ผู้เขียน หัวข้อ: สงกรานต์เทศกาลแห่งความตาย  (อ่าน 1141 ครั้ง)

pani

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 756
    • ดูรายละเอียด
สงกรานต์เทศกาลแห่งความตาย
« เมื่อ: 16 เมษายน 2012, 02:37:50 »
เทศกาลสงกรานต์ปีนี้มาพร้อมกับความทุกข์ยากของประชาชน ข้าวยากหมากแพง น้ำมันขึ้นราคาต่อเนื่อง สวนทางกับตลาดโลกเสียด้วยซ้ำ อ้างราคาน้ำมันสำเร็จรูปของปาป๊ามาม้าที่สิงคโปร์ ทั้งที่ราคาน้ำมันในอินโดนีเซีย มาเลเซีย และพม่ายังถูกกว่าบ้านเรา คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยหาเสียงไว้ก่อนจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีว่า จะกระชากราคาค่าครองชีพลงมา จะลดราคาน้ำมัน จะยกเลิกกองทุนน้ำมัน มาถึงวันนี้คำพูดทั้งหมดที่กล่าวมาคือการโกหกประชาชนโดยไม่มีความละอาย และไม่ต้องแสดงความรับผิดชอบใดๆ ตามเยี่ยงอย่างวิญญูชนในระบอบประชาธิปไตยทั่วโลกเขาทำกัน
       
        บ้านเมืองวิกฤตไปทุกด้าน แม้แต่พระสงฆ์องค์เจ้าก็ไม่รู้จักความหมายของคำว่า “ธุดงควัตร” ซึ่งตามปกติจะออกธุดงค์กันตามป่าตามเขาเพื่อปลีกวิเวกหลีกเลี่ยงผู้คน หากไม่จำเป็นก็จะไม่เดินบนถนนด้วยซ้ำ ไม่ใช่เรื่องของการมาโปรดสัตว์ แต่เป็นเรื่องของการฝึกจิตบำเพ็ญเพียรเพื่อกำจัดกิเลส พระบางรูปเพิ่งบวชมาใหม่ๆ ไม่เคยไปธุดงค์ที่ไหน ผ่ามาธุดงค์โชว์ตามศูนย์การค้า มีการโฆษณาด้วยป้าย จัดสายบอกบุญ เกณฑ์ญาติธรรมมาโปรยกลีบกุหลาบให้เดินบนเสื่อสีแดง ธุดงค์กลางเมืองให้รถติดกันวินาศสันตะโร ผู้คนวิพากษ์วิจารณ์กันทั้งบ้านทั้งเมือง เกิดมาไม่เคยเห็นก็ได้เห็น การอวดอุตริผิดจากคณะสงฆ์อื่นๆ ที่เคยทำ ไม่เห็นมหาเถรสมาคมจะออกมาตักเตือนอะไรบ้าง อย่าให้ชาวบ้านต้องเหลืออดเลย
       
        ในสมัยพุทธกาล เมื่อย่างเข้าฤดูฝน ชาวนาเขาทำนาทำไร่กัน พระก็เดินไปตามนาเหยียบข้าว เหยียบพืชไร่ของชาวบ้าน เมื่อมีคนไปกราบทูลพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์จึงกำหนดให้พระหยุดการจาริกไปตามที่ต่างๆ โดยจำพรรษาในฤดูฝน ภิกษุอยู่ได้ด้วยภิกขาจารคือการบิณฑบาตขอเขากินเพื่อให้ได้อาหารมาเลี้ยงชีพ ทุกวันนี้พระไม่ต้องง้อฆราวาสแล้ว บางรูปไม่เคยบิณฑบาตโปรดสัตว์เลย สั่งอาหารภัตตาคารหรือไม่ก็มีแม่ยกคอยรับออร์เดอร์ไม่ว่าจะโปรดอาหารอะไรก็คอยจัดหามาให้บำรุงกิเลส ในขณะที่ชาวบ้านหากินกันเลือดตาแทบกระเด็น
       
