ผู้เขียน หัวข้อ: เมื่อคำทำนาย..โหราจารย์..เป็นจริง!  (อ่าน 12443 ครั้ง)

seeat

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 470
    • ดูรายละเอียด
เมื่อคำทำนาย..โหราจารย์..เป็นจริง!
« เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2011, 04:57:43 »
สอดแนมการเมือง
       โดย : ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย
      
       ฝ่าน้ำท่วมไทย..หนีการบริหารจัดการ“น้ำ” ที่แสนจะห่วยแตกของรัฐบาล“ยิ่งลักษณ์” ไปดูคอนเสิร์ต“ยานนี”..เอ๊ย..ดูคำทำนายเหตุการณ์โลกและประเทศไทยดีกว่า..
      
       โลกใบนี้..เต็มไปด้วยเรื่องราวลี้ลับ-ลึกลับ ที่วิทยาศาสตร์อธิบายได้และไม่ได้เหลือคณานับ!
      
       โลกใบนี้..จึงมีทั้งคำทำนายที่แม่นและมั่ว มีไสยศาสตร์-มนต์ดำแห่งภูติผีปีศาจ มีปาฏิหาริย์จากผู้ทรงศีล-สารพัดเทพ-สิ่งศักดิ์สิทธิ์เต็มไปหมด!!
      
       คนบนโลก..อยู่กับสิ่งลึกลับ-ลี้ลับนี้ ด้วยความเชื่อที่งมงาย-เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เชื่อด้วยความเจริญในสติปัญญา ส่วนคนที่ไม่เชื่อ..ก็สร้างเกราะป้องกันตน ด้วยกลวิธี“ไม่เชื่ออย่าลบหลู่”!!!
      
        อย่างไรก็ตาม..ศาสตร์ลึกลับ-ลี้ลับที่มีอยู่จริงนี้ ได้ถูกมนุษยสามานย์จำนวนหนึ่งใช้เป็นช่องทางทำมาหากิน หลอกลวงต้มตุ๋นผู้คนจนแยกแทบไม่ออกว่า เรื่องไหนจริง-เรื่องไหนปลอม..
      
       ผมเคยอยู่กับโลกลี้ลับ-ลึกลับนี้ โดยบังเอิญได้เป็น“ร่างทรง”มาหลายปี เรื่องราวลี้ลับ-ลึกลับที่มีอยู่จริงจากประสบด้วยตนเอง..จะเขียนให้อ่านในภายหลัง
      
       อย่างไรก็ตาม..ผมไม่เคยให้“โหราจารย์”ท่านใด ทำนายชะตาชีวิตมาก่อนเลย เพราะใบเกิดหายตั้งแต่ครั้งยังเด็ก นับแต่พ่อ-แม่ยังมีชีวิตอยู่..จนจากไป ท่านไม่เคยมั่นใจในเวลา-วันและเดือนเกิดของผมเลย
      
       ทว่า..ห้วงหนึ่งของชีวิต ผมต้องพัวพันไปกับคำทำนาย ชะตาชีวิตของผู้คนที่มีชื่อเสียงและดวงเมืองของชาติไทย เพราะผมได้รู้จักกับ“พระสงฆ์รูปหนึ่ง” ซึ่งเล่าลือเล่าขานกันว่า..ท่านเป็น “หนึ่งแห่งโหราจารย์”ที่ทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าแม่นราวตาเห็น
      
        ก่อนจะถึงคำทำนายของ“พระสงฆ์รูปนั้น” มาพินิจคำทำนายเหตุการณ์โลกล่วงหน้าของ “นอสตราดามุส” หนึ่งใน “ปรมาจารย์โหรเอกของโลก” ที่ผ่านมาแล้วเกือบ 500 ปี..ดีไหม?
      
       นอสตราดามุสเป็นใคร..ทำนายเรื่องราวอะไรไว้บ้าง..?
      
       “นอสตราดามุส”(Nostradamus)หรือ“มิเชล เดอ นอสเตอร์ดัม” (Michel de Nostredame) เกิดที่เมือง แซงต์ เรมี เดอ โปรวองซ์ ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ค.ศ.1503 (พ.ศ.2046) ตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระรามาธิปดีที่ 2 แห่งกรุงศรีอยุธยา
      
        “ราชาแห่งโหร-นอสตราดามุส”มีบิดาชื่อ“จูม”หรือ“จากส์” เป็นชาวฝรั่งเศสเชื้อสายยิว มารดาชื่อ เรมีร์ เดอ แซงต์ เรมี เป็นหลานสาวของนายแพทย์ผู้หนึ่ง
      
        นอสตราดามุส-เป็นบุตรคนโต มีน้องอีก 4 คน คือ เบอร์ทรันต์,เฮกโตร์,อังตวงและฌอง แต่ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับน้องๆคนอื่น ยกเว้น“ฌอง”น้องคนเล็ก ที่เป็นนักวิจารณ์ เพลงพื้นเมืองโบราณของมณฑลโปรวองซ์ ซึ่งต่อมา“ฌอง”หันไปเล่นการเมือง และได้เป็นถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของมณฑลโปรวองซ์
      
        นอสตราดามุส-เป็นคนขยัน พ่อกับแม่จึงเป็นผู้ถ่ายทอดวิชาการต่างๆ ที่ชาวยิวสนใจในเวลานั้นให้ เช่น ภาษาศาสตร์ ศิลปะศาสตร์ แต่วิชา“โหราศาสตร์”ที่นอสตราดามุสเชี่ยวชาญ ในยุคนั้นถูกจัดให้เป็นส่วนหนึ่งของ“ไสยศาสตร์”ครับ
      
       การสืบเชื้อสายจากชาวยิวโบราณ“อิสกาซาร์” ซึ่งนักประวัติศาสตร์ชาวยิวเชื่อว่า ชนเผ่า “อิสกาซาร์-เป็นพวกหยั่งรู้ดินฟ้าและอนาคตได้” ทำให้นอสตราดามุสมีโอกาสได้ศึกษาตำราไสยศาสตร์ของชาวยิว จนสามารถพยากรณ์หรืออ่านปรากฏการธรรมชาติต่างๆ ที่บังเกิดบนท้องฟ้าได้อย่างแม่นยำ
      
       แต่นอสตราดามุสกับครอบครัวไม่ได้นับถือศาสนายิว เพราะก่อนเขาเกิดเพียง 2 ปี ตรงกับวันที่ 26 พฤศจิกายน ค.ศ.1501 พระเจ้าหลุยส์ที่ 12 แห่งฝรั่งเศส ทรงมีพระราชโองการบังคับชาวยิวทุกคนให้เปลี่ยนการนับถือศาสนา
      
        นอสตราดามุสอายุเพียง 9 ขวบ พ่อแม่ของเขาก็เปลี่ยนการนับถือศาสนายิว มานับถือศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาธอลิก ทว่า..ครอบครัวนอสตราดามุสก็ยังคงแอบ ปฏิบัติศาสนกิจทางศาสนายิวอยู่ แต่แอบทำกันอย่างมิดชิดเพื่อไม่ให้ทางการฝรั่งเศสจับได้
      
        นอสตราดามุสสนิทสนมกับปู่และตาที่เป็นแพทย์หลวงมาก เขาได้ศึกษาศาสตร์แขนงต่างๆ จนมีความรู้มากกว่าเด็กในวัยเดียวกัน รู้ทั้งวรรณคดีคลาสสิค ประวัติศาสตร์ ดาราศาสตร์ แพทย์ศาสตร์ สมุนไพร รวมทั้งไสยศาสตร์ที่มีวิชาพยากรณ์ศาสตร์-ผีสาง-เวทมนต์อื่นๆ อีกมากมาย
      
        นอสตราดามุส-เรียนจบแพทย์ที่มหาวิทยาลัยมองต์เปริเยต์ ในปีค.ศ.1525 แต่เขาไม่เห็นด้วยกับวิชาแพทย์ที่เก่าคร่ำครึ เช่น การไม่ยอมทำความสะอาดแผลของผู้ป่วย เพราะกลัวจะเป็นการล้างบาป ความคิดดังกล่าวทำให้ยุโรปยุคศตวรรษที่ 16 ตกอยู่ในห้วงระบาดของโรคร้ายมากมาย
      
        ปี ค.ศ.1537 โรคร้ายระบาดมาถึงเมืองอายีน มีผู้คนล้มตายเป็นเบือ นอสตราดามุสต้องรักษาคนป่วยอย่างเหน็ดเหนื่อย จนปีค.ศ.1529 โรคร้ายบรรเทาลง นอสตราดามุสจึงกลับบ้านทว่า..ลูก-เมียของเขาได้ติดเชื้อกาฬโรคแล้ว เขาต้องทุ่มเทรักษาลูก-เมียอย่างสุดความสามารถ แต่ทุกอย่างก็สายเกินไปเสียแล้ว..
      
        หลังลูกเมียจากไป..ชีวิตนอสตราดามุสก็ตกต่ำสุดขีด นอกจากเสียคนรักแล้ว..ชาวอายีนยังหมดศรัทธาในวิชาแพทย์และการรักษาของเขาด้วย นอสตราดามุสทำอะไรก็ไม่ถูกใจผู้คนเสมอ
      
        ครั้งหนึ่ง..นอสตราดามุสเห็นคนงานกำลังหล่อรูป“พระแม่มารี”อยู่ เขาได้พูดเล่นว่า..กำลังหล่อปีศาจอยู่ใช่ไหม? เท่านั้นแหละ..นอสตราดามุสก็ถูกตราหน้าว่า ไม่เคารพพระแม่มารี ทั้งยังถูกทางการตั้งกรรมการสอบสวนอีกด้วย
      
       สุดท้าย..นอสตราดามุสต้องหนีออกจากเมืองอายีน เร่ร่อนไปตามยุโรปใต้และตะวันตก แสวงหาสัจจธรรมและฝึกวิทยายุทธ์นานถึง 6 ปี จนสามารถอ่านเหตุการณ์ล่วงหน้า ให้กลายเป็นมิติภาพในจิตทัศน์ของตนได้
      
       นอสตราดามุส..ตายในวันที่ 1 กรกฏาคม ปี ค.ศ.1566 ด้วยโรคเกาต์
      
        คำทำนายของ“ราชาแห่งโหร-นอสตราดามุส” ที่แม่นยำจนชื่อเสียงลือลั่นไปทั้งโลก ก็คือ
      
        นอสตราดามุส-ได้พบบาดหลวงฟรานซิสโดยบังเอิญ เขาได้ทำนายบาดหลวงผู้นี้ว่า จะได้เป็นองค์สันตปาปาในอนาคต แต่ผู้คนที่ได้ยินไม่เชื่อ..พากันหัวเราะเยาะเขา เพราะบาดหลวงผู้นั้นไม่มีอะไรโดดเด่นเลย แถมพื้นเพยังเป็นคนต่ำต้อยอีกต่างหาก
      
        ทว่าสุดท้าย..บาดหลวง“ฟรานซิส”ก็ได้เป็นสันตปาปา ตามคำทำนายของนอสตราดามุส!
      
        นอสตราดามุส-ทำนายว่า..พระเจ้าอังรีที่ 2 ต้องสวรรคตจากการประมือกับคนหนุ่ม ลงท้าย..พระเจ้าอังรีที่ 2 ก็ต้องสิ้นพระชนมลง เพราะไปประลองยุทธ์กับนักรบหนุ่มในกองทัพสก็อตรักษาพระองค์ ตรงตามคำทำนายของนอสตราดามุส
      
        นอสตราดามุส-ยังทำนายเหตุการณ์ยุคหลังๆได้ตรงเป๊ะ เช่น ทำนายว่า..ประธานาธิปดีอเมริกาจอห์นเอฟ เคนเนดี้ และ โรเบิร์ต เคนเนดี้ จะต้องเสียชีวิตจากการลอบสังหาร ทำนายการระเบิดของยานอวกาศซาเลนเจอร์ ทำนายการเกิดสงครามอ่าวเปอร์เซีย รวมถึง..ทำนายภัยพิบัติของโลกและวันสิ้นโลกอีกด้วย
      
        นอสตราดามุส-ทำนายการสิ้นสุดศตวรรษหรือยุคอันรุ่งเรือง..เพื่อเริ่มต้นยุคที่ดีกว่า แต่มิใช่การสิ้นสุดโลก(End of the world)เกิดจากเหตุ 2 ประการ
      
        หนึ่ง-เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 จากการต่อสู้ของมนุษย์ที่ต่างเผ่าพันธุ์-ต่างศาสนา-ต่างวัฒนธรรม ทำให้การสู้รบขยายวงกว้างออกไป บ้านเมือง-มหานครใหญ่พังพินาศด้วยน้ำมือมนุษย์กันเอง
      
       สอง-เกิดภัยธรรมชาติทั้งแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด น้ำท่วมโลก อุกาบาตพุ่งชนโลก ล้างผลาญบ้านเมือง-ทรัพย์สินและชีวิตผู้คน
      
       นั่นเป็นสิ่งที่นอสตราดามุสตื่นตระหนก..จนต้องจดบันทึกไว้ ส่วนคำทำนายเหตุการณ์โลกของนอสตราดามุส จะแม่นยำมากน้อยแค่ไหน..ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์!
      
       ฉบับหน้า..อ่านคำทำนายทั้งหมดของ“นอสตราดามุส” แล้วค่อยอ่านคำทำนายของ“พระสงฆ์รูปนั้น”ดีไหมครับ?

ASTVผู้จัดการรายวัน    21 ตุลาคม 2554
........................................................................

มนุษย์ทั่วไป..เขียนบันทึกประวัติศาสตร์ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ทว่า“นอสตราดามุส”กลับเขียนประวัติศาสตร์ จากเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง!
      
