My Community

หมวดหมู่ทั่วไป => ข่าวเกี่ยวกับวงการแพทย์ => ข้อความที่เริ่มโดย: story ที่ 29 ธันวาคม 2020, 20:17:19

หัวข้อ: สธ.ยัน ผักผลไม้ 70-80% สารพิษตกค้างไม่เกินค่ามาตรฐาน
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 29 ธันวาคม 2020, 20:17:19
สธ.ยันผักผลไม้ส่วนใหญ่ 70-80% สารพิษตกค้างไม่เกินค่ามาตรฐาน ทั้งที่ด่านนำเข้า โรงคัดแยกบรรจุ และตลาด ส่วนที่เกินมาตรฐานจะดำเนินคดีอาหารผิดมาตรฐานไม่ปลอดภัย โทษปรับ 5 หมื่นบาท ชี้ หากมาจากโรงคัดแยกบรรจุจะมีฉลากตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งผลิต เพื่อปรับปรุงการปลูกลดสารเคมี เชื่อแบน 3 สารพิษแล้ว แนวโน้มสารพิษตกค้างอาจลดลง

วันนี้ (8 ธ.ค.) นพ.พูลลาภ ฉันทวิจิตรวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Thai-Pan) สุ่มตรวจพบผักผลไม้มีสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้างหลายชนิด ว่า การกำกับดูแลความปลอดภัยของผักผลไม้ตลอดห่วงโซ่อาหาร สธ.ทำร่วมกับหลายหน่วยงานเป็นเครือข่าย รวมทั้ง Thai-pan ด้วย เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดูแลต้นน้ำเรื่องการปลูก ส่วน สธ. ดูแลปลายน้ำคุ้มครองผู้บริโภค โดยเฉพาะที่โรงคัดแยกและบรรจุที่ อย.กำหนดให้มีการติดฉลากเพื่อให้เกิดการตรวจสอบย้อนกลับไปยังแหล่งผลิต หรือแหล่งปลูกต้นทางได้ว่า ผักผลไม้นี้มาจากไร่สวนใด นอกจากนี้ ยังคอยตรวจสอบและเฝ้าระวังสารพิษตกค้างในผักผลไม้ ทั้งกลุ่มนำเข้าที่ด่านอาหารและยา 52 แห่งทั่วประเทศ ที่โรงคัดแยกและบรรจุ และผักผลไม้ที่จำหน่ายในตลาดทั่วประเทศ โดยส่งตรวจกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ขณะที่กรมอนามัยก็มีการตรวจคุณภาพของผักผลไม้ที่จะมาเป็นวัตถุดิบของร้านอาหาร ภัตตาคารต่างๆ แม้กระทั่ง รพ.ในสังกัด สธ.ก็พยายามให้ข้อมูลความรู้ประชาชน ส่งเสริมให้เกิดการซื้อขายผักผลไม้ที่ปลอดสารพิษ นำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการทำอาหารให้ผู้ป่วย
นพ.พูลลาภ กล่าวว่า จากการตรวจวิเคราะห์ผักและผลไม้ในปี 2563 ส่วนใหญ่ค่าสารพิษตกค้างยังคงผ่านเกณฑ์มาตรฐานมากกว่า 70-80% โดยสถานที่ผลิตหรือโรงคัดและบรรจุ และสถานที่จำหน่าย ได้แก่ ห้างค้าปลีก ค้าส่ง ตลาดนัด ตลาดสดทั่วประเทศ ตรวจวิเคราะห์ผักผลไม้ทั้งหมด 416 ตัวอย่าง ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน 354 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 85.1 เช่น กะหล่ำปลี กระเทียม แครอท แตงกวา ผักกาดขาว กล้วย สับปะรด แอปเปิ้ล องุ่นเขียว เมลอน เป็นต้น ส่วนที่ด่านอาหารและยาตรวจ 890 ตัวอย่าง ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน 698 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 78.43 เช่น กระเทียม มันเทศ หอมหัวใหญ่ เห็ด เป็นต้น สำหรับผักผลไม้ที่ตรวจพบสารเคมีตกค้างเกินมาตรฐาน จัดเป็นอาหารผิดมาตรฐาน ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 387 จัดเป็นอาหารผิดมาตรฐาน มีโทษปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท กรณีสถานที่ผลิต (คัดและบรรจุ) หากผักผลไม้ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานตาม ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 386 มีโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท และติดตามตรวจสอบไปถึงแหล่งผลิตเพื่อให้ปรับปรุงการปลูกและผลิตลดสารเคมี

“นอกจากนี้ ยังมีมาตรการที่ด่านนำเข้าอาหารและยา โดยมีการจัดทำประวัติสินค้าที่มีสารพิษตกค้างไว้ ก็จะเฝ้าระวังเป็นพิเศษ หากมีการส่งเข้ามาจะมีการอายัด และส่งตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ หากเกินค่ามาตรฐานจะทำลายหรือส่งกลับประเทศต้นทาง ไม่ให้มาถึงมือประชาชน” นพ.พูลลาภ กล่าว