        ศาสนาไม่ได้เสื่อมถอยลง แต่เพราะคนไม่ดีใช้ศาสนาเป็นเครื่องบังหน้า เพื่อลาภ ยศ สรรเสริญ ไม่ต่างอะไรจากนักการเมืองบ้านเรา คนทำชั่วได้ครองเมืองให้เห็นตำตา เป็นสมาชิกรัฐสภาผู้ทรงเกียรติ เตะต่อยเพื่อนสมาชิกในสภา ศาลชั้นต้นสั่งลงโทษก็อ้างคดียังไม่สิ้นสุดอยู่ต่อไป กกต.ชี้มูลว่านายจตุพรไม่มีสิทธิเป็น ส.ส.ทั้งที่ก็รู้ตัวดีแต่ก็ยังดันทุรังอ้างรอศาลสั่งก่อน รัฐมนตรีบางคนในอดีตเคยทำผิดก็ยังดำรงตำแหน่งอยู่ ไม่ว่าจะโดนคดีอาญามาตรา 157 ประพฤติผิดวินัยร้ายแรง หรือคนที่เคยประกาศปลุกระดมให้ผู้คนเผาบ้านเผาเมือง “เผาเลยครับ ผมรับผิดชอบเอง” มาวันนี้ผิดไม่รับ รับแต่ชอบ ยังมีนักค้ายาเสพติด เจ้ามือหวย เจ้าของซ่อง ฆาตกร ฯลฯ ลอยนวลอยู่ในสภาและรัฐบาล จะมีอะไรเหลือให้ลูกหลานดูเป็นตัวอย่างที่ดีบ้างไหม
       
        จะพูดเรื่องสงกรานต์ พาลไปหาเรื่องกับพระและสีกาโฟร์ซีซั่น ประเพณีบ้านเมืองทุกวันนี้ก็วิปริตผิดเพี้ยนกันไปด้วย เพราะแนวนโยบายแห่งรัฐเช่นกัน เราปล่อยให้เมืองหลวงเจริญเติบโตอยู่ที่เดียว ผู้คนจึงหลั่งไหลกันเข้ามาหางานหาเงินในเมืองใหญ่ เมื่อถึงเทศกาลสงกรานต์ที่มีวันหยุดหลายวันแบบนี้ ผู้คนจึงเบียดเสียดยัดเยียดกันกลับบ้านเพื่อไปพบหน้ากับครอบครัว แต่ทุกปีจะมีคนราว 300-400 คนที่ไปไม่ถึงบ้านหรือได้กลับบ้านเป็นครั้งสุดท้าย กลายเป็นเทศกาลแห่งความตาย คนอีกหลายพันต้องไปร่วมงานศพแทนงานรื่นเริง ทหารอเมริกันบุกยึดอิรักสูญเสียชีวิตไป 200 กว่านาย คิดดูแล้วยังน้อยกว่าคนตายในช่วงเทศกาลสงกรานต์บ้านเราเสียอีก นี่ยังไม่นับที่บาดเจ็บอีกนับพัน
       
        ไม่เฉพาะคนตายกันมากในเทศกาลนี้เท่านั้น วัฒนธรรมประเพณีดีๆ ก็ล้มหายตายจากกันไปด้วย สมัยก่อนเราแค่ทำบุญตักบาตร อุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษที่ล่วงลับ สรงน้ำพระ รดน้ำดำหัวขอพรผู้ใหญ่ เล่นน้ำสงกรานต์กันพอประมาณเพื่อคลายร้อนในเดือนเมษายน เป็นเรื่องเหมาะสมซึ่งสืบทอดกันมาช้านาน แต่ปัจจุบันงานสงกรานต์แต่ละจังหวัดและสถานที่ท่องเที่ยวทั้งหลายพากันโฆษณาชูจุดขายเพียงเพื่อโปรโมตการท่องเที่ยว ดูอย่างบุรีรัมย์เมืองคนดัง ถึงกับลงทุนจ้างดาวโป๊จากญี่ปุ่นมาเล่นคอนเสิร์ตในชุดนุ่งน้อยห่มน้อย ใครวิพากษ์วิจารณ์ก็ถูกด่ากลับ “ผมมีตังค์ พ่อผมรวย ผมจะจัดใครจะทำไม” วันนี้ทุกแห่งจึงแข่งกันโฆษณาเอกอัครอภิมหาสงกรานต์เพื่อแย่งนักท่องเที่ยวกัน จังหวัดเชียงใหม่จากที่เคยดังๆ ก็ถูกแย่งซีนจากหลายพื้นที่
       
