรวจและบริการประชาชนในเส้นทางสายหลัก ทางลัด และทางเลี่ยงเมือง เพื่อดูแลความปลอดภัยและอำนวยการจราจรให้มีความคล่องตัว ควบคู่กับการคุมเข้มพฤติกรรมเสี่ยงที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะการขับรถเร็วในเส้นทางตรงที่ผู้ขับขี่สามารถใช้ความเร็วสูงได้ต่อเนื่อง

อีกทั้งเพิ่มความถี่ในการเรียกตรวจยานพาหนะและรถโดยสารสาธารณะทั้งประจำทางและไม่ประจำทาง เพื่อชะลอความเร็วรถและประเมินความพร้อมของผู้ขับขี่ โดยเฉพาะเส้นทางตรงที่มีระยะทางยาวที่มักเกิดอุบัติเหตุจากการง่วงหลับใน นอกจากนี้ ให้เตรียมความพร้อมการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาล อาสาสมัคร กู้ชีพกู้ภัย ให้พร้อมเข้าถึง จุดเกิดเหตุและรับส่งผู้ประสบเหตุอย่างรวดเร็ว

นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า วันนี้คาดว่าเส้นทางสายหลักยังคงมีปริมาณรถหนาแน่น ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนได้กำชับให้จังหวัดสนธิกำลังอาสาสมัครอำนวยการจราจรและดูแลความปลอดภัยแก่ประชาชนตลอดเส้นทาง เพื่อคุมเข้มพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ให้สวมหมวกนิรภัยและไม่ขับขี่ด้วยความคึกคะนองและเสี่ยงอันตราย รวมถึงตรวจสอบประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ยังตกค้างในสถานีขนส่งต่าง ๆ ให้สามารถเดินทางกลับได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้ ขอฝากผู้ใช้รถใช้ถนนดูแลสภาพร่างกายให้พร้อมขับขี่ และตรวจเช็คสภาพรถให้ปลอดภัยก่อนออกเดินทางกลับ ไม่ขับรถเร็ว ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด หยุดพักรถทุก 1 - 2 ชั่วโมง ไม่ฝืนขับรถ เมื่อมีอาการง่วงนอนให้จอดพักรถตามจุดบริการต่างๆ หรือสถานีบริการน้ำมัน เพื่อให้เดินทางถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย ท้ายนี้ หากประสบหรือพบเห็นอุบัติเหตุสามารถแจ้งเหตุได้ทางสายด่วน 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง และไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

2 ม.ค. 2567  ผู้จัดการออนไลน์

123
มาแล้ว! ตารางสีเสื้อมงคล 2567 ประจําวัน สีเสริมดวงในแต่ละวัน การงานลุล่วง ผู้ใหญ่เมตตาอุปถัมภ์ เสริมเสน่ห์เจรจา การเงินปัง และสีเสื้อกาลกิณี

สมาคมโหรแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เผย สีเสื้อมงคล ประจำปี 2567 เสริมดวงด้านการงาน การเงิน เสริมเสน่ห์ คนอุปถัมภ์ และสีต้องห้าม สีกาละกิณี ในแต่ละวัน

สีเสื้อมงคล วันอาทิตย์ 2567
การงาน - ชมพูอ่อน, ม่วงเข้ม
การเงิน - ดำ, เทา
เสริมเสน่ห์ - แดง
คนอุปถัมภ์ - เทา, ทอง
กาลกิณี - เหลือง

สีเสื้อมงคล วันจันทร์ 2567
การงาน - ส้มอ่อน, เขียว
การเงิน - ส้มอ่อน, น้ำตาล
เสริมเสน่ห์ - ขาว, เหลือง, ชมพูพาสเทล
คนอุปถัมภ์ - น้ำเงิน
กาลกิณี - แดง

สีเสื้อมงคล วันอังคาร 2567
การงาน - ม่วงเข้ม, เทาเข้ม
การเงิน - ทอง, เทาอ่อน
เสริมเสน่ห์ - ชมพูอ่อน
คนอุปถัมภ์ - แดงเลือดหมู
กาลกิณี - ครีม

สีเสื้อมงคล วันพุธ 2567
การงาน - ส้มอ่อน, น้ำตาล
การเงิน - ฟ้าอ่อน, น้ำเงิน
เสริมเสน่ห์ - เขียวเข้ม
คนอุปถัมภ์ - ขาว, ครีม
กาลกิณี - ดำ

สีเสื้อมงคล วันพฤหัสบดี 2567
การงาน - ฟ้า, เขียว
การเงิน - ครีม, เหลืองอ่อน, ส้มอ่อน
เสริมเสน่ห์ - ส้ม, น้ำตาล
คนอุปถัมภ์ - เขียวอ่อน
กาลกิณี - น้ำตาล

สีเสื้อมงคล วันศุกร์ 2567
การงาน - เหลือง, ขาว
การเงิน - เขียวพาสเทล
เสริมเสน่ห์ - ฟ้า, น้ำเงิน
คนอุปถัมภ์ - ส้มอ่อน, น้ำตาล
กาลกิณี - แดง

สีเสื้อมงคล วันเสาร์ 2567
การงาน - เงิน, น้ำตาลเข้ม
การเงิน - แดง
เสริมเสน่ห์ - ม่วงพาสเทล, เทาเข็ม, ดำ
คนอุปถัมภ์ - ม่วง
กาลกิณี - เทา



Amarin TV News
1มค2567

124
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานจำนวนผู้ป่วยโควิดรายใหม่ สัปดาห์ที่ 52 ระหว่าง 24 ธ.ค.-30 ธ.ค.2566 พบผู้ป่วยใหม่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มอีก 594 ราย  รวมยอดสะสมตั้งแต่ต้นปี2566 จำนวน  38,457 ราย เสียชีวิต 3 คน รวมเสียชีวิตสะสม 848 คน

วันที่ 1 มกราคม 2567 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และศูนย์ COVID-19 ของรัฐบาล รายงานสถานการณ์ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายสัปดาห์ สัปดาห์ที่ 52 ระหว่าง 24 – 30 ธันวาคม 2566 ว่า มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล (รายสัปดาห์) เพิ่ม 594 ราย รวมยอดสะสมตั้งแต่ต้นปี 2566 ที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล จำนวน 38,457 ราย

ส่วนผู้เสียชีวิตรายสัปดาห์มีจำนวน 3 คน รวมเสียชีวิตสะสมตั้งแต่ต้นปี 2566 จำนวน 848 คน

ขณะที่สัปดาห์ล่าสุดยังมีผู้ป่วยปอดอักเสบอีกจำนวน 120 คน และมีผู้ป่วยที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ 74 คน
เกาะติดยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายสัปดาห์ ระหว่าง 24 – 30 ธันวาคม 2566

ผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล (รายสัปดาห์) 594 ราย
ผู้เสียชีวิต (รายสัปดาห์) 3 ราย
ผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล สะสม 38,457 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2566)
ผู้เสียชีวิต สะสม 848 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2566

ประชาชาติ
1 มกราคม 2567

125
หมอชลน่าน” เผย อ.ก.พ. สป.สธ. เห็นชอบหลักสูตรแพทย์ประจำบ้าน 13 สาขา ลาศึกษาต่อโดยไม่ถือเป็นวันลาและได้รับการเลื่อนเงินเดือน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผย ที่ประชุม อ.ก.พ. สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข มีมติเห็นชอบให้การลาศึกษาต่อหลักสูตรแพทย์ประจำบ้าน 13 สาขา โดยให้ถือเสมือนว่าเป็นการไปปฏิบัติราชการ และอาจนำผลการศึกษามาเพื่อประกอบการเลื่อนเงินเดือนได้