        นอสตราฯ..ใช้เวลาค่ำคืนจรดรุ่งสาง นั่งเพ่งน้ำในอ่างทองเหลืองกับจ้องมองเปลวเทียน อำนาจแห่งพลังจิตทัศน์ทำให้เขาเห็น ประดิษฐกรรมใหม่ๆของมนุษย์ในอนาคต ทั้งเรื่องไฟฟ้า รถยนต์ เครื่องบินยานอวกาศ อิเล็กทรอนิกส์ การค้นพบจุลชีพ ระเบิดนิวเคลียร์ กระทั่งยานเชลเลนเจอร์ระเบิดกลางอากาศ
      
       การสิ้นสุดราชวงศ์ปาลาวีของอิหร่าน โดยการโค่นล้มของอิหม่ามอายาตอลลาห์โคไมนี การใช้เครื่องบินสู้รบกันกลางอากาศ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ โรคระบาดร้ายแรงในสังคมมนุษย์ ฯลฯ
      
       ต้นปีค.ศ.1550 บันทึกคำพยากรณ์อันแม่นยำ ในรูปแบบปฏิทินของ“นอส ตราฯ”ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะชาวบ้านกับคนในราชสำนักฝรั่งเศส ต่างควักเงินซื้ออ่านกันควั่กเลย
      
       ระหว่างปี ค.ศ.1555 ถึง 1558 รวม 3 ปี นอสตราฯเขียนคำทำนายเหตุการณ์โลกในรูปแบบโคลง4 แถว(คล้ายโคลง 4 สุภาพ) ในนาม“เดอะ เซ็นจูรี่ส์”ถึง 10 เล่มใหญ่ ซึ่งมีคำทำนายถึง 942 หัวข้อ
      
       นอสตราฯ ใช้วิธีพรรณาจิตทัศน์ที่เห็น ด้วยโคลงและสัญญลักษณ์ทำนายเหตุการณ์โลก ดังนั้น ผู้คนยุคนั้น-ยุคนี้-ยุคหน้าล้วนต้องตีความ คำทำนายของ“นอสตราฯ”กันทั้งสิ้น
      
       คนไทยที่ตีความคำทำนาย“นอสตราดามุส” ได้ต่อเนื่องและทันเหตุการณ์ คือศาสตราจารย์เจริญ วรรธนะสิน ซึ่งตีพิมพ์หนังสือคำทำนาย“นอสตราฯ”ไปแล้ว 26 ครั้ง(ควรมีไว้อ่านยิ่งนัก)
      
       แน่นอน..คนตีความผิด..ก็มี คนตีความมั่ว..ก็มาก คนตีความถูก..ก็เยอะ!
      
       แต่“นอสตราฯ”ก็มีคำทำนาย ทั้งชื่อบุคคลและเหตุการณ์แบบฟันธงตรงเป๊ะในบางเหตุการณ์ก็ทำนายชนิดตีความได้โดยไม่ยากนัก
      
       หลายคนถามว่า..บาทหลวงที่นอสตราฯ ทำนายจะเป็นโป๊ปนั้น..ชื่อเรียงเสียงใด?
      
       เรื่องนี้แค่นอสตราฯเดินสวนทาง กับพระฟรานซิสกันนิกายคาธอลิกกลุ่มหนึ่ง แค่เหลือบเห็น“บราเดอร์เฟลิช เพอเรตติ” นอสตราฯก็คุกเข่าลงคำนับแล้วทำนายว่า..ท่านจะได้เป็นโป๊ปในอนาคต
      
       คณะพระที่มาด้วยหัวเราะกันเอิ้กอ้ากๆ..เพราะไม่เชื่อ ก็“บราเดอร์เพอเรตติ”เพิ่งทิ้งอาชีพเลี้ยงหมูมาบวชพระไม่นานนี้เอง จะเป็นโป๊ปได้ยังไง..จริงไหม?
      
       แต่แล้ว“บราเดอร์เพอเรตติ”ที่บวชเรียนอยู่นาน ก็ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นองค์พระสันตะปาปา ซิกส์ตุล ที่ 5 ในปี ค.ศ.1585 หลังนอสตราฯตายไปแล้วถึง 19 ปี!
      
        วันอีสเตอร์ของปีค.ศ.1555 วันแรกของการเขียนคำทำนาย“เซ็นจูรีส์”ของนอสตราฯนั้น เขาเห็นเรื่องราวและบุคคลในอนาคตชัดเจนถึงขนาดระบุชื่อ“ปาสเตอร์”เปรี้ยงลงไปเลยว่า
      
        “จะมีการค้นพบสิ่งที่หาย ซ่อนเร้นอยู่หลายศตวรรษ ปาสเตอร์จะถูกเหยียบย่ำเกียรติ์ด้วยข่าวลือต่างๆ ในขณะเดียวกันก็จะถูกยกย่องให้เป็น มนุษย์กึ่งเทพ ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นเมื่อครบรอบใหญ่ของดวงจันทร์”
      
        “หลุยส์ ปาสเตอร์”คือผู้ค้นพบจุลชีววิทยาไมโครไบโอโลยี ที่เกี่ยวกับความเร้นลับของเชื้อแบคทีเรีย จนแพทย์ยุคนั้นตราหน้าว่า“ปาสเตอร์”บ้า แต่“ปาสเตอร์”ก็พิสูจน์ให้เห็นว่า ทฤษฎีจุลชีววิทยาของเขาถูกต้อง เมื่ออุตสาหกรรมผลิตไวน์องุ่น ที่เป็นสินค้าหลักของฝรั่งเศสเกิดมีรสเปรี้ยวโดยไม่รู้สาเหตุทั่วประเทศ
      
        “ปาสเตอร์”อธิบายต้นเหตุไวน์องุ่นเปรี้ยว เกิดจากการเพาะตัวของเชื้อจุลินทรีย์ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ทุกคนขอให้เขาช่วย “ปาสเตอร์”จึงใช้วิธีฆ่าเชื้อแบคทีเรียในไวน์องุ่นด้วยความร้อน วิกฤติไวน์ของประเทศฝรั่งเศสเลยหมดไป
      
        การฆ่าเชื้อด้วยความร้อนนี้..ถูกเรียกว่า “ปาสเจอไรเซชั่น”ตามชื่อคนคิดค้นจนทุกวันนี้ครับ!
      
       “หลุยส์ ปาสเตอร์”ได้ช่วยแก้วิกฤติให้ฝรั่งเศสอีกมากมาย ผู้คนจึงยกย่องให้เขาเป็น“มนุษย์กึ่งเทพ” จนรัฐบาลฝรั่งเศสสถาปนา“สถาบันปาสเตอร์” ในปี ค.ศ.1889 ซึ่งเป็นเวลา 333 ปี หลัง“นอสตราฯ”ได้ทำนายเรื่องนี้ไว้
      
       การทำนายเหตุการณ์จะเกิดขึ้น เมื่อครบรอบใหญ่ของดวงจันทร์รอบใหญ่แห่งดวงจันทร์ตามจันทรคตินั้น เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ.1535 และไปสิ้นสุดหมดรอบในปี ค.ศ.1889 ตรงกับปีที่มีการสถาปนา“สถาบันชีววิทยาปาสเตอร์”ในฝรั่งเศสพอดี
      
        คนยุคนี้ต้องร้องเพลง“นายแน่มาก”ให้“นอสตราฯ” ที่ทำนายเรื่อง“หลุยส์ ปาสเตอร์”ได้อย่างแม่นยำจริงๆ
      
        “นอสตราฯ” ทำนายเหตุการณ์ราชวงศ์ฝรั่งเศสแม่นมาก รวมทั้งทำนายการปฏิวัติฝรั่งเศสถึงขนาดระบุว่า พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 จะต้องละทิ้งราชศักดิ์ ต้องพลีชีวิตกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ นอสตราฯ ทำนายล่วงหน้า 227 ปี ก่อนเหตุการณ์จริงจะอุบัติขึ้น ที่ยอดเยี่ยมก็คือ..เขารู้รายละเอียดเส้นทางพระเจ้าหลุยส์ที่16 ใช้หนี!
      
        “เขาจะผ่านป่าแห่งรีนส์ตอนค่ำคืน คู่ผัวตัวเมีย หนทางคดเคี้ยวเลี้ยวลด ราชินีหินขาว กษัตริย์ร่างพระชุดสีเทาที่วารอง ตั้งหัวหน้าใหม่ ก่อให้เกิดพายุหมุนไฟ เชือดเฉือนกันด้วยเลือด”
      
        ในคืนวันที่ 16 มิถุนายน ปีค.ศ.1791 พระเจ้าหลุยส์ที่16 ได้พาครอบครัวหนีจากที่คุมขัง โดยปลอมตัวเป็นสามัญชน นั่งรถม้าหนีออกทางทิศเหนือของปารีส ซึ่งเป็นหนทางที่ขรุขระคดเคี้ยว..ตรงเผงเลย
      
        “กษัตริย์ร่างพระในชุดสีเทา” ก็ตรงกับฉลองพระองค์ ของพระเจ้าหลุยส์ในค่ำคืนนั้นไม่มีผิดเพี้ยน เพราะผู้คนที่เห็นพระเจ้าหลุยส์จะเรียกว่า“พระ”ทั้งสิ้น
      
        “ราชินีหินขาว”ตรงกับฉลองพระองค์สีขาวของพระนางแมรี่ อังตัวเนต!
      
        “พายุหมุนกับไฟ”หมายถึงสถานการณ์ไม่สงบบานปลาย มีการ“เชือดเฉือนกันด้วยเลือด” ตรงแน่..เพราะมีการบั่นคอฝ่ายตรงข้ามไม่เว้นแต่ละวันด้วย“กิโยติน”
      
        รวมทั้งพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางแมรี่ อังตัวเนต ก็ถูกประหารด้วย“กิโยติน”ต่อหน้าชาวฝรั่งเศสเช่นกัน
      
        แม้แต่เสียงเพลงปลุกใจของการปฏิวัติประชาชนคราครั้งนั้น นอสตราฯยังได้ยิน..และได้กลายมาเป็นเพลงชาติฝรั่งเศสจนทุกวันนี้!
      
        “นอสตราฯ”ได้ทำนายประเทศอังกฤษ ที่ยังเป็นแค่เกาะเล็กๆ มีกองทัพเรือหยิบมือเดียว จึงไม่ได้อยู่ในสายตาพี่เบิ้มอย่างสเปน โปรตุเกส กับฝรังเศส
      
        นอสตราฯ กล้าหาญที่ทำนายว่า อังกฤษจะกลายเป็นมหาอำนาจมีอาณาจักรในครอบครองใหญ่โต แผ่อำนาจทั้งทางบกและทางทะเลได้ต่อเนื่องถึง“300ปี”
      
        ถ้ามองในแง่พฤตินัยแล้ว อังกฤษตอนต้นคริสต์ศตวรรษที่60 ได้คุยโม้ว่าพระอาทิตย์ไม่เคยลับฟ้าต่อธงชาติยูเนียนแจ๊ค ก็เหลือเพียงอำนาจในนามเท่านั้น จึงถือได้ว่าปีค.ศ.1961ห้วงที่โลกต่อต้านการล่าอาณานิคม ถ้านับกลับไป 300 ปี จะตรงกับยุค“โอลิเวอร์ ครอมเวลล์”พอดี คือ ปีค.ศ.1658 นั่นเอง
      
        “นอสตราฯ”ยังทำนายการเกิดของประเทศอเมริกาไว้ว่า
      
        “พี่สาวคนโตของเกาะอังกฤษ จะเกิดก่อนพี่ชาย15 ปี เพราะเขาพิสูจน์คำมั่นสัญญาว่าเป็นความจริง หล่อน(อเมริกา)จะได้รับความสำเร็จบนแผ่นดินแห่งดุยภาพ”
      
        นักตีความคำทำนายนอสตราฯระบุว่า “พี่สาวคนโต”หมายถึง“สหรัฐอเมริกา” ด้วยความช่วยเหลือของฝรั่งเศส อเมริกาได้รับการปลดแอกจากการเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ และเป็นประเทศแรกที่ใช้การปกครองในระบอบประชาธิปไตย
      
        ยุคนั้น..นอสตราดามุสเรียกไม่ถูก..เลยเรียกระบอบปกครองนั้นว่า “แผ่นดินแห่งดุลยภาพ”แทน อีก 15 ปีต่อมา..ฝรั่งเศสได้ประกาศเป็นประเทศสาธารณรัฐ จึงเท่ากับเกิดทีหลัง“น้องสาว”(สหรัฐ) 15 ปีดั่งคำทำนาย
      
        นอสตราดามุส..ยังทำนายว่า จะมีสงครามโดย“ผู้ล้างโลก”หรือ“ผู้แอนตี้พระคริสต์ 3 คน” เขาระบุชื่อไว้อย่างชัดเจนว่า
      
        คนแรก-นโปเลียน คนที่สอง-ฮิตเลอร์ ส่วนคนที่สาม..นอสตราฯระบุว่าชื่อ“มาบูช”เขียนเป็นภาษาโรมันว่า mabus
      
        คำทำนาย“นอสตราดามุส”จะจริงมากน้อยแค่ไหน..ตามอ่านตอนสามครับ!

ASTVผู้จัดการรายวัน    28 ตุลาคม 2554
...................................................................................................

 

seeat

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 470
    • ดูรายละเอียด
Re: เมื่อคำทำนาย..โหราจารย์..เป็นจริง!
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2011, 04:58:23 »
มนุษย์ในโลก..มีทั้งพวกสร้างสรรค์แต่สิ่งดี กับพวกสร้างแต่ความชั่วทำร้ายผู้คนและโลก!
       
