My Community

หมวดหมู่ทั่วไป => ข่าวเกี่ยวกับวงการแพทย์ => ข้อความที่เริ่มโดย: story ที่ 15 มีนาคม 2014, 23:50:29

หัวข้อ: อิทธิฤทธิ์กองทัพเสื้อกาวน์! เล่นงาน “แม้ว-ปู” กระอัก-“เสื้อแดง” หาช่องเอาคืน
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 15 มีนาคม 2014, 23:50:29
 การเคลื่อนไหวของคนเสื้อกาวน์เพื่อกดดันรัฐบาลยิ่งลักษณ์ กำลังกลายเป็นหนามยอกอกทิ่มแทง “ชินวัตร-เพื่อไทย” โดยเฉพาะนายใหญ่ถึงขั้นกระอักเลือด ถูกประชาคมสาธารณสุขประจานทั่วประเทศ ส่วนเสื้อแดงก็ทำได้แค่ส่งคนเพียงกระหยิบมือไปราวี แสดงพฤติกรรมอันธพาลเป็นช่วงๆ เพื่อเอาใจนาย ขณะที่คนสาธารณสุขแจง ความเข้มแข็งของบุคลากรทางการแพทย์จะสั่งสอนนักการเมือง หากขี้โกงจะไม่มีที่ยืน พร้อมปลุกข้าราชการหน่วยอื่น-ทุกสังคมตื่นตัว มั่นใจเป่านกหวีดให้ทำอะไร คนเสื้อกาวน์พร้อมทันที!
       
       ปรากฏการณ์ของคนเสื้อกาวน์และบุคลากรทางการแพทย์ทั้งหมดที่ออกมาแสดงพลังสมทบมวลมหาประชาชนและกปปส. ในการต่อต้านรัฐบาลคอร์รัปชันและต้องการให้มีการปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้งมาเป็นเวลากว่า 3 เดือน จนถึงวันนี้พลังของคนเสื้อกาวน์ยิ่งแข็งแกร่งและพร้อมเพรียงกันในการต่อต้านรัฐบาลขี้โกงชุดนี้ ด้วยการติดป้ายต้านรัฐบาลโกง คัดค้านความรุนแรง ประณามการทำร้ายและเข่นฆ่าประชาชน ติดไปทั่วสถานพยาบาลทุกแห่ง ตั้งแต่โรงเรียนแพทย์ ศิริราช รามาธิบดี และโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข
       
       ป้ายและข้อความเหล่านี้จึงกลายเป็นหนามยอกอกทิ่มแทงหัวใจคนในรัฐบาล โดยเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร “นายใหญ่” ตัวจริง และรัฐบาลรักษาการยิ่งลักษณ์ รวมไปถึง นพ.ประดิษฐ์ สินธวณรงค์ รักษาการรัฐมนตรีสาธารณสุข และพรรคเพื่อไทย กลุ่มคนเสื้อแดง ที่ล้วนเป็นฝ่ายสนับสนุนที่พร้อมจะทำทุกอย่างให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีต่อไป
       
       เมื่อป้ายเหล่านี้ทิ่มแทงหัวใจ คนที่จงรักและภักดีต่อ “ชินวัตร-เพื่อไทย” ก็ต้องดิ้นรนหาทางที่จะปลดออกเพื่อเอาใจนาย แต่อาจจะเป็นเรื่องยากที่คนเสื้อแดงจะหาญกล้ารวมพลมาปลดป้ายที่ติดอยู่หน้าโรงเรียนแพทย์ใน กทม.
       หรือสถานพยาบาลใหญ่ๆ ใน กทม.
       
       “หน้าโรงพยาบาลรามา คณะวิทยาศาสตร์มหิดล ที่ถนนพระรามที่ 6 ติดป้าย รามาธิบดีต้านรัฐบาลโกง รามาธิบดีประณามการทำร้ายและเข่นฆ่าประชาชน ที่หน้าตึกฉุกเฉิน คนเสื้อแดงก็คงจะอยากมาดึงออก อยากมาราวี แต่เชื่อไม่กล้าทำ เพราะถ้าทำจะถูกต่อต้านเช่นกัน”
       
       ดังนั้นคนเสื้อแดงจึงกล้าแค่ไปกดดันโรงพยาบาลชุมชนเล็กๆ ที่ใช้กำลังแค่ 40-50 คนไปรุกรานแพทย์ พยาบาลและทำให้คนไข้ตื่นกลัวเท่านั้น

       
       ที่ผ่านมาเราจึงได้เห็นพฤติกรรมคนเสื้อแดงรุกรานสถานพยาบาล เช่น เมื่อวันที่ 8 มี.ค. กลุ่มลูกคนเมืองรักชาติเชียงราย ที่มี น.ส.จิรนันท์ จันทวงษ์ เป็นแกนนำ ได้นำสมาชิกไปรวมตัวกันหน้าอาคารศูนย์แพทยศาสตร์ศึกษาชั้นคลินิก โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ และมีการใช้เครื่องขยายเสียงด่านายแพทย์สุทัศน์ ศรีวิไล ผอ.โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ด้วยถ้อยคำรุนแรงกล่าวหาว่าเป็นพวกเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.)
       