        ผมอยู่เชียงใหม่มานานพอจะเห็นวิวัฒนาการของสงกรานต์ที่นี่ ยังทันได้เห็นแม่หญิงขี่รถถีบกางจ้องไปแอ่วงานวัด อ้ายหนุ่มใส่ชุดม่อฮ่อมคาดผ้าขาวม้าถือขันใส่น้ำเจือน้ำอบน้ำปรุงลอยกลีบดอกไม้ ดีดน้ำใส่สาวๆ กันสนุกสนานแค่พอให้ได้เปียก ทุกวันนี้ไม่มีแล้ว สงกรานต์เชียงใหม่เล่นน้ำกันเอาเป็นเอาตาย บางคนตายจริงๆ เพราะถูกสาดน้ำใส่กระจกหน้ารถอย่างแรงทำให้มองทางไม่เห็น ขับรถพุ่งไปชนต้นไม้ถึงแก่ชีวิต อีกรายเคยเห็นกับตาว่ากระโดดลงจากรถไปไล่ฟันคนที่สาดน้ำใส่แฟนตัวเองอย่างแรงจนตกรถมอเตอร์ไซค์ บางรายลงทุนใช้เครื่องสูบน้ำตั้งบนรถ บ้างก็ใช้ถัง 200 ลิตรใส่น้ำแข็งก้อนใหญ่ๆ ลงไปให้น้ำเย็นเฉียบ ลูกเล็กเด็กแดงบางคนหนาวสั่นงันงกจนต้องหามส่งโรงพยาบาล
       
        สงกรานต์ยุคนี้เขาไม่ได้เล่นกันอย่างแต่ก่อนแล้ว มันกลายเป็นเกมซาดิสต์ที่บางคนถือโอกาสระบายแค้นผ่านน้ำ และที่ทันสมัยคือไม่ใช้ขันน้ำหรือกระป๋องกันแล้ว พ่อค้าหัวใสเอาปืนฉีดน้ำออกมาขายหลากหลายรูปแบบ บางชนิดแรงดันสูงมาก ฉีดใส่ลูกตาจนตาแตกเลือดอาบก็ยังมี ประเทศนี้เสรีภาพล้นเหลือ เล่นกันถึงตาย แต่คนก็ยังบ้าคลั่ง อยากออกมาเล่นกันมากขึ้นด้วยแรงโฆษณา
       
        เมื่องานอภิมหาสงกรานต์รวมศูนย์กลางกระจุกตัวอยู่เฉพาะในเมืองใหญ่เช่นเดียวกับการเมือง ประเพณีสงกรานต์ในบ้านนอกจึงเงียบเหงา ตกเย็นจึงเห็นเพียงพ่ออุ๊ย แม่อุ๊ย กับตุ๊เจ้าเฒ่าขนทรายเข้าวัดอย่างเดียวดาย พระหนุ่ม เณรแต๋ว เด็กเล็ก และคนหนุ่มสาวในหมู่บ้านแห่กันไปซื้อตั๋วสงกรานต์เพื่อดูคอนเสิร์ตและแย่งกันดูโคโยตี้
       
        อนิจจา สงกรานต์

ชัยพันธุ์ ประภาสะวัต    8 เมษายน 2555
...............................................................
ความสูญเสียของชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนผู้ได้รับบาดเจ็บและพิการภายหลังเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านพ้นไปในแต่ละปีนั้น หลายคนมองว่าเป็นเรื่องของเคราะห์กรรม แต่หลายรายก็ไม่อาจทำใจได้กับการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป เพราะความประมาทและคึกคะนองของผู้อื่น เราขาดแนวนโยบายแห่งรัฐที่ชัดเจนในเกือบจะทุกด้าน เสมือนประเทศนี้จะปล่อยกันไปตามบุญตามกรรมในทุกๆ เรื่อง ความเจริญที่กระจุกตัวอยู่ในเมืองใหญ่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งแห่งความตายในเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ที่เพิ่งจะผ่านไป อีกส่วนหนึ่งก็มาจากโครงสร้างของระบบการคมนาคม
       
        ผมเคยไปดูงานด้านการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับขยะและน้ำเสียที่ประเทศเยอรมนี ในแถบแคว้นบาวาเรีย โดยได้ไปพักอาศัยอยู่ชานเมืองของนครมิวนิก ห่างออกไปเกือบ 100 กิโลเมตร ซึ่งมีผู้คนจำนวนมากอาศัยอยู่ชานเมืองโดยรอบ เขากระจายพื้นที่อุตสาหกรรมและแหล่งงานต่างๆ ออกไปอยู่นอกเมือง เชื่อมโยงเข้ากับระบบขนส่งทางรถไฟ คนที่จะเข้าเมืองก็ไม่จำเป็นต้องขับรถเข้าไปเอง เพียงจอดรถไว้ตามสถานีรถไฟต่างๆ ซึ่งมีที่จอดรถไว้บริการอย่างสะดวก การเดินทางด้วยรถไฟก็รวดเร็ว ตรงต่อเวลา และยังช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้มาก ผลที่ตามมาก็คือการจราจรในเมืองก็ไม่ติดขัด รวมทั้งช่วยลดอุบัติเหตุลงได้อีกด้วย
       