        มนุษย์ที่นอสตราฯระบุว่า “แอนตี้ไครสต์3คน”ทะเยอทะยานในอำนาจ จนนำสังคมมนุษยเข้าสู่สงครามทำลายล้างมนุษยชาตินั้น
       
        นอสตราฯเห็นในจิตทัศน์ เขาระบุ“แอนตี้ไครสต์”คนนี้ว่าเกิดจากตระกูลสามัญใน“ดวงสงคราม” ก่อนเผยชื่อผู้นี้เป็นหนแรกว่า “PAU,NAV,LORON”แปลว่า“กษัตริย์นโปเลียน”
       
        นโปเลียนเป็นนายทหารปืนใหญ่ของกองทัพปฏิวัติฝรั่งเศส ได้เลื่อนเป็นนายพลของกองทัพจากสถิติการรบที่ยอดเยี่ยม ชาวฝรั่งเศสจึงเชื่อและเลื่อมใสนายพลล่ำเตี้ยผู้นี้อย่างมาก
       
        หลังการปฏิวัติฝรั่งเศส “แม็กซิมิเลียน รอบสเปียร์”ขึ้นครองฝรั่งเศสยุคนั้นบ้านเมืองเต็มไปด้วยการเข่นฆ่าแย่งชิงอำนาจกัน เผด็จการ“รอบสเปียร์”ถึงกับสั่งสังหารหมู่ผู้คนในรัฐสภา
       
       แต่กรรมก็ตามสนอง “รอบสเปียร์”ถูกประหารชีวิตด้วยกฏหมายที่เขาออก และถูกบั่นคอด้วยกิโยติน เหมือนพระเจ้าหลุยส์ที่16 และพระราชินีแมรี่ อังตัวเนต
       
       หลัง“รอบสเปียร์”ตาย5 ปี ในปี ค.ศ.1799 นโปเลียนก็ประกาศตนเป็นผู้นำของฝรั่งเศส และสวมมงกุฏจักรพรรดิให้ตนเองในปีค.ศ.1805
       
       นอสตราฯทำนายผู้ต่อต้านพระคริสต์คนแรกว่า จะเป็นผู้นำรัฐบาล เที่ยวทำลายล้างผู้ต่อต้านเขาเป็นเวลา 14 ปีแห่งทรราช
       
       นอสตราฯ เป็นแพทย์ที่คอยแต่รักษาชีวิตคน เขารับไม่ได้ที่นโปเลียนจับพระสันตะปาปา ปีอุ๊ซที่ 6 และปีอุ๊ซที่ 7 ไปจองจำ จนโป๊ปองค์แรกถึงกับสิ้นพระชนม์
       
       นอสตราฯทำนายการพ่ายแพ้ทั้ง2 ครั้ง ของนโปเลียนอย่างละเอียดก่อนสรุปว่า“แล้วเขาก็ต้องวางคฑาแห่งจอมทัพลง”
       
       กองทัพของนโปเลียนกว่า 5 แสนคน บุกรัสเซียในเดือนมิถุนายน ค.ศ.1812 แต่อีก 6 เดือนต่อมา..นโปเลียนกลับฝรั่งเศส กับทหารที่รอดชีวิตเพียง2 หมื่นคน ในสภาพถูกหิมะกัดและหิวโซ..
       
       สภาแห่งเวียนนามีมติเนรเทศนโปเลียน ไปอยู่เกาะเอลบาแถบทะเลเมดิเตอเรเนียน นอสตราฯ ทำนายราวตาเห็นว่า “นโปเลียนจะยังไม่สิ้นฤทธิ์ เขาจะเดินทางผ่านอ่าวจีนัว กลับขึ้นฝั่งไกล้กับมาร์ซาย นโปเลียนจะกลับมามีอำนาจอีกครั้งหนึ่ง”
       
       น่าอัศจรรย์..ทุกอย่างก็เป็นไปตามนอสตราฯ ทำนายไว้เมื่อ 240 ปีล่วงหน้า นโปเลียนกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งในเดือนมีนาคม ค.ศ.1815 จริงๆ!
       
       นโปเลียนปิดฉากชีวิตเรืองอำนาจลง หลังแพ้สงครามอีกครั้งในศึกวอเตอร์ลู เขาถูกส่งไปเกาะเซนต์เฮเลน่าทางตอนใต้ของแอตแลนติก และตายอย่างโดดเดี่ยวในปี ค.ศ.1821
       
       ถ้านับตั้งแต่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ.1799 ถึง13 เมษายน ค.ศ.1814 ที่นโปเลียนหมดอำนาจก็ 14 ปีพอดี 14 ปีแห่งสงครามยุโรปที่ผู้คนต้องล้มตายมากกว่า 2 ล้านคน!
       
       “แอนตี้ไครสต์”คนที่สอง นอสตราฯ ทำนายไว้ชัดเจนว่า “จะมีเด็กน้อยเกิดในครอบครัวยากจน ณ ดินแดนส่วนลึกสุดของยุโรปตะวันตก เมื่อเติบใหญ่ขึ้นจะใช้วาทะศิลป์เป็นสื่อนำ ชักจูงผู้คนมากมายให้คล้อยตาม”
       
        นอสตราฯเรียกบุคคลผู้นี้ว่า“ฮิสเตอร์” ซึ่งไกล้เคียงกับชื่อ“อดอล์ฟ ฮิตเลอร์”แถมคำว่า“ฮิสเตอร์”ในภาษาลาติน หมายถึงแม่น้ำดานูบถิ่นเกิดฮิตเลอร์อีกด้วย นอสตราฯ ยังพูดถึง“ไม้กางเขนที่หงิกงอ” ที่ตรงกับ“สวัสดิกะ”ของนาซี ซึ่งศตวรรษที่16 ไม่เคยมีใครกล่าวถึงหรือเคยเห็นมาก่อนเลย
       
        นอสตราฯยังเห็นชาวยิวถูกฆ่าอย่างทารุณถึง 6 ล้านคน
       
        “เนื้อหนังมังสาของมนุษย์ที่ตายแล้ว จะถูกนำไปเผาเป็นเถ้าถ่าน..”
       
        ทั้งยังเห็นสงครามอีกซีกโลกหนึ่งในจิตทัศน์อย่างชัดเจนว่า
       
        “ที่เป็นของอาทิตย์อุทัยไม่สามารถข้ามทะเลอย่างปลอดภัย ส่วนต่างๆของเอเซียจะถูกเปลี่ยนแปลง..”
       
       ตรงเผง..เพราะกองทัพเรือญี่ปุ่น ถูกกองทัพเรือสหรัฐทำลายเส้นทางลำเลียงยุทธปัจจัย ไปส่งตามป้อมและหน่วยรบตามเกาะต่างๆ นั่นเอง
       
        นอสตราฯ ทำนายสงครามโลกครั้งที่ 2 และวาระสุดท้ายของฮิตเลอร์ว่า
       
        “ภายในป้อมที่ถูกปิดล้อมจมลงสู่ความลึกด้วยแรงระเบิด ผู้ทรยศจะถูกกลบฝังทั้งเป็น ไม่เคยมีปรากฏการณ์ที่น่าเศร้า เกิดขึ้นแก่พวกแซกซอน(เยอรมนี)อย่างนี้มาก่อน”
       
       คำทำนายที่เป็นอีกหนึ่งในผลงานชิ้นเอก ที่ระบุถึงความพ่ายแพ้ของเยอรมนีกับวาระสุดท้ายของฮิตเลอร์ ที่นอสตราฯทำนายล่วงหน้ากว่า 400 ปี ถูกอังกฤษนำไปพิมพ์แจกจ่ายทั่วเยอรมนีและประเทศที่ถูกยึดครอง ขณะสงครามกำลังรบพุ่งกันอย่างดุเดือด เพื่อทำลายขวัญทหารกองทัพฮิตเลอร์
       
       แล้วเหตุการณ์จริงเป็นเช่นไร? นักตีความหลายคนบอกนอสตราฯทำนายผิดพลาด ฮิตเลอร์ไม่ถูกระเบิดตายในหลุมบังเกอร์ เขายิงตัวตายด้วยปืนพกหลังทราบข่าว จอมเผด็จการมุสโสลินีถูกแขวนคอในอิตาลี
       
        แต่แฟนพันธุ์แท้นอสตราฯยืนยันคำทำนายเหตุการณ์ว่า..แม่น เพราะเยอรมนีถูกเครื่องบินกองทัพพันธมิตรฯ โจมตีที่ตั้งบังเกอร์หลายแห่งจนทหารฮิตเลอร์ ถูกแรงระเบิดฝังตายทั้งเป็นเหลือคณานับ นอสตราฯไม่ได้ระบุนะว่า..ตัวฮิตเลอร์จะโดนระเบิดตายในหลุมบังเกอร์
       
        เอาเป็นว่า..แอนตี้ไครสต์คนที่ 2 จอมเผด็จการฮิตเลอร์ ทำสงครามใหญ่น้อย 6 ปี ผู้คนทั่วโลกต้องล้มตายไปกว่า 60 ล้านคน!
       
        นั่นคือ..ผลพวงสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนสงครามโลกครั้งที่ 3 นั้น นอสตราฯทำนายว่า จะต้องเกิดสงครามรุนแรงในหลายๆ ประเทศเสียก่อน
       
        แอนตี้ไครสต์คนที่3 นั้น นอสตราฯทำนายว่า“จะมาจากดินแดนตะวันออกกลาง”ชื่อ“มาบูซ”
       
        นักตีความคำทำนายนอสตราฯ บางคน..เชื่อว่า “ซัสดัม ฮุสเซน”ผู้นำชาติอิรักน่าจะเป็นแอนตี้ไครสต์คนที่ 3 เพราะถ้าเขียน“มาบูซ”เป็นภาษาอังกฤษ Mabus แล้วนำไปส่องกระจกเงา ก็จะพบคำว่า sudaM ปรากฏขึ้นทันที
       
        นอสตราฯ ได้ทำนายบางเหตุการณ์ว่า “ท้องฟ้าจะถูกเผาผลาญ ณ องศาที่ 45 เพลิงจะพุ่งเข้าสู่เมืองใหม่ในบัดดล ดวงไฟใหญ่จะแตกกระจายทะลวงพุ่งขึ้นมา”
       
        ก่อนสงครามอ่าวเปอร์เซียนักตีความเชื่อว่า“นิวยอร์ก”คือ“เมืองใหม่”ที่อยู่ใกล้เส้นรุ้ง 45 องศา การก่อวินาศกรรมตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ เมื่อวันที่11 กันยายน ค.ศ.2001 ก็ยิ่งเชื่อว่า..คำทำนายบทนั้นของนอสตราฯ หมายถึงอเมริกา
       
        แต่นักตีความไม่น้อยกลับเชื่อว่า เมืองใหม่-น่าจะเป็น“อิรัก”มากกว่า เพราะกางแผนที่โลกหาตำแหน่งองศา 45 ของเส้นแวง..แล้วลากเส้นตามองศานั้นขึ้นไป จะทาบตรงกรุงแบกแดดของอิรักพอดี
       
       ยิ่งเกิดเหตุการณ์ในอ่าวเปอร์เซีย..อิรักยกพลบุกยึดคูเวต เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ.1990 ก่อนบานปลายกลายเป็นสงคราม“พายุทะเลทราย” เมื่อวันที่ 17 มกราคม ค.ศ.1991
       
        ถล่มตึกเวิลด์เทรดไม่มี“ดวงไฟใหญ่จะแตกกระจายทะลวงพุ่งขึ้นมา”จากพื้นดิน แต่สงครามอ่าวเปอร์เซีย..ตรงเป๊ะ..เสมือนนอสตราฯ นั่งดูภาพถ่ายทอดสดผ่านทีวีดาวเทียมเลย
       
        ฝูงบินพันธมิตรฯ บุกถล่มกรุงแบกแดดตั้งแต่เช้าจรดค่ำ จน“เพลิงพุ่งเข้าสู่เมืองใหม่(แบกแดด)ในบัดดล” และอิรักก็ยิงปืนต่อสู้อากาศยานตอบโต้ จนเป็น“ดวงไฟใหญ่แตกกระจายทะลวงพุ่งขึ้นมา”จนเต็มท้องฟ้า นั่นเป็นภาพที่ชาวโลกยุคนี้เห็น แต่เหลือเชื่อที่นอสตราฯ เห็นในจิตทัศน์ เมื่อ 400 กว่าปีก่อนแล้ว
       
       “มาบูซ จะตายในไม่ช้า จะมีการฆ่าหมู่คนและสัตว์อย่างสยดสยอง ในบัดดล การแก้แค้นจะปรากฏขึ้นจากร้อยแผ่นดิน ความกระหาย อดอยาก จะเกิดขึ้นเมื่อดาวหางโคจรผ่านมา” นั่นเป็นคำทำนายมาบูซของนอสตราฯ
       
       เมื่อสหรัฐอเมริกากับอังกฤษบุกยึดอิรัก ซัดดัมถูกจับ..ทุกคนระทึกใจว่า ชะตากรรมของซัดดัมจะเป็นเช่นไร?
       
       และแล้ว..ซัดดัมก็ถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ ตอนเช้ามืดของวันศุกร์ที่30 ธันวาคม ค.ศ.2006 ที่กรุงแบกแดด ซัดดัมใช่“แอนตี้ไครสต์คนที่ 3”ที่ชื่อ“มาบูซ”ดังนอสตราฯ ระบุหรือไม่?
       
       ปริศนานี้ไม่มีใครตอบได้ แม้แต่ตัวนอสตราฯ เอง..เพราะเขาจากโลกใบนี้..นานถึง 445 ปีแล้ว!
       
       บทความหน้า คือ บทสุดท้ายที่จะเขียนถึง“นอสตราฯ” ซึ่งทำนายเหตุการณ์โลกล่วงหน้าอีกหลายเรื่อง ก่อนจะพาท่านไปพบคำทำนายเหตุการณ์เมืองไทยของ “พระสงฆ์รูปหนึ่ง”ครับ!

ASTVผู้จัดการรายวัน    4 พฤศจิกายน 2554
......................................................................................

seeat

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 470
    • ดูรายละเอียด
Re: เมื่อคำทำนาย..โหราจารย์..เป็นจริง!
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2011, 22:05:31 »
จินตนาการโลกอนาคตของภาพยนตร์มากมาย ที่ผู้ดู(หนัง)เชื่อว่า..ไม่มีวันจะเป็นไปได้ แต่วันนี้..จินตนาการแห่งหนัง ได้กลายเป็นเรื่องจริงแล้วหลายเรื่อง!
       
       หากคุณเป็นมนุษย์ยุคศตวรรษที่16 หรือ 400 กว่าปีก่อน แล้วคุณเกิดเห็นเทคโนโลยียุคอนาคตได้ล่วงหน้า ไม่ว่า วิทยุ รถยนต์ เครื่องบิน จรวดขีปนาวุธ เรือดำน้ำ ระเบิดปรมาณู ฯลฯ คุณจะทำไง?
       
