แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - story

หน้า: 1 ... 648 649 [650] 651
9736
สภากาชาดไทยปฏิเสธเจาะเลือดให้เสื้อแดง ชี้ใช้เลือดผิดจุดประสงค์ ระบุหากเจาะผิดวิธีเสี่ยงช็อก แขน-ขาชา รุนแรงสุดอัมพฤษ์อัมพาต หวั่นคนเสื้อแดงประกาศจะเจาะเลือด100,000 คนให้ได้จำนวน 1,000,000 ซีซีเพื่อจะนำไปราดประตูทุกประตูของทำเนียบรัฐบาลเสี่ยงติดเชื้อ หวั่นหากเจาะจริงจะทิ้งเข็มลงถังขยะ เดือดร้อนกทม.เวลาเก็บ พนักงานเก็บขยะอาจจะถูกเข็มทิ่มได้
       
       พ.ท.พญ.อุบลวัณณ์ จรุงเรืองฤทธิ์ รองผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศจะเจาะเลือดคนเสื้อแดง 100,000 คนให้ได้จำนวน 1,000,000 ซีซีเพื่อจะนำไปราดประตูทุกประตูของทำเนียบรัฐบาล ว่าการเจาะเลือดถือเป็นหัตถการทางการแพทย์ เป็นการเจาะเพื่อนำเลือดออกจากร่างกายไปใช้ให้เกิดประโยชน์ คือตรวจหาโรคและเพื่อการบริจาค
       
       “การเจาะเลือดจำเป็นต้องทำโดยผู้ที่ มีความชำนาญ เช่นแพทย์หรือพยาบาล ปกติจะเจาะบริเวณข้อพับแขนด้านหน้า ซึ่งมีเส้นเลือดดำ เส้นเลือดแดง และเส้นประสาทอยู่เรียงกัน หากไม่ใช่ผู้ชำนาญการแล้ว อาจจะเจาะผิดเส้น หากเจาะไปโดนเส้นเลือดแดง เลือดก็จะไหลไม่หยุด หากเจาะไปโดนเส้นประสาทก็จะรู้สึกชา หรือแม้กระทั่งเส้นประสาทเสียหายได้เช่นกัน อาจทำให้เกิดอาการช็อก แขนขาชา บางครั้งการเจาะที่ไม่เชี่ยวชาญอาจไปถูกเส้นประสาทที่อยู่ใกล้ ๆ และทำให้เป็นอัมพฤกษ์อัมพาตได้ ถ้ามีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เช่น ความดันโลหิตสูง หรือฮิโมฟิเลีย (โรคเลือดไหลไม่หยุด) จะทำให้หมดสติได้ และการเจาะต้องอยู่สภาพปลอดเชื้อ ถ้าคนเจาะไม่มีความชำนาญ ก็อาจจะเกิดอันตราย และถ้าเจาะไม่ถูกวิธี คือเจาะในสภาพไม่ปลอดเชื้อ ไม่ใช้แอลกอฮอล์เช็ดผิวหนังเพื่อฆ่าเชื้อโรคก่อนก็จะติดเชื้อได้ ”
       
       “ในขณะที่การเจาะเลือดเพื่อบริจาคทั่วไปจะอยู่ที่ 450 ซีซี แต่คนที่จะบริจาคเลือดจะมีการเตรียมตัวมาให้อยู่ในสภาพที่พร้อมก่อนมาบริจาค โดยตามเกณฑ์ผู้บริจาคจะต้องมีสุขภาพที่แข็งแรง และที่สำคัญอุปกรณ์ที่ใช้ต้องผ่านการฆ่าเชื้อ และไม่ใช้ซ้ำ ทั้งนี้ เป็นห่วงการให้เลือดในขณะที่ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่อ่อนเพลียจากการชุมนุมรวมทั้ง อากาศร้อน การพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้เกร็ดเลือดต่ำ ทำให้เกิดโรคฮีโมฟีเลียหรืออาการเลือดไหลไม่หยุดขึ้นได้ ซึ่งผู้เจาะต้องมีความรู้ด้านกายวิภาคเพื่อแยกแยะระหว่างเส้นเลือดแดง เส้นเลือดดำ และเส้นประสาท หากเจาะผิดก็ทำให้เกิดอันตรายได้ และหากไม่มีการฆ่าเชื้อที่ดีก็ทำให้ติดเชื้อสู่กระแสเลือดได้ แต่กลุ่มเสื้อแดงมาตากแดดชุมนุม 2-3 วันแล้ว หากเจาะเลือดออกในปริมาณดังกล่าว ก็อาจจะเป็นลมหน้ามืดได้เหมือนกัน”
       
       นอกจากนี้ในประเด็นของการนำเลือดไปเทที่หน้าประตูทุกประตูของทำเนียบ รัฐบาลนั้น รองผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติกล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่ากังวลเป็นอย่างยิ่ง เพราะในทางการแพทย์ เมื่อเลือดหรือแม้กระทั่งของเหลวและสารคัดหลั่งอื่นๆ ถูกเจาะออกมาจากร่างกายจะถือว่าเป็นวัสดุติดเชื้อ เวลาทิ้งจะต้องใส่ถุงเฉพาะและทิ้งในถังขยะติดเชื้อเท่านั้น ไม่สามารถนำไปทิ้งที่อื่นได้ หากระบบการกำจัดวัสดุติดเชื้อจำพวกเลือดและสารคัดหลั่งของโรงพยาบาลใดไม่จัด ระบบการทิ้งให้เป็นไปตามนี้ ก็จะถือว่าผิดมาตรฐานโรงพยาบาลในการกำจัดวัสดุติดเชื้อ
       
       “หากคนเสื้อแดงเอาเลือดมาเททิ้งจริง เลือดเหล่านี้ก็มีสิทธิแพร่กระจายเชื้อโรคได้ หากเจาะมาจากคนที่เป็นเอชไอวี ตับอับเสบชนิดบีและชนิดซี หากคนที่นำไปเท หรือคนที่เดินผ่านไปผ่านมาสัมผัสเลือดเหล่านั้นในขณะที่มีบาดแผล ก็มีโอกาสติดเชื้อได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง”
       
       อย่างไรก็ตาม นาวาโท แพทย์หญิง อุบลวรรณกล่าวต่อไปอีกว่า หากคนเสื้อแดงยืนยันว่าจะเจาะจริง สิ่งที่ตามมาก็คือการทิ้งเข็มเจาะเลือดถึง100,000 อันที่จะเป็นภาระของกทม.ที่จะต้องมาเก็บขยะภายหลัง โดยเข็มเหล่าหากไม่เก็บทิ้งตามมาตรฐานของโรงพยาบาล แต่ทิ้งลงถังขยะทั่วไป ก็จะก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ที่มาเก็บขยะด้วย จึงอยากวอนให้ผู้ชุมนุมเห็นแก่สุขภาพของประชาชนส่วนรวมที่อาจติดเชื้อจาก เลือดที่เอาไปทิ้ง และพนักงานเก็บขยะที่อาจได้รับอันตรายจากการเก็บเข็มเจาะเลือดด้วย
       