       อีกทั้งกลุ่มคนเสื้อแดง ยังเผารูปหมอสุทัศน์ โลงศพจำลองพร้อมหุ่นฟาง ควบคู่ไปกับการสาปส่ง ส่งผลให้เจ้าหน้าที่และผู้ป่วยที่อยู่ในโรงพยาบาลเป็นจำนวนมากแตกตื่น และมีกลุ่มคนที่อยู่บริเวณนั้นไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมคนเสื้อแดงที่คุกคามบุคลากรทางการแพทย์จึงตะโกนด่าสวนออกไป ในที่สุดคนเสื้อแดงก็ถอยกลับไป
       
       อย่างไรก็ดี พฤติกรรมของคนเสื้อแดงที่คุกคามสถานพยาบาลนั้น ยังเกิดขึ้นที่ จ.ตาก โดยนายแพทย์ธวัชชัย เศรษฐศุภธนา รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลแม่สอด จ.ตาก ซึ่งรักษาการผู้อำนวยการ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปดำเนินการกับคนเสื้อแดงที่บุกปลดป้ายที่โรงพยาบาลเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างและเพื่อไม่ให้อันธพาลได้ใจในการไปเที่ยวระรานปลดป้ายซึ่งเป็นทรัพย์สินของโรงพยาบาล
       
       นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคนเสื้อแดงที่นำมวลชนบุกสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดราชบุรี เพื่อปลดป้ายข้อความต่อต้านรัฐบาลรักษาการ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
       
       แต่ที่น่าอดสูที่สุดก็คือคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่บริเวณชั้น 7 แผนกห้องผ่าตัดโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่ง พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ได้โพสต์ข้อความประณามการกระทำดังกล่าว โดยที่ผ่านมา พล.ต.นพ.เหรียญทอง เคยแสดงจุดยืนทางการเมืองอย่างชัดเจน เมื่อครั้งที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ปฏิบัติการชัตดาวน์กรุงเทพฯ เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา พล.ต.นพ.เหรียญทอง ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ในส่วนของเครื่องมือทางการแพทย์ ยาเวชภัณฑ์ และอาหารการกินของผู้ชุมนุม ขณะเดียวกันได้ให้การรักษากับคนทุกกลุ่ม ทุกสีเป็นอย่างดี
       
       ล่าสุด นพ.ประดิษฐ์ สินธวณรงค์ รักษาการรัฐมนตรีสาธารณสุข อดรนทนไม่ได้ที่เห็นป้ายต่อต้านรัฐบาลที่ติดหน้าสถานพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ ได้แสดงความเห็นว่า การขึ้นป้ายของหน่วยงานต่างๆ ภายในกระทรวง และโรงพยาบาลทั่วประเทศไทยนั้น เคยขอร้องไปแล้วว่าให้หลีกเลี่ยง เพราะเหมือนการสาดน้ำมันเข้ากองไฟ ส่วนการออกมาเคลื่อนไหวของ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ.นั้น
       
       “เชื่อว่าปลัดฯ เป็นผู้ใหญ่พอ รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด โดยเป็นตัวอย่างที่ดีต่อข้าราชการภายในกระทรวง อีกทั้งยังรู้ด้วยว่าจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งภายใน สธ.


       แหล่งข่าวจากกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า นั่นเป็นเพียงวิธีการที่คนเสื้อแดง และรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะกระทำได้แค่นั้น เพราะหากคนเสื้อแดงทำอะไร รุนแรงกับสถานพยาบาลย่อมจะได้รับการต่อต้านจากคนที่อยู่ในชุมชนนั้นๆ เพราะต้องยอมรับว่าแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ทุกคนก็เป็นคนที่ชาวบ้านให้ความเคารพ นับถือ
       
       ส่วนการนัดรวมพลของคนเสื้อกาวน์และบุคลากรทางการแพทย์ทุกสถาบัน รวมไปถึงการออกมาประกาศตัวของ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ด้วยการนำประชาคมกระทรวงสาธารณสุขแสดงจุดยืนที่จะไม่ยอมรับรัฐบาลที่โกงประชาชน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลใดก็ตาม และจะต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันร่วมกับภาคส่วนอื่นในสังคมต่อไป สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับสังคมได้ตระหนัก ปลุกกระแสรวมกันปฏิเสธรัฐบาลขี้โกง และชี้ให้เห็นว่าหากได้รัฐบาลขี้โกงจะส่งผลเสียหายต่อประเทศอย่างไร
       
