4. ศาลฎีกาฯ เลื่อนไต่สวนคดี บุญทรง กับพวก ทุจริตข้าวจีทูจี ด้าน เสี่ยเปี๋ยง นอน รพ.ตำรวจแทนคุก พร้อมส่งญาติเจรจา ก.พาณิชย์ให้ยอมความ!
เมื่อวันที่ 27 เม.ย. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้นัดไต่สวนพยานโจทก์ครั้งแรก ในคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ฟ้องนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับพวกรวม 28 รายเป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันทุจริตโครงการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ(จีทูจี) ทั้งนี้ องค์คณะผู้พิพากษา ได้ชี้แจงกับคู่ความทั้งสองฝ่ายว่า เมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา นิติบุคคล 5 ราย ของหน่วยงานรัฐ ได้ยื่นคำร้องขอให้จำเลยที่ 7-15 และ 17-28 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 26,000 ล้านบาทรวมดอกเบี้ย ซึ่งศาลได้สอบถามโจทก์แล้วไม่คัดค้าน
ศาลพิเคราะห์แล้ว ให้รับคำร้องดังกล่าว และเพื่อเป็นการให้โอกาสจำเลยได้ต่อสู้ตามกระบวนการของกฎหมายอย่างเต็มที่ จึงให้จำเลยยื่นคำให้การเป็นเอกสารภายใน 30 วัน และให้เลื่อนนัดไต่สวนพยานโจทก์ครั้งแรกออกไปเป็นวันที่ 15 มิ.ย.นี้ พร้อมให้เพิ่มนัดไต่สวนอีก 8 นัด โดยให้นัดไต่สวนพยานครั้งสุดท้ายในวันที่ 28 มิ.ย. 2560 นอกจากนี้ ศาลยังได้กำชับคู่ความทั้งสองฝ่ายห้ามให้สัมภาษณ์ในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีนี้และคดีที่เกี่ยวข้องในลักษณะชี้นำ หรือกระทบกระบวนการยุติธรรม หากฝ่าฝืน ศาลอาจมีคำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดได้
นอกจากนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมา ยังมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ 1 ในจำเลยที่ถูกฟ้องร่วมกับนายบุญทรง คดีทุจริตขายข้าวแบบจีทูจี คือ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ เสี่ยเปี๋ยง อดีตพ่อค้าข้าวชื่อดังของประเทศไทย ผู้ก่อตั้งบริษัทสยามอินดิก้า จำกัด ซึ่งปัจจุบันถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำกลางสมุทรปราการ หลังศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการคดีศาลแขวงสมุทรปราการ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัทเพรสซิเดนท์ อะกิ เทรดดิ้ง จำกัด และเสี่ยเปี๋ยง เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคแรก โดยพิพากษายืนให้จำคุกเสี่ยเปี๋ยง สำนวนละ 3 ปี ปรับสำนวนละ 6,000 บาท รวมจำคุกสองสำนวนเป็นเวลา 6 ปี ไม่รอลงอาญา และปรับ 12,000 บาท นอกจากนี้ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนข้าวสารที่ยักยอกไปจำนวน 16,400 ตัน หรือใช้เป็นเงินแทนจำนวน 175,480,000 บาท ให้กับกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ผู้เสียหาย และให้ร่วมกันคืนข้าวสารอีกจำนวน 4,742.96 ตัน หรือใช้เงินแทน 54,385,902.07 บาท รวมวงเงิน 229,865,902.07 บาท
ทั้งนี้ สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า การถูกจำคุกในคดีดังกล่าว เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้นายอภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยง ไม่ได้เดินทางไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อนัดตรวจหลักฐานใหม่ ในคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายบุญทรง และพวก ในความผิด ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ(ฮั้วประมูล) พ.ศ. 2542 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และ 157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 พร้อมทั้งขอให้สั่งปรับจำเลย เป็นเงิน 35,274,611,007 บาท กรณีทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจี ในช่วงที่ผ่านมา
นอกจากนี้สำนักข่าวอิศรา ยังรายงานด้วยว่า ได้รับการเปิดเผยข้อมูลจากแหล่งข่าวเรือนจำกลางสมุทรปราการว่า เมื่อช่วงกลางเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา เสี่ยเปี๋ยงได้ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อรักษาอาการป่วย โดยอยู่ที่ตึกเฉลิมพระเกียรติ ฉก 5/1 ต่อมา เมื่อวันที่ 26 เม.ย.59 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบข้อมูลที่ตึกเฉลิมพระเกียรติ ฉก 5/1 โรงพยาบาลตำรวจ พบว่า นายอภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยงมาพักรักษาตัวอยู่จริง โดยมีผู้คุมเรือนจำนั่งเฝ้าอยู่หน้าห้อง ชั้น 5 จำนวน 2 นาย และปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าว ถึงอาการป่วยของเสี่ยเปี๋ยง นอกจากนี้ ระหว่างที่กำลังพูดคุยกับผู้คุมเรือนจำ พบว่ามีผู้หญิงรายหนึ่งมาเข้าเยี่ยมเสี่ยเปี๋ยง เมื่อเยี่ยมเสร็จ ได้รีบกลับออกไปขึ้นรถเบนซ์ สีดำ ที่จอดรออยู่ โดยไม่ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด
มีรายงานด้วยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ญาติเสี่ยเปี๋ยงได้วางเงินประกันที่ศาล เป็นจำนวน 229,865,902.07 บาท (มูลค่าเงินที่ต้องชดใช้ในคดียักยอกข้าวทั้ง 2 สำนวน) พร้อมยื่นคำร้องขอเจรจายอมความกับกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ทำเรื่องหารือไปที่อัยการสูงสุด แต่ยังไม่ได้รับคำตอบว่าจะเจรจายอมความหรือไม่ เพราะการเจรจาจะมีผลกระทบต่อคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นฎีกา
5. ตำรวจ ส่งสำนวนทายาท เลนโซ่กรุ๊ป ซิ่งเบนซ์ชนฟอร์ด ดับ 2 ศพให้อัยการแล้ว ตั้ง 8 ข้อหาหนัก ด้านญาติผู้เสียชีวิตเล็งฟ้องเพิ่มข้อหา เจตนาฆ่า!
