ผู้เขียน หัวข้อ: การปกป้องพระมหากษัตริย์ เป็นหน้าที่ของคนไทย...วสิษฐ เดชกุญชร  (อ่าน 1145 ครั้ง)

seeat

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 470
    • ดูรายละเอียด
ผมขอเว้นรายงานการหนีน้ำอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเรียนให้ท่านผู้อ่านทราบเหตุการณ์ที่ผมเห็นสำคัญ อย่างยิ่ง ที่เพิ่งเกิดขึ้นและผ่านไปเมื่อบ่ายวันศุกร์ที่ 2 ธันวาคมที่แล้วนี้เอง

เหตุการณ์ที่ว่านี้คือการชุมนุมฟังการเสวนาเรื่อง "ธรรมดีที่พ่อทำ : เราจะช่วยกันปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ได้อย่างไร?" ที่หอประชุมพุทธคยา ของบริษัท ไดเร็คมีเดียกรู๊ป (Direct Media Group) ของ คุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย ซึ่งตั้งอยู่บนชั้นที่ 22 ของอาคารอมรินทร์พลาซา ที่ถนนเพลินจิต ใน กรุงเทพมหานคร นอกจากผมแล้ว ท่านผู้อื่นซึ่งได้ รับเชิญ ให้ไปร่วมเสวนาครั้งนี้ด้วยก็ได้แก่ คุณประมวล รุจนะเสรี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล นักวิชาการสื่อสารมวลชน ผู้เป็นที่รู้จักกันดี พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน รองอธิบดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ และคุณดนัยเอง

ที่ผมบอกว่าเป็นเหตุการณ์ที่ผมเห็นว่าสำคัญอย่างยิ่งก็เพราะว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ อันเป็นสถาบันที่เรามหาชนคนไทยเทิดทูนเคารพและสักการะมาแต่โบราณกาล

ผมใช้คำว่า "มหาชนคนไทย" โดยเจตนาให้หมายถึงคนไทยส่วนใหญ่ และเพราะข้อเท็จจริงปรากฏว่ามีคนไทยส่วนน้อยไม่ปรากฏจำนวน ที่มีพฤติการณ์แสดงชัดว่า นอกจากจะไม่เทิดทูนเคารพสักการะพระมหากษัตริย์แล้ว ยังลบหลู่ จาบจ้วง ให้ร้าย และดูหมิ่นอย่างต่ำช้า เช่นขานพระนามด้วยผรุสวาทหรือคำหยาบคาย หรือเขียนภาพลามกทับพระบรมฉายาลักษณ์และพระฉายาลักษณ์ เป็นต้น

น่าสังเกตว่าพฤติการณ์ของคนไทยส่วนน้อยที่ว่านี้ เริ่มขึ้นหลังจากที่มีรัฐประหารในเดือนกันยายนปี 2549 แล้วก็ดำเนินเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน และน่าสังเกตด้วยว่า นอกจากการดูหมิ่น ลบหลู่ จาบจ้วง ล่วงเกิน พระมหากษัตริย์ จะกระทำโดยผู้ไม่เปิดเผยนาม โดยผ่านทาง "สื่อสังคม" เช่น Facebook, YouTube และ Twitter แล้ว

ยังมีบุคคลผู้เป็นที่รู้จักในสังคมและวงการเมือง ที่แสดงพฤติการณ์ดูหมิ่นและใส่ความพระมหากษัตริย์อย่างเปิดเผยด้วย

พฤติการณ์กล่าวร้าย ดูหมิ่น และลบหลู่พระมหากษัตริย์นี้ ดำเนินมาโดยไม่หยุดยั้ง และแม้ทางราชการจะพยายามระงับทั้งโดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ และด้วยการสืบสวนจับกุมเอาตัวผู้กระทำผิดมาฟ้องร้องให้ศาลลงโทษ แต่ก็ไม่ปรากฏเป็นข่าวนัก เพราะสื่อไม่กล้ารายงานข่าว คงเป็นเพราะกลัวจะเป็นการลบหลู่ดูหมิ่นไปด้วย

อาจเป็นด้วยเหตุนี้ มหาชนคนไทยจึงเงียบ ไม่มีปฏิกิริยา จะมีอยู่บ้างก็เป็นส่วนน้อยที่ตอบโต้ด้วยแสดงผรุสวาทออกมากทางสื่อสังคมเช่นเดียวกัน

และยังมีด้วยที่บางคนแสดงความเห็นเชิงสันติหรืออริยะ ว่าไม่ควรตอบโต้ แต่ควรปล่อยให้คนชั่วรับกรรมของตนเองในที่สุด

ผมเชื่อเรื่องกรรม และเชื่อว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นธรรมิกราช ทรงทั้งศีลและทั้งธรรมอย่างต่อเนื่องไม่เคยหยุดยั้ง ผมเชื่อว่าธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม และในฐานะที่เคยรับใช้พระยุคลบาทอย่างใกล้ชิดมานานในตำแหน่งนายตำรวจราชสำนักประจำ ผมจึงเชื่อด้วยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ทรงหวั่นไหวหรือวิตกกังวลที่ผู้ใดจะให้ร้ายหรือลบหลู่พระยุคลบาท แต่ทรงมั่นอยู่ในอุเบกขาธรรม