        ส่วนที่เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น แม้ว่าจะเป็นเมืองหลวงเก่าแก่ มีโบราณสถานและแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์มากมาย ทั้งยังเป็นเมืองมหาวิทยาลัยซึ่งมีผู้คนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากแต่รถรากลับไม่ติดเลย นักศึกษามหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง รวมทั้งอาจารย์ต่างก็ใช้จักรยาน สังเกตได้จากที่จอดรถหลายๆ แห่งจะเต็มไปด้วยจักรยานนับร้อยนับพันคัน แทบไม่เห็นคนขี่มอเตอร์ไซค์หรือขับรถยนต์ไปมหาวิทยาลัยเพื่ออวดร่ำอวดรวย ทั้งที่เขาเป็นประเทศผู้ผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ขายให้บ้านเรา
       
        ด้านวัฒนธรรมและประเพณีต่างๆ ของท้องถิ่น วัดแต่ละแห่งในเกียวโตก็จะจัดงานเทศกาลไม่พร้อมกันโดยหมุนเวียนกันไปทั่วทั้งเมือง มีกิจกรรมเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี โดยยึดเอาชุมชนและประเพณีเป็นหลักมากกว่าเน้นการหาเงิน โอซาก้า นาระ โกเบ หรือชิกะ ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่รอบๆ แต่ละเมืองก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้รับการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์เพื่อให้เป็นที่รู้จัก เช่น โกเบขึ้นชื่อเรื่องเนื้อวัวชั้นเลิศเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก นาระโด่งดังเรื่องความเป็นเมืองโบราณและพระพุทธรูปไดบุตสึองค์ใหญ่มีผู้คนนับถือศรัทธามากมาย โอซาก้าเป็นเมืองท่าที่มีชื่อเสียงทั้งด้านธุรกิจการค้า และยังเป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเป็นอันดับสองรองจากโตเกียว
       
        นอกจากนี้สินค้าขึ้นชื่อในแต่ละเมืองก็พยายามสร้างจุดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ไม่ลอกเลียนแบบกัน แต่ละท้องถิ่นจะได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากรัฐอย่างจริงจัง บางเมืองทำทัพพีตักข้าวจากไม้ไผ่เป็นของที่ระลึกที่มีชื่อเสียงสืบทอดกันมานานนับร้อยปี
       
        ย้อนกลับมาดูนโยบายทางการเมืองของประเทศไทย เราได้ทำลายทิศทางของประเทศที่ควรจะเป็นให้เป็นไปในทางตรงข้ามกับที่กล่าวมา ส่งเสริมค่านิยมผิดๆ คนรวยมีรถยนต์ใช้กันบ้านละหลายๆ คัน ทั้งที่ขับออกมาแค่ปากซอยก็เจอรถติดแล้ว สมัยก่อนนักศึกษามหาวิทยาลัยจะขี่จักรยานกัน ไม่มีมลพิษและยังประหยัด ปัจจุบันนี้เต็มไปด้วยรถจักรยานยนต์และรถยนต์ นำพาผู้คนไปสู่ความตายได้เร็วขึ้น อุบัติเหตุและการโจรกรรมก็เพิ่มมากขึ้น
       
        กระทรวงวัฒนธรรมที่อุตส่าห์ตั้งขึ้นมา แต่กลับเอาคนที่ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องของวัฒนธรรมมาเป็นผู้บริหารกระทรวง ยิ่งนักการเมืองที่เข้าไปเป็นรัฐมนตรียิ่งไม่เอาไหน ไม่สามารถวางกรอบหรือกำหนดทิศทางของประเทศได้ การส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐก็มุ่งเน้นแค่ตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวให้เพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งคำนวณออกมาเป็นรายได้ แต่กลับละเลยและทำลายวัฒนธรรมของท้องถิ่นไปอย่างน่าเสียดาย
       