       “ขอเรียกร้องไม่ให้นำเลือดไปใช้ในสัญลักษณ์ทางการเมือง เพราะการบริจาคเลือดเป็นเรื่องของบุญกุศล อยากให้ต่อสู้ด้วยวิธีทางอื่นดีกว่า เพราะจะเป็นอันตรายต่อผู้ชุมนุมเองด้วย ซึ่งตามปกติการบริจาคเลือดให้สภากาชาดเพื่อช่วยเหลือคน มีอย่างเพียงพออาจจะขาดช่วงหน้าร้อนหรือปิดเทอมบ้าง แต่ไม่อยากให้เอาประเด็นไปเกี่ยวข้องกัน หากเจาะแล้วไม่เกิดประโยชน์ก็ไม่ควรทำ ”พ.ท.พญ.อุบลวัณณ์ กล่าว

9737
นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า การที่ผู้ชุมนุมจะมีการเจาะเลือดนั้น เชื่อว่าผู้ที่ดำเนินการเจาะเลือดไม่ใช่แพทย์แน่นอน แต่ปัญหาคือหากแพทย์มีการดำเนินการจริง อาจจะมีการเอาผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ค่อนข้างยาก เนื่องจากไม่มีบทลงโทษชัดเจน อีกทั้งผู้ที่ถูกเจาะเลือดก็สมัครใจ และหากไม่ฟ้องร้องเอาผิดยาก

ศ.เกียรติคุณ พญ.วิจิตร ศรีสุพรรณ นายกสภาพยาบาล กล่าวว่า กรณีดังกล่าวหากพบมีพยาบาลเกี่ยวข้องจะต้องมีการนำเรื่องเข้าสภาการพยาบาล ว่าผิด พ.ร.บ.วิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์หรือไม่ ส่วนโทษจะมีการพิจารณาเป็นรายกรณี แต่อาจไม่ถึงขั้นเพิกถอนใบประกอบวิชาชีพ 

ขณะที่ น.ท.หญิง พญ.อุบลวัณณ์ จรูญเรืองฤทธิ์ รองผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิต สภากาดชาดไทย กล่าวว่า การระดมเลือดให้ได้เป็นล้านๆ ซีซี จะต้องมีผู้บริจาคกว่า 5 แสนคน ส่วนการบริจาคโลหิตเป็นเรื่องบุญกุศล ไม่ควรนำมาเป็นประเด็นทางการเมือง 

9738
"ลีน่า จัง" พาสาวรามฯบุกร้อง กองปราบฯ แจ้งจับโรงพยาบาลบางมด 1 เอาผิดรูดตั้งแต่ผอ. แพทย์ที่รักษาและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ระบุวินิจฉัยโรคผิด ปวดขมับแต่บอกเกิดจากฟันผุ สุดท้ายต้องส่งศิริราชผ่าควักตาทิ้งไปข้างหนึ่ง ด้านผอ.โรงพยาบาลบางมด 1 โต้ ยันรักษาคนไข้อย่างดี แต่ผู้ป่วยมีอาการซับซ้อนทำให้ต้องหารือทีมแพทย์เฉพาะทาง สุดท้ายต้องควักตาทิ้งแต่ก็พยายามเยียวยาใส่ตาเทียมให้แต่คนไข้ไม่พอใจ แต่เมื่อถูกแจ้งจับก็พร้อมสู้คดี

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 9 มี.ค. ที่กองปราบ ปราม นางลีนา จังจรรจา ประธานมูลนิธิลีน่าจัง ได้พา น.ส.กรศิริ พระศรีรัมย์ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 86 หมู่ 11 ต.ตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว นักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์ ชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยรามคำแหง เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ. พรศักดิ์ สุริสทธิ์ ผกก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางมด 1 แพทย์ผู้ทำการรักษา พยาบาล และนักศึกษาแพทย์ ในความผิดฐานกระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ เนื่องจากน.ส.กรศิริ เข้ารับการรักษาอาการปวดศีรษะที่ร.พ.ดังกล่าว แต่แพทย์กลับวินิจฉัยโรคผิด จนเป็นเหตุให้ตาข้างขวาบอด ต้องควักลูกตาออกทิ้งไป

จากการสอบสวนน.ส.กรศิริ ให้การว่า เมื่อประมาณเดือนพ.ย.2550 ขณะนั้นทำงานที่โรงงานถุงพลาสติก ย่านบางมด กทม. เกิดมีอาการปวดที่ขมับข้างขวาจึงใช้สิทธิประกันสังคม ไปหาหมอที่
ร.พ.บางมด 1 หลังจากรับการตรวจแล้ว แพทย์ที่รักษาได้วินิจฉัยว่าสาเหตุมาจากอาการฟันผุ ต้องนอนพักเพื่อดูอาการอยู่ที่โรงพยาบาล 2 วัน ระหว่างนั้นรู้สึกปวดตามากขึ้น ก็มีพยาบาลกับนักศึกษาแพทย์สลับกันนำน้ำแข็งและน้ำร้อนมาช่วยประคบตา เพื่อลดอาการปวดให้ หลังจากครบสองวันแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ ตนได้ขอใบรับรองแพทย์ เพื่อจะนำไปเบิกกับสำนักงานประกันสังคม ในใบรับรองแพทย์ระบุมีอาการโรคฟันผุ ติดเชื้อในช่องปาก ทำให้ตาบวม

น.ส.กร ศิริให้การต่อว่า หลังจากนั้นไม่นาน อาการปวดศีรษะก็ไม่หาย และเป็นมากยิ่งขึ้น จึงต้องกลับไปหาแพทย์อีกครั้ง ในครั้งนี้แพทย์ผู้ตรวจระบุว่าตาขวาติดเชื้อราโรงพยาบาลไม่สามารถรักษาได้ ต้องส่งต่อไปรักษาที่ร.พ. ศิริราช จนในวันที่ 16 พ.ย. 2550 แพทย์ของศิริราช ก็ต้องควักดวงตาข้างขวาของตนออก เมื่อผอ.ของร.พ.ดังกล่าวทราบเรื่อง ก็โทรศัพท์มาหามารดาตน แสดงความเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนตนหลังจากถูกควักดวงตาออกไปแล้ว ทางร.พ.เอกชนแห่งนี้ก็มารับตัวกลับ แต่ก็ไม่ได้รักษาหรือใส่ดวงตาเทียมให้ จนเกิดอาการอักเสบมีน้ำหนองไหลออกมา ต่อมาร.พ.แจ้งว่าได้ติดต่อไปที่ร.พ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า เพื่อจะส่งตัวไปรักษาต่อ และขอให้ย้ายไปใช้สิทธิประกันสังคมที่โรงพยาบาลดังกล่าวแทน แต่ตนไม่ตกลงจึงเข้าปรึกษากับนางลีนา และแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับโรงพยาบาล แพทย์ และผู้เกี่ยวข้องในครั้งนี้