เมื่อถามถึงความคืบหน้าการแบนสารพิษทางการเกษตร นพ.พูลลาภ กล่าวว่า สธ.รณรงค์ลดความเสี่ยงการรับสารเคมีอันตรายร่วมกับหน่วยงานต่างๆ พยายามไม่ให้นำเข้าสารเคมีอันตาย ทั้งยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้า เพื่อลดความเสี่ยงในการสัมผัส รวมถึงร่วมกับกรมวิชาการเกษตรในการควบคุมกำกับ 3 สารพิษ ทั้งพาราควอต คลอร์ไพรีฟอส และไกลโฟเซต ซึ่งเมื่อกำหนดเป็นวัตถุอันตรายประเภท 4 จะจำกัดการนำเข้าไม่ให้มีการใช้เลย กรมวิชาการเกษตรก็พยายามให้ความรู้และควบคุมกำกับทั้ง 3 สารนี้ โดยหลังจากมีการควบคุม คาดว่า แนวโน้มในการใช้สารพิษ หรือตรวจเจอสารพิษน่าจะลดลง อย่างไรก็ตาม ในส่วนของประชาชนขอให้เลือกซื้อผักผลไม้สดจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ล้างผักผลไม้เพื่อลดสารพิษตกค้าง

9 ธ.ค. 2563  ผู้จัดการออนไลน์
หัวข้อ: สธ.ร่วมภาคีเครือข่ายกำกับดูแลผักผลไม้ปลอดสารพิษตลอดห่วงโซ่อาหาร
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 29 ธันวาคม 2020, 20:18:28
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมภาคีเครือข่ายกำกับดูแล ผัก ผลไม้ปลอดสารพิษ ตลอดห่วงโซ่อาหาร ตั้งแต่ต้นน้ำการผลิตถึงปลายน้ำสู่มือผู้บริโภค รณรงค์แบนการใช้ 3 สารเคมีอันตรายทางการเกษตร ส่งเสริมเกษตรกรปลูกผักผลไม้ด้วยเกษตรอินทรีย์ ให้ผู้บริโภคเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เผยผลการตรวจผักผลไม้นำเข้าที่ด่านและตลาดส่วนใหญ่ยังปลอดภัยจากสารพิษ

วันนี้ (8 ธันวาคม 2563) นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Thai-Pan) สุ่มตรวจพบ ผัก ผลไม้มีสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้างหลายชนิด ว่า การกำกับดูแลความปลอดภัยของผัก ผลไม้ มีการดำเนินการร่วมกันเป็นเครือข่ายหลายหน่วยงาน เพื่อดูแลความปลอดภัยตลอดห่วงโซ่อาหาร ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดูแลเรื่องวิธีการเพาะปลูกของเกษตรกร การอนุญาตวัตถุอันตรายที่ใช้ทางการเกษตร และการนำวัตถุอันตรายไปใช้อย่างถูกวิธี ส่วนกระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ช่วยคุ้มครองผู้บริโภคในปลายน้ำ ด้วยการตรวจสอบและเฝ้าระวังสารพิษตกค้างในผัก ผลไม้นำเข้าที่ด่านอาหารและยา 52 แห่งทั่วประเทศ และผักผลไม้ที่จำหน่ายในตลาดทั่วประเทศ โดยส่งตรวจกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

ทั้งนี้ จากการตรวจวิเคราะห์ผักและผลไม้ในปี 2563 พบว่า ณ สถานที่ผลิต (คัดและบรรจุ) และสถานที่จำหน่าย ได้แก่ ห้างค้าปลีก ค้าส่ง ตลาดนัด ตลาดสดทั่วประเทศ ตรวจวิเคราะห์ผักผลไม้ทั้งหมด 416 ตัวอย่าง ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน 354 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 85.1 เช่น กะหล่ำปลี กระเทียม แครอท แตงกวา ผักกาดขาว กล้วย สับปะรด แอปเปิ้ล องุ่นเขียว เมลอน เป็นต้น ส่วนที่ด่านอาหารและยาตรวจ 890 ตัวอย่าง ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน 698 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 78.43 เช่น กระเทียม มันเทศ หอมหัวใหญ่ เห็ด เป็นต้น

นายแพทย์เกียรติภูมิกล่าวต่อว่า สำหรับผัก ผลไม้ที่ตรวจพบสารเคมีตกค้างเกินมาตรฐาน จัดเป็นอาหารผิดมาตรฐาน มีโทษปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท หากตรวจพบที่ด่านอาหารและยาจะมีการอายัดสินค้า เพื่อทำลายหรือส่งกลับประเทศต้นทาง ไม่ให้มาถึงมือประชาชน นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขยังร่วมกับภาคีเครือข่ายต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม รวมถึงเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช รณรงค์ให้เกษตรกรงดใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชในการปลูก ส่งเสริมวิถีเกษตรอินทรีย์ และร่วมแบนสารเคมีอันตรายทางเกษตร 3 ชนิด คือ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต เพื่อความปลอดภัยทั้งตัวเกษตรกรเอง ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมผู้บริโภคเลือกซื้อผัก ผลไม้สดจากแหล่งที่เชื่อถือได้ หรือมีตราสัญลักษณ์รับรองคุณภาพจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ และแนะนำการล้างผักผลไม้สดที่ถูกวิธีเพื่อช่วยลดสารพิษตกค้าง


8 ธ.ค. 2563 ผู้จัดการออนไลน์