       นอสตราฯเป็นมนุษย์ศตวรรษที่16 จึงเป็นไม่ได้หรือไม่มีทางจะรู้อย่างถ้วนถี่ กับสิ่งที่เห็นจากจินตทัศน์ว่า สิ่งประดิษฐ์ของมนุษย์ในโลกอนาคตนั้น เขามีไว้เพื่อทำอะไร มีผลต่อเนื่องตามมาอย่างไร มีชื่อเรียกในปัจจุบันว่าอะไร?
       
       อย่างไรก็ตาม..บางเรื่องนอสตราฯก็พรรณาได้ชัด บางเรื่องก็แค่ไกล้เคียง แต่บางเรื่องนอสตราฯก็“อึ้งกิมกี่”ไปเลย เพราะตีความ-พรรณา-เรียกสิ่งที่เห็นในจิตทัศน์ไม่ถูก งานนี้..นักตีความยุคหลังจึงต้องทำความกระจ่างให้แทน
       
       นอสตราฯทำนายถึงทองคำและเงิน ที่ใช้ซื้อขายและแลกเปลี่ยนสินค้าในสังคมมนุษย์ ยุคศรตวรรษที่16 ไว้ล่วงหน้าว่า “สิ่งแปลกปลอมที่อุปโลกน์ขึ้นมาแทนทองคำและเงิน จะเกิดการเฟ้ออย่างหนัก หลังจากถูก“ฉกฉวย”แล้ว ก็เท่ากับโยนมันเข้ากองไฟ เมื่อได้ค้นพบจุดจบของมัน จนถูกละลายไปหมดกับหนี้สินเอกสารและคุณค่าทั้งหลายของมันจะหมดสิ้นไป”
       
        ยุคศตวรรษที่16ของนอสตราฯนั้น ยังไม่มีการใช้เงินตราและธนบัตร เพราะเริ่มใช้กันในศตวรรษที่ 17 เรื่องนี้..คือหนึ่งในคำทำนายชิ้นโบแดงของนอสตราฯ
       
        คำทำนายข้ามยุคสมัยราวตาเห็น เกี่ยวกับชะตากรรม“จรวดเชลเลนเจอร์”ของสหรัฐอเมริกาก็น่าทึ่งยิ่งนัก นอสตราฯ ระบุว่า
       
        “ทั้งเก้าคนถูกแยกออกจากกลุ่มคน อยู่เหนือการวินิจฉัยและคำเตือน ชะตากรรมของพวกเขาจะถูกตัดสินตอนผละจากไป แคปปา(K).ธิตตา(TH).แลมด้า(L).ตาย ถูกเนรเทศแยกย้ายกระจัดกระจาย” “ผลไม้ที่ยังไม่สุก จะกลายเป็นจุดแห่งการครหาอื้อฉาวครั้งใหญ่ กล่าวโทษกันหนัก แต่อีกค่ายหนึ่งกลับได้รับคำชม”
       
        28 มกราคม 2529 สหรัฐฯ ส่งจรวดเชลเลนเจอร์ พร้อมมนุษย์อวกาศชายหญิงกลุ่มหนึ่งพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า 17 วินาทีต่อมา..ยานอวกาศลำนั้น..ระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
       
       นอสตราฯ แลเห็นมนุษย์อวกาศในยาน 9 คน แต่ความจริงมีมนุษย์อวกาศตายในคราวนี้ 7 คนกับลิงอีก 1 ตัว ที่น่าทึ่งคือคำทำนายที่ว่า ชะตากรรม(มนุษย์อวกาศ)จะถูกตัดสินตอน“ผละออกจาก(โลก)ไป”นั่นเอง
       
       การสอบสวนภายหลังพบว่า โศกนาฏกรรมครั้งนี้เกิดขึ้น เพราะโครงการถูกตัดงบประมาณ จนเกิดข้อพบพร่อง..ถังบรรจุแก๊สรั่วหรือ”ผลไม้ที่ยังไม่สุก” เพราะการออกแบบและการใช้วัสดุ กับยานชาเลนเจอร์นั้นด้อยคุณภาพ ส่วนอักษรย่อปริศนาภาษากรีกของนอสตราฯ มีผู้ตีความมานับศตวรรษกว่าจะได้ความไกล้เคียงว่า
       
        TH-KและLนำมาต่อกันได้แก่คำว่า THioKoLไปพ้องกับชื่อบริษัทผลิตชิ้นส่วนเครื่องส่งจรวด Morton Thiokol และชิ้นส่วนสำคัญที่เป็นปัญหา ถูกออกแบบโดยวิศวกรกลุ่มหนึ่ง ที่ขาดประสบการณ์..แต่ค่าจ้างถูก การตายหมู่ของนักบินอวกาศดังกล่าว ได้ทำให้ผู้บริหารระดับต่างของบริษัทนี้ถูกสั่งพักงาน
       
        สหรัฐฯ เสียหน้าจากความล้มเหลว แต่สหภาพโซเวียตกลับได้รับคำชมจากทั่วโลก เมื่อโครงการส่งยานขึ้นวนในอวกาศ และกลับสู่โลกได้อย่างราบรื่น ตรงกับคำทำนายนอสตราฯ ที่ว่า “แต่อีกค่ายหนึ่งกลับได้รับคำชม”
       
        คำทำนายหลายตอนของนอสตราฯ ได้พูดถึงสงครามและอาวุธที่ใช้ห้ำหั่นกันในอีกหลายศตวรรษต่อมาว่า “ดวงไฟมีชีวิตที่ซ่อนไว้ซึ่งความตาย ทำให้โลกตกอยู่ในห้วงแห่งความกลัว” และ“เครื่องจักรที่ทำให้ดวงไฟบินได้” รวมทั้ง “เมื่อเอกสารได้ใส่ลงไปในปลาเหล็ก บุคคลที่โผล่ออกมาจะเป็นผุ้ก่อสงคราม..”
       
        “ดวงไฟมีชีวิต”กับ“ดวงไฟบินได้” จะเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากจรวดขีปนาวุธทุกชนิด ที่ใช้สู้รบกันในศตวรรษที่20-21 “เครื่องจักร”ที่ทำให้“ดวงไฟบินได้”ก็ต้องเป็นฐานยิงจรวดนั่นเอง “ปลาเหล็ก”หมายถึง“เรือดำน้ำ” และมีผู้คนโผล่ออกมาจากเรือดำน้ำ ระหว่างการทำสงครามแน่นอน
       
        นอกจากเห็นในจิตทัศน์แล้ว..โสตทัศน์ของนอสตราฯ ยังได้ยินอีกด้วย
       
       “พวกเขาคิดว่าได้เห็นพระอาทิตย์ตอนกลางคืน เมื่อเห็นบุรุษหน้าครึ่งคนครึ่งหมู เสียงดังสนั่น กับเสียงกรีดแหลมกับการต่อสู้บนท้องฟ้า ได้ยินเสียงพูดของสัตว์ร้าย”
       
       นอสตราฯเห็นการสู้รบของเครื่องบินบนอากาศ ได้ยินเสียง“กรีดแหลม” ของเครื่องยนต์ นักบินใส่หน้ากากจึงดูราว “ครึ่งคนครึ่งหมู” จริงๆ การทิ้งระเบิดครั้งแล้วครั้งเล่า..ไฟสว่างวาบแล้ววาบอีก ทำให้ผู้คน “เห็นพระอาทิตย์ตอนกลางคืน” รวมทั้งได้ยิน “เสียงพูดของสัตว์ร้าย” นักบินพูดสื่อสารกันทางวิทยุด้วย
       
        การสังหารผู้คนด้วยระเบิดปรมาณู 2 ลูกแรกของโลก นอสตราฯก็ระบุไว้ว่า
       
        “ไกล้กับสองเมืองท่า ความพินาศวิบัติจะหล่นจากที่สูง 2 ครั้งเป็นความร้ายแรงที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ความอดอยาก โรคระบาดภายในจะเกิดขึ้น ผู้คนถูกเหวี่ยงกระจายจากสิ่งที่เป็นเหล็ก ระงมร้องร่ำไห้ขอต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ยิ่งใหญ่และอมตะ”
       
        เหตุเกิดใน 2 เมืองท่าของญี่ปุ่น“นางาซากิ”และ“ฮิโรชิมา” ช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ระเบิดปรมาณู 2 ลูก ทำให้“ผู้คนถูกเหวี่ยงกระจายจากสิ่งที่เป็นเหล็ก” ซึ่งนำความตายสู่มนุษยชาติครั้งใหญ่เป็นประวัติการณ์ จนญี่ปุ่นต้อง“ยกธงขาว”ให้กับสหรัฐฯ และพันธมิตรฯโดยไม่มีเงื่อนไข
       
        คนที่รอดตาย..ต้องจมอยู่กับความอดอยาก เสียงร้องไห้และเสียงสวดมนต์ดังระงม “โรคระบาดภายในจะเกิดขึ้น”นั้น..มาจากกัมมันตภาพรังสี!
       
        นอสตราฯมองเห็นมนุษย์เจอภัยพิบัติจากธรรมชาติว่า “ความอดอยากหิวกระหายที่ฉันรู้สึกกำลังใกล้วันนี้ มันเกิดขึ้นเป็นแห่งๆ แล้วลามไปทั่วโลก ผู้คนแก่งแย่งรากไม้ เด็กๆโผเข้าหาเต้านมแม่”
       
        “ดวงอาทิตย์เข้ารัศมี 20 องศาของราศีพฤษภ(10พฤษภาคม) จะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงครั้งใหญ่ โรงละครแออัดด้วยฝูงชนจะพังทลาย บรรยากาศ ท้องฟ้า และโลกจะถูกบดบังจนมืดครื้ม..”
       
        หลังดาวหางฮัลเลย์โผล่มาให้เห็น นับตั้งแต่ ค.ศ.1986 ผู้คนจะต้องล้มตายจากแผ่นดินไหวอย่างมหาศาล อีกทั้งมนุษย์จะต้องตายเพราะความอดอยากนับล้านๆคน FAO ของสหประชาชาติแจ้งเมื่อปลายปี ค.ศ.2009 ว่า ทุกๆ 6 วินาที จะต้องมีเด็กเสียชีวิตจากการขาดคุณค่าทางอาหาร
       
       ปี ค.ศ.2050 พลเมืองโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 9.1 ล้านคน โลกจะต้องผลิตอาหารเพิ่มขึ้นอีก 70% เพื่อมิให้พลโลกต้องอดอยากและล้มตายเพราะความหิวโหย
       
        21 ธันวาคม 2012 เป็นวันสุดท้ายของปฏิทินเผ่ามายา ที่ใช้วิธีนับถอยหลัง ผมไม่สนใจวันสิ้นสุดแห่งกาลเวลา ที่หลายคนเรียกว่าวันสุดท้ายของโลก แต่ผมสนใจ 4 คำทำนายของนอสตราฯที่ว่า หลังปีค.ศ.1999 จะเกิดเหตุการณ์ดังนี้
       
        1.สังคมมนุษย์จะเกิดสงครามทำลายล้างรุนแรง 2.จะเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ แผ่นดินไหว ลมพายุ น้ำท่วม คลื่นทะเล แผ่นดินถล่ม 3.หลายส่วนของโลกจะขาดอาหาร 4.จะเกิดโรคระบาดร้ายแรง
       
        นอสตราฯ ไม่เคยทำนายว่า..โลกจะถึงกาลแตกดับช่วงเปลี่ยนสหัสวรรษ แต่เขาทำนายว่า นับแต่ปี ค.ศ.3755-3795 มนุษย์จะใช้โลกเป็นที่อยู่อาศัยไม่ได้อีกแล้ว เพราะจะมีอุกาบาตปลิวว่อนมาชนผิวโลก นอสตราฯระบุว่า
       
        “..แล้วโลกจะพาตัวเองใกล้เข้าสู่วัฏจักรแห่งการแตกดับขั้นสุดท้าย..”
       
        นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า..นับแต่ศตวรรษที่ 21 เป็นต้นไป บางประเทศที่ร่ำรวยและล้ำหน้าทางเทคโนโลยี เริ่มทดลองใช้ชีวิตอยู่ในอวกาศ และในอนาคตอันไม่ไกลนัก..พวกเขาก็คงจะนำเผ่าพันธุ์มนุษย์จำนวนหนึ่ง อพยพไปปักหลักใช้ชีวิตอย่างถาวรที่นอกโลกกันแล้ว
       
        นอสตราดามุส..ที่เขียนเป็นแค่เศษเสี้ยว มีหนังสือหลายเล่มที่ควรอ่าน..มีรายละเอียดอีกมากมายที่ควรรู้ ท่านหาอ่านเอาเองนะครับ
       
        ฉบับหน้า..ผมจะเริ่มเรื่อง“พระสงฆ์รูปหนึ่งจากดินแดนอีสาน” ที่ทำนายผู้คนและเหตุการณ์ในประเทศไทยแม่นยำราวตาเห็น โดยผู้เกี่ยวข้อง..บ้างยังมีชีวิตอยู่ บ้างล้มหายตายจากไปแล้ว แต่ก็ยังมีลูกหลานอยู่กันครบถ้วน
       
       ผมสัมผัส-รับรู้-เห็น-จับต้องได้ด้วยตนเองว่า มีคำทำนายจาก“โหราจารย์”ที่เป็นจริงในโลกใบนี้แน่นอนครับ!

ASTVผู้จัดการรายวัน    11 พฤศจิกายน 2554

seeat

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 470
    • ดูรายละเอียด
Re: เมื่อคำทำนาย..โหราจารย์..เป็นจริง!
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2011, 21:48:43 »
อย่าปฏิเสธ..แต่..ก็อย่าหลงงมงาย..กับ..อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์..ที่มีอยู่จริง!!!
       