ด้าน นางลีนา กล่าวว่า คดีนี้ผู้เสียหายต้อง การจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง แต่คดีก็ขาดอายุความไปแล้ว หากกองปราบปรามจะรับคดี ให้เป็นความผิดทางอาญาก็จะทำให้สามารถฟ้องร้องทางแพ่งใหม่ได้ เบื้องต้น พ.ต.อ.พรศักดิ์ ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.สุกรี สินเย็น พงส. (สบ 2) กก.1 บก.ป. รับเรื่องและสอบปากคำผู้เสียหายไว้ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป

ด้าน น.พ.ธรภณ ตรีคุณประภา ผอ.ฝ่ายการแพทย์ ร.พ.บางมด 1 กล่าวถึงกรณีของน.ส.กรศิริ ว่า เราได้ให้การดูแลรักษาคนไข้อย่างเต็มที่ ไม่ได้ละเลย แต่เนื่องจากผู้ป่วยมีอาการของโรคที่ซับซ้อน ต้องอาศัยแพทย์ด้านอายุรกรรม แพทย์ที่เชี่ยวชาญเรื่อง หู ตา คอ จมูก และแพทย์อีกหลายกลุ่มมาช่วยรักษา ร่วมทั้งยังปรึกษากับอาจารย์แพทย์ ที่ร.พ.ศิริราช ตลอด

น.พ.ธรภณ กล่าวอีกว่า เมื่อคนไข้มีอาการปวดศีรษะมากขึ้น เราก็พยายามตรวจในหลายๆ จุดเพื่อหาสาเหตุ เอกซเรย์อยู่เป็นระยะๆ ก่อนที่จะส่งตัวไปที่ร.พ.ศิริราชนั้น อาการของเชื้อราลุกลามเร็วมาก เพราะผู้ป่วยมีน้ำตาลในเลือดสูง หากไม่ควักตาข้างขวาออกอาจลามไปที่ตาซ้าย และอาจส่งผลถึงชีวิตได้ แพทย์จึงให้ผู้ป่วยเซ็นชื่อยินยอมให้ผ่าเอาดวงตาออก การผ่าตัดก็เรียบ ร้อยดี ช่วงปี 2551 ผู้ป่วยก็เข้ารับรักษาอย่างต่อเนื่อง ต้องนอนอยู่ที่โรงพยาบาลกว่า 100 วัน สำนักงานประกันสังคมจึงให้ไปแจ้งเป็นกรณีผู้ป่วยทุพพลภาพ พอในปี 2552 ก็ไม่ได้รับการติดต่อจากผู้ป่วยรายนี้อีกเลย จนมาทราบว่าไปแจ้งความดำเนินคดีกับโรงพยาบาล แพทย์ และผู้เกี่ยวข้อง

"ระหว่าง การรักษาผู้ป่วยรายนี้ เราก็ได้ประสาน กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่คณะแพทยศาสตร์ศิริราช มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อทำตาเทียม ซึ่งก็ดำเนินการให้จนเสร็จสิ้น แต่ผู้ป่วยอ้างว่าไม่สวย ไม่ถูกใจ ก็แก้ไขทำเบ้าลูกตาเทียมให้ใหม่ สามารถใช้สวมเข้าและถอดออกได้ ไม่ทราบว่าผู้ป่วยต้องการเรียกร้องอะไร เรายืนยันว่าการรักษาเป็นไปตามขั้นตอน ทำงานกันอย่างเต็มที่แล้ว เมื่อผู้เสียหายไปแจ้งความในคดีอาญาแล้วก็คงต้องต่อสู้คดีกันตามกระบวนการ เพราะคงไม่สามารถถอนแจ้งความได้แล้ว"
น.พ.ธรภณ กล่าว

9739
บนเรือไททานิก ผู้โดยสารที่เป็นชาย ได้แสดงน้ำใจเสียสละชีวิตตนเองเพื่อให้เด็กและผู้หญิงรอดชีวิต ในขณะที่บนเรือ "ลุสิตาเนีย" พวกผู้ชายต่างพากันมุ่งเอาชีวิตตนเองรอด...

นักวิชาการตาแหลม ขุดค้นบันทึกเหตุการณ์โศกนาฏกรรมเรือสำราญ 2 ลำ เรือ "ไททานิค" กับเรือ "ลุสิตาเนีย" อับปางไล่ๆกัน เมื่อเกือบ 100 ปีก่อน สังเกตพบว่า ผู้โดยสารของแต่ละลำได้แสดงให้เห็นสันดานมนุษย์กันออกมาอย่างตรงกันข้าม

บนเรือไททานิก ผู้โดยสารที่เป็นชาย ได้แสดงน้ำใจเสียสละชีวิตตนเองเพื่อให้เด็กและผู้หญิงรอดชีวิต ในขณะที่บนเรือ "ลุสิตาเนีย" พวกผู้ชายต่างพากันมุ่งเอาชีวิตตนเองรอด

คณะ นักวิจัยมหาวิทยาลัยควีนเทคโนโลยี ที่นครบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย กล่าวเปิดเผยว่า ความแตกต่างของจิตใจผู้ชายบนเรือสองลำนั้น เนื่องมาจากเวลาประการเดียว เรือไททานิคมีเวลาเหลือกว่าที่เรือจะจมนานถึง 3 ชม. ในขณะที่เรือลุสิตาเนีย จมลงในเวลาประมาณ 18 นาทีเท่านั้น "เมื่อคนเราต้องตัดสินใจในเวลาจวนแจเช่นนั้น มนุษย์จะแสดงสัญชาตญาณของตนออกมาก่อนการสำนึกถึงแบบอย่างทางสังคม"

ศาสตราจารย์ แบนโน ทอร์กเลอร์ อาจารย์วิชาเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า เหตุการณ์ของโศกนาฏกรรมเรือทั้งสองลำนี้ คล้ายคลึงกันมาก แถมเกิดไล่ๆกันอีกด้วย เรือไททานิคจมใน พ.ศ.2455 ส่วนเรือลุสิตาเนีย อับปาง พ.ศ.2458

ผลการศึกษาพบว่า ผู้โดยสารที่เป็นเด็กบนเรือไททานิก มีโอกาสรอดมากกว่าผู้ใหญ่ ร้อยละ 14.8 ในขณะที่ทางเรือลุสิตาเนียมีโอกาสรอด ต่ำกว่าร้อยละ 5.3 ส่วนผู้หญิงบนเรือไททานิค มีโอกาสรอดมากกว่าผู้ชายร้อยละ 53 ในขณะที่ของเรือลุสิตาเนีย จะมีโอกาสน้อยกว่ากัน ร้อยละ 1.1.

