ผู้เขียน หัวข้อ: เครือข่ายสุขภาพแถลงค้านคำสั่งคสช.เด้ง7 บอร์ดสสส. นัดถก11 ม.ค. กำหนดเคลื่อนไหวใหญ  (อ่าน 653 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9763
    • ดูรายละเอียด
เครือข่ายสุขภาพแถลงการณ์ค้านคำสั่งคสช.เด้ง7 กรรมการสสส. นัดถก11 ม.ค. กำหนดเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ด้านแพทย์สพศท. จี้′หมอวิชัย′โชว์หลักฐานบ.เหล้า-บุหรี่จ้องล้มสสส.


เมื่อวันที่ 7 มกราคม ขบวนการสร้างเสริมสุขภาพภาคประชาชน (Thai Health Promotion Movement)  ประกอบด้วยเครือข่ายภาคประชาชนจากทั่วประเทศ 20 เครือข่าย  มีชมรมแพทย์ชนบท เครือข่ายผู้บริโภค เครือข่ายเด็ก เยาวชน และครอบครัว เครือข่ายงดเหล้าและบุหรี่ เครือข่ายเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน(FTA Watch) เครือข่ายองค์กรแรงงานไทย(อรท.) เครือข่ายแรงงานนอกระบบ  เครือข่ายชาติพันธุ์และผู้มีปัญหาสถานะ เครือข่ายสุขภาวะผู้หญิง  เครือข่ายสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศ เครือข่ายสลัมสี่ภาค เครือข่ายหมออนามัย เครือข่ายผู้ป่วย เครือข่ายนักวิชาการปฏิรูประบบสุขภาพ เครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่น เครือข่ายสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย เครือข่ายสมาคมวิศวกรรม  เครือข่ายกลุ่มคนรักหลักประกัน  เครือข่ายประกันสังคมคนทำงาน ฯลฯ ได้ออกแถลงการณ์กรณีคำสั่งคสช.ที่ 1/2559 เมื่อวันที่ 5 มกราคม ให้คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. จำนวน 7 คน ออกจากตำแหน่ง ได้แก่ นพ.วิชัย โชควิวัฒน รองประธานกรรมการคนที่ 2 และคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีก 6 คน ได้แก่ นายสงกรานต์ ภาคโชคดี นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ  นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ นายสมพร ใช้บางยาง  รศ.ประภาภัทร นิยม และนายวิเชียร พงศธร  นั้น

แถลงการณ์ระบุว่าคำสั่งดังกล่าวของหัวหน้าคสช.เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบธรรม เนื่องจากการตรวจสอบที่ผ่านมาโดยศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้งบประมาณภาครัฐ (คตร.) พบว่าการดำเนินงานของสสส.และคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องมิได้มีการทุจริตแต่ประการใด  ส่วนกรณีที่คณะกรรมการของ สสส.บางคนดำรงตำแหน่งในองค์กรที่ได้รับทุนด้วยนั้นเกิดขึ้นเนื่องด้วย พ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ. 2544 ถูกออกแบบให้ตัวแทนจากองค์กรภาคประชาสังคมเข้าไปมีส่วนร่วมในการบริหาร สสส. ภายใต้ระเบียบการป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน(COI)ที่เข้มงวด เช่น คณะกรรมการที่เกี่ยวข้องไม่สามารถอนุมัติงบประมาณในองค์กรที่ตนเองเกี่ยวข้อง เป็นต้น 

อย่างไรก็ตามภายใต้สถานการณ์ทางสังคมปัจจุบัน  สสส.และคณะกรรมการกองทุนฯ ซึ่งมี พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย  เป็นประธาน ได้ทำงานร่วมกับคณะทำงานของกระทรวงสาธารณสุขที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลเพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมโดยเน้นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวโดยได้มีการแก้ไขระเบียบข้อบังคับสสส.หลายฉบับเน้นแก้ไขเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนของคณะกรรมการและผ่านความเห็นชอบของบอร์ดสสส.เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ให้ดำเนินการไปตามระเบียบดังกล่าวภายใน90 วัน และคณะกรรมการของ สสส.ได้เริ่มทยอยปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าวแล้ว  แต่กลับมีประกาศ มาตรา 44 ปลดบอร์ดของ สสส. อย่างมีเงื่อนงำดังกล่าว