          วันนี้ (27 ธันวาคม 2566) นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินนโยบายกระทรวงสาธารณสุข ในเรื่องการสร้างขวัญกำลังใจบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ว่า ที่ประชุม อ.ก.พ. สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้มีมติเห็นชอบหลักสูตรแพทย์ประจำบ้านทั้ง 13 สาขา ได้แก่ เวชศาสตร์ครอบครัว, เวชศาสตร์ฉุกเฉิน, อาชีวเวชศาสตร์, ศัลยศาสตร์, วิสัญญีวิทยา,เวชศาสตร์ฟื้นฟู, สูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา, กุมารเวชศาสตร์, อายุรศาสตร์, ออร์โธปิดิกส์, อายุรศาสตร์โรคไต, อายุรศาสตร์โรคระบบหายใจและภาวะวิกฤตระบบการหายใจ และอายุรศาสตร์โรคหัวใจ ให้ลาศึกษาต่อในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยให้ถือว่าเป็นการไปปฏิบัติราชการ และยังได้รับสิทธิการพิจารณาเลื่อนเงินเดือน
          นายแพทย์ชลน่านกล่าวต่อว่า หลังจากนี้ ได้มอบหมายให้ กองบริหารทรัพยากรบุคคล สํานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ทำหนังสือแจ้งเวียนรายละเอียดหลักสูตร และชี้แจงแนวทางการดำเนินการให้ทุกจังหวัดรับทราบ รวมถึงจะได้รวบรวมรายชื่อแพทย์ที่จะลาศึกษาต่อ เพื่อนำผลการศึกษามาประกอบการพิจารณาเลื่อนเงินเดือน และประเมินผลการดำเนินการต่อ สำหรับหลักสูตรที่มีแพทย์ไปฝึกต่างกรมที่อยู่ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินการเสนอ อ.ก.พ. กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาในลำดับถัดไป


ข่าวทำเนียบรัฐบาล
27​ ธค​ 2566

126
“สมชาย” หวั่นแพทย์ รพ.ตำรวจ ให้ความเห็นเป็นเท็จ หลังราชทัณฑ์เข้าชี้แจงต่อวุฒิสภาเมื่อวาน ระบุแพทย์ให้ความเห็นควรรักษาตัวต่อเนื่องหลังครบ 120 วัน บี้ นายกฯ - ยธ.ตรวจสอบนักโทษได้รับสิทธิเพราะป่วยอะไร พร้อมเสนอตัวร่วมขบวนลงพื้นที่

วันนี้ (26 ธ.ค.) ที่วุฒิสภา นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) หารือต่อที่ประชุมวุฒิสภาว่า เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.ในการประชุมของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ได้เชิญตัวแทนของกรมราชทัณฑ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เข้าชี้แจงซึ่งเป็นการประชุมติดตามกรณีการพักโทษให้กับนักโทษเด็ดขาดนอกเรือนจำที่เกินเวลา 120 วัน เป็นครั้งที่สาม ซึ่งเป็นการประชุมโดยเปิดเผย ต่างจาก 2 ครั้งที่ผ่านมาที่เป็นการประชุมลับ เนื่องจากการประชุมลับไม่ได้ข้อมูลใดๆ เลย ทั้งนี้ ในการชี้แจงของกรมราชทัณฑ์ในกรณีการอนุญาตให้นักโทษเด็ดขาด เป็นอดีตนายกฯ รักษาตัวนอกเรือนจำ ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ รักษาตัวนอกเรือนจำเกิน 120 วัน ระบุว่าผู้บัญชาการเรือนจำได้ทำเรื่องขออนุมัติ ซึ่งส่งเรื่องไปยังอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และแจ้งให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรมให้รับทราบตามหลักเกณฑ์แล้ว พร้อมหลักฐานสำคัญ คือ คำวินิจฉัยของแพทย์ ที่ลงนามในใบรักษา ระบุว่า ให้รักษาตัวต่อเนื่อง อีกทั้งกรมราชทัณฑ์ระบุว่าไม่มีอำนาจนำตัวผู้ต้องขังกลับจากโรงพยาบาล ด้วยเหตุผลตามความเห็นของแพทย์ที่ให้รักษาตัวต่อเนื่อง



นายสมชาย กล่าวด้วยว่า ตนขอเรียกร้องให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง รวมถึง พ.ต.อ.ทวี ตรวจสอบว่านักโทษที่ได้รับสิทธิดังกล่าวป่วยด้วยโรคอะไร เพราะเท่าที่ทราบคือ เป็นโรคปกติธรรมดา คือ ความดัน เส้นเลือดตีบ เป็นโควิด ติดเชื้อที่ปอด กระดูกเสื่อม และรักษาอาการที่ไกล่ ไม่จำเป็นต้องรักษาเกินระเบียบ หากแพทย์ให้ความเห็นว่าต้องรักษาตัวต่อเนื่อง ต้องป่วยด้วยโรครร้ายยแรง ใกล้วาระสุดท้าย นอนติดเตียง

“สำหรับการควบคุมนักโทษนั้นตามระเบียบของราชทัณฑ์กำหนดให้มีผู้คุมดูแลผลัดละ 2 คนและต้องถ่ายรูปคู่กับนักโทษที่รักษาตัวนอกเรือนจำ ทุกๆ 2 ชั่วโมง เพื่อรายงาน แต่จากการตรวจสอบของ กมธ. ทราบจากกรมราชทัณฑ์ว่าไม่เคยเข้าไปตรวจ ซึ่งผมขอให้ รมว.ยุติธรรม ปลัดกระทรวง และอธิบดีกรมราชทัณฑ์เข้าไปตรวจสอบ ซึ่งไม่ใช่การคุกคามคนป่วย แต่เพื่อไปดูว่าแพทย์ได้ตรวจ หรือให้ความเห็นเป็นเท็จหรือไม่ และหากหน่วยงานต้องการความช่วยเหลือ กมธ.ของวุฒิสภาที่เกี่ยวข้องพร้อมไปด้วย รวมถึง กสม. ด้วย” นายสมชาย กล่าว

นายสมชาย กล่าวด้วยว่า กมธ.สิทธิมนุษยชนฯ ได้ขอเรียกเอกสารตามที่ ผู้บัญชาการเรือนจำที่ทำควาเห็นถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ที่อนุมัติให้นักโทษเด็ดขาดอยู่นอกเรือนจำทั้ง 3 ครั้ง มาตรวจสอบอีกครั้ง รวมถึงภาพถ่ายของผู้คุมร่วมกับผู้ต้องขังมาตรวจสอบ ทั้งนี้ไม่ใช่ทำไปด้วยความอคติ แต่ต้องการสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ส่วนที่ในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ระบุว่า กล้องวงจรปิดภายในเสียนั้น ตนมองว่า ไม่น่าเชื่อถือ เพราะ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คือ ผู้พิทักษ์ความสงบเรียบร้อย ดังนั้น การกระทำใดๆ ขอให้คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนบุคคล แต่หาก สตช. ไม่มีงบประมาณเพื่อเปลี่ยน ตนจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้และขอให้แพร่ภาพมายังที่วุฒิสภา ตลอด 24 ชั่วโมงด้วย แต่หากยังไม่ดำเนินการใด ตนจะเสนอให้พรรคฝ่ายค้านในสภา ตัดงบประมาณของกรมราชทัณฑ์ ทั้งหมด เพราะหน่วยงานดังกล่าวถือว่าหมดความจำเป็น