       “สยามประเทศ”ในอดีตหรือ“ประเทศไทย”ในปัจจุบัน เต็มไปด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหลือคณานัป อีกทั้งยังมากมายด้วยเกจิอาจารย์ผู้ทรงฤทธิ์ และเกจิอาจารย์ผู้มากทั้งอิทธิปาฏิหาริย์และพระธรรม ที่เจริญตามรอย“พระพุทธเจ้า”สู่นิพพาน
       
        ต้องยอมรับตรงนี้ก่อนว่า ฤาษี-ชี-พราหมณ์-นักบวชลัทธิเชนและลัทธิต่างๆ หากฝึกจิตจนถึงขั้นอภิญญา 6 ได้ เขาเหล่านั้นย่อมแสดงฤทธิ์ได้ไม่มากก็น้อย อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์จึงมีมาแต่โบราณกาล หรือเกิดก่อนพุทธกาล
       
       ในปัญจวัคคีย์หรือพราหมณ์ทั้ง 5 ที่ได้เฝ้าฟังธรรมครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงมคธ เมืองพาราณสี พราหมณ์หนุ่มที่สุดชื่ออัญญาโกณฑัญญะ ได้ทำนายพระพุทธเจ้าแบบฟันธงว่า
       
        “ต้องออกบวชและจะได้เป็นพระพุทธเจ้า”
       
        พระพุทธเจ้าเองยังเคยทำนายบางเรื่องด้วยพระองค์เอง ดังทำนายนักบวชนอกศาสนาผู้หนึ่งว่า..จะตายใน 7 วัน แล้วนักบวชผู้นั้น..ก็ตายจริงๆ
       
       พระพุทธเจ้ามิได้ปฏิเสธเรื่องอิทธิฤทธิ์ว่ามีจริง และพระองค์ยังเคยแสดงยมกปาฏิหาริย์ด้วยตัวพระองค์เองหลายครั้ง เพื่อให้เดียรถีย์หรือนักบวช(ลัทธินอกศาสนา)เห็น จนส่งผลให้เดียรถีย์ส่วนหนึ่งเปลี่ยนใจมานับถือพุทธศาสนา
       
        นอกจากนั้นพระพุทธเจ้ายังเคยให้ พระโมกคัลลานะแสดงปาฎิหาริย์ให้เห็นว่า ไม่เพียงศาสดาเท่านั้นที่ทำได้ แต่สาวกที่ฝึกจิตถึงขั้นแสดงปาฏิหาริย์ได้..ก็มีนะ
       
        ในพระไตรปิฎกอธิบายคำว่า ฤทธิ์(คือความสำเร็จ) แสดงฤทธิ์ 10 อย่าง คือ
       
        1.ฤทธิ์เกิดจากการอธิษฐาน 2.ฤทธิ์เกิดจากการบันดาล 3.ฤทธิ์เกิดจากใจ 4.ฤทธิ์เกิดจากการแผ่ญาณ 5.ฤทธิ์เกิดจากการแผ่สมาธิ 6.ฤทธิ์อันเป็นอริยะ 7.ฤทธิ์เกิดจากผลกรรม 8.ฤทธิ์ของผู้มีบุญ 9.ฤทธิ์เกิดจากวิชชา 10.ฤทธิ์มีการประกอบถูกส่วนเป็นปัจจัย
       
        หากแต่พระพุทธเจ้าทรงสอนสั่งว่า อย่ายึด-อย่างมงาย-อย่าเสียเวลาอยู่แค่โลกอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ เพราะนั่นเป็นหนทางแห่งโลกียะ..มิใช่หนทางโลกุตระ หรือหนทางแห่งการหลุดพ้น
       
        ในหนังสือพระไตรปิฎก ภาค 4 ความย่อแห่งพระไตรปิฎก เล่ม 9 ใน11 เกวัฎฎสูตร สูตรว่าด้วยการแสดงธรรมแก่บุตรคฤหบดีชื่อเกวัฎฎะ เล่าว่า
       
        พระผู้มีพระภาคประทับ ณ ป่ามะม่วงของปาวาริกะ ใกล้เมืองนาฬันทา ณ ที่นั้น บุตรคฤหบดีชื่อเกวัฎฎะเข้าไปเฝ้า ขอให้ทรงชวนภิกษุผู้แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ได้-ให้แสดง ก็จะมีคนเลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคยิ่งขึ้น
       
        พระผู้มีพระภาคตรัสว่า พระองค์มิได้แสดงธรรมว่า ภิกษุทั้งหลาย ท่านจงแสดงอิทธิปาฏิหาริย์แก่คฤหัสถ์ผู้นุ่งผ้าขาว
       
        แม้ครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 บุตรคฤหบดีชื่อเกวัฎฎะ ก็ยืนยันจะให้ทรงชวนภิกษุผู้แสดงอิทธิปาฏิหาริย์ได้-ให้แสดง
       
        พระผู้มีพระภาคจึงทรงชี้แจงว่า ปาฏิหาริย์ที่ทรงทำให้แจ้งด้วยความรู้ยิ่ง ด้วยพระองค์เองและประกาศแล้ว มีอยู่ 3 อย่าง คือ
       
        1.อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ แสดงฤทธิ์ได้เป็นอัศจรรย์ 2. อาเทศนาปาฏิหาริย์ ดักทายใจได้เป็นอัศจรรย์ 3. อนุสาสนีย์ปาฏิหาริย์ สั่งสอน(มีเหตุผลดี)เป็นอัศจรรย์
       
        พระพุทธเจ้าทรงเลือกใช้หนทางที่ 3 เนื่องจากไม่มีอะไรดีไปกว่า“มีเหตุผลดี” เพราะทำให้“รู้ถึงต้นเหตุแห่งทุกข์”และ“รู้แจ้งในหนทางพ้นทุกข์” นั่นคือปัญญาแห่งพุทธปรัชญาอันลึกซึ้งของพระพุทธองค์
       
        พระพุทธเจ้าไม่ต้องการให้ภิกษุ ยึดติดหรืองมงายในฤทธิ์ หรือสนุกกับการสำแดงอิทธิฤทธิ์ เพื่อให้ผู้คนสรรเสริญด้วยหวังในลาภสักการะ ซึ่งมิใช่หนทางหลุดพ้นทั้งผู้ชอบชมและผู้ชอบสำแดงอิทธิฤทธิ์
       
        พระพุทธเจ้าทรงรู้ทุกอย่าง แต่ทรงสอนบางอย่างตามอัธยาศรัยผู้ฟัง หรือทรงสอนในสิ่งที่ต้องสอน หรือให้รู้ในสิ่งที่ควรรู้ มิใช่รู้เลอะเทอะจนไปปิดหนทางหลุดพ้น จึงมีคนถามว่า..สิ่งที่สอนกับสิ่งที่รู้อันไหนมากกว่ากัน?
       
        พระพุทธเจ้าก็กำทรายขึ้นมา 1 กำมือ..แล้วถามว่า ทรายในกำมือกับทรายในแม่น้ำอันไหนมากกว่ากัน ทรายในกำมือน้อยกว่าทรายในแม่น้ำใช่ไหม? สิ่งที่เราสอนเท่ากับทรายในกำมือ สิ่งที่เราไม่สอนเท่ากับทรายในแม่น้ำ
       
       พระพุทธเจ้ายังสอนให้รู้ในเรื่องควรรู้ เพราะรู้มากแต่เอามาใช้ประโยชน์ไม่ได้ ก็เหมือนคนรับจ้างเลี้ยงโค ซึ่งได้แต่นับจำนวนโค แต่ไม่ได้ประโยชน์จากโค เนื้อก็ไม่ได้กิน นมก็ไม่ได้ดื่ม
       
       ทุกยุคสมัยของเมืองพุทธนามว่า“ไทย” จึงมิเคยขาดซึ่งพระเถระที่มากทั้งอิทธิปาฎิหาริย์ และเปี่ยมด้วยคำสอนแห่งพุทธศาสนา ให้ชนชาวไทยได้เคารพบูชาไม่เคยสิ้นสุด
       
       อย่างไรก็ตาม..ยุคดิจิตอลนี้ เรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ทุกคนจะต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน เพราะมีทั้งของจริงให้เห็นหรือจับต้องได้ ในขณะเดียวกันก็มีของปลอมสร้างเรื่องขึ้นมา เพื่อมุ่งแสวงหาซึ่งลาภ-ยศ-เงินทอง ฯลฯ
       
       โหราจารย์ก็มีทั้งจริงและปลอม และไม่มีโหราจารย์ใดในใต้หล้า ที่ทำนายถูก 100% ทุกเรื่อง ต้องประเมินจากรูปธรรมว่า..ถูกมากกว่าผิดหรือผิดมากกว่าถูก
       
       สมัย พล.อ.สุจินดา คราประยูร ขึ้นเป็นนายกฯ“เสียสัตย์อย่าเสียชีพ” “สุจินดา”มีทหารหนุนหลังทั้งกองทัพ โหราจารย์ทั้งจริงและปลอมส่วนใหญ่ ล้วนทำนายว่า
       
        รัฐบาล“สุจินดา”จะอยู่ในอำนาจนับสิบปี แต่ด้วยความไม่ชอบธรรมในการขึ้นสู่อำนาจ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง จึงนำประชาชนออกมาขับไล่ แค่ 40 กว่าวัน..รัฐบาล“สุจินดา”ก็ล้มครืน งานนี้ทำเอาโหราจารย์ทั้งจริงและปลอม“ตายหมู่”ครับ
       
        เอาล่ะ..ร่ายยาวเพียงเพื่อจะบอกว่า ผู้เขียนมิได้งมงายและไม่เคยให้โหราจารย์ใดดูดวงชะตา แต่เคยเป็นร่างทรงอยู่หลายปีจนกระทั่งได้อ่านคำสอนของท่าน“พุทธทาส” อันเป็นวิทยาศาสตร์แห่งพุทธที่เข้าใจง่าย จึงได้ยุติหนทางแห่งการเข้าทรงลง
       
        เรื่อง“พระสงฆ์รูปนั้น”เกิดขึ้น คราครั้งเป็นที่ปรึกษาส่วนตัว พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นปฐมเหตุ
       
       ที่วัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ผมได้รู้จัก“พระสงฆ์รูปหนึ่ง” ซึ่งผมไม่รู้ประวัติของท่านแม้แต่น้อย รู้เพียงว่า..ท่านเป็นโหราจารย์ที่ร่ำลือกันว่า ทำนายชะตาชีวิตผู้คน และดวงบ้านเมืองล่วงหน้าแม่นราวตาเห็น
       
        ผมไม่ได้มาเพื่อให้“พระสงฆ์รูปนั้น”ดูดวงชะตาใดๆ เลยหากแต่มีงานที่ต้องประสานกันอย่างไกล้ชิด จึงทำให้ผมได้รับรู้ถึงคำพยากรณ์ล่วงหน้า ทั้งของผู้คนที่มีชื่อเสียงและของบ้านเมืองโดยปริยาย
       
        กลางปี 2539 ผมได้พา พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ไปพบปะพูดคุยกับ“พระสงฆ์รูปนั้น” และได้มีการกล่าว(ทำนาย)เตือน“น้าชาติ”ว่า
       
       “ท่านนายกฯ ชาติชาย..ปลายปีนี้จะป่วยหนักนะ แต่ป่วยจะผ่านพ้นไปได้ แต่อีก 2 ปีข้างหน้า(2541) ราวเดือนเมษายนจะป่วยหนักอีกครั้ง ครั้งนี้..ให้ระวังมากๆ..ดีไม่ดีอาจถึงแก่ชีวิตในต่างแดน”
       
       นั่นเป็นคำพยากรณ์สั้นๆ..แต่ทำให้ผมถูก“น้าชาติ”ตำหนิอย่างหนักว่า..
       
       “พระรูปนี้..ทำนายผมได้ไงว่าจะป่วยหนัก ผมเพิ่งให้หมอตรวจสุขภาพมา ร่างกายผมแข็งแรงมาก ทุกอย่างไม่มีอะไรผิดปกติเลย..”
       
       ทว่า..ไม่นาน..ทุกอย่างก็เริ่มเป็นจริงตามคำทำนายธันวาคม 2539 ได้มีการตรวจร่างกายอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 17 อย่างเงียบๆโดยนายแพทย์โรงพยาบาลจุฬาฯ ก่อนจะพบว่า“น้าชาติ”ได้เป็นมะเร็งในลำไส้ใหญ่แล้ว
       
       การรักษาโรคร้ายเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่ต้องเป็นความลับสุดยอดอีกด้วย แพทย์ได้นัดหมายให้“น้าชาติ” เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาฯ..โดยผมในฐานะที่ปรึกษาส่วนตัว“น้าชาติ”ไม่รู้เรื่องแม้แต่น้อย
       
       ทว่า..ได้เกิดปัญหาที่คาดไม่ถึงขึ้น เพราะได้มีหมายกำหนดการให้ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวันเดียวกันกับที่แพทย์นัดหมาย
       
        แน่นอน..สำหรับอดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตนายทหารแห่งกองทัพไทย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ที่จงรักภักดีต่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และราชวงศ์จักรี ยิ่งชีวิต ความเจ็บปวดจากมะเร็งร้ายจึงไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง
       
       เพราะการเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ถือเป็นเรื่องสำคัญสูงสุดเหนือชีวิต และเหนือสิ่งอื่นใดทั้งปวงในใต้หล้า!
       
        เรื่องน่าทึ่งมากมาย..เกิดขึ้นหลัง พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งต้องอ่านต่อตอนหน้าครับ

ASTVผู้จัดการรายวัน    18 พฤศจิกายน 2554
...

seeat

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 470
    • ดูรายละเอียด
Re: เมื่อคำทำนาย..โหราจารย์..เป็นจริง!
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2011, 22:44:57 »
 หลัง พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จฯพระเจ้าอยู่หัว เสร็จสิ้นลง และเดินทางออกจากพระราชวังสวนจิตรลดารโหฐานแล้ว
       
       ผมได้รับโทรศัพท์จาก“ผู้ประสานงานฯ”ถามไถ่ว่า “น้าชาติ”ไม่สบายหรือเปล่า? เพราะ“พระองค์ท่านฯ”สังเกตเห็น“น้าชาติ”ผิดปกติหลายประการ?
       