9740
เมื่อวันที่ 3 มี.ค. ตัวแทนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) นำโดย ศ.ดร.ภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช. ได้เข้าชี้แจงยุทธศาสตร์ชาติในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแก่ข้าราชการ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) โดยมี นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ. ให้การต้อนรับ

ศ.ดร.ภักดีกล่าวว่า ปัญหาทุจริตเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ ถือว่าร้ายแรงกว่าปัญหายาเสพติดเพราะกินลึกลงไปในทุกระดับ สำหรับ สธ.ที่มีอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ก็มีจำนวนถึง 970,000 คน ตนจึงจะประสานปลัด สธ. เพื่อขอให้ อสม.เหล่านี้เข้าร่วมเป็นเครือข่ายเมืองคนดีด้วย เพื่อช่วยกันเฝ้าระวังและแก้ปัญหาคอรัปชั่น เพื่อให้ไทยสอบผ่าน โดยตั้งเป้าในปี 2555 ให้ไทยสอบผ่านโดยได้ 5 คะแนนจาก 10 คะแนนก็ยังดี จากข้อมูลการร้องเรียนล่าสุดพบว่า ปัญหาการทุจริตในระดับองค์กรปกครองท้องถิ่น ( อปท.) มีมากขึ้น ครึ่งหนึ่งจากการร้องเรียนทั้งหมดราว 5,000 เรื่อง อสม.จะมีส่วนช่วยในการเป็นเครือข่ายป้องกันการคอรัปชั่นได้มาก

สำหรับปัญหาร้องเรียนการทุจริตใน สธ.นั้น ศ.ดร.ภักดีว่า ขณะนี้มีเรื่องร้องเรียนอยู่ระหว่างการพิจารณา 140 เรื่อง ขณะที่ความคืบหน้าการสอบสวนกรณีความผิดการจัดซื้อรถพยาบาล 232 คันของ สธ. จวนจะสรุปว่ามีมูลเพียงพอในการแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่.

9741
วันนี้(7 มี.ค.) นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่าเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือ ที่ประสบภัยจากหมอกควันไฟประกอบด้วย จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา ลำปาง ลำพูน น่าน แพร่ และแม่ฮ่องสอน ว่า สำนักงานควบคุมป้องกันโรคที่ 10 จังหวัดเชียงใหม่ ได้ดำเนินการแจกหน้ากากอนามัยไปให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั้ง 8 แห่ง จำนวน 6 แสนชิ้น เพื่อนำไปแจกประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่มีหมอกควันปกคลุม ป้องกันการสูดฝุ่นละอองคาร์บอนซึ่งเกิดจากการเผาไหม้ และมีผลระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ รวมทั้งฝุ่นยังระคายเคืองตา เช่น ทำให้แสบตา ตาแดง โดยกรมควบคุมโรคได้แจกคู่มือคำแนะนำการดูแลสุขภาพเนื่องจากมลพิษหมอกควันอีก 5,000 ฉบับด้วย

นายแพทย์สุพรรณ กล่าวต่อว่า สำหรับประชาชนที่สูดละอองควันไฟเข้าไปแล้ว ไม่ต้องกังวล เนื่องจากร่างกายจะขับฝุ่นละอองออกมาเองทางเสมหะ จะเร็วช้าอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับปริมาณฝุ่นที่สูดเข้าไป วิธีง่ายๆที่จะทำให้ร่างกายขับฝุ่นได้ดีขึ้น ขอให้ประชาชนจิบน้ำอุ่นบ่อยๆ เพื่อให้เสมหะอ่อนตัว และขับออกมาง่ายขึ้น และหากมีอาการผิดปกติ เช่นแสบตา ตาแดง มีน้ำตาไหล น้ำมูกไหล เจ็บคอ คออักเสบ ไอ หายใจลำบาก ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ขอให้ไปรับบริการที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน.


9742
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 5 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานมอบรางวัลการส่งเสริมและพัฒนาเยาวชน หรือไชลด์ วอทช์ อวอร์ด ครั้งที่ 3 จัดโดยสถาบันรามจิตติ ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงครอบครัวปัจจุบันได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงสังคมเมือง และการเปลี่ยนแปลงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งกระทบต่อเด็กและเยาวชนทั้งสิ้น การแก้ปัญหาจึงต้องเข้าใจธรรมชาติเด็กและเยาวชน

ด้านนายอมรวิชช์ นาครทรรพ ผู้อำนวยการสถาบันรามจิตติ กล่าวว่า สภาวการณ์เด็กและเยาวชน รอบปี 2551-2552 จากการเก็บข้อมูลตัวอย่าง 1.5 แสนคน ทั้งนักเรียนประถม มัธยมต้น มัธยมปลาย อาชีวศึกษา และอุดมศึกษา 3 ด้าน

1.สุขภาพ พบว่าต้องจับตาสุขภาพจิตและความเครียด เพราะเด็กอายุต่ำกว่า 25 ปี พยายามฆ่าตัวตาย 7.3 พันคน เฉลี่ยวันละ 20 คน พบพฤติกรรมบริโภคขนมกรุบกรอบและน้ำอัดลมมากขึ้น ส่วนอนามัยแม่และลูกมีแนวโน้มดีขึ้นจนอยู่ระดับนำของกลุ่มอาเซียน

"2.การศึกษา เด็กชอบไปโรงเรียนน้อยลง โดดเรียนเพิ่มขึ้น 2 เท่าทุกระดับชั้น แนวโน้มใช้เวลาเรียนพิเศษสูงขึ้น เฉลี่ยวันละ 180-185 นาที แต่นิสัยเรียนรู้เพิ่มขึ้นโดยอ่านหนังสือเป็นงานอดิเรกเพิ่มขึ้น

3.สังคม พื้นที่เสี่ยงในเมืองเพิ่มจาก 1.6 หมื่นแห่ง เป็น 2.2 หมื่นแห่ง เด็กใช้เวลากับสื่อมากขึ้น โดยเด็กมัธยมขึ้นไป 90% มีโทรศัพท์มือถือ และใช้เวลาคุยโทรศัพท์เฉลี่ยวันละ 92 นาที ใช้อินเตอร์เพิ่มขึ้น และดูโทรทัศน์เฉลี่ยวันละ 3 ชั่วโมง
ส่วนการล่วงละเมิดทางเพศ เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ถูกข่มขืนเพิ่มจาก 5.8 พันราย เป็น 6.4 พันราย แต่คดีอาชญากรรมแนวโน้มลดลง เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ถูกส่งเข้าสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนลดลง" นายอมรวิชช์กล่าว
และว่า สิ่งที่น่าวิตก คือ เด็กอาชีวะและอุดมศึกษา 37% ยอมรับเคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว ยอมรับว่าอยู่ก่อนแต่ง 50% ตลอดทั้งปีเด็กสาวอายุต่ำกว่า 19 ทำคลอด 6.9 หมื่นราย เฉลี่ยวันละ 190 ราย และยังพบเด็กมีแนวโน้มต้องอยู่ในสังคมสับสนทางเพศ โดยเด็กมัธยมและอุดมศึกษา 45% มีเพื่อนร่วมชั้นรักเพศเดียวกัน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

9743
ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในเมืองกลางทะเลทรายที่ออสเตรเลีย ตกตะลึงว่าอยู่ดี ๆ ก็มีปลาตกลงมาจากท้องฟ้า