นายสมชาย กล่าวด้วยว่า สำหรับระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยให้สิทธินักโทษคุมขังนอกเรือนจำ จากการตรวจสอบแล้วพบว่า อาจเป็นระเบียบที่ขัดแย้งกันกับระเบียบที่ประกาศไว้ก่อนหน้านั้น ที่กำหนดให้สิทธินักโทษคุมขังนอกเรือนได้ แต่ต้องมีหลักเกณฑ์ที่เหมาะสมตามเกณฑ์ เช่น นักโทษที่อายุ 70 ปีขึ้นไป ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หรือช่วเหลือตัวเองได้น้อยจะได้รับสิทธิเป็นต้น


26 ธ.ค. 2566  ผู้จัดการออนไลน์

127
หนุ่มนักศึกษาแพทยศาสตร์ ที่มหาสารคามถูกพบเป็นศพ เสียชีวิตจากการตกจากชั้น 10 ตึกอาคารเรียน หลังเลิกเรียนช่วงเย็น พบมีปัญหาด้านการเงิน ค้างค่าเทอมมา 2 เทอมแล้ว

เวลา 17.00 น. วันที่  26 ธ.ค 66 พ.ต.อ.ไกรทอง ชัยวิงห์ ผกก.สภ.เมือง มหาสารคาม ได้รับแจ้งนักศึกษาตกตึกจากชั้น 10 อาคารคณะแพทยศาสตร์ รพ.สุทธาเวช มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จึงได้ออกไปที่เกิดเหตุพร้อมกับพนักงานสอบสวนและชุดสืบสวน

ที่เกิดเหตุที่ระเบียงชั้น 5 ตึกคณะแพทยศาสตร์ พบศพนักศึกษาชาย ชื่อนายนที (นามสมมติ) อายุ 23 ปี  ชาว อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 เอกการแพทย์แผนไทยประยุกต์บัณฑิต อยู่ในชุดนักศึกษาเสื้อขาวแขนยาวกางเกงดำ เลือดออกปากออกจมูกมันสมองกระจาย จึงได้ตามแพทย์เวรจากโรงพยาบาลมหาสารคามมาชันสูตร พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานภูธรจังหวัดมหาสารคาม

โดยนักศึกษาและชาวบ้าน ที่มามุงดูพูดคุยกันว่าช่วงที่นักศึกษาแพทย์ตกตึกลงมานั้น คนด้านล่างได้ยินเสียงตุ้บ ขณะที่คนรู้จักผู้ตายบอกว่า ก่อนนี้น้องค่อนข้างเครียด เนื่องจากมีปัญหาด้านการเงิน และค้างจ่ายค่าเทอม มา 2 เทอมแล้ว

จากการสอบถาม รปภ.ที่ดูแลอาคาร แจ้งว่าช่วงเวลาเลิกเรียนแล้วตนก็ไล่ตรวจดูตามห้องเรียน มีนักศึกษาผู้หญิงมาบอกตนว่าจะมีคนกระโดดตึก พอไปเห็นตอนนั้นก็ไม่ทันแล้วน้องเขาจับราวระเบียงแล้วก็ร่วงลงไป เข้าไปช่วยไม่ทัน

ด้าน พ.ต.อ.ไกรทอง ชัยสิงห์ ผกก.สภ.เมืองมหาสารคาม กล่าวว่า เบื้องต้นตอนนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐาน และรวบรวมเอกสารของน้องเขาเท่าที่ดูจากโซเชียลก็จะมีปัญหาส่วนตัวพอสมควร ตอนนี้ได้ให้ชุดสืบสวนเข้าไปไล่ดูกล้องวงจรปิดตามห้องเรียนและในตัวตึกเพื่อตรวจสอบ และยืนยันการตายว่ามาจากการฆ่าตัวตาย หรือเกิดจากการกระทำของคนอื่น       

26 ธ.ค. 2566
ไทยรัฐออนไลน์

128
”หมอยง” แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา โพสต์ข้อความตอกหน้าพวกที่เคยบูลลี่ประเด็นวัคซีนโควิด-19 พร้อมร่ายยาว 10 ข้อ กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้ว

วันนี้ (25 ธ.ค.) นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ ราชบัณฑิตยสภา โพสต์เฟซบุ๊ก “Yong Poovorawan” ในประเด็น “วัคซีนโควิดกาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์” โดยได้ระบุข้อความว่า

“โควิด-19 วัคซีน กาลเวลาเป็นที่พิสูจน์

ในระยะแรกที่เริ่มมีการใช้วัคซีนในประเทศไทย ที่มีวัคซีนอย่างจำกัดมาก มีความต้องการสูง ประเทศไทยได้วัคซีนเชื้อตายเข้ามาเริ่มแรก ผมและคณะได้ทำการศึกษาวิจัยอย่างละเอียด มีการฉีดสูตรไขว้ และเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง แต่มีการว่ากล่าวให้ร้าย (bully) อย่างมาก ถูกดึงเข้าสู่การเมือง ขณะนี้กาลเวลาที่ผ่านมาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า ข้อมูลที่กล่าวไว้ถูกต้องทุกประการ ปีนี้เป็นปีที่ 4 ของการระบาด ขอให้เป็นสังคมอุดมปัญญา จะขอสรุปข้อมูลเกี่ยวกับโควิดวัคซีนเพื่อให้สังคมได้เข้าใจ

1. วัคซีนโควิด-19 มี 4 ชนิด คือ ก. เชื้อตาย (inactivated vaccine; sinovac, sinopharm) ข. ไวรัสเวกเตอร์ (AstraZeneca; AZ) ค. mRNA วัคซีน ได้แก่ (Pfizer, Moderna) ง. โปรตีนสับยูนิต ได้แก่ Novavax

2. วัคซีนทุกตัวมีประสิทธิภาพไม่แตกต่างกัน จะมีประสิทธิภาพดีในเดือนแรกๆ หลังฉีด และระยะเวลาที่นานขึ้น จะไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ แต่เป็นส่วนหนึ่งของการลดความรุนแรงของโรค ประสิทธิภาพจึงไม่แตกต่างกัน ไม่มีวัคซีนเทพ

3. วัคซีนเชื้อตายกระตุ้นภูมิต้านทานได้เท่ากับการติดเชื้อในธรรมชาติ แต่ต่ำกว่าวัคซีนไวรัสเวกเตอร์ และ mRNA

4. วัคซีนที่ใช้มากที่สุดในโลก คือเชื้อตาย ใช้มากกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณวัคซีนที่ฉีดในโลก โดยเฉพาะใช้มากในเอเชียและแอฟริการวมทั้งอเมริกาใต้ ประเทศที่ใช้วัคซีนดังกล่าวอัตราการเสียชีวิตไม่ได้สูงมากเท่าประเทศที่ใช้ mRNA วัคซีน อเมริกามีผู้ป่วยเสียชีวิตกว่า 1 ล้านราย ซึ่งห่างกับประเทศจีนมาก หรือแม้กระทั่งอินโดนีเซีย และไทย อัตราการเสียชีวิตก็ต่ำกว่าอเมริกา และยุโรปมาก

