ผู้เขียน หัวข้อ: ทำความรู้จัก "สับปะรดภูแล" หลัง “จีน” สั่งแบนผลไม้เป็นครั้งแรก  (อ่าน 13 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9760
    • ดูรายละเอียด
กลายเป็นประเด็นร้อนแรงสำหรับเกษตรกรที่ปลูกสับปะรดภูแล เมื่อ นายสัญชัย ปุรณะชัยคีรี  นายกสมาคมผู้ส่งออกผลไม้ไทย ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ขณะนี้สับปะรดภูแล ที่ตัดแต่งส่งออกไม่ได้  ขณะนี้ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แบนสับปะรดภูแล ซึ่งทางสมาคมฯ กำลังเช็คกันอยู่ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร

สับปะรด มีด้วยกัน 14  สายพันธ์ที่ปลูกในประเทศไทย  มีดังนี้
1.พันธุ์ปัตตาเวีย
2.พันธุ์อินทรชิตแดง
3.พันธุ์อินทรชิตขาว
4.พันธุ์ภูเก็ต
5.พันธุ์นางแล
6.สับปะรดศรีราชา
7.สับปะรดตราดสีทอง
8.สับปะรดห้วยมุ่น
9.สับปะรดภูแล
10.สับปะรดภูเก็ต
11.พันธุ์เพชรบุรี 1
12.พันธุ์เพชรบุรี 2
13.พันธุ์ภูชวาหรือไซโก้เบอร์ 6
14.พันธุ์ MD2

สับปะรดที่ปลูกส่วนใหญ่ เพื่อการบริโภคผลสด และ การแปรรูปทางอุตสาหกรรมในประเทศไทย ซึ่งหนึ่งในนั้นมีชื่อของ สับปะรดภูแล รวมอยู่ด้วย

รู้จัก “สับปะรดภูแล”
สับปะรดภูแลเชียงราย  ชื่อภาษาอังกฤษ Chiangrai Phulae Pineapple) หรือในชื่อเรียก สับปะรดภูแล เป็นสับปะรดหรือในชื่อเรียก สับปะรดภูแล เป็นสับปะรดสายพันธุ์ในกลุ่มควีน ลูกเล็กและสามารถปลูกได้ตลอดปี ผล ขนาดเล็ก เนื้อสีทอง กลิ่นหอม แกนสับปะรดกรอบ

สับปะรดภูแล เป็นสับปะรดในกลุ่มควีนที่ได้ ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์เมื่อวันที่ 8 พ.ย.2548 เมื่อ พ.ศ.2520 นายเอนก ประทีป ณ ถลาง อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ได้นำหน่อพันธุ์สับปะรดภูเก็ต จากจังหวัดภูเก็ตมาปลูกครั้งแรกที่ ต.นางแล อ.เมือง จ.เชียงราย ด้วยสภาพทางภูมิศาสตร์ทำให้สับปะรดภูแลมีลักษณะที่แตกต่างจากสับปะรดภูเก็ต คือ ขนาดผลเล็ก มีน้ำหนักตั้งแต่ 0.15-1 กิโลกรัม จุกมีลักษณะชี้ตรว ตาผลเต่งตึง โปนออกมาจากผลอย่างเห็นได้ชัด เปลือกค่อนข้างหนา เหมาะสำหรับการขนส่งระยะไกล เมื่อสุกเปลือกผลจะมีสีเหลืองหรือเหลืองปนเขียว เนื้อสีเหลือง กรอบ กลิ่นหอม แกนสับปะรดกรอบรับประทานได้ ปลูกได้ตลอดทั้งปี เก็บเกี่ยวเหลังจากออกดอกประมาณ 120-150 วัน ขึ้นกับฤดูกาล เรียกชื่อสับปะรดดังกล่าวว่า “สับปะรดภูแล” โดยการนำเอาชื่อ “ภูเก็ต” ซึ่งเป็นแหล่งปลูกเดิมมาผสมคำกับแหล่งปลูกใหม่ คือ “นางแล”

ลักษณะสับปะรดภูแล
ผล ขนาดเล็ก มีน้ำหนักตั้งแต่ 150 กรัม – 1000 กรัม ความยาวของจุกโดยเฉลี่ย 1-1.5
เท่าของความยาวผล ตัวจุกมีลักษณะชี้ตรง
ตาผล ตาเต่งตึงโปนออกมาจากผลอย่างเห็นได้ชัด
เปลือก เปลือกค่อนข้างหนา เหมาะสำหรับการขนส่งระยะไกล เมื่อสุกเปลือกผลจะมีสีเหลืองหรือเหลืองปนเขียว
เนื้อ เนื้อสีเหลือง กรอบ กลิ่นหอม แกนสับปะรดกรอบ รับประทานได้
รสชาติ มีความหวานปานกลาง
ใบ ใบเรียวเล็ก สีเขียวอ่อนและมีแถบสีชมพูบริเวณกลางใบ ขอบใบมีหนามเรียงชิดติด
กันตลอดความยาวของใบ
ปัจจุบัน ได้มีการนำ สัปปะรดภูแล มาแปรรูปมากมาย ทั้ง เบเกอรี่ และ เครื่องดื่ม มากมาย ที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์.

Thansettakij
2 พย 2566