หนังสือพิมพ์เดลี่ เทเลกราฟ รายงานว่า หมู่บ้านลาจามานูในดินแดนนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี เกิดปรากฏการณ์ประหลาดปลาสีขาวขนาดเล็กหลายร้อยตัว ซึ่งจำนวนมากยังมีชีวิตอยู่ ตกลงมาจากท้องฟ้าได้ 2 วันแล้ว
 
ผู้เชี่ยวชาญสภาพอากาศเชื่อว่า ปลาเหล่านี้ถูกพายุเมฆหอบขึ้นมาจากแหล่งน้ำและนำมาตกในเมือง ซึ่งอยู่ห่างจากแม่น้ำที่ใกล้ที่สุด 520 กิโลเมตร ปลาเหล่านี้น่าจะถูกพายุหอบขึ้นไป 40,000-50,000 ฟุตในอากาศ

นับเป็นครั้งที่ 3 ในระยะเวลาไม่ถึง 30 ปี ที่เมืองลาจามานูเกิดปรากฏการณ์ปลาตกจากฟ้า

ครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 2517

ครั้งที่ 2 ในปี 2547

ชาวบ้านในดินแดนนอร์เทิร์นเทร์ริทอรีเกรงว่า ในครั้งหน้าอาจจะมีสิ่งที่ใหญ่กว่า ตกมาจากท้องฟ้าก็เป็นได้ ซึ่งอาจจะน่าตกใจกว่านี้ หากเป็นจระเข้

9744
รพ.กรุงเทพราชสีมา เผยผลประกอบการในปี 52 โตสวนกระแสกว่า 23% ตั้งเป้าเติบโตต่อเนื่องในปี 53 เป็น 25% ดันเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของของอีสานรักษาโรคซับซ้อน เตรียมทุ่มอีก 40 ล้านบาท ขยายศูนย์ทางเดินอาหาร-ศูนย์ต่อมไร้ท่อ เน้นจับกลุ่มคนไข้ประกันสุขภาพ-มีกำลังจ่ายสูง

นายแพทย์ธนรัชต์ สมุทรเพ็ชร ผอ.โรงพยาบาลกรุงเทพราชสีมา เปิดเผยว่า ปี 2552 ที่ผ่านมาสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ทั้งวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ รวมทั้งสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่นิ่ง ส่งผลกระทบในเรื่องของกำสั่งซื้อของผู้บริโภค รวมทั้งแนวคิดของผู้ป่วยที่เปลี่ยนไป ผู้ป่วยส่วนใหญ่ประหยัดเงินมากขึ้น ทำให้ธุรกิจโรงพยาบาลได้รับผลกระทบพอสมควร แต่โรงพยาบาลกรุงเทพราชสีมาสามารถผ่านกระแสเศรษฐกิจขาลงที่ผ่านมาได้ ซึ่งในภาพรวมของทั้งประเทศ จีดีพี ติดลบประมาณ 2-3% แต่โรงพยาบาลกรุงเทพราชสีมามีความเติบโตสวนกระแสค่อนข้างดีประมาณ 23%

 คนไข้ส่วนใหญ่เป็นคนไข้ที่มีกำลังจ่าย โดยเฉพาะคนไข้ที่มีประกันสุขภาพกว่า 80% ของคนไข้ทั้งหมด ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของโรงพยาบาล แต่ก็ยังมีช่องว่างสำหรับผู้ป่วยประกันสังคมและผู้ป่วยบัตรทอง 30 บาท บางส่วนที่สามารถเข้ามาใช้บริการกับโรงพยาบาลได้ โดยเฉพาะโรคฉุกเฉิน โรคที่อันตรายถึงแก่ชีวิต เช่น โรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน หรือแม้แต่ประกันสังคม ซึ่งทางโรงพยาบาลมองว่าสิ่งไหนที่พอจะช่วยเหลือได้ ที่ทำให้คนไข้ได้รับทางเลือกที่ดีโรงพยาบาลก็ยินดีรับคนไข้ ซึ่งช่วงแรกที่เปิดศูนย์หัวใจยังมีคนไข้น้อย แพทย์มีเวลา และมีห้องผ่าตัดเหลืออยู่จึงได้ช่วยคนป่วยประกันสังคมไว้บ้าง โดยคิดราคาเท่ากับประกันสังคม 

 “จังหวัดนครราชสีมาถือเป็นเมืองที่มีศักยภาพ โรงพยาบาลกรุงเทพจึงขยายสาขามาเปิดเป็นแห่งแรกของภาค และต้องการให้เป็นศูนย์กลางของภาคอีสาน เป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของโรงพยาบาลกรุงเทพฯ ในภาคอีสานที่จะพัฒนาเรื่องของการบริการให้รักษาโรคที่ยุ่งยากซับซ้อนได้ เพราะฉะนั้นที่นี่จะเป็นศูนย์กลางขนาดใหญ่ที่รักษาโรคที่ยุ่งยากซับซ้อน ผ่าตัดหัวใจได้ และให้มีการส่งต่อจากจังหวัดใกล้เคียงที่ต้องการบริการโรคที่ยุ่งยากซับซ้อน เข้ามา ซึ่งปัจจุบันเริ่มเป็นที่รู้จักและมีคนไข้ในภาคอีสานและเข้ามาใช้บริการมาก ขึ้น”

 นายแพทย์ธนรัชต์ กล่าวอีกว่า ใปี 2553 โรงพยาบาลกรุงเทพราชสีมาตั้งเป้าเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปีที่ประมาณ 25% ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ท้าทาย โดยปัจจุบันมีผู้ป่วยนอกประมาณวันละกว่า 600 คน ผู้ป่วยในประมาณ 90 เตียงต่อวัน สำหรับกลยุทธ์ในการพัฒนาโรงพยาบาลในปีนี้ ได้เตรียมแผนพัฒนาอย่างต่อเนื่องจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ คือ วิสัยทัศน์จะเป็นศูนย์กลางของการแพทย์ของโรงพยาบาลเอกชนในภาคอีสานให้เป็น โรงพยาบาลที่รักษาโรคที่ซับซ้อน หรือที่เรียกว่า"ตติยภูมิ" ให้มากขึ้น รวมทั้งจะทำให้โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นที่ไว้วางใจ โดยจะพัฒนาในหลายๆ ด้าน คือ เรื่องของวิทยาการและเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อจากปีที่แล้ว ซึ่งในปี 2552 ได้เปิดให้บริการรักษาโรคเฉพาะทางต่างๆ ทั้งหมด 5 ศูนย์ได้แก่ ศูนย์หัวใจ  ศูนย์อุบัติเหตุฉุกเฉิน ศูนย์สมอง ศูนย์มะเร็ง ศูนย์กระดูกสันหลังและข้อ ในปีนี้พยายามจะขยายเพิ่มเป็นศูนย์ผู้เชี่ยวชาญพิเศษอีก 2 ศูนย์ คือศูนย์ทางเดินอาหาร และศูนย์ต่อมไร้ท่อ เช่น โรคเบาหวาน ที่เป็นปัญหาหลักของคนภาคอีสาน