5. วัคซีนทุกตัวมีอาการแทรกซ้อนเกิดขึ้นได้ ตามหลักการของวัคซีน ถ้าเป็นวัคซีนเชื้อตายจะใช้เทคโนโลยีเดิม เช่นเดียวกับวัคซีนไวรัสตับอักเสบ A, Polio ที่เป็นเชื้อตาย อาการข้างเคียง เช่นมีไข้ ปวดเมื่อย น้อยกว่าวัคซีนไวรัสเวกเตอร์ และ mRNA มาก รวมทั้งอาการของหลอดเลือดและกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และโรคที่เกี่ยวกับระบบภูมิต้านทานก็พบได้น้อยกว่า

6. วัคซีนเชื้อตายราคาถูกกว่า mRNA มาก และการใช้ก็เก็บได้ง่าย เชื้อตายขวดละ 1 คน ขณะที่ mRNA ขวดละ 7-10 คน ทำให้เหลือทิ้งมาก และต้องเก็บที่อุณหภูมิลบ 70 องศา แต่วัคซีนเชื้อตายเก็บที่ตู้เย็นธรรมดาคือ 4 องศา การบริหารจัดการง่ายกว่า ความสูญเสียทิ้งน้อยกว่า

7. การให้วัคซีนสูตรไขว้ เป็นทางออกที่ทำให้ผลลัพธ์สุดท้ายของวัคซีนเชื้อตายมีระดับภูมิต้านทานสูง เช่น ฉีดวัคซีนเชื้อตาย 2 เข็ม และกระตุ้นด้วย mRNA ผลลัพธ์ที่ได้จะเท่ากับการให้ mRNA 3 เข็ม ข้อมูลเผยแพร่ในวารสาร PGH (doi: 10.1080/20477724.2022.2108646) และเป็นที่ยอมรับทั่วโลก องค์การอนามัยโลกก็ยอมรับสูตรไขว้

8. การให้สูตรไขว้ที่ใช้ในประเทศไทย เข็มแรกให้เชื้อตาย sinovac แล้วตามด้วยไวรัสเวกเตอร์ AZ ภูมิต้านทานที่ได้ดีกว่าการให้เชื้อตาย 2 เข็ม หรือไวรัสเวกเตอร์ 2 เข็ม และเป็นที่ยอมรับขององค์การอนามัยโลก

9. วัคซีนเชื้อตายอาการข้างเคียงเช่นไข้และอื่นๆ น้อยกว่าไวรัสเวกเตอร์และ mRNA มาก วัคซีนไวรัสเวกเตอร์ AZ จะมีอาการข้างเคียงมากในเข็มแรก และจะน้อยลงในเข็มที่ 2 และ 3 ขณะเดียวกันภูมิต้านทานก็เกิดขึ้นได้น้อย เพราะ vector ถูกทำลายด้วยระบบภูมิคุ้มกันของเราที่เกิดขึ้นจากเข็มแรก ส่วน mRNA อาการข้างเคียงในเข็มที่ 2 จะมากกว่าเข็มแรก และจะมากขึ้นอีกถ้ามีการให้หลายๆ ครั้ง เช่นต่อมน้ำเหลืองโต กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ การให้สูตรไขว้ทำให้ได้ mRNA จำนวนครั้งลดน้อยลง และระดับภูมิต้านทานไม่ได้แตกต่างกัน ประสิทธิภาพในการลดความรุนแรงก็ขึ้นอยู่กับจำนวนเข็มของวัคซีนและในทางปฏิบัติการให้ครบ หมายถึงให้อย่างน้อย 3 เข็ม

10. การได้รับวัคซีนไม่ว่าจะกี่เข็มก็สามารถเกิดการติดเชื้อได้ เพราะวัคซีนไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อเพียงแต่ว่าลดความรุนแรง เพราะระยะฟักตัวของโควิด-19 สั้นมากเพียง 2 วัน ภูมิต้านทานที่เกิดขึ้น จึงไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ จึงไม่มีวัคซีนเทพ ประสิทธิภาพที่แจงกันมาแต่แรก ส่วนใหญ่จากการศึกษาระยะสั้น ถ้าติดตามยาวออกไปก็จะรู้ว่าไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้

เมื่อผ่านมาครบ 4 ปีแล้ว ประชากรส่วนใหญ่หรือมากกว่าร้อยละ 90 ติดเชื้อไปแล้วร่วมกับได้รับวัคซีน ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นของประชากรส่วนใหญ่จึงเป็นภูมิคุ้มกันแบบลูกผสม เป็นภูมิคุ้มกันที่ค่อนข้างสมบูรณ์ ไวรัสก็วิวัฒนาการลดความรุนแรงลง ความจำเป็นที่จะต้องได้รับวัคซีนกระตุ้นก็ลดลง โรคได้เปลี่ยนเป็นโรคประจำฤดูกาลคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ และมียารักษาที่ดีขึ้นและเพียงพอ ไวรัสไม่ได้หายไปไหน การปฏิบัติตัวเพื่อลดการแพร่กระจายของโรคทางเดินหายใจ เป็นการทำที่มีประโยชน์ ไม่ใช่เฉพาะโรคโควิด-19 เท่านั้น ยังรวมถึงโรคทางเดินหายใจอื่นๆ อีกด้วย”

25 ธ.ค. 2566  ผู้จัดการออนไลน์

129
กลายเป็นเรื่องราวสุดสะเทือนใจอย่างมาก กรณี วันที่ 24 ธ.ค.66 มีรายงานว่า นาง รุ่งทิพย์ ประวัติศรี อายุ  51 อาชีพพยาบาล พยาบาลสาว รพ.รัฐแห่งหนึ่งในจังหวัดราชบุรี ได้พาแม่เดินทางเข้าร้องเพจสายไหมต้องรอด หลังพาแม่เข้ารับการผ่าตัดต้อกระจก ทางคุณหมอรักษาผิดพลาด ทำให้ตาของแม่ติดเชื้อรุนแรง ต้องควักลูกตาทิ้ง โดย เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ที่ผ่านมา นาง มัก แช่ตั้ง ซึ่งเป็นแม่ของพยาบาลสาวนั้น มีอาการตามองเห็นไม่ชัดจึงได้พาไปตรวจที่คลินิกแห่งหนึ่งใน จ.ราชบุรี

โดยผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้ตรวจที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งในจ.ราชบุรี ว่าเป็นต้อกระจกที่ตาซ้าย จึงได้เสนอแพ็คเกจการผ่าตัดต่างๆซึ่งตนและแม่มีความไม่สะดวกบ้างอย่างในแพ็คเกจเหล่านนี้ เช่นไม่สะดวกไปช่วงเวลาในการผ่าตัดนั้นๆ ตนถึงเลือกที่จะจ่ายเงิน 25,000 บาท ซึ่งสามารถวัดเลนส์ได้วันนั้นเลยและสามารถไปผ่าตัดได้เลยในวันที่ 15 พฤษภาคมที่ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งของจ.ราชบุรี 

ซึ่งภายหลังจากการผ่าตัดนั้นตนได้ สังเกตตาของแม่ในขณะที่มีการนัดดูตาหลังผ่าตัดที่คลินิกดังกล่าวพบว่าดวงตาข้างที่ผ่าตัดมานั้น มีรอยแดงคล้ายเลือดออกในตา แต่หมอคนที่รักษาได้บอกกับตนว่าเพิ่งผ่าตัดมาดวงตาอาจจะยังไม่ สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ขนาดนั้นอาจจะมีสีเเดงในตาอยู่บ้าง