       ผมตอบผู้ที่โทรมาหาผมทันทีว่า “เอ..น้าชาติท่านแข็งแรงสบายดี ไม่เจ็บป่วยอะไรหรอกครับ”
       
       หลังวางหูโทรศัพท์ลง..ผมก็รู้ตัวว่าตอบไปโดยไม่รอบครอบ จึงรีบโทรไปหา“อาจารย์ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ” ลูกชายคนเดียวของ“น้าชาติ”ทันที หลังเล่าให้ฟังถึงโทรศัพท์ถามไถ่จาก“ข้างใน” “พี่โต้ง”ก็บอกกับผมว่า
       
       “ชัช..อย่าตกใจนะ..พ่อเป็นมะเร็ง พี่กำลังจะเอาพ่อไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้แหละ”
       
       ผมรีบโทรศัพท์ไปบอกเรื่องที่ได้ยิน ให้ผู้ประสานงานฯ ได้รับทราบทันที
       
       ก่อนจะนั่งคิดอยู่คนเดียวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระปรีชาสามารถเป็นอย่างยิ่ง ทรงละเอียดละออจนถึงกับสังเกตุเห็นอาการป่วย ที่ “น้าชาติ”ปกปิดเป็นความลับสุดยอดได้อย่างเหลือเชื่อ
       
       ในขณะที่พวกเราเหล่าที่ปรึกษาของ“น้าชาติ”หลายคน ซึ่งพบปะพูดคุยกับ“น้าชาติ”แทบทุกวัน กลับไม่เคยมองเห็นอาการผิดปกติจากการป่วยของ“น้าชาติ”แม้แต่น้อยเลย
       
        ปลายเดือนธันวาคม ปี 2539 “น้าชาติ”ได้รับการผ่าตัดมะเร็งร้ายออกจากลำไส้ใหญ่เป็นที่เรียบร้อย
       
        เมื่อ“น้าชาติ”ลุกขึ้นนั่งได้ “พี่โต้ง”ตามผมไปโรงพยาบาลจุฬาฯ “น้าชาติ”ได้พูดอย่างอารมณ์ดีว่า วันเฝ้าฯ“พระเจ้าอยู่หัวฯ”นั้น ผมต้องทำสงครามกับมะเร็ง ผมปวดท้องรุนแรงที่สุดในชีวิต..แต่ก็เฝ้าฯจนเสร็จ ก่อนผมจะเปลี่ยนบรรยากาศมานอนให้หมอเฉือนไส้ทิ้งเป็นเมตร!
       
        หลังจากอาการป่วยสิ้นสุดลง “น้าชาติ”ก็หวนคืนสู่เวทีการเมืองอีกครั้ง จนกระทั่งเดือนมีนาคม 2541 แพทย์ได้ตรวจพบมะเร็งที่ตับ“น้าชาติ”อีกครา
       
        3 เมษายน 2541 ชาวจังหวัดนครราชสีมาได้จัดงานฉลองวันเกิด78 ปี ให้“น้าชาติ”ด้วยคำขวัญ“Tomorrow Never Dies”หรือ“พรุ่งนี้ไม่มีวันตาย”สำหรับคนชื่อ“ชาติชาย ชุณหะวัณ”
       
       วันนั้น“น้าชาติ”สดใสร่าเริง ไม่ได้ส่อแววว่าเจ็บป่วยแม้แต่น้อย ทั้งๆที่สังขารกำลังเจ็บทรมานกับมะเร็งร้ายอย่างรุนแรง..อีกครา!
       
        7 เมษายน 2541 ที่สนามบินดอนเมือง ผู้คนจำนวนหนึ่งได้ไปส่ง“น้าชาติ” ที่กำลังจะบินจากประเทศไทย ไปรับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลครอมเวลล์ ประเทศอังกฤษ ที่นั่น“น้าชาติ”ได้กล่าวกับที่ปรึกษากลุ่มหนึ่งว่า
       
        “..อย่าห่วงนะ..ผมไปไม่นาน..แล้วผมจะกลับมาทำงานกับพวกคุณอีก..”
       
        วันที่ 9เมษายน2541 เวลา09.30 น.“น้าชาติ”ถูกนำตัวเข้าห้องผ่าตัด14.00 น.เริ่มการผ่าตัด 19.30 น.การผ่าตัดเสร็จสิ้นลง 20.00 น.“น้าชาติ”เริ่มรู้สึกตัว ยกแขนขึ้นเหมือนต่อสู้กับอาการบางอย่างและบอกว่า..เจ็บแผล..
       
        10 เมษายน-แพทย์บอกกับ“จารย์โต้ง”ว่า “น้าชาติ”ติดเชื้อและมีโรคแทรกซ้อนอาการน่าเป็นห่วง 11เมษายน-“น้าชาติ”อยู่ในวิกฤติ-ตับ-ไต-หยุดทำงาน ที่สำคัญหัวใจหยุดเต้น แพทย์ต้องช่วยชีวิต“น้าชาติ”กลับมาอีกครั้ง!
       
        3 พฤษภาคม-คณะแพทย์เตรียมจะปิดเคสนี้ แต่“น้าชาติ”กลับมีสภาวะ The Lion Heart คือ ผู้ป่วยมีอาการต่อสู้เพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างสูง ภาษาชาวบ้านคือ“น้าชาติ-สวมหัวใจสิงห์สู้กับพญามัจจุราชชนิดไม่ยอมแพ้ง่ายๆ” แพทย์จึงพยายามช่วยชีวิต“น้าชาติ”ต่อ..จนอาการ“น้าชาติ”กระเตื้องขึ้นอีกครั้ง
       
        หัวค่ำของวันที่4 พฤษภาคม2541“ผู้ประสานงานฯ”ได้โทรศัพท์ถึงผมว่า
       
        “ให้ถามอาจารย์โต้งสิว่า น้าชาติอาการเป็นเช่นไรบ้าง เพราะนิมิตเห็น..พล.อ.ชาติชาย..มาลา..”
       
        ผมโทรศัพท์ทางไกลสื่อสารให้“พี่โต้ง”รู้ทันที..และคำตอบที่กลับมาก็คือ
       
       “ชัช..พ่ออาการดีขึ้น หมอจะให้ออกจากห้องไอซียูพรุ่งนี้ แต่กว่าจะฟื้นคืนปกติ..คงต้องใช้เวลา”
       
       ผมแจ้งข้อความนี้ไปได้ไม่นาน..สถานการณ์ก็พลิกผัน เพราะเกิดผิดพลาดจากการรักษาบางประการ จน“น้าชาติ”อาการทรุดหนักอย่างกระทันหัน
       
       ท่านผู้หญิงบุญเรือน ชุณหะวัณ และคณะ ได้เดินทางออกจากกรุงเทพฯไปหา“น้าชาติ”ทันที
       
       เพราะมัจจุราช-กำลังลงมือคร่าชีวิต“น้าชาติ”อีกครา ครั้งนี้..พญามัจจุราชมีทีท่า..จะชนะ“น้าชาติ”เสียแล้ว
       
        “ชัช..ช่วยแจ้งไป“ข้างใน”ด้วยว่า..พ่อ..พ่อคงอยู่ได้อีกวันสองวันแล้วล่ะ”
       
       นั่นเป็นคำพูดสั้นๆที่ทำให้ใจผมห่อเหี่ยวลงฉับพลัน ผมโทรแจ้งไปยัง“ผู้ประสานงานฯ” ไม่นาน..ก็มีคำตอบออกมาว่า..พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระเมตตากรุณาจะส่งดอกไม้ไปให้“น้าชาติ” ที่โรงพยาบาลครอมเวลล์ ซึ่งผมก็โทรแจ้งเรื่องนี้ให้“พี่โต้ง”รับทราบ..
       
        01.00 น.ของวันที่ 6พฤษภาคม 2541“น้าชาติ”ความดันตกและไม่ตอบสนองต่อยากระตุ้นหัวใจที่แพทย์ให้อีกต่อไป 09.59 น.“น้าชาติ”ถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบ
       
       “พี่โต้ง”โทรด่วนจากอังกฤษด้วยเสียงปนสะอื้น ซึ่งทำให้ผมหวนนึกถึงคำที่ได้ยินก่อนหน้านี้หนึ่งวัน นั่นคือ“..นิมิตเห็น..พล.อ.ชาติชาย..มาลา..” ก่อนที่เรื่องราวจะพรูจากปากลูกชายคนเดียวของ“น้าชาติ”ว่า
       
       “ชัช..หมอบอกพ่อต้องไปนานแล้ว แต่พ่อไม่ยอมไป..พ่อหายใจฟืดฟาดๆ จนมีคนตะโกนว่า ดอกไม้พระราชทานจาก“ในหลวง”มาถึงแล้ว เท่านั้นแหละ..พ่อ..พ่อ..ก็จากพวกเราไป”
       
       ผมแจ้งข่าวนี้ให้ที่ปรึกษาฯซึ่งจับกลุ่มอยู่ ในสำนักงานเลขาฯพล.อ.ชาติชายให้ทราบทันที ก่อนจะเกิดเหตุอันชวนขนหัวลุก เพราะทุกคน ณ ที่นี้พลันได้กลิ่น“บุหรี่ซิก้าร์” ที่“น้าชาติ”ชอบสูบ..หอมอบอวลไปทั้งห้อง!
       
       จากนั้น..ฟ้าก็มืดครื้ม..เกิดลม-ฝน-พัดโครมครืนพักใหญ่ กิ่งไม้มหึมาจากต้นไม้เก่าแก่ใน“บ้านราชครู”ของ“น้าชาติ”หักโครม!
       
       เช้าตรู่ของวันที่ 8 พฤษภาคม 2541 “น้าชาติ”เดินทางกลับถึง“บ้านราชครู” เพื่อพักผ่อนไปตลอดกาลนาน
       
        คำทำนายของ“พระสงฆ์รูปนั้น” ซึ่งผมได้เล่าให้“จารย์โต้ง”และเพื่อนๆที่ทำงานกับ“น้าชาติ”ฟังล่วงหน้า ทุกอย่างเกิดขึ้นจริงดั่งคำทำนายเป๊ะเลย
       
        “น้าชาติ”ยุติชีวิตลงแล้ว..แต่การเมืองไทยไม่เคยหยุดเคลื่อนไหว “ทักษิณฟีเวอร์”ได้ไหลบ่าสู่วงการเมืองไทย เพราะคนไทยอยากลองของใหม่ ด้วยคิดว่าดีกว่าของเก่า
       
       ผู้คนหลงทักษิณตรงเขาประสบความสำเร็จ จากนักธุรกิจเล็กๆที่เงินไม่กี่พันบาท..เช็คยังเด้ง กลายเป็นมหาเศรษฐีคนหนึ่งของชาติไทย เพราะได้ผูกขาดสัมปทานธุรกิจโทรคมนาคมและการสื่อสาร
       
       ทักษิณยังเป็นคนกล้าคิด-กล้าทำสิ่งใหม่ๆ แต่ที่สำคัญที่สุด..เขากล้าทำทั้งสิ่งถูกและผิดแบบเปิดเผยและปิดลับอีกด้วย
       
       ทักษิณใช้ระบบโพล-การตลาด-การโฆษณาชวนเชื่อผสมผสานกับนโยบายเศรษฐกิจ-การเมือง วางเป้าหาเสียงกับชนชั้นกลาง และเน้นหนักไปยังคนจนที่ทักษิณเรียกว่า..พวกรากหญ้า!
       
       ที่สำคัญ..เขาได้ทำให้คนไทยตกหลุมพราง หลงเชื่อว่า..มหาเศรษฐีทักษิณ-รวยแล้วจะไม่โกงครับ!
       
       กอร์ปกับคนไทยเบื่อรัฐบาล“ชวน หลีกภัย2” ที่บริหารชาติตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน2540 ด้วยสภาพเฉื่อยแฉะสมนาม“ชวน เชื่องช้า”อีกด้วย
       
       9 พฤษภาคม 2544 “ทักษิณ ชินวัตร”ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่23 ของประเทศไทยได้สำเร็จ สมใจ“นายหญิง”เจ้าของ“ทรงผมเพิงหมาแหงน”ครับ
       
       โดย“ไทยรักไทย”กวาดที่นั่ง 500 ที่นั่งในสภาได้ถึง376 ที่นั่ง ในขณะที่“ประชาธิปัตย์”ได้สส.แค่ 96 ที่นั่ง ชัยชนะท่วมท้นเป็นประวัติการณ์เยี่ยงนี้ เกิดกับคนไร้ธรรมประจำใจหรืออ่อนแอในธรรม ย่อมกระตุ้น“ต่อมมารในดวงใจ”ให้เหิมเกริมและหลงลืมตัวได้แบบสุดๆทันที
       
       ดัง“ทักษิณ ชินวัตร”ที่ไร้ธรรมมาข่มใจมาร จึงถูกวิญญาณเผด็จการ“ฮิตเลอร์”เข้าสิงโดยไม่รู้ตัว!
       
       ด้วยงานบางประการอีกตามเคย ที่ทำให้ผมต้องพบ“พระสงฆ์รูปนั้น”อีกครา แน่นอน..เป็นเรื่องปกติธรรมดา เมื่องานเสร็จ..ก็ต้องเอ่ยปากถามไถ่ ถึงดวงชะตาคนดัง“ทักษิณ ชินวัตร”ว่า เหลี่ยมจะดีหรือเหลี่ยมจะร้าย-ต่อเมืองไทยเช่นไร?
       
        “พระสงฆ์รูปนั้น”ยิ้มแผ่เมตตาอย่างอ่อนโยน ท่านหยิบอุปกรณ์ทำนายขึ้นมาขีดเขียน หมุนซ้ายหมุนขวาไปมา แล้วเปิดตำราเล่นโตพลิกดูอยู่พักใหญ่!
       
        “พระสงฆ์รูปนั้น”ท่านไม่ได้บอกนะว่า ท่านขอเวลาตรวจชะตาทักษิณก่อน แต่ผมนี่แหละต้องขออนุญาติท่านผู้อ่านว่า กรุณาอ่านต่อฉบับหน้านะครับ

ASTVผู้จัดการรายวัน    25 พฤศจิกายน 2554

seeat

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 470
    • ดูรายละเอียด
Re: เมื่อคำทำนาย..โหราจารย์..เป็นจริง!
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 02 ธันวาคม 2011, 22:36:12 »
“..ดวงทักษิณ..เป็น..เสนียดเมือง..”
       
