My Community

หมวดหมู่ทั่วไป => ข่าวเกี่ยวกับวงการแพทย์ => ข้อความที่เริ่มโดย: story ที่ 30 มกราคม 2021, 11:43:11

หัวข้อ: สธ.-ศธ. จับมือเปิดหลักสูตรโภชนาการจาก"กัญขา"
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 30 มกราคม 2021, 11:43:11
20 ม.ค.64 -  กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมลงนามความร่วมมือ การถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านโภชนาการจากส่วนของพืชกัญชาและกัญชงที่ได้รับการยกเว้นจากการเป็นสารเสพติด พัฒนาเป็น “หลักสูตรอาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพจากส่วนกัญชากัญชงที่ไม่ใช่ยาเสพติด” สร้างความรู้ความเข้าใจให้วิสหกิจชุมชนปรุงเมนูอาหารที่มีกัญชาเป็นส่วนผสมได้อย่างปลอดภัย ต่อยอดสร้างรายได้ สร้างอาชีพ แก่ประชาชน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานในพิธีกล่าวว่า ในการขับเคลื่อนกัญขาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะเวลากว่า 1 ปี เริ่มเห็นภาพชัดเจน ตั้งแต่ปีแรกที่ได้ผลักดันเรื่องกัญชา คือ การทำยาที่มาจากสารสกัดจากกัญชา ที่กระจายไปยังโรงพยาบาลกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ และยังมีการจัดตั้งคลินิกกัญชาทางการแพทย์ขึ้นในโรงพยาบาล และผู้ป่วยสามารถเข้าได้ เราก็ได้ทำงานพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พืชกัญชาสร้างประโยชน์มากขึ้น โดยคำนึงถึงรายได้ และโอกาสของเกษตรกรมากที่สุด เป็นการทำงานคู่ขนานไปงานวิจัย ที่มีคุณประโยชน์ทางการแพทย์อย่างแท้จริง สู่การจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศในอนาคต

และในโอกาสนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ พืชกัญชาได้สู่การพัฒนาร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ ในการพัฒนาหลักสูตรที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด และถูกกฎหมาย ทันสมัย ปลอดภัย มีประโยชน์ต่อสุขภาพและสังคม ขยายผลเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ ในระยะแรกจะเริ่มดำเนินการร่วมกับสำนักงานกศน. จังหวัด / กรุงเทพมหานครและสถานศึกษาขึ้นตรงในจังหวัดที่มีวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับอนุญาตให้ปลูกกัญชา เน้นการพัฒนาทักษะความรู้ความเข้าใจ ให้วิสาหกิจชุมชนปรุงอาหารที่มีกัญชาเป็นส่วนผสมได้อย่างปลอดภัยและจะขยายต่อไปยังผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ปลูกกัญชงในระยะต่อไป "คาดว่าเมื่อเปิดประเทศจะเป็นอาหารเมนูใหม่ที่ทุกคนอยากลิ้มลอง ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ของพืชกัญชา กัญชง โดยที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกับโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้เริ่มโครงการมาชิมกัญ โดยนำเมนูอาหารที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรทำไว้ เป็นต้นแบบไปเผยแพร่ให้ร้านอาหารที่สนใจ ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างชาติ ทำให้เห็นโอกาสในการต่อยอดธุรกิจจากกัญชาและกัญชงมีจริง เช่น ก๋วยเตี๋ยว/เกาเหลาหมูตุ๋นอารมณ์ดี เล้งแซ่บซดเพลิน รื่นเริงบันเทิงยำ ข้าวกะเพราสุขใจ น้ำคั้นใบกัญชาสดผสมชา ขนมปังกรอบ คุกกี้ ชอร์ตเบรด เป็นต้น"นายอนุทินกล่าว

น้ำดื่มซู่ซ่า มีส่วนผสมของกัญชา

     ด้านนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในระยะแรกจะเริ่มดำเนินการร่วมกับสำนักงาน กศน. จังหวัด/ กรุงเทพมหานคร และสถานศึกษาขึ้นตรงในจังหวัดที่มีวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับอนุญาตให้ปลูกกัญชา เน้นการพัฒนาทักษะ ความรู้ ความเข้าใจ ให้วิสาหกิจชุมชนปรุงอาหารที่มีกัญชาเป็นส่วนผสมได้อย่างปลอดภัย และจะขยายต่อไปยังผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ปลูกกัญชงในระยะต่อไป สำหรับการดำเนินการ กระทรวงสาธารณสุขโดยสถาบันกัญชาทางการแพทย์ ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนนโยบายกัญชาทางการแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เป็นผู้ดูแลด้านกฎหมาย ระเบียบ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ที่มีความรู้ทางวิชาการด้านการใช้กัญชาตามองค์ความรู้ดั้งเดิม และโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ที่เป็นหน่วยปฏิบัติในการนำนโยบายกัญชาทางการแพทย์ไปปฏิบัติ โดยจะเปิดตัวให้ผู้สนใจได้ลงทะเบียนที่งานมหกรรมกัญชา กัญชง 360° เพื่อประชาชน ระหว่างวันที่ 5-7 มีนาคม 2564 ณ สนามช้างอารีน่า จังหวัดบุรีรัมย์

คู่มือการใช้กัญชาที่ถูกต้อง

    ด้าน ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทาวงศึกษาธิการ กล่าวว่า หลังจากมีการปลดล็อคบางส่วนของกัญชาและกัญชง ให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ โดยไม่จำกัดเป็นสารเสพติด ยกเว้น ช่อดอกและเมล็ดกัญชา ซึ่งส่วนที่นำมาใช้ได้แก่ ใบที่ไม่ติดกับช่อดอก เปลือก ลำต้น เส้นใย กิ่ง ก้าน ราก ซึ่งไม่ถือว่าเป็นยาเสพติด โดยเป็นการผสมผสานองค์ความรู้ทางภูมิปัญญาที่คนไทยเคยใช้กัญชาทำอาหาร และองค์ความรู้ทางด้านวิจัย ต่อยอดการอบรมให้ผู้ประกอบการสามารถนำไปประกอบอาชีพได้จริง รวมไปถึงความรู้การตลาด ที่จะสร้างอัตลักษณ์ธุรกิจจากกัญชา เพื่อห่วงโซ่การพัฒนาทางด้านอาชีพจากกัญชาและกัญชงที่สมบูรณ์

20 มกราคม พ.ศ. 2564
https://www.thaipost.net/main/detail/90443