       อีกทั้งเป็นการจุดกระแสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมตรวจสอบการทำงานของนักการเมืองมากยิ่งขึ้น เนื่องเพราะแพทย์ เป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับในทางสังคม เป็นคนมีเหตุมีผล ยึดความถูกต้อง และเป็นครั้งแรกที่แพทย์ทุกสถาบันออกมารวมตัวกันมากขนาดนี้
       
       ขณะเดียวกันการจะส่งใครก็ตามมาเป็นผู้บริหารโดยเฉพาะในกระทรวงสาธารณสุข ทุกพรรคการเมืองจะต้องคิด ต้องไตร่ตรองกันให้ดีเพราะประชาคมสาธารณสุขจะจับตารัฐมนตรีที่เข้ามาบริหาร จะโกง จะกินกันไม่ได้อีกต่อไป
       
       “นักการเมืองถ้าคิดจะมาโกงในกระทรวงสาธารณสุขจะอยู่ไม่ได้ ข้าราชการไม่มีทางยอมอีกต่อไป เพราะครั้งนี้เท่ากับว่าพวกเราได้ประกาศตัวไม่ต้อนรับนักการเมืองขี้โกงทุกคน ทุกรัฐบาล”
       
       แหล่งข่าวระบุว่า การที่ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ. ประกาศนำหน้าข้าราชการต้านนักการเมืองโกงได้สำเร็จ เป็นเพราะกระทรวงนี้มีจุดแข็ง ตรงที่มีกลุ่มแพทย์อาวุโสอดีตข้าราชการ สธ. ที่มีบทบาทในทางสังคมที่ไม่เคยเกรงกลัวการเมือง ออกมาร่วมเคลื่อนไหว ตัวอย่างเช่น นพ.มรกต กรเกษม อดีต รมช.สธ. นพ.มงคล ณ สงขลา อดีตปลัด สธ.และ รมว.สธ. นพ.บรรลุ ศิริพานิช อดีตรองปลัด สธ. นพ.ไพจิตร์ วราชิต อดีตปลัด สธ. นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล อดีตรองปลัด สธ. นพ.หทัย ชิตานนท์ ประธานสถาบันส่งเสริมสุขภาพไทย นพ.อำพล จินดาวัฒนะ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) เป็นต้น
       
       “กระทรวงสาธารณสุขแข็งแกร่งเพราะเรามีรุ่นพี่ให้การสนับสนุน และในกระทรวงก็มีแพทย์ พยาบาล นักวิชาการ ในรุ่น 14 ตุลาฯ หลายคน แม้วันนี้จะเกษียณไปแล้วก็ยังมีพวก 6 ตุลาฯ อยู่อีกจำนวนหนึ่ง ถัดจากรุ่นนี้เราก็มีแพทย์ชนบทที่เป็นกลไกคอยตรวจสอบความถูกต้องชอบธรรม ที่นักการเมืองต้องคิดหนักหากจะคิดมาโกงในกระทรวงนี้”

       
       แหล่งข่าวบอกอีกว่า ปัจจุบันสถานพยาบาลในสังกัด สธ. ต่างติดป้ายไม่เอารัฐบาลขี้โกง ปฏิเสธอำนาจรัฐบาลรักษาการโดยตรง ซึ่งเป็นป้ายที่เสียดแทงใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และรักษาการนายกฯ ยิ่งลักษณ์ นพ.ประดิษฐ์ รักษาการรัฐมนตรี สธ. พรรคเพื่อไทย รวมทั้งคนเสื้อแดง เนื่องจากผู้ที่เป็นแกนนำในการต่อต้านกลับเป็น นพ.ณรงค์ ปลัด สธ. ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนเลือกมากับมือ พร้อมส่งมอบให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
       
       โดยขณะนั้น นายวิทยา บุรณศิริ ซึ่งกำลังจะหลุดเก้าอี้รัฐมนตรี สธ. เป็นคนเสนอและผลักดันให้ นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) ซึ่งมีผลงานโดดเด่น ขึ้นเป็นปลัดกระทรวง แต่แล้วก็มีใบสั่งจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ให้แต่งตั้ง นพ.ณรงค์ ซึ่งเป็นอธิบดีกรมสุขภาพจิต ในตอนนั้นขึ้นเป็นปลัด สธ.แทนที่ นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ.ที่กำลังจะเกษียณอายุราชการ
       