แต่ปรากฏว่าหลังจากมีการนัดดูตาขึ้นอีก7วันหลังจากนั้น ก็ได้มีการแจ้งจากแพทย์ที่รักษาคนดังกล่าวว่าตาของแม่นั้นมีการติดเชื้อ ต้องมีการไปรักษาตัวด่วนที่โรงพยาบาลบ้านแพ้ว ถึงได้มีการนัดจากแพทย์คนดังกล่าวว่าให้ไปรับยาฆ่าเชื้อในวันที่ 23 พฤษภาคม ที่โรงพยาบาลที่ตนทำงานอยู่

เพราะตนและแพทย์คนดังกล่าวนั้นทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งเดียวกัน แต่พอไปถึงกลับไม่ได้ให้ยาดังกล่าวมีเเต่การเขียนใบบันทึกข้อความและบอกให้ตนนั้นรีบพาไปรักษาที่โรงพยาบาลบ้านแพ้ว พอตนและแม่ได้ไปถึงโรงพยาบาลดังกล่าวก็ได้ผ่าตัดในวันนั้นเลย

โดยภายหลังการผ่าตัดตาอีกรอบในวันรุ่งขึ้น ตาสองข้างนั้นแทบจะไม่สามารถมองเห็นได้ เพราะการอักเสบนั้นบวมไม่สามารถไม่สามารถมองเห็นได้ ซึ่งแพทย์ได้ส่งสัญญามาให้ตนแล้วว่าการอักเสบในครั้งนี้นั้นอาจจะต้องมีการควักลูกตาออก ซึ่งแพทย์พูดรักษานั้นได้ทำการรักษาอย่างสุดความสามารถแล้ว

แล้วก็ควักลูกตาออกเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตอนนี้ตาข้างซ้ายของแม่ไม่มีลูกตาเป็นลูกตาปลอม หลังเกิดเหตุแพทย์เป็นคนที่ทราบคนแรกว่าติดเชื้อ แต่ทางแพทย์ไม่ได้กลับไม่ได้แจ้งโรงพยาบาลว่ามีการติดเชื้อ ตนมีข้อสงสัยเพราะว่า การติดเชื้อมันเป็นการติดเชื้อภายใน 7 วันหลังการผ่าตัด จึงไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม ทางศูนย์ดำรงธรรมส่งเรื่องไปให้สาธารณสุขจังหวัด พบข้อบกพร่องหลายอย่าง

แต่สรุปว่า ห้องผ่าตัดได้มาตรฐาน โดยแพทย์ไม่เคยโทรศัพท์มาสอบถามอาการของคนไข้เลย อ้างว่าไม่สามารถหาเบอร์ของโทรศัพท์ของตนได้ ทั้งที่ตนทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ เป็นบุคลากรทางการแพทย์เช่นเดียวกัน

ต่อมาเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 66 ตนได้พบกับแพทย์ผู้รับทำการผ่าตัดโดยมีรองผู้อำนวยการโรงพยาบาล และหัวหน้าแผนกศูนย์คุณภาพ ทางโรงพยาบาลแจ้งว่า จะแสดงความรับผิดชอบ ดำเนินการให้แม่ได้โดยใส่ตาปลอม ขอระยะเวลา 6 เดือนแต่พอครบ 6 เดือนแต่กลับไม่มีการแสดงความรับผิดชอบใดๆ เหมือนเรื่องไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ตนจึงได้ประสานกับพยาบาลที่ตนรู้จักผู้เป็นคนประสานได้แจ้งว่าได้คุยกับแพทย์ผู้ผ่าตัดหลายครั้ง ได้คำตอบว่า ให้รอประกันสรุป ทำให้ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ตนคิดว่าฝ่ายแพทย์คงไม่ดำเนินการตามข้อตกลงแน่ๆ
 
สุดท้ายเรื่องเงียบ จึงมาขอร้องความเป็นธรรมกับทางเพจสายไหมต้องรอด แต่กรณีนี้ตนยังไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีแต่อย่างใด อยากกล่าวถึงแพทย์สภาว่า ตนได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังแพทยสภาถึงมาตรฐานการรักษาคุณธรรมจริยธรรมของแพทย์ท่านนี้ ขอให้ท่านตัดสินและชี้ขาดตามกระบวนการยุติธรรมให้มีความเป็นธรรมแก่ครอบครัวด้วย
 
ด้าน นายเอกภพ กล่าวว่า เอกสารของผู้เสียหายได้มีการร้องเรียนในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย ขอฝากถึงแพทย์สภา สาธารณสุขจังหวัดราชบุรี ให้ลงมาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง

ทั้งนี้อาม่าผู้เป็นฝ่ายสูญเสียดวงตาควรได้รับการเยียวยาที่สมเหตุสมผล เพราะตนเข้าใจความรู้สึกดีว่า ลูกสาวเป็นห่วงคุณแม่นำไปผ่าต้อกระจกสุดท้ายต้องควักดวงตาของคุณแม่ไป และชีวิตของคุณแม่ไม่เหมือนเดิม ขนาดแค่หั่นฝรั่งยังเอามีดเฉือนเนื้อตัวเองด้วยความที่ไม่เคยชิน เมื่อเหลือดวงตาเพียงข้างเดียว ขอฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยว่า เป็นการกระทำโดยประมาทหรือไม่


Thainewsonline
24 ธ.ค.66

130
โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ดูแลผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ครบวงจร ภายใต้โครงการจัดฟันสัญจรในระบบบัตรทอง ร่วมกับสมาคมทันตแพทย์จัดฟันแห่งประเทศไทย ครอบคลุมเย็บติดริมฝีปาก หรือเพดาน-ทำเพดานเทียม-จัดฟัน-ฝึกพูด ยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ป่วย

ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พร้อมด้วย นพ.เอกรินทร์ อุ่นอบ ผอ.สปสช.เขต3 นครสวรรค์ ลงพื้นที่รับฟังและเยี่ยมชม โครงการจัดฟันสัญจรซึ่งเป็นโครงการของสมาคมจัดฟัน ร่วมมือ กับ มูลนิธิจัดฟันแห่งประเทศไทย สภากาชาดไทย รพ.สวรรค์ประชารักษ์ และ สปสช. เพื่อรักษา ปากแหว่งเพดานโหว่ให้กับผู้ที่มีสิทธิบัตรทอง ตั้งแต่แรกเกิด จนเสร็จสิ้นกระบวนการรักษา โดยมี รศ. (พิเศษ) ดร. ทพญ.สมใจ สาตราวาหะ ประธานสมาคมทันตแพทย์จัดฟันแห่งประเทศไทย สภากาชาดไทย และ นพ.วิพัฒน์ อุดมพงศ์ลักขณา นพ.ชำนาญการพิเศษ และรองผู้อำนวยการ รพ.สวรรค์ประชารักษ์ และ ทพญ.ปาลิดา ชำนาญหมอ ทันตแพทย์ชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มงานทันตกรรม รพ. สวรรค์ประชารักษ์ ต้อนรับ ณ รพ. สวรรค์ประชารักษ์ เขาเขียว จ.นครสวรรค์