 นอกจากนี้ต้องมีการพัฒนาบุคลากรทั้งทางแพทย์ พยาบาล ให้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะโรคให้มากขึ้น เพื่อให้สามารถรักษาโรคที่ยุ่งยากซับซ้อนได้มากขึ้น และการพัฒนาคุณภาพด้านการบริการที่เป็นหัวใจหลักของโรงพยาบาลเอกชน มีบริการที่แตกต่างจากโรงพยาบาลอื่น ก็จะเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้

 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปีนี้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจยังไม่ค่อยเอื้อ โรงพยาบาลต้องดูความจำเป็นในการลงทุนมากขึ้น ซึ่งปี 2553 จะมีการลงทุนเพิ่มไม่มากนักหรือประมาณ 8% เมื่อเทียบกับรายได้ หรือประมาณ 40 ล้านบาท เพื่อขยายศูนย์ทางเดินอาหาร และศูนย์ต่อมไร้ท่อ และเครื่องมือทางการแพทย์ที่จำเป็นบางส่วนที่ยังขาดแคลน รวมทั้งเครื่องมือแพทย์บางอย่างที่หมดสภาพไปตามอายุ รวมทั้งขยายห้องไอซียูเพิ่มขึ้น ปัจจุบันมี 18 เตียง คนไข้เริ่มเต็มเป็นบางช่วง ผู้ป่วยที่มีภาวะวิกฤตเริ่มมากขึ้น ก็จะรองรับตรงนี้ให้มากขึ้นด้วย จะเพิ่มอีกประมาณ 15-20 เตียง”

 ส่วนสถานพยาบาลคลินิกกรุงเทพฯราชสีมา ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เนื่องจากปากช่องเป็นเมืองท่องเที่ยว เป็นปอดของคนไทย เป็นแหล่งที่อยู่อาศัย แหล่งตากอากาศ เป็นคนเศรษฐีที่มาอยู่ในบั้นปลายชีวิต มีศักยภาพสูง เศรษฐกิจของคนปากช่องก็ค่อนข้างดี ทั้งภาคการท่องเที่ยว ภาคเกษตรกรรม มีโรงงานหลายแห่ง เพราะฉะนั้นคลินิกกรุงเทพฯ ปากช่องจึงได้รับอานิสงค์ตามไปด้วย มีคนไข้เพิ่มขึ้นทุกปี คนไข้นอกประมาณ 100 คน/วัน คนไข้ในประมาณ 7-9 เตียง/วัน ถือว่าได้รับการตอบรับดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ทางโรงพยาบาลยังไม่มีแผนการลงทุนเพิ่ม จะต้องรอเวลาอีกประมาณ 2-3 ปี แต่อาจจะเพิ่มเตียงให้มากขึ้น เพิ่มห้องพักให้มากขึ้นรองรับการเจริญเติบโต ให้เมืองพร้อมจริงๆ แล้วจึงพิจารณาอีกครั้ง

9745
ห้องพักผ่อนรวม (Common Room) / Re: medical joke#1---obsessions
« เมื่อ: 04 มีนาคม 2010, 07:53:44 »
แค่รู้ว่า dick แปลว่าอะไร ก็ฮาได้แล้ว

9746
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากประเทศไทยมีพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 2545 ทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขได้ง่ายขึ้น สถานบริการสาธารณสุขทุกแห่ง มีผู้เข้ารับบริการเพิ่มขึ้น 3-4 เท่าตัว โดยเฉพาะในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ทั่วประเทศ มีประชาชนเข้ารับบริการในแผนกผู้ป่วยนอกมากถึงวันละ 1,500- 2,000 คน ทำให้การบริการไม่คล่องตัว ผู้ให้บริการทำงานหนักเกินไป ส่วนผู้รับบริการต้องรอพบแพทย์เป็นเวลานาน สร้างความไม่พึงพอใจ เกิดปัญหาร้องเรียนตามมา ทั้งๆที่ร้อยละ 50-75 ของผู้ที่ไปรับบริการที่โรงพยาบาลใหญ่ มีอาการเจ็บป่วยไม่รุนแรง อาการของโรคไม่ซับซ้อน สามารถรักษาได้ที่สถานบริการใกล้บ้านได้

สาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้ประชาชนนิยมเข้ารับบริการในโรงพยาบาลใหญ่ เนื่องจากมั่นใจว่าสามารถรักษาโรคได้ดีกว่าสถานพยาบาลขนาดเล็ก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเร่งพัฒนายกระดับมาตรฐานสถานพยาบาลทุุกระดับ ให้มีมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชน โดยใน ปี 2553 นี้ กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำ โครงการลดความแออัด พัฒนาคุณภาพ ขยายเครือข่าย บริการประทับใจ โดยจะปรับโฉมบริการด่านหน้าของสถานพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศ เพื่อลดความแออัดการให้บริการผู้ป่วยนอกในโรงพยาบาลลงให้ได้ร้อยละ 30 เพิ่มความสะดวก การให้บริการทั่วถึง คล่องตัวและมีคุณภาพ โรงพยาบาลมีโอกาสพัฒนาระบบบริการให้มีคุณภาพ มีมาตรฐานเดียวกันทั้งเครือข่าย สร้างความมั่นใจ ความพึงพอใจให้ผู้รับบริการ และช่วยลดปัญหาการร้องเรียน
นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า มาตรการหลักที่จะดำเนินการครั้งนี้ ประกอบด้วย

1. การปรับโฉมด้านกายภาพ ให้สถานที่ให้บริการผู้ป่วยสะอาด ทั้งห้องตรวจโรค ห้องน้ำ สร้างบรรยากาศผ่อนคลายระหว่างรอตรวจ โดยจัดมุมพักผ่อนสำหรับเด็ก ผู้สูงอายุ มุมทำสมาธิ สวดมนต์ เล่นดนตรี มุมให้ความรู้ มีทีวี เอกสารวิชาการ บริการนวดฝ่าเท้า บริการน้ำดื่ม เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนด้านบุคลากร จัดอบรมให้มีจิตอาสาในการบริการ มีเจ้าหน้าที่ที่ชำนาญด้านการสื่อสาร อำนวยความสะดวก แก้ไขปัญหาให้แก่ผู้รับบริการตลอด 24 ชั่วโมง

2.เพิ่มศักยภาพผู้ให้บริการ จัดระบบบัตรคิวรอตรวจ มีการประมาณเวลาคร่าวๆให้ผู้ป่วยทราบ จัดให้มีศูนย์บริการให้คำปรึกษา(Call center) ให้บริการแนะนำการรักษาพยาบาลเบื้องต้นแก่ประชาชนที่เจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อลดความแออัด รวมทั้งจัดระบบนัดหมายมาโรงพยาบาลทางอิเลคโทรนิกส์ ระบบการส่งต่อ –ส่งกลับ รวมทั้งขยายเครือข่ายบริการโรงพยาบาล อาทิ คลินิก 4 มุมเมือง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในเขตเมือง การให้บริการเบ็ดเสร็จจุดเดียวในคลินิกโรคเฉพาะทาง และเปิดบริการนอกเวลาราชการ

