แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - admin

หน้า: [1]
1
ข่าวสมาพันธ์ / Re: เว็บโดนแฮก
« เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2011, 14:45:01 »
ช่วงหลังนี้ ดูดีขึ้นนะครับ

2
ข่าวสมาพันธ์ / Re: เว็บโดนแฮก
« เมื่อ: 26 ตุลาคม 2011, 16:09:50 »
ต้องขออภัยอย่างสูงครับ บังเอิญว่า ช่วงนี้มันมี script malware ถูกใส่เข้ามาในเว็บไซท์ (ไวรัส,โทรจัน) ผมก็เลยเข้าไปแก้ไขโปรแกรมระบบ บังเอิญกดพลาดข้อมูลก็เลยหายหมด พยายามกู้กลับมาได้บางส่วน หากมีข้อมูลอะไรที่หายไป ก็ต้องขออภัยด้วยครับ

3
ข่าวสมาพันธ์ / Re: เว็บโดนแฮก
« เมื่อ: 26 ตุลาคม 2011, 12:16:59 »
มันมาบ่อยจัง  >:(

4
ข่าวสมาพันธ์ / เว็บโดนแฮก
« เมื่อ: 16 ตุลาคม 2011, 21:20:13 »
แก้ไขแล้วครับ ขอบคุณพี่ประดิษฐ์ที่ช่วยแจ้ง
หากใครพบเห็นความผิดปกติของเว็บ รบกวนช่วยแจ้งมาที่ webmaster@thaihospital.org ให้ด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ  :)

5
ข่าว รพศ./รพท. / ยินดีต้อนรับ om2196
« เมื่อ: 26 มกราคม 2010, 00:35:00 »
ได้รับ e-mial แล้วครับ ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บสมาพันธ์  :)

6
ข่าวเกี่ยวกับวงการแพทย์ / สมัครสมาชิก
« เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2009, 14:58:29 »
 :) ตอนนี้ เปิดให้สมัครสมาชิกได้อิสระครับ  :)

แต่เพื่อให้ identify ได้ว่าสมาชิกเป็นใคร หลังจากสมัครสมาชิกแล้ว กรุณา ส่งอีเมล์มายัง

webmaster@thaihospital.org

พร้อมกับ แนะนำตัว, สถานที่ปฏิบัติงาน และ log-in มาด้วยครับ

หรือจะส่งข้อความส่วนตัวมายัง admin ก็ได้ครับ

7
แถลงการณ์สมาพันธ์แพทย์รพศ/รพท กรณีงบไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข (9 ตค.52)

8
หนังสือจากสมาพันธ์ฯ ถึงปลัดกระทรวงฯ (1 กค.52)

9
หนังสือข้อเสนองบประมาณสำหรับงานสุขภาพถ้วนหน้า ประจำปีงบประมาณ 2553 (30 เมย.52)

10
สรุปผลการร่วมประชุมกับคณะกรรมการพิจารณาการธำรงรักษาและการสร้างขวัญกำลังใจบุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุข ของกระทรวงสาธารณสุข

11
ข่าว รพศ./รพท. / สมาชิกใหม่
« เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2009, 16:55:28 »
คือตอนนี้ ผมไม่ทราบว่าใครเป็นใคร หลายคนที่สมัครสมาชิกเข้ามา

จริงๆ คือผมต้องการ identify ได้ว่าใครเป็นใคร

เอาอย่างนี้ดีไหมครับ ถ้าสมัครสมาชิกมาแล้ว ให้อีเมล์ถึงผมหน่อยว่า
ชื่ออะไร ทำงานอยู่ที่ไหน มีรายละเอียดอะไรบ้าง จะได้รู้จักกัน

ส่งมาที่ webmaster@thaihospital.org

12
สธ.ชี้การจ่ายค่าตอบแทนบุคลากรที่จะเริ่มกค.52 ใช้เพียงชั่วคราว 15 เดือน และเตรียมปรับใหม่ทั้งระบบครอบคลุมทุกสาขาวิชาชีพ เริ่มใช้ตค.53

 โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ชี้การจ่ายค่าตอบแทนบุคลากรที่จะเริ่มใช้ กค. 2552 เป็นข้อสรุปร่วมกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จ่ายทั้งตามอายุการทำงานและตามภาระงาน เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ ดึงบุคลากรให้อยู่ในระบบนานขึ้น แก้ไขปัญหาการขาดแคลนบุคลากร โดยจะใช้ชั่วคราวแค่ 15 เดือน และจะปรับใหม่ทั้งระบบ เพื่อให้ครอบคลุมทุกกลุ่มบุคลากร ทั้งบริหาร บริการ และวิชาการ ให้มีผลใช้ทันในตุลาคมปีหน้า

จากกรณี พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา ประธานสมาพันธ์ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมแห่งประเทศไทย และที่ปรึกษาสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป กล่าวถึงการจ่ายค่าตอบแทนสำหรับโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไปว่า เป็นการบริหารงานที่ไม่เป็นธรรม โดยให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข โฆษกกระทรวง และยังมีนพ.เกรียงศักดิ์ วัชระนุกูลเกียรติ นายแพทย์อารักษ์ วงศ์วรชาติ ซึ่งเป็นแพทย์โรงพยาบาลชุมชน และประธานชมรมแพทย์ชนทบ เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง เป็นตัวแทนในการเจรจา โดยค่าตอบแทนนี้จะให้เฉพาะโรงพยาบาลในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เท่านั้น ส่วนโรงพยาบาลสังกัดกรมอื่นๆ ต้องไปเรียกร้องเอาเอง พร้อมระบุว่าไม่พยายามแก้ไขปัญหาขาดแคลนบุคลากรนั้น

ความคืบหน้าใน เรื่องดังกล่าว นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน โดยผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เจรจากับตัวแทนสหวิชาชีพจากโรงพยาบาลศูนย์และโรง พยาบาลทั่วไป เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา คือตนและนายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น ส่วนแพทย์ชนบททั้ง 2 ท่านนั้น เป็นเพียงผู้เข้าร่วมประชุมกับหัวหน้าพยาบาล/รองผู้อำนวยการฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไป และผู้แทนพยาบาลโรงพยาบาลชุมชนเท่านั้น ไม่ได้เป็นตัวแทนการเจรจาของกระทรวงสาธารณสุขแต่อย่างใด ผลการประชุมได้ข้อสรุป และปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้เห็นชอบในหลักการแล้ว โดยจะประกาศหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนสำหรับโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลชุมชนสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวง เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2552 เป็นต้นไป

หลักเกณฑ์ในการจ่ายค่าตอบแทนดังกล่าว พิจารณาจ่ายให้ 2 ส่วน ได้แก่ จ่ายตามอายุการปฏิบัติงาน และจ่ายตามภาระงาน

การจ่ายตามอายุการปฏิบัติงาน ได้แก่

แพทย์/ทันตแพทย์
ทำงานปีที่ 1 – 3 เดือนละ 10,000 บาท
ปีที่ 4 ขึ้นไป 15,000 บาท

เภสัชกร
ปีที่ 1 – 3 เดือนละ 3,000 บาท
ปีที่ 4 ขึ้นไป 4,500 บาท

พยาบาลวิชาชีพและสาขาอื่น ๆ ระดับปริญญาตรี
รับเท่ากันคือปีที่ 1 – 3 เดือนละ 1,200 บาท
ปีที่ 4 ขึ้นไป 1,800 บาท

ส่วนบุคลากรต่ำกว่าปริญญาตรี
ปีที่ 1-3 เดือนละ 600 บาท
ปีที่ 4 ขึ้นไป 900 บาท

ส่วนการจ่ายตามภาระงาน จะพิจารณาที่ความยุ่งยากซับซ้อนแตกต่างกัน ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างเร่งพิจารณาให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว

และมีผลบังคับใช้ย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2552 เช่นกัน