รศ. (พิเศษ) ทพญ.สมใจ เปิดเผยว่า โครงการจัดฟันสัญจรดำเนินการเข้าสู่ปีที่ 13 โดยก่อนหน้าสมาคมทันตแพทย์จัดฟันแห่งประเทศไทยได้รับความร่วมมือจากสภากาชาดไทย และสมาคมวิชาชีพต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ ร่วมกันในโครงการ “ยิ้มสวยเสียงใส” ออกตรวจผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ทั่วประเทศ ซึ่งก็พบว่าผู้ป่วยบางส่วนยังไม่ได้รับการรักษาเท่าที่ควร

อย่างไรก็ดี เนื่องจากการดูแลรักษาผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่นั้นไม่สามารถใช้แค่ทันตแพทย์เพียงวิชาชีพเดียวได้ เพราะเป็นการรักษาแบบองค์รวม การจัดฟัน การเย็บริมฝีปาก หรือเพดานปาก ฯลฯ จึงได้มีการรวบรวมแพทย์ในสาขาวิชาชีพต่างๆ เข้ามาร่วมด้วยทั้งทันตแพทย์จัดฟัน แพทย์เด็ก แพทย์หู คอ จมูก แพทย์เฉพาะทางศัลยกรรมตกแต่ง รวมถึงบุคลากรช่วยฝึกสอนการสื่อสาร การพูด เป็นอาทิ และได้มีการพูดคุยกับ สปสช. ในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการักษา เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ถูกต้อง สามารถใช้ชีวิตต่อไปในสังคม เป็นกำลังหลักในการพัฒนาประเทศได้

“โครงการนี้จะออกสัญจรทุกเดือน เดือนละ 1 ครั้งกระจายไปในโรงพยาบาลที่มีศักยภาพที่สามารถดูแลผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ เช่น โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ รวมไปถึงยังมีผู้ป่วยที่อาจจะยังเข้าไม่ถึงบริการ ซึ่งสิ่งสำคัญอีกอย่างคือโครงการจัดฟันสัญจร มีเพียงประเทศไทยประเทศเดียวเท่านั้นที่ดำเนินการ” รศ. (พิเศษ) ทพญ.สมใจ ระบุ

นพ.วิพัฒน์ กล่าวว่า โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ให้บริการตั้งแต่การอัลตราซาวนด์ โดยแพทย์เวชศาสตร์มารดาและทารก เพื่อดูความผิดปกติ หากหลังคลอดพบว่าเด็กมีปัญหาปากแหว่งเพดานโหว่ก็จะทำการรักษา ทั้งการทำแผ่นเพดานเทียมเพื่อช่วยให้เด็กสามารถดูดนมแม่ได้ รวมถึงการเย็บติดริมฝีปาก และจัดฟันเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม

นอกจากนี้ ทางโรงพยาบาลจะมีแผนกพัฒนาการ เพื่อให้เด็กที่ได้รับการแก้ไขแล้วสามารถพูด หรือสื่อสารได้ชัดขึ้น โดยโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ได้รับการประเมินจากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้เป็นศูนย์ความเป็นเลิศด้านดูแลผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ด้วย ซึ่งจากการดำเนินงานมาแล้ว 8 ปี มีผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลแล้ว จำนวน 166 ราย ทั้งผู้ป่วยในจังหวัด และผู้ป่วยจากจังหวัดข้างเคียง

“เรามีครบวงจรตั้งแต่หมอสูตินรี หมอเด็ก ทันตแพทย์ ทันตแพทย์เด็ก ศัลยแพทย์ รวมถึงนักพัฒนาทักษะการพูด และมีทีมที่จะส่งต่อกันเพื่อดูแลผู้ป่วยให้ครบวงจร” นพ.วิพัฒน์ ระบุ

ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า สำหรับสิทธิประโยชน์ของผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่สิทธิบัตรทองจาก สปสช. นั้นเป็นแบบองค์รวม ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่การใส่เพดานเทียมเพื่อให้เด็กไม่สำลักเวลาได้รับนมแม่ จากนั้นเมื่ออายุได้ถึงระดับหนึ่งก็จะมีการทำศัลยกรรมเย็บปาก หรือเพดานให้ติดกัน ซึ่งสิทธิประโยชน์จะดูแลตั้งแต่ส่งเสริมป้องกันโรค รักษา และฟื้นฟู

สำหรับเด็กที่มีปัญหาปากแหว่งเพดานโหว่นั้น ฟันจะเรียงตัวกันได้ไม่ดี ทำให้มีปัญหาเรื่องการบดเคี้ยวอาหาร หรือการออกเสียงคำพูด รวมไปถึงรูปลักษณ์ภายนอก ซึ่งการจัดฟันสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องปากแหว่งเพดานโหว่นั้นมีวัตถุประสงค์อยู่ 3 ข้อ ได้แก่ 1. ช่วยเรื่องการบดเคี้ยว 2. ช่วยเรื่องการออกเสียงคำพูด และ 3. ช่วยเรื่องรูปลักษณ์ ฉะนั้นผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่สามารถติดต่อขอรับการรักษาได้ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน หรือโทรสอบถามสายด่วน สปสช. 1330 ได้เช่นกัน

“ค่าใช้จ่ายนั้นจะเป็นแบบเหมาจ่ายรายเคส สำหรับการดูแลทั้งหมด รวมถึงบางรายการที่เป็นอุปกรณ์เสริมที่จำเป็น เช่น เครื่องมือสำหรับการถ่างขากรรไกรในกรณีที่ผู้ป่วยมีขากรรไกรบนเติบโตน้อยกว่าปกติ ขณะเดียวกันคนไทยทุกคนทุกสิทธิการรักษาหากจะวางแผนมีบุตรก็สามารถขอรับกรดโฟลิกที่สามารถช่วยป้องกันได้ เพราะตรงนี้ก็อยู่ในสิทธิประโยชน์สร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค” ทพ.อรรถพร ระบุ

ด้าน น.ส.อภิญญา บุญน่วม อายุ 19 ปี จ.กำแพงเพชร ผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ที่ได้รับการรักษาจากโครงการฯ กล่าวว่า ได้รับการผ่าตัดเย็บติดริมฝีปากตั้งแต่แรกเกิด และได้รับการจัดฟันตั้งแต่อายุ 12 ปี ตั้งแต่เข้าโครงการฯ ครั้งแรก ทำให้รู้สึกมีความมั่นใจ กล้ายิ้มมากขึ้นมากกว่าก่อนจัดฟัน รวมถึงรู้สึกว่าเมื่อได้รับการจัดฟันแล้วสามารถออกเสียงพูดได้ชัดขึ้น ส่วนตัวดีใจและตื่นเต้นที่ได้เข้าร่วมการรักษา อย่างไรดี ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผ่าตัดขากรรไกร เนื่องจากแพทย์เห็นว่าฟันบนและล่างยังไม่สบกัน

อนึ่ง ในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 3 นครสวรรค์ มีหน่วยบริการที่ขึ้นทะเบียนกับ สปสช. ให้บริการกรณีปากแหว่งเพดานโหว่ในระบบบัตรทอง 5 แห่ง ได้แก่ 1. โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ 2. โรงพยาบาลชัยนาทนเรนทร 3. โรงพยาบาลอุทัยธานี 4. โรงพยาบาลกำแพงเพชร และ 5. โรงพยาบาลพิจิตร

23 ธ.ค. 2566  ผู้จัดการออนไลน์


131


สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้เผยแพร่ภาพและข้อความระบุว่า เนื่องในอภิลักขิตสมัยขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2567 เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โปรดประทานพระรูป และลายพระหัตถ์เชิญพุทธศาสนสุภาษิต ว่า

“จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ” แปลความว่า “จิตที่ฝึกแล้ว นำความสุขมาให้” เป็นพระคติธรรมสำหรับความสุขปีใหม่ พุทธศักราช 2567

132
ราชบุรี - รถกระบะชนท้ายรถจักรยานยนต์ นศ.พยาบาลสาวปี 4 ขณะกำลังไปฝึกงานที่โรงพยาบาลราบุรีเสียชีวิต คนขับทิ้งรถหนี หน้าถนนบาสพาสเลี่ยงเมืองราชบุรี 

วันนี้ ( 19 ธ.ค.) พ.ต.ท.ชนรดิช เทียนทอง ร้อยเวร สภ.เมืองราชบุรี ได้รับแจ้งมีรถยนต์กระบะชนรถจักรยานยนต์ มีผู้เสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บ 1 ราย บริเวณหน้าถนนบาสพาสเลี่ยงเมืองราชบุรี ม.5 ตำบลดอนตะโก อ.เมือง จ.ราชบุรี  จึงเดินทางไปในที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิปฐมบรมราชานุสรณ์และแพทย์เวรโรงพยาบาลราชบุรี

ในที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า 4 ประตู สีขาว  หมายเลขทะเบียน กต 6694 ราชบุรี  สภาพหน้ารถพังยับเยิน ใกล้กันพบผู้บาดเจ็บ 1 รายอาการปานกลาง เจ้าหน้าที่ทำการช่วยเหลือก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ทราบชื่อคือนางชวนพิษ วราภักษ์ อายุ 55 ปี คนขับรถจักยานยนต์ และพบผู้เสียชีวิตจำนวน 1 รายเป็นหญิงทราบชื่อคือนางสาววริศรา มากสิน  อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่  120 ม.11 ต.คูบัว อ.เมือง จ.ราชบุรี เป็นนักศึกษาพยาบาลปี 4 กำลังฝึกงานอยู่ที่โรงพยาบาลใกล้จะจบห่างไปเล็กน้อยพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ ทะเบียน 1 กภ 6494 ราชบุรี สภาพยับเยิน

จากการสอบถามญาติผู้เสียชีวิตทราบว่านางชวนพิษ ผู้เป็นแม่และผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์กำลังขับไปส่งนางสาววริศรา ลูกสาวที่โรงพยาบาลราชบุรีเพื่อฝึกงานที่แผนกตึกฉุกเฉิน ขับออกมาจากบ้านยังไม่ถึง 50 เมตร มีรถยนต์กระบะคันก่อเหตุขับมาชนรถผู้เสียชีวิตจนกระเด็นลากไปไกลเกือบ 100 เมตร จนรถเสียหลักล้มจนได้รับบาดเจ็บและมีผู้เสียชีวิต

ส่วนรถกระบะญาติที่นั่งมาในรถด้วยกันให้การกับพนักงานสอบสวนว่ารถคนดังกล่าวมีนายอนันต์ ธรรมเนียม อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 203 ม.ต.ทุ่งหลวง อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นคนขับ ได้ขับมาจากในพื้นที่ตำบลทุ่งหลวง อ.ปากท่อ กำลังขับมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลราชบุรี เพื่อนำคนป่วยไปหาหมอตรวจร่างกาย

เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุบริเวณเส้นทางบายพาสถนนเลี่ยงเมืองราชบุรี ตนเองเงยหน้ามาอีกทีก็ชนไปแล้ว ส่วนคนขับได้หลบหนีไปไม่สามารถติดต่อได้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบในที่เกิดเหตุไว้เบื้องต้น และสอบพยานในที่เกิดเหตุ รวมถึงจะติดตามผู้ขับขี่รถยนต์กระบะมาดำเนินคดี และได้มอบศพของผู้เสียชีวิต ส่งชันสูตรเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลราชบุรีเพื่อหาสาเหตุของการเสียชีวิตอย่างละเอียดก่อนจะมอบศพให้ญาติรับไปประกอบประเพณีตามศาสนาและจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

19 ธ.ค. 2566  ผู้จัดการออนไลน์

133
ชลน่าน ไม่มีความเห็น ปมคลังจ่อปรับลดภาษีน้ำเมา กรมควบคุมโรค ส่งหนังสือถึง 4 จว.เปิดผับตี 4 เก็บข้อมูลผลกระทบ

เมื่อวันที่ 23 ธันวามคม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีการติดตามผลกระทบจากการเปิดสถานบริการถึงเวลา 04.00 น. ในพื้นที่นำร่อง 4 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร (กทม.) ชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต และเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ว่า ขณะนี้ยังไม่มีรายงานอะไรเข้ามา ส่วนที่ถามว่าหากมีรายงานตัวเลขอุบัติเหตุหรืออะไรที่เพิ่มขึ้นนั้น ตรงนี้ต้องดูเรื่องของเวลาและสถานที่ อย่างเช่นช่วงเทศกาล ก็จะมีตัวเลขที่เพิ่มขึ้นในตัวอยู่แล้ว แต่เหตุการณ์ปกติที่ไม่ใช่เทศกาลมีลักษณะสถิติเพิ่มขึ้น ก็ต้องเป็นข้อมูลนำเข้ามาประมวลว่า มาตรการที่เรารองรับและกำหนด เช่น การห้ามจำหน่ายแอลกอฮอล์สำหรับคนที่มีอาการมึนเมาตามกฎหมายปฏิบัติหรือไม่ มาตรการขอความร่วมมือเวลาดื่มแล้วจะออกจากร้านไม่ขับรถ หรือมีรถไปรับส่งปฏิบัติหรือไม่ ก็ต้องไปตรวจสอบดู ถ้ามาตรการเหล่านั้นปฏิบัติครบถ้วนแล้วยังมีสถิติที่เพิ่มขึ้นอยู่ก็ต้องมาพิจารณาว่าจะเสนอแนวทางอย่างไร

ด้าน นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรคได้มีหนังสือส่งไปในพื้นที่นำร่องแล้วว่า ให้ช่วยดำเนินการเก็บข้อมูลตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.เป็นต้นไป ที่มีการเปิดผับบาร์ถึงตี 4 ว่ามีประเด็นใดขึ้นมาบ้าง

ถามถึงกรณีเครือข่ายภาคประชาชนมีการยื่นหนังสือเพื่อขอให้ สธ.คัดค้านกระทรวงการคลัง กรณีที่จะมีปรับลดภาษีน้ำเมา ซึ่งกังวลจะทำให้ราคาถูกลงและเกิดการดื่มมากขึ้น นพ.ชลน่านกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการเสนอมาเลย และยังไม่เกิดขึ้น จึงยังไม่มีความเห็นที่เป็นทางการหรือความเห็นส่วนตัว

ด้าน นพ.นิพนธ์ ชินานนท์เวช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ภาษีมีที่คาบเกี่ยวมีหลายตัว จะมีทั้งเปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์ หากเปอร์เซ็นต์เยอะก็เก็บภาษีเยอะ และยังมีราคาในเรื่องของส่วนต่างราคาก็ต้องเก็บภาษีตามนั้น ซึ่งเป็นมาตรการของกรมสรรพสามิตในการกำหนดเกณฑ์ แล้วยังมีภาษีนำเข้าที่เป็นภาษีศุลกากร ซึ่งเป็นพาร์ทคนละเรื่องกัน อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลกมีข้อเสนอให้เก็บภาษีตามเปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์ เพราะยิ่งสูงก็ยิ่งมีผลเสียทำลายสุขภาพมากขึ้น ซึ่งประเทศไทยก็มีการเก็บทั้งรูปแบบเปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์ และเก็บภาษีที่เกี่ยวข้องกับส่วนต่างๆ ของราคา

