Living will
หนังสือแสดงเจตนาตาย
ประเด็นสำคัญที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาให้ถ้วนถี่ นพ. วิสุทธิ์ ลัจฉเสวี
วท.บ. พบ. นบ.(เกียรตินิยมอันดับ2)
วุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญศัลยศาสตร์
ประกาศนียบัตรวิชาว่าความ สภาทนายความ
ผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภา
Living Will(ข้อกฏหมาย)1)การออกกฏกระทรวงฉบับนี้เกินขอบเขตอำนาจที่พรบ.สุขภาพแห่งชาติมาตรา๑๒บัญญัติไว้หรือไม่(ดูประกอบข้อ 9 )
2)ขั้นตอนการออกกฏกระทรวงฉบับนี้ถูกต้องตามขั้นตอนที่เป็นสาระสำคัญหรือไม่ เช่นการทำประชาพิจารณ์หรือการรับฟังผู้มีส่วนได้เสียในหมู่ภาคีวิชาชีพสาธารณสุข
3)การกล่าวอ้างรัฐธรรมนูญปี๒๕๕๐ มาตรา ๔ ,๒๘,๓๒.มาเป็นฐานในการออกกม.โดยอ้างศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มีการบัญญัติไว้เช่นนั้นจริงหรือไม่ หรือเป็นการกล่าวอ้างที่เกินกว่าที่ รธน.บัญญัติไว้ นอกจากนี้ รธน.มาตรา ๒๘ยังกล่าวว่าการอ้างศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ทำได้เท่าที่ไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชนเท่านั้น
4)การทำหนังสือแสดงเจตนาฯเช่นนี้ถือเป็นการแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในสิ่งที่เป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรมหรือไม่ ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๕๖ซึ่งถือว่าการแสดงเจตนาเช่นนั้นเป็นโมฆะ เพราะโดยหลักแล้วไม่มีใครสามารถรู้ล่วงหน้าว่าตัวเองจะเสียชีวิตในลักษณะใด จากสาเหตุใด ณ.สถานที่ใด และก่อนเสียชีวิตนั้นต้องได้รับการดูแลรักษาด้วยวิธีใด ต้องใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ชนิดใดบ้าง จะได้รับความทุกข์ทรมาณเพียงใดหรือไม่และผลการรักษาสุดท้ายจะเป็นเช่นไร ดังนั้นการแสดงเจตนาล่วงหน้าที่จะปฏิเสธวิธีการรักษาแบบนั้นแบบนี้ การปฏิเสธที่จะไม่ใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์แบบนั้นแบบนี้จึงไม่ได้อยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่ถูกต้องเป็นจริงหรือเป็นการสำคัญผิดในข้อเท็จจริงซึ่งอาจเกิดความเสียหายได้ จึงเกิดปัญหาความชอบด้วยกฏหมายของการแสดงเจตนาฯนี้
5)การทำหนังสือแสดงเจตนาฯตายตามกฏหมายและกฏกระทรวงข้อนี้ไม่ได้ต่างอะไรกับการกระทำที่เรียกว่าการุณยฆาตหรือที่รู้จักกันดีในชื่อMercy Killing แม้จะมีความพยายามออกตัวไว้ในคำแนะนำเบื้องต้นว่าไม่ใช่ เพราะคำว่า “การกระทำ”มีความหมายรวมถึง “การงดเว้นการกระทำ”ด้วยตามความในประมวลกฏหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา๕๙วรรค๕ที่กล่าวว่า “...................การกระทำ ให้หมายความรวมถึงการให้เกิดผลอันหนึ่งอันใดขึ้นโดยงดเว้นการที่จักต้องกระทำเพื่อป้องกันผลนั้นด้วย”ดังนั้นการที่ปล่อยให้ผู้ป่วยเสียชีวิตลงโดยงดเว้นไม่ให้การรักษาหรือการใช้เครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์บางอย่างเพื่อช่วยชีวิตตามมาตรฐานวิชาชีพก็มีค่าเท่ากับการกระทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตโดยผู้ที่งดเว้นนั่นเอง
6)พรบ.สุขภาพแห่งชาติ มาตรา๑๒และกฏกระทรวงฉบับนี้ถือว่าขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือไม่ ขัดต่อหลักกฏหมายจารีตประเพณี เจตนคติ ความรักความผูกพันความห่วงหาอาทรระหว่างกันในสถาบันครอบครัวของไทยหรือไม่
7)ความผิดตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา๒๘๘(ฆ่าผู้อื่น),๒๘๙(๔)(ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน),๒๙๑(ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นตาย),๓๐๗(ทอดทิ้งผู้ป่วยเจ็บเกิดอันตรายต่อชีวิต),๓๐๘(บทเพิ่มโทษ),๓๗๔(ช่วยได้แต่ไม่ช่วยผู้ตกในอันตรายต่อชีวิต).ประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์.มาตรา๔๒๐.(ละเมิดถึงแก่ชีวิต)ได้รับการยกเว้นโดยกม.ฉบับนี้ได้ทั้งหมดหรือไม่ กรณีแพทย์ปฏิบัติตามหนังสือแสดงเจตนาฯของผู้ป่วย และตามหลักศักดิ์ของกฏหมาย(Hierarchy) กม.ฉบับนี้สามารถยกเว้นความรับผิดตามประมวลกฏหมายอาญาและประมวลกฏหมายแพ่งฯดังที่กล่าวข้างต้นได้ทั้งหมดจริงหรือไม่?
