ผู้เขียน หัวข้อ: “บิ๊กเข้” ชี้ต้องทำ “สมุนไพรไทย” ติดตลาดแบบ “โสมเกาหลี-บัวหิมะ” โกยรายได้เข้า  (อ่าน 789 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9759
    • ดูรายละเอียด
 รองนายกฯ กำชับค้นคว้าวิจัย “สมุนไพรไทย” จริงจัง เพิ่มการใช้ในประเทศและส่งออก ช่วยสร้างเศรษฐกิจไทย ย้ำทำให้ติดตลาดเหมือนโสมเกาหลี บัวหิมะ ที่นักท่องเที่ยวต้องเลือกซื้อ ด้าน ปชช. แห่ร่วมงานมหกรรมสมุนไพรฯ เนืองแน่น
       
       วันนี้ (31 ส.ค.) ที่ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างเปิดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 13 “สมุนไพรไทย เศรษฐกิจไทย อนาคตไทย” ว่า ประเทศไทยมีการใช้สมุนไพรไทยในการดูแลสุขภาพมาอย่างยาวนาน ซึ่งจุดแข็งของสมุนไพรไทย คือ มีความหลากหลายทางชีวภาพมาก เรียกได้ว่า มีมากกว่า 10,000 ชนิด มีการวิจัยสรรพคุณกว่า 1,800 ชนิด และนำมาใช้จริงประมาณ 300 ชนิด แต่ยังมีจุดอ่อน คือ หาซื้อได้ยาก กระบวนการนำมาใช้ยุ่งยาก ความเชื่อมั่นในตัวยาสมุนไพร เนื่องจากตัวผู้ผลิต หรือการปรุงยาไม่ได้มาตรฐาน รวมไปถึงมีการโฆษณาชวนเชื่อเกินจริง ซึ่งต้องมาปรับตรงนี้โดยต้องมีการค้นคว้าวิจัยอย่างจริงจัง พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ ลดความยุ่งยากในการใช้ และสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมา อย่างปัจจุบันก็มีการศึกษาและผลิตเป็นอาหารเสริม ยา และ เวชสำอาง ซึ่งถือว่ามีมูลค่าทางการตลาดมหาศาล แต่สิ่งสำคัญคือต้องทำให้ติดตลาด
       
       “อย่างต่างประเทศที่มีการส่งเสริมอย่างจริงจัง เมื่อนักท่องเที่ยวไปเที่ยวแล้วก็จะมีการซื้อกลับมา เช่น ไปเกาหลีก็ซื้อโสมเกาหลี ไปจีนก็ซื้อบัวหิมะ หรือไปฝรั่งเศสก็ซื้อเปลือกสน ซึ่งประเทศไทยต้องทำให้สมุนไพรไทยติดตลาดให้ได้ เมื่อประชาชนมีความมั่นใจในสมุนไพรไทยก็จะเกิดการผลิตและใช้เองในต่างประเทศ และเมื่อทำให้ติดตลาดก็จะสามารถส่งออกต่างประเทศได้ ถือเป็นทางหนึ่งในการช่วยพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ อย่างผักเบี้ยใหญ่ที่มีอยู่มาก มีประโยชน์ด้านคอลลาเจน ก็นำมาทำเวชสำอางได้ ก็ต้องทำให้ติดตลาด เป็นต้น หรืออย่างผักชีไทยที่คนญี่ปุ่นฮิตรับประทานกันอยู่นั้น เมื่อหาข้อมูลดูพบว่ามีสรรพคุณมากกว่า 40 อย่าง แก้ได้ทุกอย่างทั้งแก้ปวด ตัวร้อน ไปจนถึงแก้โรคมะเร็ง ซึ่งจริงหรือไม่ผมก็ไม่มั่นใจ ก็ต้องมีการวิจัยให้เห็นสรรพคุณที่แน่นอน” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
       
       ด้าน นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย
1. การประชุมวิชาการ
2. การประกวดผลงานวิชาการ
3. การจัดการความรู้เกี่ยวกับการแพทย์แผนไทย การอบรมระยะสั้น 2 ชั่วโมงฟรี กว่า 30 หลักสูตร
4. การจัดแสดงสวนสมุนไพร
5. การจัดแสดงลานวัฒนธรรม พิธีกรรมการดูแลรักษาสุขภาพของ 4 ภาค การแพทย์พื้นบ้าน และวัฒนธรรมท้องถิ่นด้านสุขภาพ
6. โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสาน อาทิ บริการนวด อบ ประคบ การฝังเข็ม กดจุดสะท้อนเท้า ปรับสมดุลโครงสร้างร่างกาย
7. การแสดงนวัตกรรมและงานวิจัย และกิจกรรมการส่งเสริมธุรกิจ การจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มีคุณภาพ มาตรฐาน ขอเชิญประชาชนเที่ยวงาน ซื้อหาผลิตภัณฑ์คุณภาพ และรับบริการต่าง ๆ ได้ตั้งแต่วันนี้ - 4 กันยายน 2559 เวลา 10.00 - 20.00 น. ณ ฮอลล์ 6 - 8 ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในงานมหกรรมสมุนไพรฯ มีประชาชนสนใจเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก โดยมาเลือกซื้อสมุนไพรและผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร รวมไปถึงเข้ารับบริการตรวจรักษาโดยแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ขณะที่บูท รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศรที่มีการแจกสมุนไพรและหนังสือฟรีก็ได้รับความสนใจ มีประชาชนมารอเข้าคิวเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงการชอปปิ้งชาบุฟเฟต์ในราคา 50 บาท สามารถเลือกสมุนไพรไปชงดื่มเป็นชาได้ตามใจ อาทิ เกสรบัวหลวง รางจืด ดาวเรือง อัญชัญ ใบเตย ว่านเปราะหอม ชะเอมเทศ บัวบก กระเจี๊ยบ เถาวัลย์เหล็ก เป็นต้น ซึ่งแต่ละตัวก็มีสรรพคุณที่แตกต่างกันไป ทั้งเรื่องของการขับลม คลายเครียด ช่วยให้นอนหลับ บำรุงสายตา บำรุงหัวใจ แก้ร้อนใน ลดความดันโลหิตสูง บำรุงครรภ์ เป็นต้น
       
       น.ส.ปรานอม โภชนา ชาวจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า ตนพาครอบครัวและคุณแม่มาร่วมงานด้วย เพราะเห็นว่าสมุนไพรสามารถนำมาดูแลสุขภาพได้ อย่างคุณแม่มีปัญหาเรื่องเส้นตึง กระดูกคด รักษาแพทย์แผนปัจจุบันไม่หาย เพราะไม่สามารถผ่าตัดแก้ปัญหาได้ เนื่องจากคุณแม่อายุมากแล้ว อย่างเวลานอนก็นอนไม่ได้ ต้องนั่งพิงแล้วก็หลับไป แต่หลังจากไปรักษาที่ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ที่ได้มีการนวดรักษา รวมไปถึงการจ่ายยาสมุนไพร และมีการจดรายละเอียดเพื่อนำไปซื้อสมุนไพรมารับประทานเองตามโดสที่กำหนดนั้น ก็พบว่า คุณแม่มีอาการดีขึ้น สามารถออกกำลังกายยกขาขึ้นได้ เมื่อมีการจัดงานจึงตัดสินใจมาร่วมงานดังกล่าว และพาคุณแม่มาพบแพทย์แผนไทยที่บูท รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ด้วย

โดย MGR Online       
31 สิงหาคม 2559