ทั้ง นี้ ในส่วนของโรงพยาบาลสังกัดกรมวิชาการต่าง ๆ ในสังกัดของกระทรวงสาธารณสุขซึ่งเป็นนิติบุคคล สามารถนำหลักเกณฑ์ตามประกาศดังกล่าวนี้ไปใช้เป็นแนวทางจัดทำหลักเกณฑ์ของ หน่วยงานได้ ตามระเบียบเงินบำรุงของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งอธิบดีเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจ

นายแพทย์สุพรรณกล่าวต่อว่า อัตราค่าตอบแทนดังกล่าวนี้ จะใช้ชั่วคราวเพียง 15 เดือนจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2553 หลังจากนั้นกระทรวงสาธารณสุขจะใช้แนวทางใหม่ ซึ่งจะจ่ายค่าตอบแทนครอบคลุมบุคลากรทุกคน ทั้งกลุ่มบริการ กลุ่มบริหาร และกลุ่มวิชาการ ที่ทำงานในส่วนกลาง ศูนย์วิชาการต่างๆ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ และสถานีอนามัย โดยจะยึดตามภาระงาน ความขาดแคลนบุคลากร ความยุ่งยากของงาน พื้นที่ในการทำงาน เป็นหลักในการพิจารณา เพื่อรักษาความสามัคคีในการทำงานร่วมกันของทีมสุขภาพในโรงพยาบาล และเป็นธรรมที่สุด

ที่มา : http://www.moph.go.th/ops/iprg/iprg_new/include/admin_hotnew/show_hotnew.php?idHot_new=26519
วันที่ 10 กรกฎาคม  2552

13
ข่าวจาก ASTV ผู้จัดการออนไลน์ 1 กค.52


สธ.หารือเพิ่มค่าตอบแทนบุคลกรทางการแพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรง พยาบาลทั่วไปเคลียร์ ยกเว้นพยาบาลวิชาชีพ ยังไม่ยอมขอเพิ่มมากกว่าโรงพยาบาลชุมชน เตรียมนัดหารืออีกรอบสรุปให้จบ ก่อนประกาศมีผลบังคับใช้พร้อมกัน


        เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 1 ก.ค. นายพิเชฐ พัฒนโชติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังหารือร่วมกับกลุ่มแพทย์และพยาบาลที่มาชุมนุมเรียกร้องขอเพิ่ม ค่าตอบแทน ว่า บุคลากรทุกสาขาวิชาชีพในโรงพยาบาลศูนย์/ทั่วไป ยอมรับตามข้อสรุปของ สธ.ที่ นพ.ปราชญ์ บุณยวงค์วิโรจน์ ลงนามเห็นชอบในหลักการเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2552 โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่ม ที่ทำงาน 1-3 ปี แพทย์/ทันตแพทย์ รับค่าตอบแทน 10,000 บาทต่อเดือน เภสัชกร 3,000 บาทต่อเดือน สาขาปริญญาตรี เช่น เทคนิคการแพทย์ สาธารณสุข 1,200 บาทต่อเดือน และสาขาต่ำกว่าปริญญาตรีใน 600 บาทต่อเดือน และ 2.กลุ่มที่ทำงาน 4 ปีขึ้นไป แพทย์/ทันตแพทย์ รับค่าตอบแทน 15,000 บาทต่อเดือน เภสัชกร 4,500 บาทต่อเดือน สาขาปริญญาตรี เช่น เทคนิคการแพทย์ สาธารณสุข 1,800 บาทต่อเดือน และสาขาต่ำกว่าปริญญาตรีใน 900 บาทต่อเดือน
      