        “พระสงฆ์รูปนั้น”เริ่มต้นด้วยคำพูดที่ผมต้องถามกลับทันทีว่า
       
       “ท่านอาจารย์..เสนียดเมือง..ต่างกับ..กาลีบ้านกาลีเมืองอย่างไรครับ?”
       
       “กาลีบ้านกาลีเมือง-เป็นดวงคนที่เกิดมา เพื่อทำชั่วกับผู้คนและบ้านเมือง ส่วนเสนียดเมือง-ทุกประเทศจะมีบางอย่างเกิดขึ้นมาเพื่อทำลาย หรือให้โทษแก่ดวงเมืองเสมอ ไม่ปีใดก็ปีหนึ่ง-ไม่ยุคใดก็ยุคหนึ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นเรียกว่า“อภิไธยโพธิบาท” หรือเสนียดจัญไรต่างๆที่ประเทศนั้น จะประสบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นี่แหละ..ดวงเสนียดเมือง”
       
       “พระสงฆ์รูปนั้น”แจกแจงจนผมงง ก่อนที่ผมจะพึมพัมด้วยเสียงเบาๆว่า
       
       “กาลีบ้านกาลีเมืองกับเสนียดเมือง สุดท้ายก็ชั่วเหมือนกันนี่นา..อาจารย์”
       
       “พระสงฆ์รูปนั้น”พยักหน้า ก่อนจะพูดว่า “ทักษิณนั้น..ดวงทั้งชง-ปะทะ-ขัดแย้ง-กับดวงเมืองและดวงกษัตริย์โดยตรง เมื่อขึ้นเป็นใหญ่..บ้านเมืองจะเกิดปัญหาหนัก..จะไม่มีวันสงบแน่นอน”
       
        นั่นเป็นเบื้องแรกคำทำนายทักษิณ ในค่ำคืนเดือนมีนาคมปี 2544 ของ“พระสงฆ์รูปนั้น” หลังทักษิณได้เป็นนายกฯ เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์2544 หรือเพียงเดือนเศษที่ผ่านมา
       
        ผมได้เล่าเรื่อง“ทักษิณ-ดวงเสนียดเมือง”ให้เพื่อนๆ ฟัง รวมทั้ง“ผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง”ของบ้านเมือง โดยเฉพาะ“คุณตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์”บก.เอเอสทีวี. เพื่อตามดูว่า..จะเป็นจริงดั่งคำทำนายหรือไม่?
       
        ทักษิณ-เริ่มแรกเป็นนายกฯที่คนไทยสนับสนุนอย่างท่วมท้น เพราะหลงเชื่อว่า..ทักษิณ-นายกล้าคิด-นายกล้าทำ-นายรวยแล้ว-นายจะไม่โกง!
       
        ห้วงนั้น-คนไทยไม่น้อยงมงายทักษิณจนไร้เหตุผล ทำให้นึกถึงเพลง..เห็นนก-แม้วบอกว่า-ไม้ ผู้คนว่า-ไม้ไปตามวาจา เห็นปลา-แม้วบอกว่า-ปู ผู้คนว่า-ปูไปตามวาจา!
       
        ใครหน้าไหน-คิดต่าง-เห็นตรงกันข้ามกับทักษิณ มักถูกสาวกและสมุนทักษิณประณามว่า เป็น“คนโง่-คนรุ่นเก่า-คนล้าสมัย-คนขวางคลื่นลูกที่สาม” หรือ“คนมือไม่พาย(ตามกระแสทักษิณ)แล้ว..ยังดันเอาเท้าราน้ำ”อีก
       
       ท้ายสุด-คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามทักษิณ..ก็จะถูกยัดข้อหาเป็นศัตรูกับทักษิณ!
       
       ต้นมกราคม 2547 ผมไปกราบ“สวัสดีปีใหม่”กับ“พระสงฆ์รูปนั้น” ท่านมีสีหน้ากังวลและปรารภขึ้นว่า
       
       “คุณชัช..ปลายปีนี้..จะมีคนตายเกลื่อนประเทศไทย”
       
       “เรื่องการเมืองหรือเปล่าอาจารย์?” ผมมักคิดว่า..การล้มตายมากๆมักมาจากเรื่องการเมืองเสมอ เพราะยามนั้น..มองไม่เห็นภัยในด้านอื่นเลย
       
        “ไม่ใช่การเมืองคุณชัช..เป็นอุบัติภัยที่มาจากทะเล ทางอินโดนีเซียโน่น..แล้วกระทบถึงไทย อาตมาดูแล้ว..จะมีคนตายมากมาย”
       
       ผมเอาเรื่องนี้ไปคุยกับเพื่อนๆอีกตามเคย หลายคนขบคิด..มากคนไม่เชื่อ
       
       จนกระทั่ง..วันที่26 ธันวาคม2547 เกิดแผ่นดินไหวนอกชายฝั่งประเทศอินโดนีเซีย ทำให้เกิด“คลื่นยักษ์สึนามิ”รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ ผู้คนต้องเสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ประมาณ 220,000 คน นับเป็นภัยธรรมชาติที่มีคนตาย มากเป็นอันดับ 3 ของโลก
       
       เฉพาะประเทศไทย“คลื่นยักษ์สึนามิ” คร่าชีวิตคนไปกว่า 5,000 คน!
       
        นักวิทยาศาสตร์อธิบายว่า เป็นปรากฏการณ์แห่งธรณีวิทยาที่เกิดขึ้นได้ แต่นักพยากรณ์มากมาย..ต่างอธิบาย เรื่องไม่เคยเกิด-จะเกิด-เมื่อชาติมีคน“ดวงเสนียดเมือง”ปกครองบ้านเมือง
       
       เมื่อโดนยิงคำถามว่า หากผู้ปกครองมิใช่ “ดวงเสนียดเมือง”เล่า? นักทำนายต่างบอกว่า..อาจไม่เกิดสึนามิในห้วงนั้น หรือเกิดก็อาจผ่อนหนักให้เป็นเบาได้
       
        เอาเป็นว่า..คนไทยที่ไม่เคยรู้จักคลื่นยักษ์สึนามิมาก่อน บัดนี้ได้รู้-ได้เห็นคลื่นน้ำมหาประลัย ที่ฆ่าคนได้เป็นเรือนแสนในยุคมีนายกฯ ดวงเสนียดเมืองก็แล้วกันนะ เอวัง..ก็ด้วยประการฉะนี้แล!
       
       อย่างไรก็ตาม..กรรมที่ทักษิณก่อ กรรมนั้นก็ตามสนอง-ตามกฏแห่งกรรม!
       
        นโยบายปราบปรามคอร์รัปชั่น-คิดดี แต่ตัวเองกับพวกพ้องกลับแอบโกง โกงข้อสอบให้ลูก-โกงภาษีให้เมีย-โกงกันทั้งโคตร-โกงราษฎร์-โกงหลวง-โกงสารพัดโครงการ
       
       นโยบายปราบปรามยาเสพย์ติด-คิดดี แต่กลับ“ตั้งศาลเตี้ย”ฆ่าผู้คนตายกว่า 2,700 คน นโยบายช่วยประเทศเพื่อนบ้าน-คิดดี แต่เอาเงินภาษีประชาชนถึง 3,000 ล้านบาทให้พม่ากู้ แล้วให้พม่ากลับมาซื้อสินค้าบริษัทของตนดื้อๆ
       
       ที่คิดชั่วทำชั่วอีกเรื่องก็คือ ขยิบตาและสนับสนุนให้กลุ่มคน“ล้มเจ้า” ที่ทำงานทางการเมืองให้ทักษิณ ทำลายสถาบันสำคัญของชาติ โดยรัฐบาลทักษิณไม่เคยเอาผิดกับพวก“ล้มเจ้า”อย่างจริงจังเลย
       
       แถมบางครานายกฯทักษิณเองนั่นแหละ ที่กลายเป็นตัวการจาบจ้วงสถาบันสำคัญของชาติเสียเอง!
       
       แค่เรื่อง“ล้มเจ้า”กับ“คอร์รัปชั่น” ประชาชนคนไทยก็สุดทน แต่ทักษิณยังทำเรื่องผิดๆอีกพะเรอจนบรรยายมิรู้จบ
       
        ตำนาน..กรุงศรีอยุธยาไม่เคยสิ้นคนดี-คนกล้า แน่นอน..กรุงรัตนโกสินทร์ฯก็ไม่เคยสิ้นคนดี-คนกล้า..เช่นกัน
       
        ทักษิณพยายามปิดหู-ปิดตา-ปิดข่าวเลวร้ายของตนตลอด สื่อมวลชนหลายคนถูกซื้อตัว สื่อฯอีกหลายคนถูกข่มขู่จนต้องปิดรายการไป แต่“ความลับทักษิณไม่มีในโลก”เสียแล้ว เพราะ“สนธิ ลิ้มทองกุล”หนึ่งในคนไทย ที่เคยสนับสนุนทักษิณให้เป็นรัฐบาล ได้เปิดโปงการกระทำอันไม่ถูกต้องของทักษิณอย่างต่อเนื่อง
       
       จนรายการ“เมืองไทยรายสัปดาห์”ของ“สนธิลิ้ม” ถูกรัฐบาลทักษิณปลดออกจากทีวี.ช่อง 9 อสมท.ช่วงกลางเดือนกันยายนของปี 2548
       
        ทว่า..ทักษิณที่เจอแต่คนหงอ-คนกลัว กลับต้องเผชิญกับคนกล้าสู้ ชนิด-ตายเป็นตาย-เจ๊งเป็นเจ๊งเข้าอย่างจัง
       
       “สนธิลิ้ม”ปรับรายการทีวี.ช่อง 9 ให้กลายเป็น“เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร”ทันที ทุกครั้งที่จัดจะมีทั้งแฟนเก่าแฟนใหม่“สนธิลิ้ม” มาชุมนุมต่อต้านทักษิณมากขึ้น..มากขึ้น..
       
       สงคราม-ฝ่ายธรรมะกับฝ่ายอธรรมนี้ สู้กันข้ามปี 2548 จนเข้าปี 2549 ทักษิณสู้เพื่อรักษาอำนาจรัฐไว้โกงกินเพื่อตัวเองกับพวกพ้อง ขณะที่สนธิลิ้ม-สู้เพื่อคนส่วนใหญ่และเพื่อปกป้องชาติ-ศาสน์-กษัตริย์!
       
       นับวัน-สนธิลิ้มจะมีแนวร่วมกว้างขวางยิ่งขึ้น พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พิภพ ธงไชย สมเกียรติ์ พงษ์ไพบูลย์ และคนดี-คนกล้าอีกมากมายเข้ามาสมทบ จนกลายเป็น“พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย”ที่แข็งแกร่ง
       
       เพราะประชาชนออกมาสู้กับทักษิณ จากพันเป็นหมื่น..จากหมื่นเป็นหลายๆ หมื่น บางครั้งบางครามากันเป็นแสนๆ
       
        แต่..ทักษิณไม่เคยยอมแพ้ใครง่ายๆ ยิ่งเป็นรัฐบาลด้วยแล้ว..ทักษิณยิ่งสู้ยิบตา สู้ทั้งบนดิน-ใต้ดิน-สู้ด้วยวิธีสกปรกสารพัด
       
        ระหว่างการต่อสู้ของพันธมิตรฯ-ทักษิณ ผมได้พา“พระสงฆ์รูปนั้น”ไปพบกับ“ผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง” ที่เอ่ยชื่อเมื่อใด..ท่านผู้อ่านต้องร้อง“อ๋อ” แต่ทักษิณกับพวกต้อง..เฮ้ย..ไอ้นี่แหละศัตรูหมายเลข1
       
        “อาจารย์..ทักษิณ-พันธมิตรฯ-บ้านเมือง..จะจบลงอย่างไร?”
       
        “พระสงฆ์รูปนั้น”นิ่งไปพักใหญ่ ก่อนจะพูดเสียงเนิบนาบว่า
       
        “พันธมิตรฯ กับคุณชัช..รวมทั้งท่านด้วย จะสู้จะทำยังไงก็ยังล้มทักษิณไม่ได้หรอก แม้ทักษิณทำท่าจะไปไม่รอด..แต่ก็ไม่ยอมไปสักที จนถึงวันที่ 6-26 กันยายน ปี 2549 ทักษิณถึงจะหลุดจากตำแหน่งนายกฯ”
       
        “ผู้ใหญ่ท่านนั้น”กับผมอึ้ง เพราะเดือนมีนาคมที่พูดกันอยู่นี้ กว่าจะถึงเดือนกันยายน..มันอีก 6-7 เดือนโน่นแน่ะ ทำให้ผมกังวลและอดถามต่อไม่ได้ว่า
       
        “ทักษิณมีครูบาอาจารย์ทางไสยศาสตร์ช่วยเยอะ..อาจต่ออายุรัฐบาล..”
       
        “พระสงฆ์รูปนั้น”พูดตัดบทว่า “ไม่มีใครช่วยทักษิณได้อีก ดวงนายกฯ ของทักษิณหมดเวลาแล้ว นับจากนี้ไป..จะมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นตลอด ทักษิณดวงปากไม่ดี เขาจะพูดทำร้ายตัวเองตลอดเวลา เขาจะทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้น..ใหญ่ขึ้น..จนเขาอยู่ไม่ได้”
       
        ผมได้เล่าคำทำนายนี้ให้“พี่สนธิ”และเพื่อนๆฟัง “พี่สนธิ”ฟังแล้วเฉย..แต่อีกหลายคนบ่นพึมเลยว่า
       
        “โอ้โห..หากคำทำนายนี้เป็นจริง อีกตั้ง 6 เดือนจะถึงเดือนกันยา ทักษิณคงเล่นงานพวกเราตายก่อนแน่เลย”
       
        คำทำนายเป็นเรื่องของคำทำนาย จริงหรือไม่จริง..ไม่สน เพราะพันธมิตรฯ ทุกคนรู้เพียงว่า ต้องสู้เพื่อชาติ-ศาสน์-กษัตริย์ สู้ชนิดตายเป็นตาย-เจ๊งเป็นเจ๊งครับ!