3.การพัฒนาคุณภาพบริการ โดยสร้างความเข้าใจเจ้าหน้าที่ในการจัดบริการที่มีคุณภาพ ตรวจประเมินคุณภาพบริการเป็นระยะๆ จัดทำคู่มือการบริหารความเสี่ยง คู่มือการให้บริการโรคที่เป็นปัญหาและพบบ่อย รวมทั้งกำหนดมาตรฐานเครือข่ายบริการมาตรฐานเดียวกัน สร้างความมั่นใจให้ประชน และ4.การพัฒนาเครือข่ายบริการ โดยพัฒนาคุณภาพบริการโรคเรื้อรังที่พบบ่อยและสำคัญมีมาตรฐานเดียวกันทั้ง เครือข่าย ให้ภาครัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบบริการประชาชน และประชาสัมพันธ์ให้ผู้รับบริการทราบถึงบริการที่มี มั่นใจว่าจะทำให้โฉมหน้าบริการของสถานพยาบาลในสังกัดดีขึ้นเรื่อยๆ

9747
แหล่งข่าวในสำนักงานหลักประกันสุขภาพ แห่งชาติ(สปสช.) เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2552 สปสช.ต้องจ่ายเงินชดเชยเบื้องต้นให้กับผู้รับบริการที่ได้รับความเสียหายจาก การรักษาพยาบาลกับหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพ ถ้วนหน้าตามมาตรา 41 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 จำนวน 73.22 ล้านบาท จากจำนวนผู้รับบริการที่ยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นทั้งหมด 810 ราย

แต่อนุกรรมการระดับจังหวัดพิจารณาแล้วเหลือเข้าหลักเกณฑ์เพียง 660 ราย แบ่งเป็นจ่ายกรณีสูญเสียชีวิต/ทุพพลภาพถาวร 344 ราย เป็นเงิน 54.51 ล้านบาท สูญเสียอวัยวะ/พิการ 97 ราย เป็นเงิน 10.20 ล้านบาท บาดเจ็บ/เจ็บป่วยต่อเนื่อง 219 ราย เป็นเงิน 7.81 ล้านบาท และกรณีอุทธรณ์มีบางรายซ้ำกับรายที่เข้าหลักเกณฑ์ 67 ราย เป็นเงิน 7 แสนบาท

น.พ.ประทีป ธนกิจเจริญ รองเลขาธิการสปสช. กล่าวว่า ตามมาตรา 41 กำหนดให้มีการกันเงินงบประมาณได้ไม่เกิน 1% ของงบประมาณทั้งหมด จึงตั้งงบส่วนนี้ได้ไม่เกิน 1,200 ล้านบาทต่อปี และนับตั้งแต่มีการใช้พ.ร.บ.หลักประกันสุข ภาพแห่งชาติในปี 2545 จนถึงปัจจุบันใช้งบจ่ายชดเชยเบื้องต้นไปเพียง 224 ล้านบาท(story-ยังจ่ายน้อยไปใช่ไหม ยังฟ้องน้อยไปด้วยใช่เปล่า สปสช)
ขณะนี้มี งบฯ แต่ละปีเหลือสะสมประมาณ 164 ล้านบาท ซึ่งปี 2552 ตั้งงบไว้ 1 บาทต่อหัวประชากร เป็นเงินประมาณ 47 ล้านบาท ใช้จริงประมาณ 70 ล้านบาท แม้งบฯที่ตั้งไว้จะไม่เพียงพอ แต่สามารถนำเงินที่เหลือสะสมจากปีก่อนมาใช้ได้

9748
นักเรียน ม.6 รร.เตรียมอุดมศึกษา เจ๋ง คว้าที่ 1 คณะแพทย์ จุฬาฯ ได้คะแนน 83.0400 จากคะแนนเต็ม 100

วันนี้ (26 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.) คัดเลือกนักศึกษาเข้าศึกษาต่อในกลุ่ม กสพท. ประจำปีการศึกษา 2553 นั้น ศ.พญ.บุญมี สถาปัตยวงศ์ ประธานคณะอนุกรรมการจัดสอบคัดเลือกระบบรับตรงฯ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา กสพท.ได้ประกาศผลการคัดเลือกระบบรับตรงของ กสพท. ผ่านเว็บไซต์ สพท. www9.si.mahidol.ac.th และเว็บไซต์ของกลุ่ม กสพท.ทั้ง 12 แห่ง ซึ่งในปีนี้มีผู้ผ่านการคัดเลือกทั้งสิ้นจำนวน 1,375 คน จากผู้สมัครจำนวน 22,000 คน ดังนั้น ตนฝากผู้ผ่านการคัดเลือกต้องตรวจสอบรายชื่อด้วยตนเอง และสอบสัมภาษณ์ตามเวลากำหนด ถ้าไม่มาจะถือว่าสละสิทธิ์ คาดว่า เริ่มสอบสัมภาษณ์วันที่ 2-10 มี.ค.นี้

สำหรับนักเรียนที่สอบได้คะแนนสูงสุด คือ นายณัชชากร ขวัญขจรวงศ์ นักเรียนชั้น ม.6 จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ได้คะแนน 83.0400 จาก คะแนนเต็ม 100 โดยเลือกเข้าเรียนต่อในคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ด้าน นายณัชชากร หรือน้องเดลล์ กล่าวว่า รู้สึกดีใจ และภาคภูมิใจที่สามารถสอบเข้าเรียนคณะแพทย์ศาสตร์ ตามที่ตั้งใจไว้ได้ และเป็นอาชีพที่ตนเองใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก ๆ (story-คิดผิดหรือเปล่า กลับตัวกลับใจยังทัน)จึงได้พยายามตั้งใจเรียนมาตลอด เพราะรู้ว่าการสอบเข้าเรียนหมอนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับเคล็ดลับในการเรียน ตั้งใจเรียนในห้องเต็มที่ และหมั่นทบทวนบทเรียนด้วยตนเองเสมอ และถ้าตั้งใจเรียน และทบทวนสิ่งที่เรียนมา ไม่จำเป็นต้องไปเรียนกวดวิชา ทั้งนี้ อนาคตตนตั้งใจจะเป็นอาจารย์หมอ เพราะชอบสอนหนังสือ และชอบถ่ายทอดความรู้ให้ผู้อื่น.

