เมื่อวันที่ 16 ส.ค. นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมช.สาธารณสุข กล่าวเปิดการประชุมวิชาการบุหรี่กับสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 11 เรื่อง การแทรกแซงของอุตสาหกรรมยาสูบ ว่า บุหรี่เป็นอันตรายต่อสังคม ทุกคนต้องช่วยกันจับตาเฝ้าระวังวิธีแยบยลของอุตสาหกรรมบุหรี่ ทั้งนี้ 20 ปีที่ผ่านมามีการรณรงค์เรื่องนี้มาโดยตลอด ปี 2534 มีผู้สูบบุหรี่ประมาณ 12 ล้านคน แต่ปัจจบันมีผู้สูบบุหรี่ประมาณ 13 ล้านคน การรณรงค์ 20 ปีที่ผ่านมา มีคนงดสูบบุหรี่ประมาณ 6 ล้านคน แต่กลยุทธ์บริษัทบุหรี่ทำให้มีผู้สูบรายใหม่มากกว่า 6 ล้าน ตัวเลขผู้สูบบุหรี่จึงไม่ลดลง โดยเฉพาะวัยรุ่น
นพ.สุรวิทย์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินการยกร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการควบคุมการบริโภคยาสูบฉบับใหม่ เพื่อใช้แทนกฎหมายเดิม 2 ฉบับ ซึ่งใช้มานาน 20 ปี ตั้งแต่ พ.ศ.2535 คือ พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ และพ.ร.บ.คุ้มครองสุขภาพผู้ไม่สูบบุหรี่ ผนวกให้เป็นฉบับเดียวและปรับปรุงบทบัญญัติให้มีความทันสมัย ทันสถานการณ์ โดยร่างกฎหมายฉบับใหม่ มีทั้งหมด 9 หมวด 80 มาตรา อาทิ ห้ามขายในสถานที่ต้องห้าม 4 ประเภท เช่น ศาสนสถาน สถานศึกษา ห้ามผู้ขายอายุต่ำกว่า 18 ปี ห้ามขายให้ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ห้ามขายทางอินเทอร์เน็ต เพิ่มบทลงโทษรุนแรงขึ้น หากสูบในที่ห้ามสูบ เพิ่มค่าปรับจาก 2,000 บาท เป็น 5,000 บาท หากฝ่าฝืนเผยแพร่กลยุทธ์ส่งเสริมการตลาดด้วยกิจกรรมเพื่อสังคม (ซีเอสอาร์)โทษหนักจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับเพิ่มรายวันๆละไม่เกิน 5 หมื่นบาท คาดว่าจะประกาศใช้ได้ในปีหน้า
นพ.นพพร ชื่นกลิ่น อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวอยู่ระหว่างการทำประชาพิจารณ์ โดยเสร็จสิ้นไปแล้ว 2 ภาค คือ ภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ครั้งต่อไปจะจัดขึ้นในภาคเหนือในวันที่ 17 ส.ค.ที่ จ.เชียงราย และภาคกลางวันที่ 14 ก.ย. ที่ จ.นนทบุรี ส่วนใหญ่ทุกฝ่ายเห็นด้วย โดยจะปรับปรุงแก้ไขร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ให้สมบูรณ์แบบที่สุด และนำเสนอต่อคณะกรรมการควบคุมการบริโภคยาสูบระดับชาติ หรือ คบยช. พิจารณา คาดว่าในเดือน ต.ค.จะนำเสนอให้ ครม.พิจารณาได้ ทั้งนี้คาดว่ากระบวนการทั้งหมดจะเสร็จสิ้น สามารถประกาศใช้ในปีหน้า
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า ปัจจุบันยังมีผู้ผลิตบุหรี่ในประเทศไทยทำผิดมติ ครม.โดยทำซีเอสอาร์ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์และในโรงภาพยนตร์ นอกจากนี้ยังพบว่ามีการแทรกแซงนโยบายควบคุมยาสูบ โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวเกษตรกรที่ออกมาคัดค้านการขึ้นภาษีบุหรี่และการเปิดเผยส่วนประกอบการผลิตภัณฑ์บุหรี่ โดยอ้างว่าการขึ้นภาษีจะทำให้เกษตรกรตกงานนั้นไม่เป็นความจริงเพราะตัวเลขของผู้สูบบุหรี่ไม่ได้ลดลงเลย
ศ.พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ ประธานเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ กล่าวว่า รัฐบาลและรัฐสภาควรร่วมกันเร่งผลักดัน พ.ร.บ.ควบคุมยาสูบฉบับใหม่โดยเร็วที่สุด ขณะเดียวกันรัฐบาลและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ควรเร่งดำเนินการให้ประชาชนทุกเพศทุกวัยสามารถเข้าถึงบริการเลิกบุหรี่และยาช่วยเลิกบุหรี่มาตรฐานได้อย่างเท่าเทียมกันทั่วประเทศ เพื่อช่วยเหลือให้เยาวชนและผู้ที่ติดบุหรี่จนไม่สามารถเลิกได้ด้วยตนเอง สามารถหลุดพ้นจากวงจรการเสพติดนี้ได้โดยเร็วที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขยังได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) ในการดำเนินการควบคุมการบริโภคยาสูบ ร่วมกับ 35 เครือข่ายด้วย.
