My Community

หมวดหมู่ทั่วไป => ข่าวสมาพันธ์ => ข้อความที่เริ่มโดย: story ที่ 13 มกราคม 2012, 22:50:49

หัวข้อ: แถลงการณ์ สผพท.ไม่ได้จ้องล้มจะล้มระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 13 มกราคม 2012, 22:50:49
แถลงการณ์เรื่องสผพท.ไม่ได้จ้องล้มจะล้มระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
แต่ต้องการตรวจสอบการบริหารงาน และบริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๕๔๘- ๒๕๕๔
สหพันธ์ผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์และสาธารณสุขแห่งประเทศไทย(สผพท.)
(http://i1015.photobucket.com/albums/af274/tigerns2505/c4d0350d.jpg)

   ตามที่มีการแถลงข่าวของกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่อ้าว่ามีกลุ่มคนที่จ้องจะทำลายระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และได้กล่าวว่าสหพันธ์ผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์และสาธารณสุขแห่งประเทศไทย (สผพท.)ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนจ้องทำลายระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาตินั้น

สผพท.ขอแถลงว่า สผพท.ไม่ได้คิดจ้องทำลายระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ แต่สผพท.ต้องการตรวจสอบทำงานบริหารกองทุนอย่างสุจริต โปร่งใสให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อที่จะสามารถพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพให้มีคุณภาพมาตรฐาน เพื่อให้ประชาชนได้รับความปลอดภัยและได้รับประโยชน์สูงสุดจากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ  ได้รับการดูแลรักษาอย่างมีมาตรฐานทางการแพทย์ที่ดี  ไม่เกิดความเสียหายต่อชีวิตและสุขภาพ เพื่อที่จะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี
สผพท.ในฐานะเป็นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ผู้ปฏิบัติการในการดูแลรักษาประชาชนหรือเดี๋ยวนี้เรียกว่าผู้ให้บริการสาธารณสุขนั้น ต้องการให้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติควบคุมการบริหารจัดการของสปสช.ให้บริหารเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่บริหารจัดการด้านการเงินอย่างฉ้อฉล ไม่ให้บริหารการเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติในการให้ผลประโยชน์ตอบแทนแก่กลุ่มพวกพ้อง ที่เป็นเจ้าหน้าที่ในสปสช. เป็นคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและเป็นอนุกรรมการต่างๆในสปสช. ดังที่สตง.ได้ชี้มูลความผิดมาแล้ว ๗ ประเด็น และยังไม่ได้ชี้มูลความผิดอีกมาก ซึ่งเห็นว่าควรจะมีการสอบสวนเพื่อลงโทษเลขาธิการสปสช. และคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติตั้งแต่ปีพ.ศ. 2548-2553 ตามการชี้ประเด็นของสตง.

  อนึ่งการอ้างว่ามีตัวแทนภาคประชาชน ได้รับเลือกเข้าไปเป็นกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นั้น การคัดเลือกกรรมการเหล่านี้ก็ไม่ได้ประกาศรับสมัครให้ประชาชนรู้อย่างแพร่หลาย การเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิก็เลือกในกลุ่มพวกพ้องของตนเองเท่านั้น  จนสามารถบริหารจัดการในด้านเงินบริหารสำนักงาน เพื่อให้ประโยชน์แก่พวกพ้องตนเองได้ และบริหารเงินกองทุนหลักประกันฯโดยผิดกฎหมาย เอื้อประโยชน์ให้โรงพยาบาลเอกชนบางแห่ง ได้เงินไปผ่าตัดผู้ป่วยต้อกระจก โดยสปสช.จัดซื้อเล็นส์แก้วตาเทียมด้อยคุณภาพ แต่คิดกำไรเกินควรส่งให้รพ.เอกชนที่เข้าร่วมโครงการ และรพ.เอกชนขนาดเล็กที่หมอเกรียงศักดิ์เอ่ยถึงในทำการผ่าตัดต้อกระจกแล้วก็ไม่รับผิดชอบดูแลผู้ป่วยหลังผ่าตัด เทื่อผู้ป่วยมีอาการแทรกซ้อน ผู้ป่วยต้องหันมาพึ่งการดูแลจากรพ.ภาครัฐที่ไม่ได้เป็นผู้ทำผ่าตัดนั้นๆฉะนั้นจึงถือว่าสปสช.เอื้อประโยชน์ให้รพ.เอกชนบางแห่ง และไม่ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน

  นอกจากนี้ยังมีพฤติการณ์อีกมากมายที่สปสช.และคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้บริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพ ผิดมติครม. ผิดระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ผิดประกาศสตง. ผิดพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ผิดระเบียบของสปสช.เอง ตามประเด็นที่สตง.ชี้มูลความผิดแล้ว ๗ ประเด็น และยังมีประเด็นอื่นๆที่สตง.กำลังตรวจสอบอยู่อย่างเข้มข้น

  เราจึงขอแถลงว่าเราสผพท.ไม่ได้ต้องการล้มระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติตามที่ถูกกล่าวหา แต่เราต้องการตรวจสอบการทำงานของคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและสปสช.ตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๕๔๘ –๒๕๕๔ ว่ามีการทุจริตและทำผิดกฎหมายหลายๆฉบับดังกล่าวหรือไม่อย่างไร เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ให้เงินกองทุนหลักประกันฯ ไปตกอยู่ในกระเป๋าของกรรมการหลักประกันฯและพวกพ้อง แทนที่จะส่งไปยังโรงพยาบาลที่ให้บริการสาธารณสุขหรือหน่วยที่ปฏิบัติงานดูแลรักษาประชาชน ให้สามารถรักษาคุณภาพมาตรฐานการแพทย์และการรักษาประชาชนให้ดียิ่งๆขึ้น

  ฉะนั้น ถ้ากลุ่มรักหลักประกันสุขภาพต้องการให้มีระบบหลักประกันสุขภาพที่ดีมีมาตรฐานเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนจริง  ควรจะมาร่วมมือกับสผพท.ที่ก็เป็นประชาชนเช่นเดียวกัน ในการตรวจสอบความสุจริต โปร่งใส และการบริหารเงินกองทุนของสปสช.ว่าเป็นประโยชน์แก่ประชาชนอย่างแท้จริง

  อนึ่ง ขอเรียกร้องให้ปปช.ช่วยตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและเลขาธิการสปสช.เป็นประจำทุกปี เนื่องจากเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบบริหารเงินงบประมาณแผ่นดินจำนวนมหาศาลถึงปีละ ๒๐๐๐,๐๐๐ ล้านบาท