       "ทุกกลุ่ม วิชาชีพยอมรับตามข้อสรุปของ สธ. ซึ่งค่าตอบแทบที่จะได้รับมีอัตราเดียวเทียบเท่ากับอัตราต่ำสุด ที่จ่ายให้กับบุคลากรวิชาชีพในโรงพยาบาลชุมชน ยกเว้นกลุ่มพยาบาลวิชาชีพที่ยังต้องการให้ สธ.จ่ายค่าตอบแทนให้มากกว่าที่จ่ายให้พยาบาลวิชาชีพในโรงพยาบาลชุมชน โดย สธ.สรุปให้จ่ายให้ในอัตรา 1,200 บาท หรือ 2,000 บาท และ 1,800 บาท หรือ 3,000 บาท แต่พยาบาลวิชาชีพบางกลุ่มต้องการให้เพิ่มเป็น 4,000 และ 6,000 บาททำให้ สธ.ต้องทบทวนใหม่"นายพิเชฐ กล่าว
      
       นาย พิเชฐ กล่าวต่อว่า สธ.จำเป็นต้องหารือร่วมกับพยาบาลวิชาชีพในทุกกลุ่ม รวมถึงพยาบาลในโรงพยาบาลชุมชนอีกครั้งหนึ่ง เพราะหากเพิ่มให้พยาบาลโรงพยาบาลศูนย์/ทั่วไป พยาบาลใน รพ.ชุมชนก็จะมาเรียกร้องขอเพิ่มอีก ปัญหาก็จะไม่จบ ซึ่งหากได้ข้อสรุปในส่วนของพยาบาลแล้วจึงจะสามารถออกเป็นประกาศ สธ.เรื่องค่าตอบแทนสำหรับโรงพยาบาลศูนย์/ทั่วไปได้ เนื่องจากประกาศต้องออกพร้อมกันทุกสาขาวิชาชีพ แต่จะมีผลย้อนหลังให้ถึงวันที่ 1 ก.ค.2552
      
       นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สำหรับเงินค่าตอบแทนบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไป ให้ใช้เงินบำรุงของโรงพยาบาลโดยให้คณะทำงานผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขใน แต่ละพื้นที่เป็นผู้ดำเนินการเกลี่ยเงินบำรุงโรงพยาบาลในแต่ละเขตพื้นที่จัด สรรไปยังโรงพยาบาลต่างในพื้นที่ดูแล เพื่อไม่ให้กระทบกับงบประมาณของภาครัฐ ซึ่งเงินบำรุงของโรงพยาบาลแต่ละแห่งถือว่ามีเพียงพอในการจ่ายค่าตอบแทนให้ กับบุคลากรทางการแพทย์ ส่วนที่เกรงว่าหากนำเงินบำรุงมาจ่ายค่าตอบแทนจะส่งผลกระทบกับงบการก่อสร้าง พัฒนาและปรับปรุงโรงพยาบาลนั้น รัฐบาลได้เตรียมงบประมาณจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 4 แสนล้านบาทในโครงการไทยเข็มแข็ง ซึ่งสธ.ได้ของบประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ในจำนวนนี้มีงบในการก่อสร้างและปรับปรุงอาคารที่สามารถนำมาชดเชยได้อยู่แล้ว
      
       "ก่อน หน้านี้ ได้หารือทบทวนค่าตอบแทนบุลคากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่ว ไป 3 ครั้ง แต่ไม่ได้ข้อสรุป คุยแต่ละครั้งข้อสรุปยังไม่ตรงกัน เพราะกลุ่มยังไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ให้ไปรวมกลุ่มให้เป็นเอกภาพก่อนค่อยนัดหารือกันอีกครั้งให้จบไปเลย โดยได้มอบหมายให้ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานคณะกรรมการทบทวนค่าตอบแทน" นายวิทยา กล่าว

14
ข้อมูลจาก www.matichon.co.th หนังสือพิมพ์มติชน
ประจำวันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11436 หน้า10


เมื่อ เวลา 08.00 น. วันที่ 1 กรกฎาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา ประธานสมาพันธ์ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมแห่งประเทศไทย พร้อมแพทย์และพยาบาลจากโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์/โรงพยาบาลทั่วไป กว่า 300 คน ได้เรียกร้องขอความเป็นธรรม กรณีขอเพิ่มค่าตอบแทนเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายแก่บุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาล ศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป


โดย พญ.เชิดชูกล่าวว่า มาทวงคำตอบจากนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งได้เรียกร้องให้มีคำสั่งจ่ายเบี้ยเลี้ยงแก่แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ ในโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป ในอัตราที่เท่ากับโรงพยาบาลชุมชน โดยให้มีผลทันทีในวันที่ 1 กรกฎาคม 2552 แต่เมื่อเลยกำหนดวันที่ได้หารือกันก่อนหน้านี้แล้วแต่ไม่มีการดำเนินการใดๆ จึงต้องรวมตัวกันเพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งค่าตอบแทนเบี้ยเลี้ยงสามารถนำเงินบำรุงของโรงพยาบาลมาจ่ายให้บุคลกรทั้ง แพทย์และพยาบาลได้

พร้อมกันนี้ขอให้เพิ่มค่าตอบแทนการปฏิบัติ ราชการในเวลาวิกาลและนอกเวลาราชการ ให้มีอัตราเท่ากับของราชการท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร และให้ปรับอัตราเงินเดือนของบุคลากรทางการแพทย์ ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 ที่กำหนดให้มีการพิจารณาจ่ายค่าตอบแทนแพทย์ตามภาระงานที่ต้องรับผิดชอบ

"แพทย์ ในโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป ถือว่ามีภาระงานหนัก ทุกคนต้องอดทนทำงาน สัปดาห์ละ 120 ชั่วโมง ทั้งกลางวันกลางคืน ได้เงินเดือนน้อย ยิ่ง สธ.เพิ่มค่าตอบแทนเบี้ยเลี้ยงให้กับโรงพยาบาลชุมชน ยิ่งเพิ่มภาระงานเป็น 3 เท่า แต่ไม่ได้ค่าตอบแทนที่เป็นธรรมคิดแต่จะบังคับให้ทำงาน ที่ผ่านมาได้มีการเรียกร้องผ่าน นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีสาธารณสุขแล้ว แต่กลับไม่ดำเนินการอะไรเลย" พญ.เชิดชูกล่าว และว่า ในอนาคต สธ.จะต้องปฏิรูประบบบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยในการตรวจรักษาสุขภาพ เนื่องจากมีผู้ป่วยเข้ามารับบริการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่แพทย์ในระบบราชการลดลงและเกิดการขาดแคลนแพทย์ ซึ่งจะต้องมีการจัดสรรบุคลากรผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาให้มีความเหมาะสม รวมทั้งให้ประชาชนที่มีความสามารถจ่ายได้ ร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาล

นาย วิทยากล่าวว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจากกลุ่มแพทย์และพยาบาลที่มาเรียกร้องขอเพิ่มค่าตอบ แทนแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือร่วมกัน ในส่วนของข้อเรียกร้องที่ต้องการให้มีการบรรจุแพทย์และพยาบาลที่เป็นลูกจ้าง ของโรงพยาบาลให้เป็นข้าราชการนั้น สธ.ได้เสนอขออัตราบรรจุไปยังสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) แล้ว 11,000 อัตรา ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้มีการกำชับไปยัง ก.พ.ให้พิจารณาเรื่องนี้เป็นพิเศษ เนื่องจากแพทย์และพยาบาลเป็นสาขาที่มีความขาดแคลน

"ปัจจุบันแพทย์ และพยาบาลที่เป็นลูกจ้างโรงพยาบาล โรงพยาบาลใช้งบประมาณจากรายได้ของโรงพยาบาลในการจ่ายค่าตอบแทน ซึ่งหาก ก.พ.อนุมัติอัตราบรรจุเป็นข้าราชการตามที่ สธ.เสนอ ก็จะไม่ไปสร้างภาระงบประมาณของภาครัฐ เพราะโรงพยาบาลสามารถเลี้ยงตัวเองได้ แต่ในบางโรงพยาบาลที่มีรายได้ไม่เพียงพอ ก็จะให้โรงพยาบาลที่อยู่ในเขตเดียวกันเกลี่ยรายได้กันเอง" นายวิทยากล่าว

หน้า: [1]