ASTVผู้จัดการรายวัน    2 ธันวาคม 2554

seeat

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 470
    • ดูรายละเอียด
Re: เมื่อคำทำนาย..โหราจารย์..เป็นจริง!
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: 10 ธันวาคม 2011, 00:08:57 »
 การเคลื่อนไหวชุมนุมขับไล่ทักษิณ ของพันธมิตรฯเป็นไปอย่างต่อเนื่อง นับแต่ปลายปี2547-2548 โดยทักษิณกับพวกได้จ้างและเกณฑ์ผู้คนของตนออกมาปะทะ จนสถานการณ์การเมืองตึงเครียด
       
        แต่ทักษิณก็เป็นนายกฯ จนครบ 4 ปี และสืบทอดอำนาจต่อด้วยการชนะเลือกตั้งอีกครั้งในปี2548 การเป็นนายกฯ รอบสองของทักษิณไม่ราบรื่น เพราะยังโดนประชาชนต่อต้านจนต้องมีการเลือกตั้งใหม่
       
       2549 มีการเลือกตั้งทั่วไปซ้ำอีกครา แต่พรรคฝ่ายค้าน3 พรรคไม่ส่งคนลงสมัคร ทำให้การเลือกตั้งเกิดเรื่องมิชอบ จนศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาให้เป็นโมฆะ
       
       วันที่ 15 ตุลาคม 2549 กกต.ได้จัดการเลือกตั้งใหม่อีกครั้งหนึ่ง แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ก็ไม่ชอบธรรมอีกตามเคย ทำให้การเมืองไทยยิ่งร้อนระอุ กับการชุมนุมยืดเยื้อของพันธมิตรฯ ที่ยังปักหลักตะโกน“ทักษิณออกไป”ตลอดเวลา
       
       ห้วงนั้น..รัฐบาลทักษิณอ่อนแอจะล้มมิล้มแหล่ แต่ทักษิณก็ยังดื้อด้านไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ถึงขนาดเกณฑ์คนของรัฐบาล ออกมาทำร้ายการชุมนุมของพันธมิตรฯอยู่เนื่องๆ จนสถานการณ์ทำท่าจะบานปลาย
       
       ในที่สุด..ทหารกลุ่มหนึ่งจำต้องออกมาทำรัฐประหาร โค่นล้มรัฐบาลทักษิณลง เมื่อวันที่ 19 กันยายน2549
       
       เหตุการณ์..ตรงกับคำทำนายของ“พระสงฆ์รูปนั้น” ที่ว่า..ทำยังไงๆทักษิณก็ไม่ล้มไม่ไป จนกว่าจะถึงวันที่ 6-26 กันยายน2549 ทักษิณจะหมดอำนาจลง!
       
       ผมพบกับ“พระสงฆ์รูปนั้น”อีกครา หลังรัฐบาลทักษิณถูกโค่นเพียงไม่กี่วัน
       
        “คุณชัช..สมัครจะได้เป็นนายกฯ นะ แต่อายุเขาจะสั้นลง”
       
       สมัคร สุนทรเวช จะเป็นนายกรัฐมนตรี “พระสงฆ์รูปนั้น”บอกผมหลายครั้งแล้ว และผมกับเพื่อนที่ได้ยินก็ไม่เชื่อ และจะแย้งเสมอว่า“เป็นไปไม่ได้”
       
       “สมัคร”หมดอำนาจนานแล้ว พรรคประชากรไทยของเขาเล็กลง..เล็กลง..จนเหลือแต่ซาก..เขาจะเป็นนายกฯ ได้ยังไง?
       
       ทว่า..ด้วยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ไม่ได้ดำเนินคดีความทักษิณกับพวกอย่างจริงจัง ไม่มีการปฏิรูปการเมืองเพื่อยุติการซื้อเสียงเลือกตั้งใดๆเลย ทักษิณมีเงินล้นฟ้าจึงยังเล่นการเมืองได้อย่างอิสระ ทั้งนอกสภา-ในสภา-บนดิน-ใต้ดิน!
       
       เมื่อรัฐบาล“สุรยุทธ์”จัดให้มีการเลือกตั้ง ในปี 2550 ทักษิณได้ดึง สมัคร สุนทรเวช เข้าสังกัดพรรคของเขา ก่อนจะกวาดชัยชนะจากการเลือกตั้งได้อีกครา“ส้มนายกฯ”จึง“หล่นใส่”สมัคร สุนทรเวช ที่ถูกเชิดให้เป็นหุ่นทันที
       
       สมัครเป็นนายกฯ-ผมนึกถึงคำว่า“เก่งกับเฮง”ขึ้นมา บางคนเก่งแต่ดวงไม่เฮง-ชีวิตเจ๊ากับเจ๊ง บางคนห่วยแต่ดวงเฮง-ชีวิตเลยแจ๋วแหววโดยไม่มีเหตุผล แต่บางคนทั้งเก่งทั้งดวงเฮง-จึงสมหวังดังปรารถนาเสมอ
       
       งานนี้..ผมกับเพื่อนแพ้พ่าย“พระสงฆ์รูปนั้น”ราบคาบครับ
       
       สมัคร-เป็นนายกฯ ทุกขลาภ เพราะเป็นนายกฯ หุ่นที่ทักษิณบงการอยู่เบื้องหลัง วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2551 ทักษิณได้เดินทางกลับประเทศไทย แต่อยู่ได้ไม่นาน..ก็ต้องหนีคดีซื้อที่ดินรัชดาฯ ไปพเนจรอยู่ในต่างประเทศตราบทุกวันนี้
       
        25 พฤษภาคม 2551 พันธมิตรฯ ได้เปิดฉากชุมนุมขับไล่รัฐบาลสมัคร ต่อสู้กันชนิดเจ๊งเป็นเจ๊ง-ตายเป็นตายอีกครั้ง ทว่าปีเดียวกันนั้นเอง..สมัคร-ก็ตกสวรรค์จนต้องหลุดจากเก้าอี้นายกฯ เพราะไปทำความผิดกฏหมาย ที่เกี่ยวกับผลประโยน์ทับซ้อนเข้าอย่างจัง
       
        แม้สมัคร-จะยังอยากเป็นนายกฯ ซ้ำสอง แต่ทักษิณก็หักดิบด้วยการตั้งน้องเขย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกฯ แทน สมัครจึงทรุดทั้งกายและใจด้วยโรคมะเร็ง จนต้องเดินทางไปรักษาตัวที่สหรัฐอเมริกาอย่างเงียบๆ
       
       ทราบมาว่า..สมัคร-ได้ลงจากเตียงพยาบาลเพื่อกราบลา“พระสงฆ์รูปหนึ่ง”เป็นครั้งสุดท้ายด้วย
       
       ผมไม่ได้พบกับ“พระสงฆ์รูปนั้น” ตลอดอายุขัยรัฐบาล“สมชาย วงศ์สวัสดิ์”และรัฐบาล“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ด้วยผมยุ่งอยู่กับงานและการชุมนุมของพันธมิตรฯ นั่นเอง
       
       จนกระทั่ง เกิดมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ ภายใต้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั่นแหละ..ที่ทำให้ผมอดใจไม่ไหว ต้องตัดสินใจไปพบกับ“พระสงฆ์รูปนั้น”ในค่ำคืนของเดือนพฤศจิกายน 2554
       
       แน่นอน..ไม่พบปะยาวนานถึงสองสามปี เรื่องพูดคุยย่อมมากเป็นธรรมดา สนทนากันจนดึกดื่นเที่ยงคืน..กว่าจะลากลับ ด้วยเรื่องราวแห่งคำพยากรณ์ในหลายเรื่อง แต่ละเรื่องจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่..เวลาจะพิสูจน์ครับ
       
        “ท่านอาจารย์..นายกฯ คนนี้กับบ้านเมืองจะเป็นเช่นไร?”
       
       ผมถามตรงไปตรงมาขณะที่“พระสงฆ์รูปนั้น”ยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ
       
        “คุณชัช..คุณยิ่งลักลักษณ์ดวงเหมือนทักษิณ คอยดูนะ..บ้านเมืองจะมีปัญหาหนักขึ้นเรื่อยๆ จากน้ำนองหรือน้ำท่วมแล้ว..จากนี้..เลือดจะนอง..”
       
       “พระสงฆ์รูปนั้น”เกริ่นนำแล้วเงียบไปพักใหญ่ โดยผมยังคงนั่งจับตาและเงี่ยหูฟังอยู่เงียบๆ
       
        “..นับจากวันที่ 7 ธันวาคม ปี 2554 จนถึงเดือนมิถุนายน ปี 2555 ดวงเมือง..จะต้องมีเรื่องใหญ่ๆ เกิดขึ้น และอีก 3 ปีข้างหน้า นับตั้งแต่ปี 2555 จนถึงปี 2557 ประเทศไทยจะมีทั้งเรื่องอุบัติภัย และปัญหาการเมืองมากมาย โน่น..หลังปี 2557 ประเทศไทยถึงจะดี”
       
        “อาจารย์..นายกฯ ยิ่งลักษณ์จะอยู่ในตำแหน่งนานไหม?”
       
        ผมถาม..เพราะระอาฝีมือบริหารชาติ อันแสนห่วยแตกของ“ปู”น้อง“แม้ว”ที่ถูกเชิดเป็นนายกฯ ทั้งที่เธออ่อนหัดเกินกว่าจะเป็นนายกฯประเทศไทยได้
       
        “นายกฯ คนนี้..แม้ดวงจะเหมือนพี่ชาย-แต่หลายอย่างต่างกัน เขาอยู่ไม่นานคุณชัช เพราะบ้านเมืองต้องมีการเปลี่ยนแปลง”
       
        “เปลี่ยนแปลงอย่างไร..ท่านอาจารย์?” ผมย้ำถาม..เพราะคำเปลี่ยนแปลงนั้น เปลี่ยนแปลงเป็นรัฐไทยใหม่-ทักษิณชนะ หรือเปลี่ยนรัฐบาลยิ่งลักษณ์-ทักษิณแพ้
       
        “เปลี่ยนไปในทางที่ดีต่อชาติและประชาชนสิ..คุณชัช”
       
        “อาจารย์..แล้วทักษิณล่ะ..เขาจะเป็นเช่นไร?”
       
        “ดวงทักษิณไม่ดีมากๆ ถ้าเขาตายเร็ว..ต้องถือว่าเขาโชคดี แต่หากไม่ตายเร็ว..ชีวิตจะลำบากมากๆ”
       
        ผมไม่ถามต่อ..เพราะมีคำตอบอยู่ในใจมาตลอดว่า สุดท้าย..ธรรมะต้องชนะอธรรมแน่นอน!
       
        แต่ผมบอกแล้วนะว่า.. ไม่มี“นักทำนาย”ที่ไหนในโลก ที่จะทำนายอนาคตได้ถูกทุกเรื่อง “พระสงฆ์รูปนี้”ก็เคยทำนายพลาดในบางเรื่อง
       
       แต่มนุษย์..ต้องอย่าให้คำทำนาย มาเป็นอุปสรรคขวางการทำงานใดๆ ของเราได้ มนุษย์-กำหนดชะตาชีวิตตนเองได้ แม้บางเรื่องจะแพ้พ่าย“ฟ้าลิขิต”ก็ตาม
       
        ดูสิ..ทักษิณใช้เงินชี้ชะตาเอาชนะการเลือกตั้ง แต่กลับถูก“น้องน้ำ54”ที่น้ำไม่ได้มากกว่า “น้องน้ำ38”สอยแทบร่วง เพราะรัฐบาล“ปู”ที่“แม้ว”บงการอยู่ข้างหลัง บริหารจัดการผิดจนน้ำท่วมประเทศครั้งใหญ่เป็นประวัติการณ์
       
       ทำให้คนไทยที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ตายกว่า 600 คนเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสกว่า 3 ล้านครัวเรือน ประเทศเสียหายกว่า 1.1 ล้านล้านบาท
       
        เท่านั้นไม่พอ..นายกฯ ยิ่งลักษณ์ยังปล่อยให้คนในรัฐบาล หากินบนความทุกข์ของผู้ประสบภัยน้ำท่วม ด้วยการโกงกินถุงยังชีพและการซื้อข้าวของอีกสารพัด
       
       ร้ายกว่านั้น..รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ยังเอาแต่เล่นสงครามน้ำลายทางการเมือง บนความเดือดร้อนของผู้คนที่ถูกน้ำท่วมอีกต่างหาก ทั้งปล่อยให้ ส.ส.รัฐบาลนำชาวบ้านไปรื้อคันกั้นน้ำและเปิดประตูน้ำ จนการระบายน้ำใน กทม.ปั่นป่วนอยู่ตลอดเวลา
       
       น้ำท่วมเพราะนักการเมืองชั่ว น้ำท่วมทำให้เห็นชัดเจนว่า นักการเมืองชั่วทั้งหลายนั่นแหละ คือ ตัวอันตรายต่อความมั่นคงของชาติอย่างแท้จริง!
       
       ตราบใดที่ประเทศไทยไม่มีการปฏิรูปการเมือง ขจัดหรือยุติการซื้อเสียงเลือกตั้งไม่ได้ ทักษิณกับนักการเมืองชั่วจะยึดอำนาจรัฐ เพื่อทำความชั่วได้ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง!
       
       ทักษิณและนักการเมืองชั่วจะพ่ายแพ้ ถ้าประเทศไทยใช้ระบบการเมืองที่สอดคล้องกับสภาพสังคมไทย ที่ทำให้ทักษิณกับพวกซื้อเสียงหรือโกงการเลือกตั้งไม่ได้ นั่นแหละ..ชาติกับประชาชนจึงจะชนะนักการเมืองชั่ว บ้านเมืองก็จะดีขึ้นไงล่ะครับ..
       
       ท่านผู้อ่าน..ให้เวลา-พิสูจน์“คำพยากรณ์” ให้ปาก-ท่องคำว่า..อะไรจะไม่เกิด-ก็ไม่เกิด อะไรจะเกิด-ก็ให้มันเกิด ให้ใจ-อย่าซีเรียสเครียดไปกับคำทำนาย ให้สมอง-รู้ไว้ใช่ว่า..ใส่บ่าแบกหาม..ดีไหมครับ!

ASTVผู้จัดการรายวัน    9 ธันวาคม 2554