       “คุณทักษิณเลือกหมอณรงค์ เพราะมีผู้ใหญ่พรรคชาติไทยพัฒนา พาไปพบ และคุยฝากฝังกันไว้เพื่อผลักดันให้นั่งเก้าอี้ปลัดกระทรวงที่ฮ่องกง และต้องเข้ามาดูแลในเรื่องระบบสุขภาพที่จะทำให้ประชาชนได้รับบริการที่ดี ตามที่เพื่อไทยคิดและทำ”
       
       ดังนั้น เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณมีคำสั่งไปที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์และนายวิทยา ทุกคนจึงไม่กล้าปฏิเสธและต้องผลักดันให้นพ.ณรงค์เป็นปลัดกระทรวงแทน ส่วน นพ.พรเทพ ในที่สุดก็ต้องถูกโยกจากกรมควบคุมโรคไปเป็นอธิบดีกรมอนามัยในสมัยที่ นพ.ประดิษฐ์ ขึ้นมาเป็นรัฐมนตรี สธ.แทนนายวิทยา บุรณศิริ
       
       แหล่งข่าวบอกว่า เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เลือก นพ.ณรงค์ ขึ้นมาเป็นปลัด สธ. แต่ต้องมาถูกป้ายโจมตี ที่สำคัญเป็นแกนนำข้าราชการ สธ.ต่อต้านเสียเอง ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณไม่พอใจ ซึ่งบรรดาลิ่วล้อก็รู้ว่า “นายใหญ่” ไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากให้คนเสื้อแดงในพื้นที่ไปข่มขู่ คุกคามสถานพยาบาลเพื่อให้ปลดป้ายออกเท่านั้น
       
       แหล่งข่าวเล่าว่า ในหลักการทางกลุ่มแพทย์ที่บริหารสถานพยาบาล หากถูกกลุ่มเสื้อแดงไปคุกคาม ก็จะแก้ไขปัญหากันไป ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในช่วงนั้น ถ้ารุนแรงก็จะแจ้งความ แต่ถ้าไม่มีอะไร ทางผู้อำนวยการสถานพยาบาลก็จะใช้วิธีการปลดป้ายลง และเมื่อคนเสื้อแดงไปแล้วก็จะนำมาติดกันใหม่
       
       “วันนี้ประชาคม สธ.เรามีกัน 2 แสนกว่าคน ไม่รวม อสม.ที่วันนี้การเมืองเข้ามาแทรกแซงได้แล้ว พวกเราจึงไม่หวัง อสม. แต่ยังเชื่อว่าบุคลากรของเราจะช่วยกันต่อต้านรัฐบาลโกง”


       ขณะเดียวกันการขับเคลื่อนของบุคลากรทางการแพทย์ของกระทรวง สธ.ซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศ จะเป็นกำลังสำคัญในกลุ่มของคนเสื้อกาวน์เพราะมีอยู่ตามสถานพยาบาลทั่วประเทศ และจะมีการประสานกับเครือข่ายแพทย์ในทุกๆ สถาบันเพื่อให้เกิดการปฏิรูปประเทศและระบบราชการอีกระลอกหนึ่งภายหลังที่มีการปฏิรูประบบราชการไปแล้วในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2545
       
       “การปฏิรูปเมื่อปี 2545 เป็นการปฏิรูปที่ทำให้ราชการเกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่การบริหารแบบ CEO ซึ่งการปฏิรูปตรงนี้ทำให้ระบบราชการเสียหายมาก เพราะมีการใช้ผลประโยชน์เป็นหลัก การแต่งตั้งโยกย้าย ก็ใช้ระบบข้ามหัวตามที่ CEO ต้องการ ระบบคุณธรรมหายไปหมด”
       
       แต่การปฏิรูปครั้งนี้ที่จะมีนักวิชาการ แพทย์อาวุโส และบุคลากรด้านสาธารณสุข เข้ามาช่วยกันคิด ช่วยกันร่าง โดยจะกำหนดเป็นยุทธศาสตร์หลัก ยุทธศาสตร์ย่อยต่างๆ เพื่อผลักดันให้เป็นรูปธรรมในการปฏิรูประบบสาธารณสุขซึ่งเป็นหน่วยหนึ่งของการปฏิรูปประเทศต่อไป
       
       ที่สำคัญเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์ และประชาคมสาธารณสุขมีความแข้มแข็งมาก และมีความพร้อมที่จะดำเนินการขับเคลื่อนได้อย่างรวดเร็วทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเรื่องการติดป้ายไม่เอารัฐบาลโกง หรือในเร็วๆ นี้หากมีประเด็นปัญหาที่กลุ่มเครือข่ายแพทย์จะต้องออกมาร่วมเคลื่อนไหว เครือข่ายแพทย์ก็มีความพร้อม ขอแค่ส่งสัญญาณเท่านั้น!


ASTVผู้จัดการออนไลน์    15 มีนาคม 2557