คำสั่งดังกล่าวจะนำไปสู่การแต่งตั้งคณะกรรมการกองทุนและแต่งตั้งผู้จัดการสสส.คนใหม่ที่มาจากกลุ่มบุคคลที่ใกล้ชิดกับศูนย์กลางอำนาจรัฐและตัวแทนจากกลุ่มทุนบางกลุ่มเข้ามาเป็นคณะกรรมการและผู้จัดการสสส.คนใหม่เพื่อมิให้การดำเนินการของสสส.ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ ยาและอาหาร เป็นต้น  สร้างผลกระทบต่อผลประโยชน์ในกิจการของตน รวมทั้งเข้ามาแสวงหาประโยชน์จากกองทุนของสสส. ได้โดยปราศจากการตรวจสอบของสังคม

ทั้งนี้ เพื่อปกป้องการปฏิรูประบบสุขภาพที่ได้ดำเนินการมาต่อเนื่องมานานกว่า 15 ปีโดยภาคประชาชนหลากหลายเครือข่าย ขบวนการสร้างเสริมสุขภาพภาคประชาชนขอประกาศ คัดค้านคำสั่งของ คสช.ที่ปลดคณะกรรมการทั้ง 7 คนออกโดยไม่ชอบธรรม และจะดำเนินการคัดค้านการประกาศแต่งตั้งกรรมการกองทุนคณะใหม่ หากพบว่าบุคคลที่จะถูกตั้งขึ้นมานั้นเป็นตัวแทนของกลุ่มผู้มีอำนาจ กลุ่มทุนที่ขัดขวางการสร้างเสริมสุขภาพของประชาชน หรือมิได้ยึดโยงกับภาคประชาชน โดยได้จัดให้มีการประชุมใหญ่ของตัวแทนจากเครือข่ายต่างๆ ทั่วประเทศ ในวันจันทร์ที่ 11 มกราคมนี้ เพื่อประกาศแนวทางและมาตรการในการเคลื่อนไหวในกรณีดังกล่าว

ด้านพญ.ประชุมพร บูรณ์เจริญ ที่ปรึกษาสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป(สพศท.) กล่าวว่า จากที่นพ.วิชัย โชควิวัฒน  หนึ่งในกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)ที่ถูกคำสั่งคสช.ปลดพ้นตำแหน่งออกมาระบุว่าการปลดนั้นมีขบวนการล้มสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)โดยบริษัทเหล้าและบุหรี่อยู่เบื้องหลังนั้นตนเห็นว่าหากนพ.วิชัยมีหลักฐานก็ควรนำมาเปิดเผยต่อสาธารณชนหรือมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบไม่ควรพูดกล่าวหาใครลอยๆหากภายใน3วันไม่สามารถนำมาแสดงได้ถือว่าโกหกเป็นการสร้างนิยาย โดยที่บางครั้งคนที่ถูกกล่าวอ้างถึงไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย อย่างเช่น กรณีที่มีการตรวจสอบสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)ก็กล่าวหาว่ามีขบวนการล้มสปสช. เป็นต้น

“ถ้ามั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรปิด ก็เปิดโอกาสให้มีการเข้าไปพิสูจน์ความจริง ไม่ใช่แตะไม่ได้ ขณะนี้ดูเหมือนมีการพยายามเบี่ยงประเด็นจากเรื่องบุคคลเฉพาะคนที่เป็นบอร์ดซึ่งถูกปลดให้กลายเป็นเรื่องขององค์กรว่าเป็นเรื่องขัดผลประโยชน์และรัฐบาลพยายามโอบอุ้มนายทุนทำให้ตนเองกลายเป็นวีรบุรุษเพราะไม่ต้องการตายเดี่ยวแต่หากชูเป็นเรื่ององค์กรก็จะเป็นการปลดเรื่องให้พ้นตัวยืนหยัดให้ตนเองเป็นฮีโร่เมื่ออ้างเป็นเรื่ององค์กรก็จะมีคนมาช่วยเหลือเป็นแนวร่วมเขาจำนวนมาก  ซึ่งองค์กรสสส.ควรยินดีที่มีคนมาตรวจสอบแทน เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และสะท้อนว่าไม่สนับสนุนความไม่ถูกต้อง ที่สำคัญ การเป็นบอร์ดสสส.ในสัดส่วนของผู้ทรงคุณวุฒิมีคนอื่นๆ อีกมากที่มีคุณสมบัติจะเป็นได้  ไม่ใช่จะปิดตายไม่ให้คนอื่นเป็นเลย ผูกขาดคนเดียว” พญ.ประชุมพรกล่าว


มติชนออนไลน์ 7 มกราคม พ.ศ. 2559