เมื่อวันที่ 26 เม.ย. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางไปตรวจดูความเรียบร้อยและความครบถ้วนของสำนวนคดีที่นายเจนภพ วีรพร ทายาทเลนโซ่กรุ๊ป ผู้ต้องหาขับรถเบนซ์ด้วยความเร็วสูงชนท้ายรถยนต์ฟอร์ด จนเกิดไฟลุมท่วม เป็นเหตุให้ น.ส.ธัญฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย และนายกฤษณะ ถาวร สองนักศึกษาปริญญาโท ถูกไฟคลอกเสียชีวิต เหตุเกิดที่บริเวณทางต่างระดับบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนจะมีการนำสำนวนส่งให้พนักงานอัยการ เพื่อสั่งฟ้องผู้ต้องหา โดยมีญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย เดินทางมาติดตามคดีด้วย
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.จักทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้มาตรวจสอบสำนวนร่วมกับผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้ง 8 ข้อหาแก่นายเจนภพ ประกอบด้วย 1. ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย และผู้อื่นถึงแก่ความตาย 2. ขับรถในขณะหย่อนความสามารถ 3. ขับรถในขณะเมาสุรา หรือของเมาอย่างอื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 4. ขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัย หรือความเดือดร้อนของบุคคลอื่น 5.ขับรถด้วยความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด 6.เป็นผู้ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษหรือเสพวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท และเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 7.เป็นผู้ขับขี่ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งพนักงานสอบสวนที่สั่งให้มีการทดสอบผู้ขับขี่ว่าหย่อนความสามารถ ในการที่จะขับขี่จากการเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น และ 8.ทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามหน้าที่ที่กฎหมายให้ไว้ แต่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง โดยไม่มีข้อแก้ตัวและเหตุผลอันสมควร
ส่วนข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ที่ญาติของผู้เสียชีวิตขอให้พนักงานสอบสวนแจ้งเพิ่มด้วยนั้น พนักงานสอบสวนเห็นว่า ยังไม่มีข้อบ่งชี้ชัดว่า ผู้ต้องหามีเจตนาฆ่าผู้อื่น แต่หากญาติจะไปฟ้องเอง หรือจะยื่นหลักฐานต่ออัยการเพิ่มเติม ก็สามารถทำได้ พร้อมยืนยันว่า ข้อกล่าวหาที่แจ้งทั้งหมดนั้น อยู่บนพื้นฐานของข้อมูลพยานหลักฐานทุกด้าน มีประจักษ์พยานที่หนักแน่น
ต่อมา พล.ต.อ.พงศพัศ พร้อมคณะ ได้นำสำนวนไปส่งให้อัยการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อพิจารณาส่งฟ้องศาล ด้านนายยงยุทธ เกียรติศักดิ์โสภณ อธิบดีอัยการภาค 1 เผยว่า ทางอัยการสูงสุดได้มอบหมายให้ดูแลคดีนี้อย่างใกล้ชิด เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนสนใจ และว่า อัยการมีเวลาตรวจสอบสำนวน 40 วัน รับรองว่าจะส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ทันเวลา
ขณะที่นางนงครัตน์ รุ่งแสง น้องสาวนายกฤษณะที่เสียชีวิต กล่าวว่า เบื้องต้นพอใจใน 8 ข้อหาที่ตำรวจตั้ง ส่วนข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา ที่ไม่มีในสำนวนนั้น จะขอเวลา 2 สัปดาห์ในการหารือกับญาติและทนายความว่า จะยื่นฟ้องเองหรือไม่
MGR Online 30 เมษายน 2559