“อย่างเหล้ายี่ห้อเดียวกัน เปอร์เซ็นต์เท่ากัน ราคาขายต่างกัน ภาษีก็อาจเก็บไม่เหมือนกันด้วย ซึ่งสรรพสามิตจะเป็นคนคำนวณ เบื้องต้นเราขอว่า อย่าให้ภาษีถูกเกินไป เราต้องให้ข้อมูลข้อเท็จจริง เพราะเมื่อไรที่มีการลดอัตราภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะส่งผลให้ราคาเหล้าถูกลง อัตราการบริโภคของเยาวชนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น มีหลายประเทศที่ศึกษามา เราก็ให้ความเห็นกระทรวงการคลังไป แต่ก็ต้องเป็นมาตรการเชิงนโยบายของรัฐบาลว่าจะมองอย่างไรกับประเด็นที่เกี่ยวข้อง” นพ.นิพนธ์กล่าว

23 ธันวามคม 2566
มติชน

134
สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.) ส่งหนังสือด่วนที่สุด ถึง ผู้ตรวจราชการ สธ. และ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตสุขภาพที่  1 – 12 เรื่องการดำเนินการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ ซึ่งมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 รับราชการต่อไปในสังกัด สป.สธ. ลงวันที่ 18 ธ.ค. 2566 ลงนามโดย นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล ผู้ตรวจราชการ สธ. รักษาราชการแทนรองปลัด สธ. ปฏิบัติราชการแทนปลัด สธ.

โดยหนังสือระบุว่า สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.) จะดำเนินการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ ซึ่งมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ในปีงบประมาณ 2567 รับราชการต่อไปในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.) ตามมาตรา 108 แห่ง พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ระเบียบข้าราชการพลเรือน 2551 เพื่อให้ข้าราชการผู้มีความรู้ ความสามารถ ทักษะ ประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ หรือความสามารถเฉพาะตัวรับราชการต่อไป เพื่อประโยชน์แก่ทางราชการ จึงกำหนดขั้นตอนการดำเนินการดังนี้

 หลักการ

1. หลักประโยชน์แก่ทางราชการ การให้ข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งมีอายุครบหกสิบปี บริบูรณ์รับราชการต่อไป ต้องเป็นความประสงค์ของทางราชการ เพื่อประโยชน์แก่ทางราชการ ไม่ใช่สิทธิของ ข้าราชการที่จะร้องขอ

2. หลักความสมัครใจของข้าราชการ แม้ส่วนราชการจะมีความประสงค์ให้ข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์รับราชการต่อไปเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการ แต่ต้องคํานึงถึงความสมัครใจและความพร้อมของข้าราชการรายดังกล่าวด้วย

3. ระยะเวลาที่จะให้รับราชการต่อไป เป็นครั้งแรก เป็นเวลา 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม 2567ถึงวันที่ 30 กันยายน 2569
 

ขั้นตอนการดําเนินการ

1. สํานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กําหนดให้ข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งมีอายุครบ หกสิบปีบริบูรณ์ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 รับราชการต่อไปในสังกัดสํานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในตําแหน่งนายแพทย์ ประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ ในสาขาวุฒิบัตรความเชี่ยวชาญ ดังนี้
    1) สาขาเวชศาสตร์ครอบครัว
    2) สาขาประสาทศัลยศาสตร์
    3) สาขาความขาดแคลนตามบริบทของพื้นที่

โดยให้คณะกรรมการระดับเขตสุขภาพ พิจารณาสาขาวุฒิบัตรความเชี่ยวชาญ ที่จะให้ข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ใน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 รับราชการต่อไปในเขตสุขภาพ และให้ผ่านความเห็นชอบจากผู้ตรวจราชการ กระทรวงสาธารณสุขประจําเขตสุขภาพ นั้น

2. สํานักงานเขตสุขภาพ ดําเนินการแจ้งให้หน่วยงานในเขตพื้นที่พิจารณาความจําเป็น จะให้ข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 รับราชการต่อไป โดยยึดหลักประโยชน์แก่ทางราชการ ภายในวันที่ 12 มกราคม 2567

3. หน่วยงานที่มีความจําเป็นที่จะให้ข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 รับราชการต่อไป ดําเนินการสอบถามความสมัครใจของข้าราชการ พร้อมจัดทํา เอกสารตามแบบแสดงความประสงค์ขอรับราชการต่อไป และจัดส่งเอกสารไปยังสํานักงานเขตสุขภาพ ภายในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567

19 December 2023
https://www.hfocus.org/content/2023/12/29290

135
อาหารไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก เมื่อ TasteAtlas จัดอันดับ 100 เมนูอาหารที่ดีที่สุดในโลกปี 2023 ซึ่ง ”ผัดกะเพรา“ ได้อันดับ 3 มาครอง นอกจากนั้นยังมีอาหารไทยอีก 4 เมนู ติดโพลในครั้งนี้ด้วย

เว็บไซต์ TasteAtlas เว็บไซต์อาหารชื่อดัง ที่จัดอันดับความอร่อยของอาหารหลากหลายจากทั่วโลก ได้จัดอันดับ “เมนูอาหารที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2023“ (100 Best Dishes in the World in 2023)

ซึ่งผลการจัดอันดับทำเอาคนไทยร้องเฮ! เพราะเมนู ”ผัดกะเพรา“ ของไทย สามารถคว้าอันดับ 3 มาครองได้

ไม่เท่านั้นยังมีอาหารไทยอีก 4 เมนู ที่ติดมาใน 100 อันดับในครั้งนี้ด้วย ได้แก่

อันดับ 6 ข้าวซอย
อันดับ 10 แกงพะแนง
อันดับ 15 ต้มข่าไก่
อันดับที่ 73 แกงมัสมั่น

สำหรับเมนูอาหารที่ได้
อันดับ 1 ในปีนี้ก็คือ เมนู “เนื้อพิคานย่า“ ของประเทศบราซิล
อันดับ 2 Roti canai จากประเทศมาเลเซีย
อันดับ 3 ผัดกะเพรา จากประเทศไทย
อันดับ 4 Pizza Napoletana จากประเทศอิตาลี
อันดับ 5 Guotie จากประเทศจีน
อันดับ 6 ข้าวซอย จากประเทศไทย
อันดับ 7 Butter Garlic Naan จากประเทศอินเดีย
อันดับ 8 Tangbao จากประเทศจีน
อันดับ 9 Shashlik จากประเทศรัสเซีย
อันดับ 10 แกงพะแนง จากประเทศไทย


Out of 10,927 cataloged dishes, based on 395,205 user ratings (271,819 valid), these 100 dishes received the highest ratings.

https://www.tasteatlas.com/best/dishes?fbclid=IwAR3tQzDPh0tJsoMymHFJ1UvYV6ysIo2vTHhV4BsHdBYsqRaPCpYVS3oDytM_aem_AUZcYDaSnRhWvxJAlmT1-ajFrmw57hmQ9Qng62htlbXqvJWXxTIjOaZSmwR1bCADF6Y


14 ธ.ค. 2566  ผู้จัดการออนไลน์

หน้า: 1 ... 7 8 [9] 10 11 ... 535