หรือว่า ใช้ความเป็นตุลาการ หรือความเป็นหัวหมอ( ความ) 

เห็นด้วยครับ absolute power

      พวกนี้มันแผนสูง ส่วนใหญ่ที่รู้ก็รู้แค่อาหารที่อยู่ตรงหน้าเพราะเห็นมันอยู่ตรงหน้า   แต่คนส่วนน้อยที่จะรู้และเห็นว่ามีกำดักรออยู่ถัดไป จากอาหารจานนั้น  ถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ ให้เวลาผ่านไปและกินอาหารจานนั้น  ต่อไปก็จะหลีกหนีกับดักนั้นไม่พ้นแน่นอน   แล้วเราจะทำยังไงกันดี  หรือจะปล่อยตัวให้กระแสเรื่องนี้มันพัดเราไปตกที่ไหนก็ได้ ที่คนอื่นวางหลุมพรางดักเราไว้อย่างนั้นหรือครับ

 
     รัฐบาล คงคิดว่า เจ้าของธุรกิจด้านการรักษาพยาบาล ภาคเอกชน คงจะโง่เนอะ  คงจะไม่ฉลาด คิดตามไม่ทัน

     ในเมื่่อ รัฐบาลออกประกาศซะขนาดนี้ ถ้าเจ้าของธุรกิจไม่ขึ้นค่ารักษา ก็โง่เหมือนที่ รัฐบาลคิดแล้วล่ะ....อีเวร

    คุณหมอแตกต่างจากคุณหมอท่านอื่น ที่ตั้งใจดีและเคยรักษาผู้ป่วยแล้วเสียชีวิต ทำให้เกิดเป็นความผิด เป็นคดีความ คุณหมอไม่เหมือนกับคุณหมอที่ผมกล่าวถึงเหล่านั้น

    คงคล้ายกับกรณี รัฐมนตรีสาธารณสุขท่านนึงในอดีต ที่คอรัปชั่นจนโดนจับได้ แล้วหนีไปบวช เพื่อให้บาปเจือจาง สุดท้ายออกมาเขียนหนังสือ เพื่อให้สังคมให้อภัย ว่าถ้ารู้จักหลักธรรมในศาสนาพุทธตั้งแต่แรก ชีวิตตนก็จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าไม่ถูกจับได้ ก็คงไม่สำนึกผิด

    ทุกวันนี้ คนในสังคมจะทำอะไร ไม่ค่อยมีสมองคิดให้รอบคอบ หรือคิดเผื่อ เพียงคิดแต่ว่าทำไปก่อน ถ้ามันเดือดร้อนกับคนอื่น ก็ค่อยมา fake หน้าตา สำนึกผิด เดี๋ยวสังคมก็ให้อภัย เพราะสังคมทุกวันนี้ก็เน้นปรองดอง ไอ้พวกจิตเวชก็พยายามโน้มน้าวให้คนมองโลกในแง่ดี ทำๆไป เดี๋ยวเขาก็ยกโทษให้ ไม่เคยคิดว่าสิ่งที่กำลังจะทำลงไป มันมีผลร้ายหรือเดือดร้อนคนอื่นหรือไม่ อย่างเก่งก็ทำหน้าปูเลี่ยน ร้องไห้บีบน้ำตาเยอะๆเข้าไว้ ยกมือกราบชาวบ้านชาวช่องไปทั่ว แล้วก็หัวเราะแหะๆ  คำขอโทษที่จริงใจไม่เคยออกจากปากเลย แล้วก็ผ่านไป ต่อมาก็ทำแบบเดิมอีก  นี่ล่ะสังคมทุกวันนี้ 


 

 ความคิดเห็นของคุณ เข้าท่าดีนะครับ ไปกระทรวงตามวันเวลาที่เขานัดเถอะครับ จะได้ใช้ idea ของคุณให้เป็นประโยชน์และจะได้ช่วยเหลือพวกเราๆ ด้วย ดีไหมครับ ขอบคุณครับ

 

    ถ้ายังไงอยากให้ลองดูนะครับ  เพราะเคยโทรไปคุย ที่กลุ่มกฎหมาย สป.แล้ว เขาพูดคุยดีมากหลายๆคน แต่คุณอุษา ที่ทำงานที่กลุ่มกฏหมาย สป. เธอให้ข้อเสนอแนะมาว่า

    อยากให้ทำหนังสือราชการแจ้งรายละเอียดของปัญหา หรือสิ่งที่เราอยากรู้จากระเบียบมาให้ชัดเจน จากนั้นส่งมาที่กลุ่มกฎหมาย สป. สำหรับหนังสือราชการนั้น จะออกจากหน่วยงานโดยตรง หรือผ่าน สสจ.ก็ได้ ขึ้นกับระบบของจังหวัดนั้นๆ บางจังหวัดกลัวว่าสสจ.จะไม่รู้เรื่องด้วย ก็ทำหนังสือจากหน่วยงานไปที่สสจ. ก่อน แต่บางจังหวัดก็อนุญาตให้หน่วยงานทำหนังสือหารือปรึกษาได้โดยตรง

    หลังจากที่ได้รับหนังสือหารือมาแล้ว จะมีการประชุมของนักกฏหมายในกลุ่มกฏหมาย สป.อีกครั้ง เพื่อการตีความ และหาข้อสรุป  คุณอุษา ยังบอกอีกว่า ถ้าโทรศัพท์มาปรึกษา  ถ้าเจอนักกฏหมายท่านใดที่รับสาย ท่านก็ตีความในความเห็นของท่านเท่านั้น ซึ่งอาจไม่ใช่ข้อสรุปหรือข้อเท็จจริง ที่จะไปมีผลบังคับใช้

    เรียนตามที่ทราบครับ  

  แล้วตอนนี้ ทราบหริอยังครับ ว่าโรงพยาบาลไหนถูกจัดเป็น พื้นที่ปกติ/กันดารระดับ1 /กันดารระดับ 2

เพราะในเมื่อได้ตัวเลขของจำนวนแห่ง ตามที่รายงานมา ก็น่าจะทราบได้แล้ว ใช่ไหมครับ

จะได้วางแผนชีวิต กันต่อไปครับ