9749
คู่สามีภรรยาที่รอคอยการตั้งครรภ์และต้องซื้ออุปกรณ์มาตรวจปัสสาวะด้วยตัวเอง อาจมีเครื่องมือชิ้นใหม่ที่ช่วยให้ทราบผลเร็วขึ้นแล้ว เมื่ออังกฤษได้พัฒนาอุปกรณ์ตรวจวัดปริมาณเชื้ออสุจิที่ทีมวิจัยจาก มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียอ้างว่ามีความแม่นยำสูงถึง 96 เปอร์เซ็นต์ได้เป็นผลสำเร็จ
       
       ดร.จอห์น เฮอร์ จากมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย เมืองชาร์ล็อตต์วิลล์ ผู้ร่วมพัฒนาอุปกรณ์ทดสอบตัวนี้กล่าวว่า มันเหมาะสำหรับคู่แต่งงานที่ต้องการจะมีบุตรด้วยวิธีธรรมชาติ หรือยังต้องการพยายามด้วยตัวเอง ไม่ต้องการพึ่งพาความก้าวหน้าทางการแพทย์
       
       ทั้งนี้ ดร.จอห์นอ้างว่า อุปกรณ์ดังกล่าวสามารถบอกได้ว่า น้ำเชื้อของฝ่ายชายมีปัญหาหรือไม่ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับคู่สามีภรรยาในการไปพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษา หรือขอตรวจลงได้
       
       "ราคาขายปลีกของอุปกรณ์นี้คาดว่าจะอยู่ที่ 15 ปอนด์ ซึ่งถูกกว่าการเข้ารับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์อยู่ค่อนข้างมาก"
       
       สำหรับความน่าเชื่อถือของอุปกรณ์ตรวจวัดดังกล่าวนั้น ดร.จอห์นอ้างว่ามีความน่าเชื่อถือสูงถึง 96 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว (โดยเป็นการนำผลมาตรวจสอบกับผลที่ได้จากห้องแลปมาตรฐาน)
       
       สำหรับปริมาณอสุจิควรจะมีต่อน้ำเชื้อหนึ่งมิลลิลิตรคือ ยี่สิบล้านตัวขึ้นไป ซึ่งถ้าตรวจวัดได้เช่นนั้น อุปกรณ์จะระบุว่าเป็นน้ำเชื้อที่มีคุณภาพ ส่วนน้ำเชื้อที่ไม่มีคุณภาพนั้นจะต้องมีปริมาณอสุจิต่ำกว่าห้าล้านตัว ต่อหนึ่งมิลลิลิตร
       
       อุปกรณ์ตรวจวัดดังกล่าวนี้ใช้เวลาในการพัฒนานานกว่า 10 ปี โดยได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหราชอาณาจักร

9750
 ท่านว.วชิรเมธี ชี้เด็กไทยเครียด ทุกข์หนักเพราะการศึกษา เรียนหนักสมองโตแต่หัวใจตีบเห็นแก่ตัว เหตุหลักสูตรอัดแน่นเกินวัยจนลืมวิชาชีวิต ทิ้งธรรมะ บูชาเงินมากกว่าความดีงาม เผยไม่หวังปฏิรูปรอบสอง

 เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ได้จัดสัมมนาเรื่อง การบริหารการศึกษาให้เด็กไทยเก่งดีมีสุข โดยพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ผู้ก่อตั้งสถาบันวิมุตยาลัย กล่าวว่า สังคมไทยในขณะนี้เป็นสังคมที่ไร้ระเบียบ สังคมไทยประสบกับวิกฤติการณ์ทางการเมืองอย่างหนัก การศึกษาไทยก็ไม่สามารถเยียวยาอะไรได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกระบวนการรับรู้ของเด็กไทย ตลอดถึงความคิดของเด็กไทย เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะเรามุ่งแต่วิชาหนังสือเป็นหลักจนลืมวิชาชีวิต มุ่งเรียนเพื่อจะได้ทำงานดีๆ วิชาทางธรรมถูกลดบทบาทลง ทุกคนมุ่งแต่เรื่องทำมาหากิน ทำประโยชน์เพื่อตัวเราเอง ลืมนึกถึงคนอื่น จิตสำนึกสาธารณะไม่มี (story-เห็นด้วยอย่างยิ่ง พวกเราช่วยกันทำประโยชน์เพื่อส่วนร่วมกันหน่อย) การเรียนในโรงเรียนก็สอนจำมากกว่าจะสอนเรื่องความเข้าใจให้แก่เด็ก หลักสูตรอัดแน่นเกินวัย เรียนไปก็นำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตอะไรไม่ได้ โดยเฉพาะการสอนทางพระพุทธศาสนา เด็กไม่ได้นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้เลย

 "ทุกวันนี้เด็กไทยจึงเรียนหนังสือด้วยความทุกข์ ไม่เคยมีความสุข เพราะเรามุ่งสอบมากเกินไป โรงเรียนกวดวิชามีทั่วประเทศ เมื่อสอบเสร็จเด็กแทบจะไม่อยากจับหนังสืออีก ด้วยเหตุที่เครียด เรียนไปก็จำอะไรไม่ได้ การปฏิรูปการศึกษารอบแรกก็ยังไร้ผล เพราะผู้ใหญ่พูดเรื่องตำแหน่งมากกว่าคุณภาพการศึกษา มาครั้งนี้จะปฏิรูปรอบสองไม่รู้ว่าจะถึงตัวเด็กหรือเปล่า การศึกษาไทยทำให้เด็กไทยสมองโต หัวใจตีบ คิดน้อย เห็นแก่ตัวเอง ไม่สนใจส่วนรวม ทิ้งธรรม บูชาเงินมากกว่าความดีงาม เครียด ไม่มีความสุข ชอบเรื่องสะเดาะเคราะห์มากกว่าการคิดวิเคราะห์ ไม่ชอบเป็นผู้นำชอบตามคนอื่น” พระมหาวุฒิชัย กล่าว

 พระมหาวุฒิชัย กล่าวอีกว่า ถึงตอนนี้ถ้าเราอยากเห็นการศึกษาไทยเปลี่ยนแปลงต้องเริ่มต้นที่ตัวเราก่อน และอย่าหวังว่านักการเมืองจะเข้ามาช่วยเพราะทุกวันนี้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ยังแก้ปัญหาต่างๆ ของตัวเองยังไม่ได้เลย(story-ระบบ และกระทรวงสาธารณสุขก็เหมือนกัน) เมื่อเราเห็นปัญหาและไม่มัวแต่วิพากษ์วิจารณ์ปัญหาต่างๆ ก็มีทางแก้ไข

 ด้านดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้บริหารสูงสุดโรงเรียนสัตยาไส จ.ลพบุรี กล่าวว่า การศึกษาไทยต้องเน้นความดีก่อนความเก่ง ที่สำคัญเขาจะมีความสุขในการใช้ชีวิตมากขึ้นด้วย หากโรงเรียนใดสอนให้เด็กรู้จักตัวเอง สอนให้เด็กรู้จักตั้งคำถาม เช่น เขาเป็นใคร เกิดมาเพื่ออะไร และจะทำอะไรบ้าง จะทำให้เขาได้ทบทวนตัวเอง คำถามเหล่านี้จะกระตุ้นให้เด็กได้คิดและรู้จักวิเคราะห์ตัวเองซึ่งเป็น เรื่องจำเป็นอย่างมาก เพราะเด็กคือมนุษย์ไม่ใช่หุ่นยนต์

หน้า: 1 ... 648 649 [650] 651