        ชื่อเสียงของเมืองเชียงใหม่ในเรื่องประเพณีสงกรานต์และลอยกระทง กลับถูกส่วนราชการและการท่องเที่ยวเอาไปใช้เป็นจุดขายเพื่อหาเงิน จัดงานรวมศูนย์เพื่อดึงดูดผู้คนจนกลายเป็นการทำลายวัฒนธรรมในท้องถิ่น จากประเพณีสงกรานต์อันดีงามในแบบเมืองเหนือ กลายเป็นเมืองแห่งสงครามน้ำ ผู้คนคลุ้มคลั่งตั้งหน้าตั้งตาสาดน้ำกันทั้งวันทั้งคืน
       
        ก่อนเทศกาลก็จ้างบริษัทเอกชนมาทำให้น้ำในคูรอบเมืองเชียงใหม่ดูดี ดูสะอาด ด้วยการโฆษณาวัดค่า pH ต่างๆ ว่าได้มาตรฐาน แต่เวลาคนเล่นสาดน้ำกันอย่างเมามันนับพันนับหมื่นคน บางคนลงไปเล่นในคูเมือง หรือขับถ่ายลงในน้ำ รวมทั้งน้ำสกปรกจากพื้นถนนผสมกับฝุ่นที่ปนเปื้อนสารตะกั่วจากท่อไอเสียหมักหมมอยู่ในคูเมืองมาเป็นปี ถูกสูบ ถูกตักมาสาดกันสนุกสนาน โดยไม่รู้ตัวว่าเล่นสงกรานต์แถมเชื้อโรคกลับไปด้วย เทศบาลนครเชียงใหม่ทำท่อระบายน้ำจากถนนลงในคูเมืองมาช้านานแล้ว สิ่งโสโครกทั้งหลายถูกชะล้างลงไปในนั้น นานๆ ครั้งก็จะมีการลอกขี้เลนขึ้นมาทิ้ง กลิ่นของขี้เลนก้นคูเหม็นเน่ายิ่งกว่าอุจจาระ
       
        ผู้คนทั่วสารทิศแห่แหนกันไปเล่นสงกรานต์เชียงใหม่ คนเชียงใหม่เองกลับหายไป มีแต่คนที่อื่นมาอาศัยสถานที่เพื่อเล่นสาดน้ำกันอย่างรุนแรง ยิงปืนฉีดน้ำใส่กัน ฝรั่งมังค่าเล่นน้ำกันสนุกสนาน จนบดบังความดีงามและละเลยวัตถุประสงค์หลักที่สำคัญของประเพณีดั้งเดิมไปเกือบหมด แทนที่จะชูจุดเด่นด้านวัฒนธรรม ส่งเสริมและอนุรักษ์ประเพณีดั้งเดิมซึ่งสืบทอดกันมาจากคนรุ่นก่อน ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ผู้คนที่มาร่วมงานเทศกาลให้รู้จักเล่นสงกรานต์ตามแบบอย่างที่ดีงาม สอนให้เขาปรับตัวเข้ากับเรา ไม่ใช่ปรับรูปแบบของเราเองเพื่อเอาใจนักท่องเที่ยว สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่มีเสน่ห์ดึงดูดให้ผู้คนมาเยี่ยมเยือน และไม่มีชาติใดสามารถลอกเลียนแบบได้
       
        เชียงใหม่เป็นเมืองเก่าแก่ มีวัดวาอารามมากมายทุกหัวระแหง ผมยืนยันว่ามีมากและสวยงามกว่าหลวงพระบาง แต่นักท่องเที่ยวรวมทั้งคนที่อยู่เองกลับทำลายความงดงามของดีที่มีอยู่ด้วยการสร้าง โรงแรม เกสต์เฮาส์ คาเฟ่ บาร์ คาราโอเกะ ผุดขึ้นมากมายจนดูเกะกะรุงรัง แถมยังเอาสิ่งแปลกปลอมอย่างไนท์ซาฟารี หมีแพนด้า อควาเรี่ยม เข้ามาชูเป็นจุดขายเพื่อดึงดูดเงินจากนักท่องเที่ยว ของดีที่มีอยู่แล้วกลับไม่นำมาใช้
       
        ถ้าวันนี้สงกรานต์ที่ตรอกข้าวสารหรือสงกรานต์ยุคใหม่ของบุรีรัมย์เขาจะดังกว่า ก็อย่าไปโทษใครเลย อีกไม่ช้าก็คงต้อง
เตรียมกอดคอกันตาย นักท่องเที่ยวคงหนีไปลาว พม่า กันหมด

ชัยพันธุ์ ประภาสะวัต    15 เมษายน 2555
manager.co.th