ปัญหาเรื่องการประกันชีวิต การตายแบบนี้ถือเป็นการตายโดยผิดธรรมชาติหรือไม่ ต้องมีการชันสูตรพลิกศพตามประมวลกฏหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา๑๔๘หรือไม่ ปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษา ปัญหามรดก ปัญหาการพิจารณาตามม.๔๑ พรบ.หลักประกันสุขภาพฯ ปัญหาการวินิจฉัยกรณีเป็นผู้บริจาคอวัยวะกับสภากาชาดไทยซึ่งอาจเป็นอุปสรรคได้ ปัญหานิติกรรมสัญญาต่างๆ ฯลฯ
9)ตามมาตรา๘ พรบ.สุขภาพแห่งชาติ พศ.๒๕๕๐ “............และในกรณีที่ผู้รับบริการปฏิเสธไม่รับบริการใด จะให้บริการนั้นมิได้.............”
ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับกรณีดังต่อไปนี้
(๑) ผู้รับบริการอยู่ในภาวะที่เสี่ยงอันตรายถึงชีวิตและมีความจำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือเป็นการรีบด่วน
(๒) ..........................
ดังนั้นการที่จะปฏิเสธการรักษาใดๆจะต้องไม่ใช่กรณีที่อยู่ในภาวะที่เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต
มาตรา๑๒ “บุคคลมีสิทธิทำหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุข..........
การดำเนินการตามหนังสือแสดงเจตนาตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฏกระทรวง
เมื่อผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุขได้ปฏิบัติตามเจตนาของบุคคลตามวรรคหนึ่งแล้วมิให้ถือว่าการกระทำนั้นเป็นความผิดและให้พ้นจากความรับผิดทั้งปวง
ตีความได้ว่ากฏหมายให้สิทธิบุคคลในการทำหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุข..........ซึ่งถือเป็นการแสดงเจตนาหรือคำเสนอในการจะขอทำนิติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่กฏหมายไม่ใด้กำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุขต้องรับคำเสนอหรือให้คำสนองนั้นเพื่อก่อเกิดเป็นสัญญา และไม่สามารถบังคับให้ กระทำเช่นนั้นได้เพราะจะขัดกับหลัก “เสรีภาพในการทำสัญญา(Freedom of Contract)ดังนั้นการออกกฏกระทรวงตามกฎหมายแม่บทมาตรา๑๒นี้จึงต้องไม่มีเนื้อหาในการจำกัดสิทธิในรูปแบบหนึ่งแบบใดของผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุข
แต่พบว่าในกฏกระทรวงฉบับนี้มีข้อความที่ไปจำกัดสิทธิของผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุขเป็นจำนวนมากเป็นการแทรกแซงขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ตามกฏหมายโดยที่กฏหมายไม่ได้ให้อำนาจไว้ จึงอาจถือได้ว่าเป็นการออกกฏโดยนอกเหนืออำนาจหน้าที่หรือไม่ถูกต้องตามกฏหมาย
10)สภาพบังคับของกฏหมาย กฏหมายนี้ไม่มีสภาพบังคับทั้งผู้ป่วยที่แสดงเจตนาและผู้ประกอบวิชาชีพสาธารณสุข สามารถใช้วิจารณญานตัดสินใจได้ว่าจะสนองตอบข้อเสนอของผู้ป่วยหรือไม่ก็ได้และอาจมีการชี้แจงแลกเปลี่ยนความเห็นกับฝ่ายญาติรวมทั้งอาจมีการพิจารณาเปลี่ยนตัวผู้ให้การดูแลรักษาด้วย
11)ประเด็นกฏกระทรวงข้อ๔ “หนังสือแสดงเจตนาจะทำ ณ สถานที่ใดก็ได้ “ ควรแก้เป็น “การจัดทำ การยกเลิก เปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขหนังสือแสดงเจตนาฯต้องทำเป็นหนังสือ ลงวันที่ เดือน ปี และลายมือชื่อผู้จัดทำพร้อมพยานอย่างน้อยสองคนและจดทะเบียน ณ สำนักงานสุขภาพแห่งชาติ”
12)ถ้าการออกกฏกระทรวงฉบับนี้กระทำไม่ถูกต้องครบถ้วนตามรูปแบบขั้นตอนอันเป็นสาระสำคัญ หรือออกนอกเหนือจากที่กฏหมายแม่บทกำหนด หรือขัดต่อรัฐธรรมนูญพศ.๒๕๕๐มาตรา๕๑,๘๐(๒)เรื่องสิทธิการได้รับบริการสาธารณสุขอย่างเสมอภาค ได้มาตรฐานและมีประสิทธิภาพหรือขัดต่อประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๕๖ เรื่องการแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในสิ่งที่เป็นสาระสำคัญของนิติกรรม หรือขัดต่อพรบ.วิชาชีพเวชกรรม พศ. ๒๕๒๕หรือขัดต่อมาตรฐานและจริยธรรมในการรักษาผู้ป่วยหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ผู้ได้รับความเดือดร้อนเสียหายหรือคาดว่าจะได้รับความเดือดร้อนเสียหายอย่างหลีกเลี่ยงมิได้สามารถฟ้องร้องต่อศาลปกครองสูงสุดเพื่อให้เพิกถอนกฏกระทรวงฉบับนี้ได้ตามพรบ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครองพศ.๒๕๔๒ มาตรา๑๑(๒)
.................................