แต่ในฐานะที่ผมเป็นคนไทยคนหนึ่ง ที่รู้ว่าเมืองไทยอันเป็นที่เกิดและที่ตายของปู่ย่าตายายของผมหลายชั่วโคตรเป็นไทยอยู่ได้ ก็ด้วยพระบรมเดชานุภาพและพระบารมีของพระมหากษัตริย์พระราชวงศ์และพระองค์ต่างๆ หลายครั้งหลายหนในประวัติศาสตร์ที่เมืองไทยเกือบเสียเอกราชและตกเป็นเมืองขึ้นของต่างชาติ แต่ก็พ้นจากเงื้อมมือของต่างชาติ และดำรงอิสรภาพและเอกราชมาได้ถึงปัจจุบันด้วยพระปรีชาญาณของพระมหากษัตริย์

โดยเฉพาะพระมหากษัตริย์ในรัชกาลปัจจุบัน คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นับตั้งแต่เสด็จขึ้นครองราชย์มาจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 65 ปี มีแต่ทรงอุทิศพระวรกายและพระราชหฤทัยให้แก่คนไทยและเมืองไทยอย่างไม่มีเงื่อนไข

ทรงพระราชอุตสาหะบากบั่นคิดค้นหาแต่วิธีที่จะให้ประชาชนไทยอยู่ดีกินดี ทรง "ครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" จริงๆ ตามปฐมบรมราชโองการที่พระราชทานไว้ ทรงงานหนักและไม่ทรงพักผ่อน จนกระทั่งในขณะนี้พระอนามัยเสื่อมโทรมลงและทรงพระประชวร

เพราะรู้อย่างนี้ ผมจึงไม่สามารถจะวางเฉย ปล่อยให้คนชั่วคนพาลที่เนรคุณอกตัญญูต่อบ้านเมือง รังแกพระยุคลบาทได้ ผมจึงรับเชิญด้วยความเต็มใจ ไปร่วมเสวนากับคุณดนัยและท่านผู้อื่นทั้งสี่ท่านเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านไป ผมไปเพื่อร่วมชี้แจงให้ท่านผู้ฟังการเสวนาทราบ และเข้าใจปัญหา เข้าใจในอันตรายที่กำลังเกิดแก่พระมหากษัตริย์ ซึ่งหมายถึงประเทศไทย

และเพื่อเชิญชวนให้ท่านผู้ฟังร่วมแรงร่วมใจกันปกป้องพระมหากษัตริย์จากการถูกทำลาย

วิธีป้องกันที่ผมเห็นว่าสมควรทำนั้น คือต่อสู้ความเท็จด้วยความจริง ด้วยการเผยแพร่พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ต่อเนื่องและกว้างขวางออกไปโดยไม่หยุดยั้ง บางท่านอาจจะคิดว่าตนมีความสามารถจำกัด เพราะพ้นราชการมาแล้ว หรือเพราะประกอบอาชีพในองค์กรหรือธุรกิจขนาดเล็ก ไม่มีเพื่อนร่วมงานมาก

หากนึกเช่นนี้ผมก็เห็นว่าท่านเข้าใจผิด เพราะทุกคนมีเวทีของตนเอง มีอิทธิพลมีอำนาจในแวดวงของตนเอง เป็นต้นว่าญาติพี่น้อง มิตรสหาย และครอบครัว และแม้แต่คนรับใช้ในบ้าน คนเหล่านั้นควรจะได้รับรู้ด้วยกันทั้งนั้น ในพระราชภารกิจอันหนักหนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงทำเพื่อคนไทยมาตลอดพระชนม์ชีพ

ในขณะเดียวกัน ผมก็เห็นว่าถึงเวลาแล้ว ที่เราจะต้องรวมแรงกายแรงใจ ยับยั้งหรือสกัดกั้นในทุกวิถีทาง มิให้คนพาลคนชั่วคนเนรคุณอกตัญญู แพร่ขยายพฤติการณ์โสมมของมันให้กว้างขวางออกไปได้ ด้วยการปฏิเสธไม่ยอมส่งต่อข้อความข่าวสารอันเป็นเท็จของมันต่อไปอีก แม้จะกระทำเพื่อประณามหรือตอบโต้ก็ตาม

หากพบเว็บไซต์ใดที่เผยแพร่ข้อความลบหลู่ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ก็ควรจะรายงานเจ้าหน้าที่ทราบ โดยโทรศัพท์ไปที่ 0-2642-7033 ซึ่งเป็นหมายเลข ของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ศูนย์เทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์แห่งชาติ และมูลนิธิอินเตอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย

หรือถ้ารู้ตัวผู้กระทำผิด ก็ควรจะแจ้งเจ้าหน้าที่ทราบเพื่อจับกุมทันที

ขอเรียนว่า พฤติการณ์ของคนพาลคนชั่วเนรคุณ อกตัญญูพวกนี้อุปมาเหมือนบาดแผลที่อาจจะแลดูเล็กน้อย แต่แท้จริงเป็นเนื้อร้ายหรือมะเร็ง ที่ไม่อาจบำบัด ได้เพียงแต่ด้วยการล้างหรือชำระแผลแล้วใส่ยาฆ่าเชื้อ แต่จะต้องรักษาให้ถูกวิธี แม้จะต้องทำด้วยการผ่าตัดเอาเนื้อร้ายนั้นออก หรือสกัดไว้มิให้ลุกลามออกไป

ช่วยกันป้องกันเมืองไทยเถอะครับ อย่าให้เชื้อโรคเนรคุณอกตัญญูมันลุกลามออกไปมากกว่านี้

โดย วสิษฐ เดชกุญชร
(ที่มา หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 6 ธันวาคม 2554)